สถานการณ์ ๓ + ๑ จชต. ๑ – ๓๐ ก.ย.๕๓
การเคลื่อนไหวที่สำคัญในช่วงรายงาน ได้แก่การเคลื่อนไหวของแกนนำแนวร่วม และsympathizer ซึ่ง
อ้างตัวเป็นมลายูอิสลาม ฉวยโอกาสเข้าไปแสวงประโยชน์จากความเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองของรัฐบาล
ด้วยการนำประเด็นทางศาสนาและต่างชาติมาเป็นเครื่องมือกดดันเพื่อแสดงความเหนือกว่าของมลายูอิสลาม
ที่มีต่อรัฐไทยและคนไทยทั้งประเทศจนสำเร็จ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลใน
คณะกรรมการกลางอิสลาม นอกจากนี้ยังพบการเคลื่อนไหวของสื่อในลักษณะการปลุกระดมกระตุ้นความ
แค้นของมลายูในกรณีตากใบอิสลามเพื่อจุดหมายทางการค้า และการปลุกระดมกรณีไอปาแยและอิหม่าม
ยะผาเพื่อให้คงไว้ซึ่งประเด็นของข่าว
ขณะที่การก่อเหตุบ่งบอกชัดเจนถึงความพยายามตัด ๓ จชต.ออกจากส่วนอื่นของประเทศไทย โดยการกำจัดการเข้าไปทำธุรกิจของคนไทยพุทธจากนอกพื้นที่ซึ่งเป็นไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการรุก
ไล่กำจัดคนไทยพุทธให้ออกจาก ๓ จชต.อย่างมุ่งมั่น โดยเน้นเป้าหมายครู พื้นที่ซึ่งมีคนไทยพุทธจำนวนน้อย
และ ผู้นำของครอบครัว คือสามีและภรรยาพร้อมๆกัน อันเป็นการกดดันให้คนในครอบครัวขาดที่พึ่งจน
ต้องอพยพออกจากพื้นที่ในที่สุด เพื่อต่อรองและตรึงการรุกคืบเข้าใกล้ตัวของจนท.ซึ่งเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
และหนักหน่วง ส่งผลให้ไทยพุทธเสียชีวิตและบาดเจ็บสูงกว่าอิสลาม ขณะเดียวกันก็มีการก่อเหตุด้วยการ
ก่อกวนถึง ๓๘ เหตุการณ์ เพื่อที่จะรักษาสถิติการก่อเหตุไม่ให้ลดต่ำลงซึ่งจะทำให้น้ำหนักของการต่อรอง/
ความน่าสนใจลดลง
แนวโน้มของสถานการณ์ หากยังไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เชื่อว่าสถานการณ์ใน ๓
จชต.น่าที่จะทรงตัวอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่ในช่วง ๓- ๔ เดือนที่ผ่านมา กล่าวคือ การเอาอกเอาใจมลายูอิสลาม
จากรัฐบาลถูกจำกัด จากการที่รัฐบาลต้องทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปรับมือกับ “การก่อกวนจากนปช.” จะส่งผล
ให้ จนท.จะสามารถตรวจค้นและจับกุมแนวร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลัง
ใจของแนวร่วมในระดับหนึ่ง ดังนั้น คนไทยพุทธที่อ่อนแอ และอยู่อย่างโดดเดี่ยวจำนวนน้อย คือเป้าหมาย
ของการก่อเหตุเพื่อสร้างสถิติและเพื่อยันการรุกไล่ของ จนท. ซึ่งจะเกิดการทยอยทิ้งถิ่นของคนไทยพุทธ
อีกระลอกหนึ่ง
อนึ่ง ชัยชนะจากการรุกแสดงอภิสิทธิ์ความเหนือกว่าของมลายูอิสลามในกรณีของ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม
จะทำให้องค์กรอิสลามเกิดความฮึกเหิมใช้เงื่อนไขทางศาสนามาเป็นเครื่องมือรุกสร้างความเหนือกว่าอย่าง
ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลในคณะกรรมการกลางอิสลามฯ เมื่อ ๒๙ ก.ย.๕๓ น่าจะส่ง
ผลให้ความพยายามกดดันจากมลายูอิสลามต่อสังคมไทยลดลงได้ในระดับหนึ่ง
สถิติและนัยการก่อเหตุ
การก่อเหตุในช่วง ๑-๓๐ ก.ย.๕๓ เท่าที่รวบรวมได้ สรุปได้ว่ามีการก่อเหตุ จำนวน ๙๔ เหตุการณ์ ซึ่งแม้จะ
สูงกว่า ๕๓ เหตุการณ์ ในช่วงเดียวกันของ ส.ค. ๕๓ หากจำนวนที่เพิ่มขึ้นเป็นการก่อกวนอาทิ การโปรยตะปู
เรือใบ การเผายางรถยนต์ การเผาตู้โทรศัพท์ การเผาเสาโทรศัพท์ เพื่อเพิ่มสถิติ ถึง ๓๘ เหตุการณ์ ทั้งนี้
จ.นราธิวาส ที่มีการก่อเหตุมากที่สุด ๔๗ เหตุการณ์โดย อ.บาเจาะ มีการก่อเหตุ มากที่สุด ๑๑ เหตุการณ์
ขณะที่ อ.รือเสาะ มีการก่อเหตุ ๘ เหตุการณ์ และ อ.ระแงะ มีการก่อเหตุ ๗ เหตุการณ์ รองลงมาคือ จ.ปัตตานี มีการก่อเหตุมากที่สุด ๓๑ เหตุการณ์ โดย อ.ยะรัง และอ.สายบุรี มีการก่อเหตุมากที่สุดพื้นที่ละ ๘
เหตุการณ์ รองลงมาคือ อ.กะพ้อ มีการก่อเหตุ ๖ เหตุการณ์ จ.ยะลา ๑๖ เหตุการณ์ โดย อ.เมือง มี
การก่อเหตุมากที่สุด ๗ เหตุการณ์ และ อ.รามัน ๕ เหตุการณ์ จ.สงขลา ไม่ปรากฏรายงานการก่อเหตุ
ทั้งนี้ การก่อเหตุทั้ง ๙๔ เหตุการณ์ แยกเป็นการก่อกวน ๓๘ เหตุการณ์ รองลงมาคือ การลอบยิงตัวบุคคล ๓๖ เหตุการณ์ การวางระเบิด ๑๕ เหตุการณ์ การซุ่มโจมตี ๕ เหตุการณ์ และ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เท่าที่รวบรวมได้จำนวน ๙๕ คน แยกเป็น ไทยพุทธ ๕๒ คน (เสียชีวิต ๑๙ คน บาดเจ็บ ๓๓ คน) อิสลาม ๔๓ คน (เสียชีวิต ๒๓ คน บาดเจ็บ ๒๐ คน)
ข้อพิจารณา
๑. การก่อเหตุ แสดงนัยชัดเจนถึงความพยายามตัด ๓ จชต.ออกจากส่วนอื่นของประเทศไทยใน
๒ ลักษณะ ลักษณะแรกคือ การสกัดกั้นการเข้าสู่พื้นที่ของคนไทยพุทธจากนอก ๓ จชต. ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อ
เนื่อง และลักษณะที่สอง คือการรุกไล่กำจัดคนไทยพุทธให้พ้นจาก ๓ จชต.อย่างเอาจริงเอาจัง และต่อเนื่อง
เช่นกัน ๑.๑ ลักษณะแรก ที่เด่นชัดได้แก่การไล่ล่าสังหารคนไทยพุทธที่เข้ามาติดต่อซื้อขายหรือรับส่งสินค้า
กับคนในพื้นที่ อาทิ การยิงนายกฤษดา นวลขาว ผู้จัดการฝ่ายผลิตของบริษัทซีพี จำกัด และพนักงานของ
บริษัทรวม ๓ คน เสียชีวิต ที่ ม.๑ ต.บางเขา อ.หนองจิก ขณะเดินทางกลับจากตรวจงานที่ฟาร์มเลี้ยงกุ้ง
ของบริษัทซีพี ในพื้นที่ เมื่อ ๖ มิ.ย.๕๓ การยิงนายสมเกียรติ พรพรหม คนขับรถบรรทุกสิบล้อ จาก จ.พัทลุง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุ คนร้ายซุ่มยิงรถบรรทุกสิบล้อ
ทะเบียน ๗๐-๑๑๗๗ บาดเจ็บที่ ม. ๒ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก เมื่อ ๒๐ ก.ค.๕๓ การยิง น.ส.สุภาพ สวัสดิ
ภาพ จาก จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเดินทางเข้ามาขายสินค้า บาดเจ็บสาหัสที่ บ.ลูโบ๊ะกาเยาะ ม. ๕ ต.เฉลิม อ.ระ
แงะ เมื่อ ๓๑ ส.ค.๕๓ และล่าสุด เมื่อ ๒๘ ก.ย. ๕๓ ได้ยิงพ่อค้ารับซื้อผลไม้จาก จ.ชุมพร เสียชีวิต ๕ ราย ที่
ม. ๒ ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี
๑.๒ ลักษณะที่สอง พบได้จากการไล่ล่าฆ่าครู คู่สามีภรรยา พร้อมๆกันเพื่อกดดันให้สมาชิกที่เหลืออยู่ถอย
ร่นออกจากพื้นที่ และการฆ่าและเผาล้างเผ่าพันธุ์ไทยพุทธในพื้นที่ ที่มีคนไทยพุทธอยู่เป็นจำนวนน้อย ดังเช่น
การประกบยิงนายวิลาศ คงขำ ครูโรงเรียนบ้านมะนังกาหยี ต.มะนังตายอ เสียชีวิต และ นางคมขำ เพชร
พรม ภรรยา ซึ่งเป็นครู คศ. ๒ โรงเรียนบ้านทุ่งโต๊ะดัง ต.มะนังตายอ บาดเจ็บสาหัส ที่ ม.๔ ต.ตันหยงมัส
อ.ระแงะ เมื่อ ๗ ก.ย.๕๓ การไล่ยิงนายสุรสิทธิ์ เอียดแก้ว และนางคนึง เอียดแก้ว ๒ สามีภรรยา จากต.
ทุ่งพลา เสียชีวิตทั้ง ๒ คน ที่ ม.๓ ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ เมื่อ ๑ ก.ย.๕๓ การไล่ยิงนายสถาพร ปี่แก้ว และ
นางศิรินารถ ปี่แก้ว ๒ สามีภรรยา บาดเจ็บสาหัส ทั้ง ๒ คน ที่ ม.๒ ต.ตุยง อ.หนองจิก เมื่อ ๑๖ ก.ย.๕๓
การฆ่าและเผาไทยพุทธกลุ่มสุดท้าย ๓ ครอบครัว ที่ ม.๖ ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อ ๑๘ ก.ย.๕๓
๒. การก่อเหตุมีลักษณะของการรักษาสถิติการก่อเหตุไม่ให้ตกลง อาทิ ความพยายามเพิ่มสถิติ
โดยการก่อกวนที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันถึง ๒๙ เหตุการณ์ใน จ.นราธิวาส เมื่อ ๔ ก.ย.๕๓ และ ๙ เหตุการณ์ที่ จ.
ปัตตานี เมื่อ ๒๕ ก.ย.๕๓ การเรียกร้องการกระพือข่าวจากสื่อมวลชน ด้วยการเพิ่มความเหี้ยมโหดต่อเป้า
หมายที่อ่อนแอ ดังเช่นการยิงและเผากลุ่มบ้านไทยพุทธ เมื่อ ๑๘ ก.ย.๕๓ การกราดยิงพ่อค้ารับซื้อลองกอง
และชาวบ้านที่ อ.สายบุรี จนเสียชีวิต ๕ รายและบาดเจ็บ ๓ ราย เมื่อ ๒๘ ก.ย.๕๓ และการซุ่มยิงจนท.ซึ่ง
สามารถทำได้สามารถทำได้ ๕ เหตุการณ์ เพิ่มจากช่วงเดียวกันของส.ค.๕๓ เพียง ๒ เหตุการณ์ โดยเกิดที่
จ.ปัตตานี ๒ เหตุการณ์ จ.ยะลา ๒ เหตุการณ์ และนราธิวาส ๑ เหตุการณ์
๓. การก่อเหตุดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นอันเป็นปกติในช่วงกันยายน เพื่อแสดงศักยภาพกดดัน ต่อ
บุคคลที่จะเข้ามารับหน้าที่ใหม่ และโดยเฉพาะกับเป้าหมายไทยพุทธ ทั้งชาวบ้านและครู เพื่อตรึง/ตอบโต้
การรุกป้องปรามของ จนท. ที่ดูเหมือนจะโหมงานขึ้น เช่นกัน
การเคลื่อนไหวของแกนนำและ sympathizer
ความพยายาม discreditซึ่งกันและกันระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน โดยการแต่ง
ตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม เป็นผช.ผบ.ตร.ได้กลายมาเป็นโอกาสให้แกนนำและ sympathizer เข้ามา
แสวงประโยชน์โดยใช้ศาสนาและต่างชาติเป็นเครื่องมือกดดันแสดงอำนาจเหนือรัฐบาลไทย ให้เป็นที่
ประจักษ์แก่คนไทยทั้งประเทศ และมีแนวโน้มจะกดดันในประเด็นอื่นๆต่อไปเมื่อมีโอกาส เพื่อนำสู่การแยก
การปกครอง ๓+๑+๑ จชต.ในที่สุด ขณะที่สื่อยังคงปลุกเร้าความแค้นของมลายูอิสามอย่างต่อเนื่อง โดย
การนำประเด็นที่อ่อนไหวลงตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยเฉพาะประเด็นตากใบ เนื่องจากเดือนตุลาคม เป็นเดือน
ที่เกิดเหตุการณ์ อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเปลี่ยนแปลงในคณะกรรมการกลางอิสลามฯ เมื่อ ๒๙ ก.ย.๕๓ น่า
จะทำให้แรงกดดันโดยเฉพาะการอ้างศาสนาเป็นเครื่องมือ ลดลงได้ในระดับหนึ่ง
จี้ฐเร่งแก้ปัญหาไทย-ซาอุฯ หวั่นกระทบไทย-มุสลิม ๑,๓๐๐๐ คนไปฮัจญ์.......นายนิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิ
จ.ยะลา และอดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามจ.ยะลา กล่าวแสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า....อยากให้
รัฐบาลทบทวนให้ชัดเจน และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย” นายนิมุ กล่าว โดยเฉพาะมุสลิมนั้น
การประกอบพิธีฮัจญ์ เป็นรูก่นอิสลาม (หลักที่ต้องปฏิบัติ) ๑ ใน ๕ ข้อที่ต้องมีการปฏิบัติ ซึ่งหากมุสลิมไม่ได้
ไปในจุดนี้จะเกิดความเสียหายอย่างมากในชั่วชีวิตของคนๆ นั้น ….. (ASTVผู้จัดการออนไลน์ ๑๖ ก.ย.๕๓)
เผชิญหน้า"เทือก" ทูตซาอุบี้ ยืนยันชัด"ไม่พอใจ"…. "นัจมุดดีน-อารีเพ็ญ" ส.ส.ใต้ พรรคมาตุภูมิ หวั่น
กระทบไทยหนัก เพราะซาอุฯถือเป็นพี่ใหญ่ของตะวันออก กลาง จะเจอปัญหาวีซ่าทำพิธีฮัจญ์ หรือนำเข้า
น้ำมัน วันเดียวกันนายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นรา ธิวาส พรรคมาตุภูมิ กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ... นายกฯ
ยังไม่ได้ให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ หากยังวางเฉย คงต้องให้จุฬาราชมนตรีเข้าพบนายกฯ และแก้ปัญหา
เรื่องนี้ ส่วนนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า วันที่ ๘ ต.ค. พี่น้องมุสลิมต้อง
เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ๑๓,๐๐๐ คน .....นอกจากนี้วันที่ ๑๗ ก.ย. ที่ศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย
จะมีองค์กรมุสลิมต่างๆ มาประชุมร่วมกันเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้…(ข่าวสด ๑๖ ก.ย.๕๓)
วธ.รับปัญหาวีซ่าซาอุฯ ไม่คืบ “นิพิฏฐ์” แนะ “สมคิด” ลาออกหวั่นบานปลาย … นายพิเชษฐ สถิรชวาล
เลขาธิการกลางคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า .....รัฐบาลควรเร่งยุติปัญหา โดยยึด
ประโยชน์พี่น้องชาวมุสลิมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มากกว่าคนคนเดียว (ประชาชาติอิสลามออ
นไลน์ ๒๑ ก.ย.๕๓ )
องค์กรมุสลิม ๕ จชต.นัดชุมนุมใหญ่ - จี้ผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาไทย-ซาอุ ..วันนี้ (๒๑ ก.ย.) ดร.อับดุลรอหมาน กาเหย็ม เลขานุการคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา เปิดเผยว่า จากปัญหาความขัดแย้ง
ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาล.... ทำให้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติศาสนกิจฮัจญ์ ของชาวมุสลิมในประเทศ
ไทย …..ในวันพรุ่งนี้ (๒๒ ก.ย.) ทางองค์กรมุสลิมในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ สตูล สงขลา ปัตตานี
ยะลา และนราธิวาส อย่างน้อย ๖ องค์กร เช่น อิหม่ามและผู้บริหารมัสยิด, ผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์, ผู้นำ
กลุ่มฮัจญ์, ผู้แสวงบุญ, สมาคมมุสลิม และกลุ่มโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจะนัดพลังมวลชนชาว
มุสลิมทั้ง ๕ จังหวัด ที่มัสยิดกลางประจำ จ.สงขลา ในเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. ดร.อับดุลรอหมาน ยัง
กล่าวอีกว่า ........สิ่งที่ชาวมุสลิมในประเทศไทยต้องการให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างเร่งด่วน และเป็น
รูปธรรมมากที่สุด คือ การรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เพื่อให้คนไทยสามารถเดินทางไปประ
กอบพิธีฮัจญ์ด้วยความภาคภูมิใจ.....(ประชาชาติอิสลามออนไลน์ ๒๑ ก.ย.๕๓)
กก.อิสลามภูเก็ต จี้รัฐแก้ปัญหาซาอุฯ ระงับวีซ่า หวั่นมุสลิมเดือดร้อน.... นายบำรุง สำเภารัตน์ เปิดเผย…. ปัญหาที่มีการระงับการออกวีซ่าของซาอุดีอาระเบียจะส่งผลให้ชาวมุสลิมมีความ เดือดร้อน ..... จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาทางออกแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด
มุสลิมเพื่อสันติแถลง จี้รัฐทบทวนการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด... กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ หรือ กมส.องค์กร เอกชนด้านสิทธิมนุษยชนภายใต้การนำของเชคริฏอ อะหมัด สมะดี ได้ออกแถลงการเกี่ยวกับเหตุการณ์ ความสัมพันธ์ที่มีปัญหาระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย เรียกร้องให้มีการทบทวนการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สม คิด บุญถนอม เพื่อสร้างความปรองดองในชาติ……. ดังนั้นกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการแต่งตั้งพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย และซาอุดิอาระเบีย เพื่อสร้างความปรองดองของคนในชาติ และสร้างความมั่นใจกับพี่
น้องมุสลิมกว่าหมื่นคนที่เตรียมตัวที่จะเดินทางไป ร่วมประกอบพิธิฮัจญฺในปีนี้ อีกทั้งยังเป็นการพิสูจน์ให้
เห็นว่ารัฐบาลจริงใจต่อการแก้ปัญหาบ้านเมือง ด้วยการคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง ....
(ประชาชาติอิสลามออนไลน์ ๒๑ ก.ย.๕๓)
“มัสยิดปาทาน” ชี้รัฐอุ้ม “สมคิด” เชื่อน้ำผึ้งหยดเดียว - เผยอุปทูตซาอุฯ ไม่ปิดกั้นผู้แสวงบุญ..นราธิวาส.... คณะกรรมการมัสยิดนราธิวาสโต้เดือด รัฐอุ้ม “สมคิด” ขัดแย้งปรองดอง ชี้ ส.ส.ใต้ไร้บทบาท เชื่อ ”น้ำผึ้ง หยดเดียว” อาจบานปลายเป็นปัญหาเข้าทางโจรใต้ อ้างสิทธิ์แบ่งแยกแดนดิน นายอดุลย์ อารีอาหมัด คณะกรรมการมัสยิดปาทาน อ.เมือง จ.นราธิวาส เปิดเผยผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ตนและคณะกรรมการมัสยิด จ.ยะลา จ.ปัตตานี และจ.นราธิวาส ได้เดินทางพบกับนายพิเชษฐ สถิรชวาล เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (กทม.) เพื่อร่วมหาแนวทางแก้ไขปัญหา จากกรณีมีการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งต่อมานายนาบิล ฮุสเซน อัชรี อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ได้ทำหนังสือแถลงการณ์ความไม่พอใจรัฐบาลไทยถึง ๔ ฉบับ …. ก่อนเดินทางไปประชุมในครั้งนี้ ตนได้สอบถามความคิดเห็นชาวบ้านในพื้นที่ จ.นราธิวาส จากหลากหลายอาชีพ ต่างเห็นพ้องกันว่า รัฐบาลทำอะไรอยู่ สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่จบ แต่ปัญหาดังกล่าว ฝ่ายตรงข้ามอาจจะนำไปขยายผล อ้างการแบ่งแยกดินแดนได้อีก ……(ASTVผู้จัดการออนไลน์ ๒๒ ก.ย.๕๓)
ฑูตซาอุฯ ยกคดีคลิปฉาวเปรียบ "สมคิด" …..วันนี้ (๒๓ ก.ย.) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการประชุมของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ..... โดยเชิญนายนาบิล อัซรี่ อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงด้วย …….ขณะที่ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า .....จากการหารือกับเจ้าหน้าที่จากซาอุฯ สอดคล้องกับความเห็นของชาวมุสลิมในภาคใต้ ซึ่ง สตช. จะต้องมีมาตรการเยียวยาแก่ผู้เสียหายให้มากกว่านี้ เพราะทันทีที่ พล.ต.ท.สมคิด ประกาศไม่รับตำแหน่ง ก็มีการออกวีซ่าให้แก่ประชาชนช่าวมุสลิมทันที ..... เราต้องเยียวยาเพื่อให้อุปทูตเข้าใจเพื่อนำไปสู่การรื้อฟื้นความสัมพันธ์ของสองประเทศให้กลับมาเหมือนเดิม แค่การประกาศไม่รับตำแหน่งไม่เพียงพอ จะต้องมีมาตรการมากกว่านี้…..(เดลินิวส์ ๒๓ ก.ย.๕๓)
การท่าเบี้ยวไม่ชี้แจง ไม่ทบทวนระเบียบค้นมุสลิมใส่โต๊บขึ้นเครื่องบิน.....หลังจากที่ทางสำนักข่าว TND ได้รับเรื่องร้องเรียนและได้นำเสนอข่าวเรื่องระเบียบการตรวจค้นมุสลิมที่ใส่ โต๊บขึ้นเครื่องบินของ บมจ.การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย....ล่าสุดทางสำนักข่าว TND ได้ตรวจสอบไปยัง คณะทำงานด้านกฏหมายกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ….. ทางทนายฮานีฟ หยงสตาร์ ประธานคณะทำงานด้านกฏหมายกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ เปิดเผยว่า .....ไม่ได้รับคำตอบจาก นายเสรีรัตน์ หรือทาง บมจ.การท่าฯ แต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อพี่น้องมุสลิมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากมีการใช้ระเบียบนี้อย่างเข้มงวดในช่วงการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญฺ และถือว่าเป็นระเบียบที่เลือกปฎิบัติต่อพี่น้องมุสลิมอย่างชัดเจน โดยถัาหากทาง บมจ.การท่าอากาศยานยังไม่ยอมทบทวนระเบียบดังกล่าว หรือยังไม่ยอมชี้แจ้งเรื่องนี้มายัง
คณะทำงานด้านกฏหมายกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ทางคณะทำงานจะดำเนินการเชิงรุกมากขึ้น เพื่อปกป้องสิทธิ
ของพี่น้องมุสลิมให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะใช้ช่องทางในประเทศในส่วนของพรบ.ข้อมูลข่าวสาร หรือช่องทาง
ของศาลปกครอง ซึ่งทางทีมกฏหมายจะมีประชุมเพื่อพิจารณาอีกครั้ง หรืออาจใช้ช่องทางในระดับนานา
ชาติในการส่งหนังสือแจ้งไปยังที่ประชุมองค์กร ชาติอิสลามหรือ OIC ที่มีสมาชิก ๕๗ ประเทศ ให้ได้รับรู้
ถึงระเบียบที่มีการเลือกปฏิบัติ และริดรอนสิทธิของพี่น้องมุสลิมดังกล่าว เพื่อให้ช่วยกดดันในการทบทวน
หรือยกเลิก... (thailandnewsdarussalam.com ๒๙ ก.ย.๕๓)
ประกาศเชิญชวนให้ซื้อเสื้อ ...เสื้อรำลึก ๖ ปีตากใบ ร่วมกันรำลึกโศกนาฏกรรมตากใบด้วย
การสั่งซื้อเสื้อแห่งความทรงจำ"ครบรอบความทรงจำ สังหารหมู่ตากใบ ๒๕ ตุลา ๔๗""ผมเห็นคนตายที่
ตากใบ"สนใจติดต่อ Tel.๐๘๕-๐๗๗๔๘๑๔ e-mail : takbai.remember@gmail.com
(bungarayanews.com ๒๕ ก.ย.๕๓)
สถาบันอิศรายังคงปลุกกระแสการต่อต้านทหารอย่างไม่ลดละ หากความชุลมุนวุ่นวายทางการเมืองและการโยกย้ายข้าราชการได้กลบกระแสการปลุกเร้าลงได้บ้าง อาทิ บทความ "ทนายมุสลิม-องค์กรสิทธิ์"ช็อคสั่งไม่ฟ้อง"สุทธิรักษ์" ถาม...แล้วใครฆ่าที่ไอร์ปาแย?เมื่อ ๒ ก.ย.๕๓ และบทความ ศาลไม่รับฟ้อง ๕ ทหารซ้อม“อิหม่ามยะผา”จนตาย ชี้คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร เมื่อ ๓ ก.ย.๕๓ เพื่อปลุกกระแสชาตินิยมมลายูอิสลาม บทความ สำรวจชุมชนไทยพุทธใกล้ร้าง ชาวบ้านสะอื้น...ต้องอยู่เพราะไม่มีที่ไป! เมื่อ ๒๑ก.ย.๕๓ เพื่อจะสื่อนัยว่าอิสลามก็เสียชีวิตเช่นเดียวกันโดยฝีมือจนท.
พิเชษฐดิ้นยื้อเก้าอี้ อ้างการเมืองแทรกปลดเลขาฯคกก.อิสลาม… นายพิเชษฐ สถิรชวาล อดีตขุนพลภาคใต้ของพรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เชื่อว่า สาเหตุที่ตนถูกถอดออกจากตำแหน่ง มีการเมืองเข้าแทรกแซงอย่างแน่นอน ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นการปรับโครงสร้าง เนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวจุฬาราชมนตรีคนใหม่ ซึ่งตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน และในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีการปรับเปลี่ยนเลขาธิการที่ยังไม่ครบวาระ ๖ ปีมาก่อน เพราะจะทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง
เขากล่าวอีกว่า ทั้งนี้เชื่อว่า สาเหตุมาจากเรื่องที่ตนออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม
ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยยืนยัน การออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ เป็นการทำเพื่อประเทศ
ชาติ แต่กลับมาถอดตนออกจากตำแหน่ง ดังนั้นจึงเชื่อว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการเล่นเกมทางการเมือง เพราะ
นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เป็น
คนสงขลา สนิทสนมใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ตนได้มีการไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ
เพื่อยื่นเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป (ประชาชาติอิสลามออนไลน์ ๓๐
ก.ย.๕๓)
การป้องปรามการก่อเหตุของ จนท. ยังเป็นไปอย่างสัมฤทิ์ผล การตรวจค้นและจับกุมผู้ก่อเหตุของจนท.ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และสัมฤทธิ์ผลในการสกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่ง แม้ว่าส่วนใหญ่ผู้ต้องหาจะหลบหนีไปได้
ก่อนจนท.จะเข้าถึงก็ตาม อันเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไม่มีเวลามากพอที่จะขัดขวางการปฏิบัติงานของ
จนท.ในพื้นที่ได้ตลอดเวลา ทั้งนี้การตรวจค้นและจับกุมที่สำคัญได้แก่
- ๒ ก.ย.๕๓ การจับกุมตัวนายมะยือนัน จาเฮง อายุ ๒๒ ปี และ นายซูไฮมี ตาเยะ อายุ ๒๑ ปี
หลังพบเบาะแสและมีพยานหลักฐานว่าทั้งสองคนเป็นคนดูต้นทางให้กับคนร้ายที่เข้าไปก่อเหตุยิง นาย
สรรค์ชัย อัครพงษ์พันธ์ อายุ ๕๗ ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนอก เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ ๔๑/๔๒ ต.
ปะนาเระ อ.ปะนาเระ เมื่อวันที่ ๑๗ ส.ค.๕๒
- ๓ ก.ย.๕๓ ตรวจค้นที่ ม.๓ บ.บาโด ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา สามารถวิสามัญ นายมูฮำหมัดอา
มีน สะไร คนร้ายชำนาญการผลิตวัตถุระเบิด และมีหมายจับในคดีลอบวางระเบิดและซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่
ทหาร ตำรวจ หลายคดีทั้งในพื้นที่ รือเสาะ และ อ.เมืองยะลา แต่จนท.เสียชีวิต ๑นายและบาดเจ็บสาหัส ๒
นาย
- ๔ ก.ย.๕๓ การจับกุมตัวนายมาฮามัดอิสกันนา อารีย์ ๙๓ ม.๖ ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.
นราธิวาส ผู้ต้องสงสัย มีหมายจับของศาล จ.นราธิวาส ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมี
อาวุธปืนครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ๔ กย. ๕๓ การตรวจค้นบ้านเป้าหมายเลขที่ ๖๓ ม.๕ ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา และจับกุมตัว
นายสุไลมาน ไชยสูงเนิน ๙๗ ม.๒ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา พร้อมด้วยอาวุธปืนบาเรตต้า ของผู้ช่วยผู้ใหญ่
บ้าน อ.ยะหา ที่ถูกคนร้ายลอบยิงจนเสียชีวิตเมื่อ ๑๘ ส.ค. ๕๓
- ๗ ก.ย.๕๓ การตรวจค้นเทือกเขาตะเว บริเวณบ้านบือแจ ม. ๔ ต.บองอ อ.ระแงะ พบกอง
บัญชาการ มีที่พักย่อยอุปกรณ์การก่อเหตุและรักษาพยาบาลจำนวนมาก
- ๗ ก.ย. ๕๓ ตรวจค้นเป้าหมาย ๒ หมู่บ้านคือ บ.บือราแง ม. ๓ และ บ.ไอบาตู ม. ๔ ต.โต๊ะเด็ง
จำนวน ๑๒๐ หลังคาเรือน สามารถจับกุมนายมาหามะรอยาลี อับดุลกอเดร์ และนายรีฏอน อับดุลกอเดร์
พร้อมเอกสารปลุกระดมจำนวนหนึ่ง
- ๘ ก.ย.๕๓ การควบคุมตัวนายมะรอแม มะนอนานิง แกนนำ อาร์.เค.เค และมือวางระเบิดในหลายพื้นที่ของ อ.ยะหา อ.บันนังสตา และ อ.เมือง จ.ยะลา ๑๑๒/๒ม.๔ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมาย
จับ ป.วิ.อาญา ในคดีสำคัญ เช่นคดีเตรียมลอบวางระเบิดผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาเมื่อปี ๒๕๔๙ คดียิง
ผู้ใหญ่บ้าน ต.ปะแต อ.ยะหา เมื่อเดือน ส.ค.๕๓ และคดีลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ ๔๗ เมื่อต้น
ปี ๒๕๕๓ พร้อมของกลางจำนวนมาก
- ๙ ก.ย.๕๓ การควบคุมตัว นายอาทริ สุหลง /อายิ ตาบา ๓๒๓ บ.กำปง ม. ๒ ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ
แกนนำแนวร่วมระดับสั่งการรับผิดชอบพื้นที่ตากใบ เคยก่อเหตุสำคัญๆ มาแล้วหลายคดี ล่าสุดเชื่อว่า เมื่อ ๖
ต.ค.๕๒ ได้ลอบวางระเบิด ตรงข้ามโรงแรมเมอร์ลิน อ.สุไหงโก-ลก ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
- ๙ ก.ย.๕๓ จับกุมตัวนายอิบรอเฮม เฮ็งตาแก๊ะ ๑๖๐ ถนนวิฑูรอุทิศ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา
ซึ่งต้องสงสัยวเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดหน้าร้านสวัสดี ฝั่งตลาดเก่า ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา
เมื่อวันที่ ๒๕ ส.ค.๕๓
- ๑๐ ก.ย.๕๓ วิสามัญนายอิสมะแอ มะเซ็ง และนายออหามะ ดอเลาะ คนร้ายมีหมายจับคดี
เกี่ยวกับความมั่นคง ๑๐ คดี
- ๑๓ ก.ย.๕๓ ตรวจค้น ป่าท้ายหมู่บ้านตะโล๊ะมาเนาะ ม. ๑ ต.ลูโบ๊ะสาวอ อ.บาเจาะ แห่งนี้ ได้
เกิดการยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายกลุ่มนายมะรอโซ จันทรวดี แกนนำคนร้ายกลุ่มอาร์.เค.เค.ที่มีหมายจับในคดี
ก่อเหตุความไม่สงบหลายคดีรวมถึง คดียิงชาวไทยพุทธเสียชีวิต ๖ ศพ ขณะกลับจากหาของป่าบนเทือก
เขาบูโดที่ บ.บาดง ม. ๖ ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ เหตุเกิดเมื่อ ๑ เม.ย. ๕๓ แต่คนร้ายหลบหนีไปได้
- ๑๔ ก.ย.๕๓ ตรวจค้นพื้นที่ป่าบริเวณหลัง บ.ตะโล๊ะมาเนาะ ม. ๑ ต.ลูโบ๊ะสาวอ อ.บาเจาะ
พบอาวุธปืนและวัสดุก่อเหตุจำนวนมาก
- ๒๐ ก.ย.๕๓ ตรวจค้นที่บ้านเช่าเลขที่ ๕๐/๕๓ ม. ๓ บ.ป่าพ้อ ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา
สามารถควบคุมตัว นายสาอูดี มะตารี ๔๗ ม.๔ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลาผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิ อาญา
ในข้อหาร่วมกันก่อเหตุในพื้นที่ จ.ยะลา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน
- ๒๕ ก.ย.๕๓ ตรวจค้นบ้านพักเลขที่ ๘ / ๒ บ.กูยิ ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ นายยูโซ๊ะ โต๊ะรือเนาะ
ผู้ต้องหาหนีหมายจับ ป.วิอาญาของ สภ.รือเสาะ สามารถยึดอาวุธปืน กระสุนและ ยารักษาโรคได้จำนวนมาก
แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้
............................................
|