สุภาษิตสอนศิษย์
 

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

loading picture
สุภาษิตนี้ตามประวัติกล่าวว่า เป็นของสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตาราม  เนื้อความของสุภาษิต แสดงถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านในสมัยนั้น คือ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ประมาณกว่า ๑๐๐ ปีมาแล้ว มีพฤติกรรมของพวกมิจฉาชีพ ในรูปแบบต่างๆ ที่ท่านได้ยกมาเป็นตัวอย่าง ให้ลูกศิษย์และคนทั่วไปได้รู้เท่าทัน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มบุคคลดังกล่าว  มีอยู่หลายกรณี  ที่ยังนำมาใช้ได้ในยุคปัจจุบันและแม้ในอนาคต

จะกล่าวกลอนสอนสูทุกหมู่ศิษย์

จงฟังคำจำไว้ให้เป็นนิจ 
อุตส่าห์คิดข้อความไปตามกลอน 
อันสัญชาตินักเลงมิใช่ชั่ว แต่ล้วนตัวปลิ้นปลอกทั้งหลอกหลอน
ทนสบถปดไปไม่แน่นอน ทำยอกย้อนแยบคายเป็นหลายกล
ทำปราณีที่รักนี่หนักหนา  กล่าววาจาป้อยอต่อนุสนธ์
เรียกพ่อพ่อลวงล่อให้หลงลน แต่พอจนมันก็ช้ำจนสิ้นตัว...

...ชาตินักเลงแล้วก็เหลืออย่าเชื่อเลย เป็นคนเคยพูดจามารยายอ
ลางคนซื่อถือว่าเป็นพวกเพื่อน มันกลับเชือนเอาไปบาทเสียอ้อต้อ
ทำหน้าจนต้องจำระยำพอ เพราะเชื่อพ่อหรือมิใช่อ้ายเจ๊กอื้อ
บ้างวางโขลงโยงคลอพอเข้าบ่อน เอาปี้ผ่อนส่งไว้ให้ช่วยถือ
แล้วแทงก่อนผ่อนส่งจนเต็มมือ ทำหารือว่าจะแทงก็ตามใจ
เอาปี้เราที่เจ้าถือนั้นแทงเถิด ถ้าถั่วเกิดแล้วก็ตามอัชฌาสัย
ถึงเสียเล่าก็ไม่เอาให้เจ้าใช้ อย่าตกใจเลยนะเจ้าจงแทงลง
ที่เสียเล่าก็ไม่เอาเหมือนปากว่า ที่ได้มาเล่าก็ให้ให้ใจหลง
เห็นพอควรแล้วก็ชวนให้นั่งลง แล้วยุส่งให้เข้าทำจนเกินการ
อีกอย่างหนึ่งพึงรู้เป็นครูไว้
มันเที่ยวไปทั้งบ่อนตำบลบ้าน
เห็นผู้ดีมีทรัพย์ทำกราบกราน เอาคาวหวานเข้าไปล่อแต่พองง
ขอตั้งบ่อนลงได้ดังในนึก แล้วตรองตรึกที่จะให้เจ้าบ้านหลง
ทำพูดจาพาทีให้งวยงง เชิญให้ลงไปบ่อนแล้วผ่อนปรน
ทำอุบายแยบคายเป็นหลายท่า เหมือนที่ว่ามาแล้วแต่ข้างต้น
ให้เจ้าบ้านเสียทรัพย์จนอับจน กลับเป็นคนปลิ้นปลอกทำซอกซอน...

ลางทีก็ลงทุนให้กินเหล้า
แต่พอเมาจับตาพาเข้าบ่อน
...ช่วยกันสวดบวชเสียด้วยลมลิ้น จนหมดสิ้นข้าวของต้องจำนำ
ลางทีเล่าเล่นตรุษสงกรานต์ส่ง แล้วตั้งวงเล่นเลยไปยังค่ำ
เพลินเล่นเบี้ยเสียทรัพย์ยับระยำ เพราะไม่จำคำครูผู้สอนมา
หนึ่งแปะโปแปดเก้านั้นเล่าหนอ ช่างขี้ฉ้อล่อลวงที่หนักหนา...

....ยังพวกฝิ่นกินยาทำหน้าซื่อ ไม่อึงอื้อเหมือนกับคนไม่รู้เที่ยว
ทำเดินเลาะเดาะไปแต่ผู้เดียว เห็นที่เปลี่ยวแล้วก็นั่งชำเลืองแล
ถ้าเห็นเด็กเดินมาทำปราศัย เห็นผู้ใหญ่แล้วนั่งไม่แยแส
ทำพูดจางุบงิบขยิบแล มานี่แน่ข้าจะบอกที่ของดี
เอายาฝิ่นส่งให้เห็นพอหอมหอม แล้วกล่าวกล่อมว่าจะลองก็มานี่
ไม่รู้รสดอกหรือน้องเป็นของดี ลองสักทีเถิดนะพ่อมิเป็นไร
มันตั้งเพียรเวียนลอบมาหาบ่อย เอาของเล่นเล็กน้อยมาอ่อยให้
ล่อให้เชื่องแล้วก็ชักให้ติดใจ เที่ยวคบไว้พอได้กินเมื่อสิ้นอด
เจ้าเด็กรักลักส่งไม่วายวัน ทั้งผ้าผ่อนจอกขันมันไม่ลด
ทั้งพ่อแม่พี่น้องเงินทองหมด ด้วยมันอดเข้าไม่ได้อายใจตน
มันรักเพื่อนยิ่งกว่าพ่ออ้ายคอยา ถึงครูบาก็ไม่เว้นทำเข็ญค่น...

...ยังพวกเหล่ากัญชาทำหน้าเซอะ  ขี้ฟันเลอะอกแห้งมักอยากหวาน
ทำตาปรือลือกันประสาพาล ไม่ทำการเที่ยวหากินกัญชาเชือน
เอาไฟดุ้นเข้าจ่อชักคอก่ง พอตกเพลาะแล้วก็ส่งให้พวกเพื่อน
ทำหน้าเงยเหมือนจะเสยเอาดวงเดือน ใครทำเหมือนแล้วก็ชมกันว่าดี
บ้างอัดอั้นควันไว้มิใคร่ปล่อย เรียกทองย้อยตั้งน้ำไปตามที่
เรียกมังกรล่อแก้วนั้นก็มี ทำท่วงทีส่ายหน้าท่ามังกร
ควันกัญชาเข้าคอหัวร่อแห้ง ทั้งเรี่ยวแรงเล่าก็หมดมือตีนอ่อน
ทำตาเล็กซึมเซาเหมือนหาวนอน แลเห็นขอนก็ว่าคนหนีซนไป
แลเห็นเชือกก็ว่างูไม่รู้จัก ใครร้องทักก็ให้กลัวไม่อยู่ได้
เห็นมือชี้เล่าก็หนีออกไปไกล ให้ตกใจเหมือนตั้งจ่อเข้าตรงตา... 

ยังพวกโจรใจดื้ออวดมือดี
เที่ยวรอบลี้ฉกชิงวิ่งเอาผ้า
เห็นที่เปลี่ยวเที่ยวคอยคนเดินมา เห็นชอบท่าแล้วก็ชิงวิ่งหนีไป
ลางทีเห็นเด็กน้อยใส่ปิ่นปัก ทำเดินเคียงเข้าไปชักเอาจนได้
ลางทีทำพูดผลอล่อเอาไป คัดกำไลตีนมือแล้วปล่อยมา...

ยังพวกหนึ่งขี้ฉ้อทำล่อหลอก
มันปลิ้นปลอกลวงเอาเป็นหลายท่า
เห็นพระสงฆ์บิณฑบาตท่านเดินมา ทำมารยาเข้านิมนต์เหมือนคนดี
ว่าคุณยายจะถวายซึ่งข้าวสงฆ์ นิมนต์คุณเดินตรงขึ้นเรือนนี้
รับบาตรได้ไพล่ลัดไปทันที พระสงฆ์รี่ขึ้นเรือนแล้วนั่งลง
เจ้าเรือนรู้ให้รับไปตามหา ว่าใครมาแต่ไหนมาลวงสงฆ์
อ้ายขี้ฉ้อล่อลวงเอาตรงตรง มันจะลงนรกตกเวจี

คนหนึ่งเอาหมากใส่จอกมา 
กล่าวมายาว่าดิฉันตกเว็จขี้
จะขอรดน้ำมนต์พ้นอัปรีย์ ยังสองทีก็สิ้นจังไรไป
ได้ห้าวัดแล้วเจ้าคุณเอาบุญเกิด เหมือนดังโปรดให้เกิดเอาชาติใหม่
จะขอยืมเอาบาตรเจ้าคุณไป ได้ตักน้ำมาให้ทำน้ำมนต์
พระพาชื่อส่งบาตรให้ทันที บัดเดียวใจมันก็หนีไม่เห็นหน
อ้ายเจ้าเล่ห์ล่อลวงเป็นหลายกล แต่ล้วนคนคอฝิ่นกินสุรา...

อ้ายคนหนึ่งนั่งหน้าศาลาน้ำ
เห็นเขาทำทอดกล้วยอยู่ฉ่าฉ่า
คิดได้การแล้วก็กล่าวเป็นมารยา ว่าได้ยินเขาว่าน่าสงสัย
กระทะทอดกล้วยตั้งดั่งท่านทำ อ้ายเจ้ากรรมมันลักเอาไปได้
นางแม่ค้าร้องว่าทำอย่างไร มันบอกไปว่าจะทำให้ท่านดู
ส่งพายมาให้เถิดข้าจะทำ นางเจ้ากรรมสงสัยจะใคร่รู้
หยิบพายส่งจงใจจะใคร่ดู มันคอนหูพาหายไปทันที...

อ้ายเด็กหนึ่งเที่ยวเดินตามตะพาน 
ทำอาการร้องไห้อยู่อู้อี้
พระไปสรงน้ำคิดจิตปราณี ว่าอ้ายนี่อยู่ที่ไหนร้องไห้มา
มันบอกว่าพ่อข้ามาบางกอก เขาชวนบอกว่าจะพามาหา
ฉันไม่รู้เล่ห์กลคนมารยา ลงเรือมากับเขาไม่เข้าใจ
พระชีต้นมีจิตคิดสงสาร มานี่หลานกูจะคิดช่วยแก้ไข...

อ้ายลูกเจ้ามารยาทำหน้าเศร้า
กินข้าวเหมือนจะกลืนลงไม่ได้
ชีต้นปลอบว่าเองอย่าเสียใจ กินเข้าไปให้อิ่มเถิดหลานชาย
ครั้นรุ่งเช้าก็เข้าไปบิณฑบาต อ้ายมารยามันก็กวาดเอาง่ายง่าย
ครั้นกลับมาเรียกหาเห็นผ้าหาย ทีนี้ร้ายแล้วสิเราอ้ายเจ้ากล...

อ้ายคนหนึ่งตัวดีเห็นสีกา
ถือพานหมากขึ้นมาเข้าตามก้น
ทำอย่างสุกกระสารเข้าปลอมพล เข้าปะปนอยู่กับเขาที่เข้ามา
สีกาส่งเภสัชให้ประเคน แล้วพาเณรกลับคืนมาตีนท่า
มันทำดีทีตามเขาลงมา พอลับตาแล้วก็กลับเข้าไปใหม่
ว่าท่านใช้ให้เอาพานลงไปด้วย เจ้าคุณช่วยโปรดถ่ายส่งมาให้
พอได้พานแล้วก็ลงบันไดไป อ้างจังไรเช่นนี้ก็ดีพอ...

อีกคนหนึ่งเป็นหญิงยิ่งขยัน
ช่างพูดจาแปรผันเชิงขี้ฉ้อ
ทั้งน้ำคำเล่าก็เพราะเสนาะพอ นำไปรออยู่ที่ร้านบ้านผู้ดี
ว่าดิฉันเอาของมากราบเท้าท่าน แต่โต๊ะพานไม่มีมาน่าบัดสี
จะได้โต๊ะที่ไหนมาใส่ดี เอ็นดูทีเถิดนะแม่ช่วยแก้ไว
นางหนึ่งนั่งอยู่ที่ร้านคิดว่าจริง ให้คนวิ่งไปเอาโต๊ะมาส่งให้...
...อีมารยามันก็เห็นจะเหลือมือ
จึงยืมเอากระจาดเจ้าของร้าน ใส่โต๊ะพานพาไปเหมือนใจซื่อ
อีลาวว่าส่งมาข้าขะช่วยถือ จะช่วยหรือเอาพานนี่แน่ไป
ครั้นมาถึงท่าน้ำตะพานมอญ ว่าหยุดก่อนคอยเรือประเดี๋ยวได้
อีลาววางพานลงส่งเบี้ยไพ ว่าเจ้าไปซื้อหมากเขามากิน
อีลาวซื่อซื้อหมากมิทันมา อีมารยามันก็ยกเอาไปสิ้น
อีเจ้ากรรมทำกลเที่ยวหากิน มันสุดสิ้นข้อคดขี้ปดคน

คนหนึ่งต่อเรือฟืนถามราคา
แล้วว่าข้าจะพาขึ้นไปขน
เอ็นดูด้วยช่วยแจวไปบ้านบน ให้มันขนแล้วจึ่งคิดราคากัน
ครั้นถึงที่จอดท่าเดินขึ้นไป ถามว่าท่านไปไหนเจ้าคุณฉัน
เอาฟืนมากราบเท้าสักสองพัน พ่อคนนั้นช่วยไปเรียนกับท่านที...

...เจ้าคนลวงได้ทีก็ขึ้นไป คำนับไหว้แล้วหมอบลงตรงหน้า
ว่าดิฉันเป็นบ่าวของคุณมา ก็ตั้งหน้าทำมาหากินไป...
...เอาฟืนมาให้สักสองพัน
ยังข้าวของอยู่ที่เรือตรงนี้ข้าม จะเอามาก็ไม่งามในใจฉัน
ให้ขนฟืนไปพลางจะช้าวัน ตัวดิฉันจะไปเอาข้าวของมา
ขอยืมโต๊ะโตกพานสักห้าใบ จะเอาไปใส่ของพองามหน้า
ท่านผู้หญิงก็ให้คนขนลงมา มันก็ลาจากเรือนลงมาเรือ
ร้องว่าให้เขาขนขึ้นไปก่อน ฟืนร่อนนี้กระไรดุ้นใหญ่เหลือ
ข้าข้ามไปเอาของที่ในเรือ เห็นจะเหลือโต๊ะพานที่เอามา
ลงเรือน้อยข้ามตรงไปสูญหาย ตะวันบ่ายแล้วก็วุ่นกันหนักหนา
ทั้งเจ้าฟืนก็จะเอาซึ่งราคา...
...มันน่าอายนี่กระไรทุกเส้นขน
ทั้งเสียโต๊ะเสียหน้ามารยาคน อ้ายเจ้ากลเจ้ากรรมมันทำดี
อ้ายคนหนึ่งทำทีมีศรัทธา
นั่งต้นท่าร้องถามไปตามที่
ว่าอิฐใหญ่ได้ขนาดชนิดนี้ เผาสุกดีอยู่หรือจะซื้อเอา
ถนนข้าสร้างไว้ฝากข้างโน้น วัดประโดนหลังแพนั้นแน่เจ้า
ทำบุญด้วยกันเกิดพี่น้องเรา เจ้าจะเอาราคาข้าเท่าไร
มอญบอกราคาพอสมควร ทำกระบวนว่าพออัชฌาสัย
ทำบุญด้วยกันบ้างเกิดเป็นไร แต่พอให้พระสงฆ์เดินสบาย
ต่อราคากันแล้วก็ลงเรือ เจ้ามอญเชื่อถอยเรือรับไปง่ายง่าย
ครั้นถึงใกล้ท่าวัดที่แพราย กล่าวอุบายบอกมอญเข้าจอดเรือ
ขึ้นซื้อผ้าว่าท่านจะทำบุญ เจ้าประคุณนี่กระไรศรัทธาเหลือ
แต่ว่าท่านจะใคร่ดูให้รู้เนื้อ ขอยืมเรือไปหน่อยประเดี๋ยวใจ...

...เจ้าคนร้ายลงเรือเลี้ยวหลังแพ เห็นรับแลแล้วก็พายขยุ้มใหญ่
ข้างชาวแพคอยคอยเห็นช้าไป  ก็ตกใจได้คิดขึ้นทันที
ถามเรืออิฐว่าคนนั้นเขาไปไหน เขาขึ้นไปข้างบนเมื่อกี้นี่...

...ข้านึกว่าเจ้ามอญรู้จักกัน คิดไม่ทันจึงให้ไปเฉยเลย
จะทำกระไรเล่าเจ้ามอญเอย มันหนีเลยไปแล้วโอ้อกเรา...

   

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |