สถานการณ์ ๓ + ๑ จชต.
๑ – ๓๐ ก.ย.๕๕

          สถานการณ์ใน ๓+๑ จชต. ในช่วงเวลารายงาน ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คือนัยของการก่อเหตุที่มีการแปรเปลี่ยนตามไปในทางที่เข้มแข็งและท้าทายต่ออำนาจรัฐยิ่งขึ้นตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากความอ่อนแอและด้อยประสบการณ์ด้านการเมืองจนกลายเป็นตัวตลกนานาชาติของรัฐบาล ประกอบกับการยอมสยบให้กับสิ่งที่เรียกว่ามลายูอิสลาม และการเข้าไปแสวงประโยชน์จากโจรแบ่งแยกดินแดน เพื่อสร้างอำนาจในการต่อรองของนายทหารซึ่งมีส่วนในการกำหนดนโยบายภาคใต้ ด้วยเหตุนี้สถิติการก่อเหตุที่ควรจะมีแนวโน้มลดลงตามครรลองที่ควรจะเป็น กลับเพิมขึ้น อีกทั้งยังมีการก่อเหตุในลักษณะของการเร่งสร้างพื้นที่อิสลามบริสุทธิ์โดยการไล่ล่าสังหารชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ไทยพุทธที่สำคัญคือมีการข่มขู่/คุกคามห้ามทำงานในวันศุกร์เพื่อให้เกิดภาพความแตกต่างระหว่างพื้นที่ ๓+๑ จชต.กับพื้นที่ส่วนอื่นๆของประเทศไทย
          ทั้งนี้ การก่อเหตุเท่าที่รวบรวมได้จำนวน ๘๓ เหตุการณ์ แยกเป็นการก่อเหตุใน จ. นราธิวาส สูงสุด ๓๗ เหตุการณ์ รองลงมาคือ จ.ยะลา ๒๖ เหตุการณ์ จ.ปัตตานี ๑๘ เหตุการณ์และ ๔ อำเภอของ จ.สงขลา ๒ เหตุการณ์
          ขณะที่การเคลื่อนไหวของนักการเมือง องค์กรเอกชน มลายูอิสลาม และ sympathizers ในช่วงรายงานดูเหมือนจะเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งน่าจะเป็นเพราะการรุกอย่างหนักของแนวร่วมรื้อฟื้นรัฐปัตตานี และการถอยร่นอย่างไร้ทิศทางของอำนาจรัฐ ทำให้ยากต่อการประเมินสถานการณ์ที่ถูกต้องได้ ดังนั้น การเคลื่อนไหวที่พอมีอยู่บ้าง จึงมีลักษณะที่ถอยห่างออกจากเหตุการณ์ใน ๓ จชต. แม้แต่สำนักข่าวอิศรา แม้จะพยายามสื่อความเป็นมลายูอิสลามด้วยกันก็มีความระมัดระวังพอสมควร ยกเว้นนายนิมุ มะกะเจผู้นำศาสนาจาก จ.ยะลา ซึ่งดูเหมือนจะพยายามเสริมสร้างบทบาทของตัวเองด้วยการอิงกระแสโจรแบ่งแยกดินแดนเข้าพบเจรจากับแม่ทัพภาค ๔ และการกล่าวหาการก่อเหตุว่าหลังการเจรจาเป็นฝีมือของทหาร

แนวโน้มของสถานการณ์
          .... การแย่งชิง /แข่งกันซื้อใจมวลชนมลายูอิสลามใน ๓ จชต. ระหว่างปชป.ซึ่งการคงอยู่ของพรรคขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงมลายูอิสลามอย่างสิ้นเชิง กับพท.ซึ่งการลบความอัปยศของพรรคก็อยู่ที่คะแนนเสียงมลายูอิสลามเช่นเดียวกัน เมื่อประกอบ การทำงานในลักษณะ “สยบ”ให้กับโจรของกองทัพ และความไม่พร้อมในการแก้ปัญหาอย่างถูกจุดของหน่วยงานความมั่นคงบางหน่วย กำลังทำความระส่ำระสายอย่างยิ่งให้กับทั้งชาวบ้านและจนท. โดยเฉพาะไทยพุทธ ซึ่งกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพอีกระลอกหนึ่งแล้ว
          ดังนั้น จึงยังคงยืนยันว่า หากไม่มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เชื่อว่าการก่อเหตุก็จะยังคงมีอยู่ต่อไปในลักษณะนี้ต่อไป หากความรุนแรง/ความสูญเสียจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงของแต่ละฝ่ายขึ้นอยู่กับ “การจัดการ”ของ“คนในพื้นที่” ในการที่จะเอาตัวเองรอดให้ได้ ตามภูมิปัญญาของแต่ละคน และจิตสำนึกของ จนท.ในพื้นที่เท่านั้น ปัจจัยภายนอกไม่ว่าจะเป็นมาตรการใหม่ทั้งของรัฐบาล หรือหน่วยงานความมั่นคงซึ่งทำตามหน้าที่ไม่ใช่ด้วยจิตสำนึกและความตระหนัก ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อครรลองที่กำลังจะเป็นไป แต่อย่างใด
          สิ่งที่ต้องพึงตระหนัก ประการแรก การพบว่าในหลายๆเหตุการณ์ ไทยพุทธยังเอาชีวิตรอดได้ เพราะการใช้อาวุธปืนในการยิงต่อสู้ กับคนร้าย ดังนั้นจะมีการกดดันให้ จนท. ตรวจ ยึดอาวุธปืนไทยพุทธหนักขึ้น โดยเฉพาะการกดดันจากแม่ทัพภาค ๔ ซึ่งเชื่อว่าไทยพุทธคือส่วนเกินที่ควรจะหมดไปจาก ๓ จชต. นานแล้ว ประการที่สอง การที่ชาวบ้านหยุดทำงานในวันศุกร์ เป็นเพราะกลัวปืนในมือของแนวร่วม ไม่ใช่เพราะความเข้าใจผิดในเรื่องของศาสนา ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดก็คือการคุ้มครองชาวบ้านไม่ให้ถูกฆ่าเพราะทำงานในวันศุกร์ ไม่ใช่ออกเดินสายทำความเข้าใจกับประชาชนว่าศาสนาไม่ได้ห้ามการทำงานในวันดังกล่าว

สถิติและนัยการก่อเหตุ

สถิติการก่อเหตุ
          การก่อเหตุในช่วง ๑-๓๐ ก.ย.๕๕ เท่าที่รวบรวมได้ แม้จะไม่ครบถ้วน แต่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะทำให้นัยสำคัญของเหตุการณ์ผิดพลาดไปนั้น สรุปได้ว่ามีการก่อเหตุรวมทั้งสิ้น ๘๓ เหตุการณ์ ซึ่งเป็นสถิติที่ใกล้เคียงกับสถิติใน ส.ค.๕๕ ซึ่งมีจำนวน ๘๐ เหตุการณ์ ทั้งนี้ จ.นราธิวาส ซึ่งการก่อเหตุส่วนใหญ่คือการลอบวางระเบิด มีการก่อเหตุสูงสุด รวมทั้งสิ้น ๓๗ เหตุการณ์ โดย อ.ระแงะ มีการก่อเหตุสูงสุด ๘ เหตุการณ์ รองลงมาคือ อ.รือเสาะ ๗ เหตุการณ์ อ.เมือง ๖ เหตุการณ์ รองลงมาคือ จ.ยะลา ซึ่งมีการก่อเหตุ ๒๖ เหตุการณ์ โดย อ.รามัน มีการก่อเหตุสูงสุด ๙ เหตุการณ์ รองลงมาคือ อ. บันนังสตาและ อ.เมือง พื้นที่ละ ๕ เหตการณ์ ส่วน จ.ปัตตานี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีการก่อเหตุสูงสุดติดต่อกันหลายเดือน หากในช่วงรายงาน ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ว่าฯอิสลามกำลังจะเกษียณอายุราชการ กลับมีการก่อเหตุลดลงเหลือ ๑๘ เหตุการณ์ เท่านั้น โดย อ.สายบุรี มีการก่อเหตุสูงสุด ๕ เหตุการณ์ ขณะที่ ๔ อำเภอของ จ.สงขลา มีการก่อเหตุ ๒ เหตุการณ์ ที่ อ.เทพา ทั้งนี้ การก่อเหตุทั้ง ๘๓ เหตุการณ์ แยกเป็นการลอบยิงตัวบุคคล ๔๓ เหตุการณ์ การลอบวางระเบิด ๓๔ เหตุการณ์ การเผารถและบ้านเรือนชาวบ้าน ๓ เหตุการณ์ ซุ่มโจมตี ๑ เหตุการณ์ การลักพาตัว ๑ เหตุการณ์ และการแทง ๑ เหตุการณ์ โดยการก่อเหตุมุ่งกระทำต่อเป้าหมาย soft targets เป็นส่วนใหญ่ และต่อเป้าหมายไทยพุทธ ๕๔ เหตุการณ์ จากการก่อเหตุทั้งหมด ๘๓ เหตุการณ์ส่วนการสูญเสียนั้น พบว่า คนไทยพุทธ(ทั้งชาวบ้านและจนท.)มีการสูญเสีย ๕๔ ราย แยกเป็นการเสียชีวิต ๒๐ ราย และบาดเจ็บ ๓๔ ราย ขณะที่อิสลามมีการสูญเสียรวม ๗๐ ราย โดยแยกเป็นการเสียชีวิต ๒๒ ราย และบาดเจ็บ ๔๘ ราย (ไม่นับรวมผู้บาดเจ็บประมาณ ๕๐ คน ในเหตุการณ์คาร์บอม ที่ จ. ปัตตานีเมื่อ ๒๐ ก.ย.๕๕ เนื่องจากไม่สามารถแยกเชื้อชาติ/ศาสนาได้)

นัยของการก่อเหตุ
         การก่อเหตุมีลักษณะของการแปรเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่ผันแปรอย่างรวดเร็ว แต่ในทางที่เข้มแข็งและท้าทายต่ออำนาจรัฐยิ่งขึ้นตามลำดับ จากการเพลี่ยงพล้ำอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล
         - ลักษณะการก่อเหตุในช่วงต้น ก.ย.๕๕ หลังจากที่นายกไทยต้องเดินทางไปทำความเข้าใจกับนายกมาเลย์ถึงประเทศมาเลเซีย กรณีที่มีการนำเอาธงชาติมาเลย์เข้ามาติดกระจายทั่ว ๓+๑ จชต.ของประเทศไทย เมื่อ ๓๑ ส.ค.๕๕ อีกทั้งยังเดินทางไปขอให้มาเลเซียช่วยแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ทั้งๆที่มาเลเซียคือคู่แข่งทางเศรษฐกิจอันดับ ๑ ของไทย ได้กระตุ้นให้แนวร่วมก่อเหตุเกิดความฮึกเหิมและภาคภูมิใจในความเป็นมุสลิมที่เป็นพี่น้องกันทั่วโลกโดยเฉพาะกับมาเลเซีย และได้สัมผัสถึงความหวาดกลัวของรัฐบาลไทยต่อความเป็นอิสลาม ...........ดังนั้น การก่อเหตุจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งๆที่ควรจะเบาบางลงตามครรลองที่ควรจะเป็น อีกทั้งยังมีการส่งนัยให้มีการหยุดทำงานเสมือนยกย่องมาเลเซียและลบหลู่ไทย อย่างไรก็ตามการก่อเหตุยังเป็นการลอบวางระเบิดที่มีการผิดพลาดสูง และต่อเป้าหมายทั้งพุทธและอิสลามคละกันไป กล่าวคือในการก่อเหตุ ๓๔ เหตุการณ์นั้น แยกเป็นการก่อเหตุที่เจาะจงต่อชีวิตของชาวบ้านไทยพุทธ ๗ เหตุการณ์ และอิสลาม ๑๒ เหตุการณ์
         - ลักษณะการก่อเหตุในช่วงกลาง-ปลายมิ.ย.๕๕ หลังการเข้ามาพบเจรจาต่อรองเพื่อขอเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการบริหาร ๓ จชต. กับพล.ท.อุดมชัย อธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค ๔ ของแกนนำแนวร่วมปฏิบัติการ จำนวน ๙๓ คน นำโดยนายแวอาลี คอปเตอร์ซึ่งมีคดีฆ่า เชือดคอทหาร ในเหตุการณ์ปล้นปืนค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อ ๔ ม.ค.๔๗ และคดีความมั่นคงอื่นๆอีก ๕๐-๖๐ คดี และเหยียบย่ำความศักดิ์สิทธิ์ของกม.ไทย โดยการเดินทางกลับออกไปอย่างลอยนวล เมื่อ ๑๑ ก.ย.๕๕ พร้อมกับได้รับการยกย่องสรรเสริญให้เป็นถึงสุภาพบุรุษ จาก ผบ.ทบ. และความเชื่อมั่นจาก รมว. กห. ที่สำคัญคือ การประกาศความพร้อมที่จะยกเลิกพรก.ฉุกเฉินฯ กม.ฉบับเดียวที่ทำให้จนท.สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของแนวร่วมก่อเหตุโดยไม่ต้องแจ้งขออนุญาติหัวหน้าโจรล่วงหน้า เป็นการตอบแทน จากแม่ทัพภาค ๔ ติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
          ....... ด้วยเหตุนี้ การก่อเหตุจึงได้มีลักษณะของการดูถูกกม.ไทยการรู้เท่าทัน “ปาหี่”การเข้าเจรจาต่อรองระหว่างแม่ทัพภาค ๔ กับแนวร่วม และการไม่ยอมรับแนวร่วมตกรุ่นซึ่งไม่มี น้ำยา แล้ว ด้วยการก่อเหตุถี่ขึ้น รุนแรงขึ้น และอย่างท้าทายขึ้น อีกทั้งยังมีการก่อเหตุเพื่อส่งนัยของพื้นที่ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆของประเทศไทย โดยการข่มขู่ฆ่าผู้ที่ทำงานในวันศุกร์และเร่งสร้างภาพรัฐอิสลามบริสุทธิ์ ด้วยการไล่ล่าสังหารไทยพุทธอย่างหนักและชัดเจนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนโดยเฉพาะที่ จ.นราธิวาส ดังจะเห็นได้จากการก่อเหตุ ๕๓ เหตุการณ์ระหว่าง ๑๔-๓๐ ก.ย.นั้น แยกเป็นการก่อเหตุที่เจาะจงต่อชีวิตของชาวบ้านไทยพุทธถึง ๑๗ เหตุการณ์ และอิสลาม ๑๖ เหตุการณ์ โดยเฉพาะในช่วง ๒๘-๒๙ ก.ย.๕๕ ไทยพุทธถูกยิงถึง ๑๔ เหตุการณ์ จากการก่อเหตุทั้งหมด ๑๙ เหตุการณ์

การเคลื่อนไหวของนักการเมือง องค์กรเอกชน สื่อ อิสลามและ sympathizer
          การรุกอย่างหนักของแนวร่วมรื้อฟื้นรัฐปัตตานี และการถอยร่นอย่างไร้ทิศทางของอำนาจรัฐ จนทำให้ยากต่อการประเมินสถานการณ์ที่ถูกต้องได้ ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของนักการเมือง องค์กรเอกชน สื่อ อิสลามและ sympathizer ในช่วงรายงานดูเหมือนจะเบาบางลง และถอยห่างออกจากปัญหาใน ๓ จชต. ยกเว้นนายนิมุ มะกาเจ ผู้นำศาสนาจาก จ.ยะลาที่ดูเหมือนจะเข้ามาแสวงประโยชน์จากสถานการณ์เพิ่มบทบาทให้กับตนเอง
         - ม็อบอิสลามประท้วงหน้าสถานทูตมะกัน-เผาธงชาติ...เมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. วันที่ ๑๘ กันยายน ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา นายไซยิด สุไลมาน ฮูไซนี กลุ่มผู้นำชีอะห์แห่งประเทศไทย พร้อมกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายอิสลามทั่วประเทศประมาณ ๔๐๐ คน เดินทางมาประ -ท้วงบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำกรุงเทพฯ กรณีสร้างภาพยนตร์เรื่อง “Innocence of Muslims” .....โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตั้งแถวบริเวณสวนลุมพินีท่ามกลางฝนที่ตกอย่างหนัก..........ต่อมาเวลา ๑๕.๒๐ น.กลุ่มผู้ชุมนุมได้เผาธงชาติสหรัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ห้ามปรามเนื่องจากการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมาย แต่กลุ่มผู้ชุมนุม...ได้จุดไฟเผา .... (pantip.com๑๘ ก.ย.๕๕)
          - กลุ่มไทยมุสลิมชุมนุมประท้วงสหรัฐ-กูเกิ้ล จี้ถอดคลิปหมิ่น….. เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๒๗ ก.ย. ที่บริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กลุ่มชาวไทยมุสลิม ในนามกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ประมาณ ๓๐๐ คน รวมตัวชุมนุมหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อขอให้เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ออกมารับหนังสือ ซึ่งเป็นแถลงการณ์ประณามประท้วงภาพยนต์ เรื่อง Innocence of Muslims ? ……เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรช่องซ้ายสุด….. แกนนำผู้ชุมนุมได้ ขึ้นรถปราศรัยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ออกมารับหนังสือ ….. ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนมีอารมณ์โกรธที่ไม่ยอมออกมารับหนังสือ ก่อนจะใช้ขวดน้ำปาเข้าไป …..(ข่าวสด ๒๗ ก.ย.๕๕)
         - สั่งยธ.ช่วย๙๓สมาชิกป่วนใต้ - คลี่คดีบึ้มป่วนนราฯ ที่แท้"วางเอง-เหยียบเอง"........ นายนิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิอิสลามจังหวัดยะลา ผู้นำศาสนาชื่อดัง กล่าวว่า กรณีแนวร่วมก่อความไม่สงบจำนวน ๙๓ คนเข้าพบแม่ทัพภาคที่ ๔ นั้น โดยข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่การมอบตัวหรือนำคนมามอบตัวใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการประสานเบื้องต้นเพื่อพบปะพูดคุยกัน อีกทั้งยังไม่ใช่การเจรจา แต่เป็นการเปิดพื้นที่เสนอความคิดเห็นให้กับผู้ที่มีความเห็นแตกต่างเพื่อนำ ไปสู่สันติในพื้นที่ (สำนักข่าวอิศรา ๑๔ ก.ย.๕๕)
         - ถอดรหัส "หยุดงานวันศุกร์" ข่าวลือ ๒ ชั้น รัฐเสีย ๒ เด้ง....... นิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา ผู้นำศาสนาชื่อดัง ให้ข้อมูลว่า เขาไม่เคยเห็นใบปลิวข่มขู่ให้หยุดทำงานวันศุกร์ แต่เห็นใบปลิวที่ออกมาตอบโต้ว่าการข่มขู่ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการกระทำของ กลุ่มขบวนการ และอ้างว่าเป็นการกระทำของ "คนมีสี"....(สำนักข่าวอิศรา ๑๔ ก.ย.๕๕)

การเคลื่อนไหวของหน่วยงานรัฐ
          ในช่วงรายงานปรากฏการเคลื่อนไหวของหน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะกองทัพในการเข้าไปแสวงประโยชน์จากแนวร่วม การยกย่องการยกย่อง /เทิดทูนโจรและการพยายามแก้ไขปัญหาโดยยังไม่มีความเข้าใจในปัญหาอย่างถ่องแท้ - ผบ.ทบ.คุมป่วนใต้ได้ ๙๐%ค้านตปท.ช่วยไม่อยากเห็นสูญเสีย.....พล. อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางตรวจเยี่ยมการฝึกดำเนินการด้วยกระสุนจริง ของกองทัพภาคที่ ๒ ประจำปี ๒๕๕๕ ที่สนามยิงปืนใหญ่รถถัง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พร้อมกล่าวถึงสถานการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ตนมั่นใจว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้กว่าร้อยละ ๙๐ …..และเป็นที่น่ายินดีที่เมื่อ ๒ วันที่ผ่านมา มีผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่ง เข้ามามอบตัว …. ตนยกย่องว่าคนกลุ่มนี้เป็นสุภาพบุรุษและ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้น จะ…ก่อการร้าย….ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี (innnews๑๓ ก.ย ๕๕)
         - สร้างภาพ‘โอไอซี’๑๗ก.ย. โชว์ตัวบิ๊กเนมโจรกลับใจ “ยุทธศักดิ์” สั่ง มทภ.๔ เร่งประสานกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามอบตัว....เตรียม โชว์ตัวต่อหน้าเลขาฯ สันนิบาตมุสลิม ๑๗ ก.ย. สะพัด! หน่วยความมั่นคงส่งคนเจรจาลับ “สะแปอิง บาซอ-มะแซ อุเซ็ง” ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นเงื่อนไข และรอดูจากนี้อีก ๓ เดือน หลัง “แวอาลีคอปเตอร์ วาจิ” ประกาศวางอาวุธจะมีแนวโน้มอย่างไร ......อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความพยายามในการเจรจาเพื่อยุติการก่อความไม่สงบ แต่ความุรนแรงก็ยังเกิดขึ้นอีก โดยล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน บริเวณ ม.๑ ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี กลุ่มก่อความไม่สงบใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาดจุด ๓๘ ยิงนายวิจิตร์ ทองหนัก อายุ ๔๐ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๙/๑ ม.๕ บ.ลานควาย ต.กอลำ อ.ยะรัง เสียชีวิต ขณะขี่รถจักรยานยนต์พร้อมภรรยาและ ด.ญ.ภัทรธิดา ทองหนัก อายุ ๘ ขวบ เพื่อไปส่งบุตรสาวที่โรงเรียนเทศบาล ๔ เขตเทศบาลนครยะลา ทำให้นายวิจิตร์เสียชีวิต ส่วนภรรยาและบุตรได้รับบาดเจ็บ….(ไทยโพสต์ ๑๕ ก.ย.๕๕)
         - "สุกำพล" ดีใจไฟใต้เริ่มสงบ คุยเดินมาถูกทาง.....ที่วิทยาลัยป้อง-ป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)พล.อ.อ.สุกำพลสุวรรณทัต รัฐมนตรีว่า-การกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการหารือร่วมกับฝ่ายค้านและรัฐบาลถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชาย แดนภาคใต้ว่า .... ในภาพรวมแล้วใน ๓ จังหวัด กับ ๔ อำเภอจ.สงขลา ซึ่งมี ๒ พันกว่าหมู่บ้านมีอยู่แค่ ๓๐๐ หมู่บ้าน ที่เป็นข่าวว่าเกิดเหตุ คิดเป็น ๒๐ % ที่มีปัญหา ภาคใต้ถือว่าสงบ คนมาเลเซียยังมาเที่ยว ........(thaihvac.com ๒๐ ก.ย.๕๕)
         - เลขาฯศอ.บต. แย้ม ปีหน้าอาจยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
         ....... พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือ ศอ.บต. ...ระบุว่า นับเป็นสัญญาณที่ดี ที่กลุ่มก่อความไม่สงบทั้ง ๙๓ คน เข้าพบเจ้าหน้าที่ ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีคนกลับใจเข้าพบเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง.....ส่วนเหตุการณ์ความไม่สงบ... ขณะนี้ยังไม่มีการขยายพื้นที่ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าสถานการณ์จะดีขึ้นตามลำดับ และอาจจะมีแนวโน้มที่จะทำการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ด้านความมั่นคง……. (Innnews ๒๒ ก.ย.๕๕)
         - จ่อลดพื้นที่ใช้พรก.ฉุกเฉิน โจรใต้ยังห้าวบึ้ม!อส.เจ็บ......เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน เวลา ๐๘.๐๐ น. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชา-ชน” ถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
         .......พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวและย้ำว่า การดำเนินงานของรัฐบาลในขณะนี้ เริ่มเป็นไปตามแผนที่วางไว้ทุกอย่าง....ด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช.กล่าว...ว่า..ในปี๒๕๕๖จะมีการยกเลิกการประกาศ ใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในบางพื้นที่ และยืนยันว่าสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นมีอยู่ประมาณร้อยละ ๑๒ -๑๕ ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนร้อยละ ๘๕ ไม่มีเหตุรุนแรง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาล ยังควบคุมสถานการณ์ได้...(แนวหน้า ๒๓ ก.ย.๕๕)
         - กอ.รมน.สบช่อง ๙๓ ผู้แสดงตัว ตั้งทีมดึงขบวนการให้หยุดใช้วิธีรุนแรง…..วันนี้ (๒๖ ก.ย.) พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองโฆษก กอ.รมน.ภาค ๔ สน.เปิดเผยว่า พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ ๔ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ มีคำสั่งแต่งตั้ง “คณะกรรมการประสานงานและรณรงค์เพื่อยุติการต่อสู้ด้วยวิธีรุนแรงในจังหวัด ชายแดนภาคใต้”…..มีหน้าที่ประสานงานและรณรงค์ให้ผู้ที่ยังคงต่อสู้กับรัฐ….. แล้วมาแสดงตัวเพื่อร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีร่วมกันต่อไป
          .....นอกจากนี้ จะมีการแต่งตั้ง “คณะกรรมการอำนวยความสะดวกด้านกระบวนการยุติธรรม” สำหรับผู้ที่แสดงตัวเพื่อยุติการต่อสู้ด้วยวิธีความรุนแรงในพื้นที่ ดำเนินการโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) …..(ASTVผู้จัดการออนไลน์ ๒๖ ก.ย.๕๕)
         -“บิ๊กอ๊อด” เผยพื้นที่สีแดงภาคใต้เหลือ ๑๕ % ……“บิ๊กอ๊อด”ยอม รับอีก ๒ เดือนประเมินยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ เผยพื้นที่สีแดงเหลือแค่ ๑๕ % มากสุด “ปัตตานี” แย้มแกนนำและแนวร่วมจ่อมอบตัวอีกเพียบ……(เดลินิวส์ ๒๖ ก.ย.๕๕)

                                               ............................................