เงินกระดาษหลวง (Treasury Note)

            เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พ่อค้าชาวต่างประเทศ  ในการนำเงินตราต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาทกับพระคลัง  เพื่อใช้ซื้อสินค้าในประเทศไทย  ในจำนวนปีละไม่ต่ำกว่าแสนชั่งในห้วงระยะเวลานั้น  ทำให้รัฐบาลไทยต้องจัดหาเงินบาท ให้พอเพียงกับความต้องการดังกล่าว  โดยใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการพิมพ์เงินกระดาษออกใช้เป็นสื่อกลางในการชำระหนี้  เงินกระดาษนี้เรียกว่า  "ตั๋วเงินกระดาษ"  โดยมี กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เป็นผู้ดำเนินการ

 
            ตั๋วเงินกระดาษงวดแรกได้รับเมื่อปี พ.ศ. 2434  ได้เตรียมการนำตั๋วกระดาษออกใช้เป็นจำนวนไม่เกิน 240,000 ชั่ง  แยกเป็นชนิดราคา 1 บาท 40,000 ชั่ง  ชนิดราคา 5 บาท 20,000 ชั่ง  ชนิดราคา 20 บาท 40,000 ชั่ง  ชนิดราคา 40 บาท 20,000 ชั่ง  ชนิดราคา 80 บาท 40,000 ชั่ง  ชนิดราคา 100 บาท 30,000 ชั่ง  ชนิดราคา 400 บาท 25,000 ชั่ง และชนิดราคา 800 บาท 25,000 ชั่ง
            ได้มีการนำเงินกระดาษหลวงออกใช้เมื่อ 1 เมษายน 2436  เงินกระดาษหลวงนี้มีขนาดต่าง ๆ กัน  จากขนาดเล็กไปขนาดใหญ่ตามลำดับราคา  ทั้งสองด้านพิมพ์สอดสี ประกอบด้วยลายเฟื่อง  มีข้อความบอกราคาเป็นภาษาไทย อังกฤษ มลายู เขมร และลาว  ไว้ทั้งสองด้าน  ด้านหน้าพิมพ์ตราอาร์มแผ่นดินและมีข้อความพิมพ์ว่า
            "เงินพระคลังมหาสมบัติ  หอรัษฎากรพิพัฒน์  ตั๋วสำคัญนี้  เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติ  ได้ออกโดยพระบรมราชโองการ  เงินพระคลังมหาสมบัติกรุงสยาม  ราคา...........บาท  หอรัษฎากรพิพัฒน์  พระบรมมหาราชวังกรุงเทพ ฯ" และ "ตั๋วสำคัญฉบับนี้ เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติ  รับสัญญาจะให้เงินสดแก่ผู้ถือมาในเวลาที่มาขึ้น  ที่หอรัรษฎากรพิพัฒน์  กรุงเทพ ฯ  ในทันทีตามราคามีในตั๋วนี้"
            ด้านหลังของเงินกระดาษหลวง  ได้นำรูปช้างสามเศียรไอยราพต  หนุนพระเกี้ยวและตราอาร์มแผ่นดินขนาดต่าง ๆ  ลงพิมพ์ไว้เฉพาะเงินกระดาษหลวงชนิดราคา 40 บาทขึ้นไป
            ลักษณะอื่น ๆ ของเงินกระดาษหลวง ได้แก่การกำหนดราคาโดยใช้มาตราเงินไทยแบบเดิม  ที่เทียบค่าของเงินเป็น บาท  ตำลึง ชั่ง  เงินกระดาษหลวงที่เตรียมออกใช้ใน 1 เมษายน 2436  ในที่สุดก็มิได้นำออกใช้โดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน  คงเก็บไว้ในคลังของกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ  ล่วงมาถึงปี พ.ศ. 2442  มีการปรับปรุงหน่วยงานในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ  มีการจัดตั้ง "กรมธนบัตร"  ขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลการออกธนบัตรของรัฐบาลไทย  เห็นสมควรให้ออกธนบัตรชนิดใหม่ และยกเลิกเงินกระดาษหลวงเสีย