| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
พ.ศ.๒๔๕๓
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ใช้พุทธศักราช
เป็นศักราชในราชการ
๔
พฤศจิกายน ๒๔๕๓
กองทัพเรือได้ทูลเกล้า ถวายเครื่องแบบจอมพลเรือ แด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
ฯ ณ. พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
๒๕
พฤศจิกายน ๒๔๕๓
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ได้ทรงสถาปนาพระอิสริยยศสมเด็จพระราชชนนี คือสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี
พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ขึ้นเป็นสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระพันปีหลวง
๒๘
พฤศจิกายน ๒๔๕๓
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๒
ธันวาคม ๒๔๕๓
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ พระราชทานกำเนิด โรงเรียนมหาดเล็กหลวง ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้า ฯ ให้รวมโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
และ โรงเรียนราชวิทยาลัย ซึ่งสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ
เข้าเป็นโรงเรียนเดียวกัน และพระราชทานว่า วชิราวุธวิทยาลัย
๑๑
ธันวาคม ๒๔๕๓
เปลี่ยนชื่อ กรมยุทธนาธิการ เป็นกระทรวงกลาโหม ให้เสนาบดีกระทรวงกลาโหมเป็นผู้บังคับบัญชาทหารบกทั่วไป
และยกฐานะกรมทหารเรือขึ้นเป็นกระทรวงทหารเรือ
๒๖
ธันวาคม ๒๔๕๓
รถยนต์แก้วจักพรรดิ์ เป็นรถพระที่นั่งคันแรก และต่อมามีผู้นำมาวิ่งในถนนมากขึ้น
เห็นว่าจะเกิดอันตราย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดให้ตรา พระราชบัญญัติรถยนต์ขึ้นครั้งแรก
๑๙
มกราคม ๒๔๕๓
จอมพลเรือ สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ
ได้ทรงนำโครงการสร้างกำลังทางเรือฉบับสมบูรณ์ขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
ฯ
๒๓
กุมภาพันธ์ ๒๔๕๓
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาติ
ให้ใช้พระราชวังเดิม เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ จากนั้นเป็นต้นมา พระราชวังเดิมก็เป็นสถานที่ทำการของ
กองทัพเรือจนถึงปัจจุบัน (พระราชวังเดิมเป็นพระราชวังหลวง ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีปากคลองบางหลวงหรือคลองบางกอกใหญ่ และวัดอรุณราชวราราม
ขนาบอยู่สองข้าง ตรงกลางมีป้อมวิชัยประสิทธิ์ตั้งอยู่)
๑๑
มีนาคม ๒๔๕๓
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนฐานะกรมทหารเรือเป็น กระทรวงทหารเรือ
พ.ศ.๒๔๕๔
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ขึ้นในที่ดินส่วนพระองค์
๑
เมษายน ๒๔๕๔
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งกระทรวงคมนาคม ขึ้น
๓
เมษายน ๒๔๕๔
วันสถาปนา โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
๑
พฤษภาคม ๒๔๕๔
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งกองเสือป่าขึ้น เพื่ออบรมให้ข้าราชการพลเรือนและประชาชนทั่วไป
ให้มีความรู้ปฏิบัติหน้าที่แบบทหาร ประกอบด้วยกองเสือป่าหลวงและกองเสือป่ารักษาดินแดน
๒๐
พฤษภาคม ๒๔๕๔
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการ เริ่มการเสือป่าขึ้น
๑
กรกฎาคม ๒๔๕๔
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งกองลูกเสือขึ้น
หลังจากตั้งกองเสือป่าเพียง ๒ เดือน และเป็นประเทศที่ ๓ ที่ตั้งกองลูกเสือขึ้นในโลก
มีความมุ่งหมายโดยสรุป ๓ ประการ คือ ความภักดีต่อพระมหากษัตริย์ การนับถือพระศาสนา
และความสามัคคีไม่ทำลายกันและกัน
๑๑
สิงหาคม ๒๔๕๔
ประกาศหลักสูตรในโรงเรียนข้าราชการพลเรือน มีวิชาเรียน ๑๐ อย่าง ซึ่งมีวิชาทหารอยู่ด้วย
๒
กันยายน ๒๔๕๔
มีพิธีเข้าประจำกองลูกเสือเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (วชิราวุธวิทยาลัย)
กิจการลูกเสือเกิดขึ้นเมื่อ ๑ กรกฎาคม ๒๔๕๔ และได้พระราชทานธงประจำกองลูกเสือ
เมื่อ ๑๖ กันยายน ๒๔๕๔ กิจการลูกเสือ เกิดขึ้นหลังกิจการ “เสือป่า”
๑
ตุลาคม ๒๔๕๔
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ได้พระราชทานกำเนิดกองลูกเสือ เพื่อเป็นการเตรียมตัวไว้
เพื่อเป็นสมาชิกกองเสือป่า เมื่อเจริญวัยขึ้น
๑
มกราคม ๒๔๕๔
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ พระราชทานธงประจำกอง (ธงชัยเฉลิมพล) แก่กรมทหารรักษาวัง
พื้นธงสีแดงมีรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนบนแท่น มุมธงมีอักษรย่อ "วปร."
๒๘
กุมภาพันธ์ ๒๔๕๔
กระทรวงกลาโหมได้ส่งนายทหารสามนาย ออกเดินทางไปศึกษาวิชาการบิน ณ ประเทศฝรั่งเศส
นับเป็นชุดแรกที่ส่งออกไปศึกษา และได้าเร็จการศึกษากลับมาถึงประเทศไทย เมื่อ
๒ พฤศจิกายน ๒๔๕๖
๔
ธันวาคม ๒๔๕๔
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ เสด็จเลียบพระนครทางชลมารค ตามราชประเพณีเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๑๑
ธันวาคม ๒๔๕๔
ยุบกรมยุทธนาธิการ ให้เสนาบดีกระทรวงกลาโหม เป็นผู้บังคับบัญชาทหารบกทั่วไป
และยกฐานะกรมทหารเรือขึ้นเป็น กระทรวงการทหารเรือ
๑
เมษายน ๒๔๕๕
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งกระทรวงคมนาคมขึ้น
และในปี ๒๕๓๕ นับเป็นวาระครบรอบ ๘๐ ปี ของกระทรวงคมนาคม
๑๘
มิถุนายน ๒๔๕๕
ขึ้นระวางเรือเสือคำรณสินธุ์ เรือรบของไทยที่ต่อจากประเทศญี่ปุ่น เป็นเรือลำแรกที่ทหารไทยนำเรือเดินทางจากญี่ปุ่น
๒๒
มิถุนายน ๒๔๕๕
แต่งตั้ง เลื่อนยศทหาร ให้เป็นนายทหารพิเศษของกองทัพบก
๑
ธันวาคม ๒๔๕๕
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ เสด็จพระราชดำเนินจังหวัดปราจีนบุรี เทศาภิบาลเมืองปราจีนบุรี
ถวายรูปครุฑสัมฤทธิ์หุ้มทอง อันเป็นของโบราณที่ขุดได้ที่ตำบลโคกพระ ในดงพระศรีมหาโพธิ
รูปครุฑนี้ต่อมาได้ใช้เป็นยอดธงประจำกองทัพบก คือ ธงมหาไพชยนต์ธวัช
๒๑
กุมภาพันธ์ ๒๔๕๕
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้เลิกใช้
ร.ศ. (รัตนโกสินทร์ศก) ซึ่งเริ่มใช้ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ฯ และให้ใช้ พ.ศ.
(พุทธศักราช) แทน
๒๙
กุมภาพันธ์ ๒๔๕๕
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งโรงไฟฟ้าขึ้นที่สามเสน
๒๗
มีนาคม ๒๔๕๕
วันสถาปนากรมศิลปากร ซึ่งตั้งขึ้นในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
ฯ
พ.ศ.๒๔๕๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติคลังออมสินเพื่อให้ประชาชนรู้จักออมทรัพย์
พ.ศ.๒๔๕๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุล
นับเป็นการเริ่มต้นที่คนไทยมีนามสกุลใช้
พ.ศ.๒๔๕๖
มีแผนการบินอยู่ในบังคับบัญชาของจเรทหารช่าง
พ.ศ.๒๔๕๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ทรงจัดตั้งหน่วยบินขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งต่อมาได้ยกฐานะเป็นกองบินทหารบก
แล้วพัฒนาเป็นกรมอากาศยาน และเป็นกองทัพอากาศในเวลาต่อมา
๑
เมษายน ๒๔๕๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้าให้ตรา ฯ พระราชบัญญัติออมสิน พ.ศ.
๒๔๔๖ และพระราชทานเงิน ๑ แสนบาท เป็นทุนเริ่มแรก ต่อมาปี ๒๔๘๙ ได้มีพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน
พ.ศ. ๒๔๘๙ ขึ้น ให้ธนาคารออมสินเป็นนิติบุคคล
๒๖
เมษายน ๒๔๕๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสถานปาสตุรสถา ( Pasteur
Institute ) ขึ้นอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ต่อมาในสิงหาคม ๒๔๖๐ ได้โอนมาขึ้นกับสภากาชาดไทย
และเปลี่ยนชื่อเป็นสถานปาสเตอร์
ตามชื่อของนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส (หลุยส์ ปาสเตอร์) ผู้พบวิธีรักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้สำเร็จ
๑๔
มิถุนายน ๒๔๕๖
ตั้งบริษัทปูนซิเมนต์ไทย ทุน ๑ ล้านบาท
๒
กันยายน ๒๔๕๖
ตรากฎสำหรับทหารกองหนุน
๑๓
กันยายน ๒๔๕๖
ยกกรมตำรวจภูธร ขึ้นเป็น กรมชั้นอธิบดี ให้ตำรวจภูบาลมาขึ้นกับตำรวจภูธร
๒๐
ธันวาคม ๒๔๕๖
การไฟฟ้านครหลวงสามเสน เริ่มเปิดใช้งานเป็นปฐมฤกษ์
๗
มกราคม ๒๔๕๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ทรงสถาปนาโรงเรียนเพาะช่างขึ้น
โรงเรียนแห่งนี้ได้พัฒนามาจากกองช่างแกะไม้ ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อตอนปลายรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้พัฒนามาเป็นโรงเรียนหัตถกรรมราชบูรณะ และพัฒนามาเป็น
โรงเรียนเพาะช่าง ตามลำดับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
ฯ แต่งตั้งให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า ฯ กรมเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการโรงเรียนเพาะช่าง
สนองพระกรุณาธิคุณ จนกระทั่งสิ้นพระชนม์
๑๓
มกราคม ๒๔๕๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ เสด็จพระราชดำเนินเปิดสถานีวิทยุโทรเลข ของทางราชการเป็นแห่งแรกในประเทศไทย
(ขณะนี้เป็นอาคารที่ขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งชาติแล้ว ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงเรียนเตรียมทหาร
กรมยุทธศึกษาทหาร)
๒๘
มกราคม ๒๔๕๖
เริ่มใช้การเปล่งเสียงร้อง ชัยโย (ไชโย) เป็นการแสดงความยินดี
๒๒
มีนาคม ๒๔๕๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้นใช้เป็นครั้งแรกของไทย
๒๘
มีนาคม ๒๔๕๖
เริ่มวันหยุดราชการเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็นครั้งแรก ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
ฯ
๓๐
พฤษภาคม ๒๔๕๗
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ เสด็จเปิดโรงพยาบาลจุฬา ฯ
๘
มิถุนายน ๒๔๕๗
เปลี่ยนชื่อเมืองนครเขื่อนขันธ์เป็น พระประแดง
๑๙
มิถุนายน ๒๔๕๗
จดทะเบียนบริษัทภาพยนตร์แห่งแรกของเมืองไทย คือ บริษัทภาพยนตร์พัฒนากร
๒๓
กรกฎาคม ๒๔๕๗
ตั้งวรรณคดีสโมสร
เพื่อเป็นการอุดหนุนวิชาแต่งหนังสือภาษาไทยให้ดีขึ้น
๒๗
สิงหาคม ๒๔๕๗
ตราพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. ๒๔๕๗ ยกเลิก พระราชบัญญัติ กฎอัยการศึก
ฉบับ พ.ศ.๒๔๕๐
๑๕
พฤศจิกายน ๒๔๕๗
การประปาเริ่มบริการน้ำใช้ในกรุงเทพ ฯ เป็นวันแรก
๒๗
มีนาคม ๒๔๕๗
กระทรวงกลาโหม ยกฐานะแผนกการบิน เป็นกองบินทหารบก กองทัพอากาศ จึงได้ถือเอาวันที่
๒๗ มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสถาปนากองทัพอากาศ
๒๔
พฤษภาคม ๒๔๕๘
กองบิน กองทัพบก สร้างเครื่องบินได้เอง เป็นครั้งแรก
๓
มิถุนายน ๒๔๕๘
ตั้งยศนายพลเสือป่าเป็นครั้งแรก พระราชทานแก่ พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ
ไกรฤกษ์)
๖
มิถุนายน ๒๔๕๘
แก้ระเบียบสวดมนต์ไหว้พระสำหรับทหาร ให้มีบทปลุกใจ “ชาติของเราเป็นไทยอยู่ได้จนถึงตัวเราคนหนึ่งนี้
เพราะบรรพบุรุษของเราเอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิตและความลำบากยากเข็ญเข้าแลกไว้
เราต้องบำรุงชาติ เราต้องรักษาชาติ เราต้องสละชีพเพื่อชาติ ...” และมีการแก้เพลงชาติเสียใหม่
๖
กันยายน ๒๔๕๘
ตั้งมณฑลมหาราษฎร์ ตั้งศาลาว่าการมณฑลที่จังหวัดแพร่ โดยแยก จังหวัดลำปาง
แพร่ น่าน ออกจากมณฑลพายัพ ต่อมาได้ยุบมณฑลมหาราษฎร์ เมื่อ ๑ มกราคม ๒๔๕๙
๑๓
ตุลาคม ๒๔๕๘
วันสถาปนากรมตำรวจ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้รวมกรมพลตระเวนกับกรมตำรวจภูธรเข้าด้วยกัน
เรียกว่า กรมตำรวจภูธรและกรมตระเวน สังกัดกระทรวงนครบาล และได้เปลี่ยนชื่อเป็น
กรมตำรวจภูธรและกรมตำรวจนครบาล ในปีเดียวกันนี้ ต่อมาในปี ๒๔๖๕ ได้โปรดเกล้า
ฯ ให้กระทรวงนครบาลรวมกับกระทรวงมหาดไทย แล้วใช้ชื่อว่ากระทรวงมหาดไทย กรมตำรวจภูธรและกรมตำรวจนครบาล
จึงโอนมาอยู่กระทรวงมหาดไทย ในปี ๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้า
ฯ ให้เปลี่ยนชื่อกรมใหม่เป็น กรมตำรวจภูธร และในปี ๒๔๗๕ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้เปลี่ยนชื่อหน่วยนี้เป็น
กรมตำรวจ
๑๗
ธันวาคม ๒๔๕๘
กระทรวงทหารเรือ ออกข้อบังคับว่าด้วยระเบียบการใช้คำนามรวมทั่วไปของทหารเรือเรียกว่า
ราชนาวี
เขียนเป็นอักษรย่อ ว่า ร.น. ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Royal Navy เขียนเป็นอักษรย่อว่า
R.N.
พ.ศ.๒๔๕๙
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ยกฐานะโรงเรียนข้าราชการพลเรือน
ใน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ขึ้นเป็น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๑
เมษายน ๒๔๕๙
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ทรงจัดตั้งกองอาสาสมัครน้ำขึ้นเพื่อเป็นกำลังทางน้ำของไทย
ดำเนินการป้องกันประเทศ ร่วมกับกองกำลังทางบกของกองอาสาสมัครเสือป่า
๑
เมษายน ๒๔๕๙
เลิกอากรหวย ก.ข. อย่างเด็ดขาด ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ๑ เมษายน
๒๔๕๙ จัดตั้งราชนาวิกสภา ตามคำสั่งกระทรวงทหารเรือ ปัจจุบันเป็นหน่วยขึ้นตรง
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
๒
กันยายน ๒๔๕๙
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ เสด็จ ฯ เยี่ยมหัวเมืองทางเหนือ ทรงได้แนวคิดในการเปลี่ยนธงชาติไทยเสียใหม่
จากธงช้างเป็นธงไตรรงค์
๒๐
กันยายน ๒๔๕๙
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ยกฐานะกองแพทย์พยาบาลทหารเรือ
ขึ้นเป็นกรมแพทย์พยาบาลทหารเรือ ต่อมาปี ๒๔๙๓ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นกรมแพทย์ทหารเรือ
๒๖
กุมภาพันธ์ ๒๔๕๙
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งและจดทะเบียนสหกรณ์แห่งแรกในประเทศไทย
คือสหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จำกัดสินใช้ ที่ตำบลวัดจันทร์ พิษณุโลก
๒๖
มีนาคม ๒๔๕๙
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ขึ้นเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ.๒๔๖๐
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศนับเวลาในราชการ โดยให้เปลี่ยนวิธีนับเวลาแบบโมงยาม
มานับแบบสังคมนิยม คือแบ่งวันหนึ่งเป็น ๒๔ ภาค แต่ละภาคเรียกว่า นาฬิกา
และให้ถือเที่ยงคืนเป็นเวลาเปลี่ยนวันใหม่
พ.ศ.๒๔๖๐
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาคำนำหน้านาม
กำหนดให้ใช้นำหน้านามสตรี ให้เป็นระเบียบอย่างอารยะประเทศ
๒๒
กรกฎาคม ๒๔๖๐
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติธง พ.ศ. ๒๔๖๐
และสร้างธงชาติขึ้นใหม่เปลี่ยนธงชาติจากพื้นแดงมีช้างเผือกอยู่ตรงกลาง มาเป็นธงสามสี
พระราชทานนามว่า ธงไตรรงค์
ได้แก่สีแดง ขาว และน้ำเงิน มีความหมายแทนสถาบันสูงสุดสามสถาบันของไทยคือ
ชาติไทย
พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่ใช้มาถึงปัจจุบัน
๒๒
กรกฎาคม ๒๔๖๐
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ไทยได้ประกาศสงครามกับเยอรมัน และออสเตรเลีย
- ฮังการี ในสงครามโลกครั้งที่ ๑
และประกาศรับทหารอาสาไปช่วยพันธมิตรรบในยุโรป หลังจากนั้นได้ส่งส่วนล่วงหน้าของทหารไทยไปร่วมรบ
เมื่อ ๑๑ มกราคม ๒๔๖๐
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |