| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |
| พัฒนาทางประวัติศาสตร์ | มรดกทางธรรมชาติ | มรดกทางวัฒนธรรม | มรดกทางพระพุทธศาสนา |

มรดกทางวัฒนธรรม

โบราณสถาน

            วัดเขาศรีวิชัยหรือเขาพระนารายณ์  วัดเขาศรีวิชัยอยู่บริเวณที่ราบทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เชิงเขาศรีวิชัย ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำตาปี อยู่ในเขตตำบลศรีวิชัย อำเภอพุนพิน ภูเขาศรีวิชัยเป็นภูเขาขนาดย่อม กว้างประมาณ ๑๐๐ เมตร ยาวประมาณ ๕๐๐ เมตร สูงประมาณ ๒๐ เมตร จากระดับน้ำทะเล บนยอดเขามีพื้นที่กว้างประมาณ ๓๐ - ๔๐ เมตร ยางตลอดแนวสันเขา พบเทวรูปพระนารายณ์อยู่บนซากโบราณสถานบนยอดเขา ชาวบ้านเรียกว่า ฐานพระนารายณ์ เมื่อถึงเทศกาลสำคัญ เช่น ตรุษสงกรานต์ ชาวบ้านจะมีเทวรูปพระนารายณ์ลงมาจากเขา เพื่อนำมาสรงน้ำ ต่อมาชาวบ้านได้ขุดพบเทวรูปพระนารายณ์ศิลาได้อีกองค์หนึ่ง ที่บริเวณเชิงเขาอยู่ในสภาพชำรุด ไม่มีเศียร สูง ๔๐ เซนติเมตร เป็นเทวรูปเดียวกันกับเทวรูปองค์ก่อน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘ ได้พบพระพิมพ์ที่เรียกว่า พระเม็ดกระดุม และมีลูกปัดจำนวนมาก โบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญได้แก่
                -  เนินโบราณสถาน  บนยอดเขา พบเนินโบราณสถานเรียงรายกันจากทิศใต้ไปทางทิศเหนือจำนวน ๘ เนิน พบกำแพงหินลักษณะคล้ายกำแพงแก้ว ยาวประมาณ ๓๖ เมตร และช่องประตูขึ้นสู่ยอดเขาบริเวณสันเขาด้านใต้สุด บริเวณต่าง ๆ ทั้ง ๘ เนิน จะพบเศษอิฐ แผ่นหิน ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป สามารถกำหนดอายุเบื้องต้น จากประติมากรรมรูปพระวิษณุที่พบบนยอดเขาว่ามีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓

                -  เทวรูปพระวิษณุ  พบทั้งหมดสี่องค์ ทำด้วยศิลาสูง ๑๗๐ เซนติเมตร มีอายุประมาณครึ่งแรกของพุทธศตวรรษที่ ๑๓ พระพักตร์รูปไข่ พระเนตรเบิก พระโอษฐ์แย้มสรวลอย่างอ่อนโยน พระวรกายแสดงกล้ามเนื้อตามธรรมชาติ พระอังสะกว้าง บั้นพระองค์เล็ก ทรงสวมกีรีฎมกุฎ (หมวกทรงกระบอก) ทรงสูง ทรงพระภูษาโจงยาว ขมวดเป็นปมอยู่ที่ใต้พระนาภี คาดทับด้วยปั้นเหน่ง ผ้าผูกเป็นโบอยู่ด้านหน้า คาดผ้าโสณีเฉียงและผูกเป็นโบอยู่เหนือต้นพระเพลาด้านขวา พระหัตถ์ขวาล่างชำรุด พระหัตถ์ซ้ายล่างถือคฑา พระกรหลังทั้งสองข้างหักหายไป

                -  พระพิมพ์ดินดิบ  ที่เรียกว่า พระเม็ดกระดุม ลักษณะเป็นรูปทรงกลม ภายในเป็นภาพพระพุทธรูปนูนต่ำ นั่งขัดสมาธิราบบนดอกบัว บริเวณพระเศียรมีประภามณฑล (รัศมี) รอบองค์พระมีจารึก

                -  ลูกปัด  ส่วนใหญ่เป็นลูกปัดแก้วสีต่าง ๆ มีสีฟ้า สีน้ำเงิน สีเขียว สีส้ม สีแดงเข้ม สีน้ำตาลแดง สีดำและสีขาว มีทั้งรูปทรงแหวน ทรงกระบอกสั้นและยาว ลูกปัดหินพบในปริมาณน้อยกว่า ส่วนใหญ่เป็นหินอาเกด สีขาวสลับดำ หินควอร์ตสัขาว แกละหินคาร์เนเลียนสีส้ม ลูกปัดทองคำทรงผลฟักทอง พบมีจำนวนน้อยกว่าประเภทอื่น ๆ ลูกปัดที่พบคล้ายคลึงกับลูกปัดที่พบในแหล่งโบราณคดีควนลูกปัด อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ และแหล่งโบราณคดีสมัยทวาราวดี ในภาคกลางของประเทศไทยทั่วไป

            วัดถ้ำสิงขร  วัดถ้ำสิงขร  อยู่ที่บ้านถ้ำ ตำบลสิงขร อำเภอคีรีรัฐนิคม เป็นถ้ำในภูเขาหินปูนลูกโดด เรียกว่า เขาสิงขร อยู่ห่างจากแม่น้ำพุมดวงไปทางตะวันตก ประมาณ ๑๐๐ เมตร ปากถ้ำอยู่สูงจากพื้นเบื้องล่างประมาณ ๓ เมตร ส่วนที่เป็นโพรงถ้ำแบ่งออกเป็นสองตอนคือ คูหาปากถ้ำ คูหาโพรงถ้ำ เป็นคูหากว้างลึกมีซอกเล็กซอกน้อย อาศัยแสงสว่างจากรูส่องแสงที่เพดานถ้ำเป็นบางตอน มีโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญคือ

                -  ถ้ำสิงขร  คูหาปากถ้ำเป็นบริเวณที่พบศิลปกรรมแบ่งเป็นคูหาย่อย ๆ สามคูหา ดังนี้
                    คูหาที่ ๑  เป็นคูหาใหญ่ที่สุด เป็นที่ประดิษฐานพระประธานซึ่งอยู่กลางคูหา เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางป่าเลไลยก์ มีช้างและลิงหมอบอยู่เบื้องหน้าทั้งสองข้าง เบื้องหน้าพระประธานมีเจดีย์อยู่ ๒ องค์ เบื้องซ้ายพระประธานเยื้องไปทางด้านหลัง ตามแนวของผนังมีพระพุทธรูปประทับนั่งเรียงกันแปดองค์ ช่วงต่อระหว่างคูหาที่ ๑ และคูหาที่ ๒ ก่ออิฐถือปูนทำเป็นแท่นฐานประดิษฐาน พระพุทธรูปประทับนั่งสององค์ ผนังด้านทิศเหนือก่ออิฐถือปูนเป็นแนวสันกำแพง เจาะช่องเป็นซุ้มสำหรับวางพระหรือประทีป ตอนล่างทำเป็นรูปตัวช้างโผล่มาครึ่งตัวเรียงกันเก้าตัว หันหน้าไปทางพระประธาน

                    คูหาที่ ๒  มีฐานแท่นก่ออิฐถือปูนติดกับผนัง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยลงรักดำ ประดิษฐานอยู่บนฐานสี่ชั้น ฐานตกแต่งเป็นลายบัวและกระจัง ตอนล่างของฐานเป็นภาพปูนปั้น ภาพพุทธประวัติมีภาพตอนผจญมาร มีแม่พระธรณบีบมวยผม ภาพพุทธบริษัทพระราหุลทูลขอราชสมบัติ ตอนบนข้าง ๆ องค์พระเป็นภาพเทพชุมนุม มีพรหม คนธรรพ์ เทพ กุมภัณฑ์ ท้าวเวสสุวัณ (ยักษ์) ท้าววิรุปักข์ (นาค) และภาพสัตว์ในเทพนิยาย เช่น มกร เป็นต้น
                    คูหาที่ ๓  เป็นซอกเล็ก ๆ อยู่สุดขอบถ้ำ เคยพบเทวรูปพระวิษณุสี่กร อยู่ในสภาพชำรุด มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๓
            คูหาในโพรงถ้ำ  พบเครื่องมือเครื่องใช้ของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ได้แก่ หม้อสามขา เศษภาชนะดินเผามีลายเชือกทาบ เครื่องมือขวานหินขัด แสดงว่าถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ยุคหินใหม่ มีอายุอยู่ประมาณ ๔,๐๐๐ - ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว

            จากศิลปกรรมในถ้ำสิงขรแสดงให้เห็นการใช้ถ้ำเป็นพุทธสถานมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ลักษณะศิลปกรรมแบบอยุธยา ได้แก่ลายปูนปั้นรูปภาพก้านขดพันธุ์พฤกษา แล้วช้างปูนปั้นและลายปูนปั้นเทวดาบนเพดานบางตอน งานศิลปกรรมส่วนใหญ่ ได้รับการบูรณะซ่อมแซมในประมาณ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการนำชามลายครามและเบญจรงค์ มาประดับติดเป็นดาวเพดาน ภาพอาคารปราสาทแสดง ลักษณะสถาปัตยกรรมที่มีอิทธิพลของจีน ตามแบบนิยมในจิตรกรรมสมัยนั้น ส่วนอักขระข้อความบรรยายเรื่องนรก บนฝาผนังมีเนื้อหาคล้ายคลึงกับบางตอนในพระมาลัย กลอนสวดที่เขียนขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
                -  เจดีย์  เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนเลียนแบบพระบรมธาตุไชยา ประดับตกแต่งด้วยเครื่องถ้วยชามทั้งองค์เจดีย์ สันนิษฐานว่า สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย เรือนธาตุเจดีย์มีซุ้มทิศ (ซุ้มจรนัม) ประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานอภัย ภายในองค์เจดีย์ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |