|
หน้าแรก
|
ย้อนกลับ
|
หน้าต่อไป
|
ศึกอัศกรรณ
ฝ่าย
ไวยกาสูร
กับ
นิลกายสูร
เสนายักษ์ของทศคิริวันกับทศคิริธรได้กลับไปทูล
ท้าวอัศกรรณ
ที่
กรุงจักรวาล
ว่าบุตรบุญธรรมทั้งสองตายแล้ว ท้าวอัศกรรณเสียใจมากจึงยกทัพไปรบ พระรามยกทัพไปรบ แต่ไม่สามารถฆ่าอัศกรรณได้ เพราะเมื่อต้องศรพระรามขาดคราวใด ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า พิเภกทูลว่า อัศกรรณได้พรจากพระอิศวรว่าเมื่อใดอัศกรรณตาย ต้องนำซากไปทิ้งมหาสมุทร จึงจะไม่ฟื้นขึ้น พระรามจึงแผลงศรพรหมมาสตร์ ตัดอัศกรรณออกเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย แล้วบันดาลเป็นลมกรดพาไปทิ้งมหาสมุทร
เมื่อเสร็จศึกแล้ว พระมาตุลีก็ลากลับไป พระรามบอกพิเภกว่าจะกลับคืนยังกรุงศรีอยุธยา เพราะรับปากกับท้าวทศรถพระราชบิดาไว้ว่า ครบสิบสี่ปีเมื่อใดจะกลับไปครองเมืองและหากเกินเวลาพระพรตกับพระสัตรุต จะฆ่าตัวตายด้วยการลุยไฟ พิเภกขอตามไปด้วย พร้อมกับทูลว่า เมื่อพระรามข้ามฝั่งไปแล้ว ควรจะทำลายถนน เพื่อเหล่ายักษ์จะได้ใช้มหาสมุทรเพื่อสัญจรต่อไป เมื่อข้ามไปแล้ว พระรามจึงแผลงศรพลายวาต ทำลายถนนที่ข้ามไปลงกาเสีย แล้วเดินทางไปพักทัพที่ป่าบริเวณ
เขาเหมติรัน
ศึกบรรลัยกัลป์
ฝ่ายยักษ์ชื่อ
บรรลัยกัลป์
ลูกทศกรรฐ์และ
นางอัคคี
ซึ่งพญานาคผู้เป็นตานำไปเลี้ยงไว้ เกิดลางร้ายคิดถึงทศกรรฐ์ผู้เป็นพ่อขึ้นมา ได้ขึ้นมาเยี่ยมรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากนางอัคคีผู้เป็นมารดาก็โกรธ รีบเหาะตามทัพพระรามไป เมื่อพระรามได้ยินเสียงกึกก้องก็ถามพิเภก รู้ว่าบรรลัยกัลป์ตามมาล้างแค้นแทนทศกรรฐ์ ก็ให้หนุมานไปฆ่าแล้วตัดหัวมาให้ หนุมานออกอุบายแปลงเป็นควายใหญ่ติดหล่มอยู่ บรรลัยกัลป์ผ่านมาพบ หลงกลหนุมานได้เข้าต่อสู้กันหนุมาน บรรลัยกัลป์ตัวลื่น จึงไปถามฤาษี
พระทิศไพมุนี
พระฤาษีบอกใบ้ให้เอาทรายซัดจึงจะจับได้ หนุมานจึงฆ่าบรรลัยกัลป์ตาย
ต่อมาพระรามได้เดินทางไปพักที่เมืองขีดขิน ตามคำทูลเชิญของสุครีพและนิลพัท แล้วเดินทางต่อไปยังอาศรมของฤาษีวสิษฐ์และสวามิตร โดยมีสุครีพตามไปด้วย และพระรามได้พบกับนายพรานกุขันที่นี่ด้วย และได้รู้ว่าสามพระมารดากับสองพระอนุชาเศร้าโศกมาก จึงให้หนุมานกับนายพรานกุขัน ล่วงหน้าไปทูลเรื่องราวในเมืองก่อน
พระรามคืนเมืองขึ้นครองราชย์ ปูนบำเหน็จ
ฝ่ายพระพรตและพระสัตรุตเห็นว่าครบกำหนดสิบสี่ปีแล้ว พระราม พระลักษมณ์ และนางสีดา ยังไม่เสด็จกลับ ก็ไปทูลมารดาลาไปปลงพระชนม์ โดยการลุยไฟตามที่ได้ปฏิญาณไว้ หนุมานกับกุขันก็มาถึงก่อนได้เข้าไปห้ามไว้ หลังจากรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็พาพระมารดาไปพบกับพระราม พระลักษมณ์ และนางสีดา ที่อาศรมฤาษี แล้วทูลเชิญเข้าไปครองเมือง
ต่อมาได้จัดพิธีอภิเษกขึ้นครองราชสมบัติ โดยมีพระอินทร์เหล่าเทวดาและบรรดาเหล่าฤาษีมาเป็นเกียรติ แล้วพระรามได้ออกขุนนางปูนบำเหน็จความดีความชอบของเหล่าทหาร พระลักษมณ์ให้ครอง
เมืองโรมคัล
พระพรตและพระสัตรุต ให้เป็นอุปราชอยู่ในกรุงศรีอยุธยา
หนุมานแบ่งกรุงศรีอยุธยาให้ครองกึ่งหนึ่ง แล้วตั้งชื่อให้ใหม่ว่า
พระยาอนุชิต
สุครีพนั้นให้มีชื่อว่า
พระยาไวยวงศา
ครองเมืองขีดขิน พิเภกให้ชื่อว่า
ท้าวทศคิริวงศ์
ไปครองเมืองลงกา องคตให้ชื่อว่า
พระยาอินทรนุภาพศักดา
เป็นฝ่ายหน้าเมืองขีดขิน ชมพูพานให้ไปครองเมืองปางตาล สุรเสนไปครองเมืองสัทธาสูร ชมพูวราช นิลราช นิลนนท์ เป็นอุปราชทั้งหมด โดยให้ชมพูวราชเป็นฝ่ายหน้าเมืองปางตาล นิลราชเป็นฝ่ายหน้า
เมืองอัสดงค์
นิลนนท์เป็นอุปราชเมืองชมพู ไชยามและโคมุท เป็นมหาเสนาซ้ายขวาที่เมืองขีดขิน สัตพลีให้เป็นอาลักษณ์ ส่วนพลลิงอื่น ๆ ก็ให้ยศฐาบรรดาศักดิ์ตามสมควร
ฝ่านหนุมานทูลคัดค้านว่า เมืองโรมคัลเป็นเมืองยักษ์ ไม่ควรให้พระลักษมณ์ไปครอง แต่ควรจะอยู่ใกล้ชิดพระรามจะดีกว่า ส่วนพระพรตกับพระสัตรุต นั้นควรจะให้ไปอยู่ที่เมืองไกยเกษ พระรามเห็นด้วย ได้ให้สุรกานต์ไปครองเมืองโรมคัล แล้วให้
ศรราม
เป็นมหาอุปราช กุขันพรานป่าให้เป็น
พระยากุขันธิบดินทร์
ครอง
บุรีรัม
สำหรับพิเภกนั้นเป็นผู้ไม่มีความชำนาญการรบและไม่มีฤทธิ์ หากมีศัตรูมารุกราน ให้เขียนสาสน์แขวนศรมา เมื่อพระรามแผลงศรมาถามข่าว
หนุมาณครองเมือง
ฝ่ายหนุมานเมื่อได้ครองอยุธยาครึ่งหนึ่ง ก็มีความสุขดี แต่เมื่อใดต้องขึ้นนั่งบัลลังก์ออกขุนนาง จะรู้สึกเร่าร้อน เวียนหัว ปวดหัว ก็คิดว่าเป็น เพราะตีตนเสมอพระรามทำให้เกิดวิปริต ได้เข้าเฝ้าพระรามถวายอยุธยาคืน พระรามจึงแผลงศรให้หนุมานตามไปดูว่าตกลงที่ใด จะยกทัพไปสร้างเมืองใหม่ให้ ศรนั้นไปตกบน
เขาใหญ่เก้ายอด
หนุมานแผลงฤทธิ์เอาหางกวาดจนเกิดเป็นกำแพงหินล้อมรอบบริเวณนั้น แล้วจึงกลับมาทูลพระรามทุกอย่าง พระรามจึงว่าให้ตามไปดูเท่านั้น ทำไมทำเกินคำสั่ง แต่เนื่องจากมีความชอบมาก ก็จะให้เทวดาไปสร้างเมืองให้
ต่อมาพระอินทร์ให้พระวิษณุกรรม ลงมาสร้างเมืองให้หนุมาน แล้วพระรามประทานชื่อเมืองว่า
นพบุรี
รวมทั้งแบ่งสมบัติจากกรุงศรีอยุธยา ม้า พล เสนา ให้ครึ่งหนึ่งตามที่ได้เคยปฏิญาณไว้
ศึกมหาบาล
ฝ่ายยักษ์ชื่อ
ท้าวมหาบาล
เจ้า
เมืองจักรวาล
เพื่อนสนิทของทศกรรฐ์ เกิดความคิดถึงทศกรรฐ์ขึ้นมาได้ยกทัพมาตั้งที่หน้าด่านลงกา รู้ข่าวทศกรรฐ์ก็โกรธแค้น ให้เสนาไปเรียกพิเภกมาพบที่หน้าด่าน แต่พิเภกรู้ว่าเป็นพวกพาลไม่ยอมออกไป เมื่อดูดวงตนรู้ว่ามีเคราะห์หนัก แต่จะมีคนช่วยเหลือไม่ถึงตาย และใกล้เวลาที่พระรามจะแผลงศรมาถามข่าวคราวแล้ว จึงให้เปาวนาสูรนำไพร่พลรักษาเมืองไว้ให้เข้มแข็ง
พระรามได้เกิดฝันประหลาด จึงคิดถึงพิเภก ได้แผลงศรพาลจันทร์ไปถามข่าว เมื่อพิเภกกราบศรแล้วผูกสาสน์กลับมา จึงรู้ว่าลงกาเกิดศึกใหญ่
พระรามให้หนุมานไปช่วยรบที่ลงกา พิเภกจึงว่าหากตนไม่ออกไปรบ ท้าวมหาบาลก็จะหมิ่นเอาได้ และยังเป็นพระเกียรติแก่พระรามด้วย หากพลาดพลั้งให้หนุมานช่วย ระหว่างรบกันพิเภกเพลี่ยงพล้ำ หนุมานจึงลงจากกลีบเมฆมาช่วย แต่ไม่สามารถฆ่าท้าวมหาบาลได้ พิเภกบอกว่า ท้าวมหาบาลได้พรจากพระอิศวร หากจะฆ่าต้องแหวะเอาดวงใจมาขยี้ให้แผลก หนุมานจึงควักเอาดวงใจท้าวมหาบาลออกมาขยี้ ท้าวมหาบาลจึงตาย และพลยักษ์ได้ตกเป็นเชลยของลงกา
เมื่อเสร็จศึก พิเภกเชิญหนุมานไปหานางเบญจกาย ส่วนเมืองจักรวาลที่ขาดคนปกครอง พิเภกให้เปาวนาสูรไปครอง จากนั้นหนุมานและพิเภกจึงไปเฝ้าพระราม ทูลเรื่องราวทั้งหมด
|
หน้าแรก
|
ย้อนกลับ
|
หน้าต่อไป
|
บน
|