คุกขี้ไก่

            เที่ยวเมืองจันท์ หรือจันทบุรีของผมคราวนี้ จะไปชมคุกในประวัติศาสตร์ที่ปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ อยู่ก่อนถึงท่าเรือประมาณ ๑ กม. "ชมคุกขี้ไก่" ก็อย่าลืมไปชมตึกแดงที่อยู่เกือบถึงท่าเรือแหลมสิงห์ ไปวนอุทยานแหลมสิงห์ ที่อยู่ไม่ไกลกัน แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวดังกล่าว ผมขอย้อนเล่าเรื่องไปกินอาหารที่ "ศูนย์ของฝาก ฯ" เพราะได้เล่าว่าไปกินอาหารพื้นเมืองจันท์ที่ศูนย์นี้ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เล่าถึงของฝากจากเมืองจันท์ ซึ่งเป็นการแปรรูปผลไม้เมืองจันท์ ที่ให้ผลมากมายเกินกว่าที่จะขายเป็นผลไม้สดได้ทัน และบางชนิดก็ทำให้ออกผลได้ทั้งปีจึงต้องคิดนำมาแปรรูป
            อาหารเมืองจันท์หรือจันทบูร สำหรับกับข้าวของชาวจันท์จะหลากหลายไปด้วยผลิตจากผลจากป่า สวนและท้องทะเล เท่าที่ค้นหามาได้มี ๑๖ อย่างด้วยกัน และยังไม่พบว่าร้านอาหารร้านใดที่จะมีครบทั้ง ๑๖ อย่าง แต่ที่ศูนย์กุลนารถที่พาไปชิมมาแล้วก็นับว่ามีมากหรืออาจจะมีครบก็ได้ แต่คณะผมมีแค่ ๔ คน ไม่มีพุงจะใส่ได้หมด จึงสั่งเท่าที่เล่าให้ทราบไปแล้ว ๑๖ ชนิดอาหารคือ แมงกะพรุนดอง และน้ำจิ้มที่ทำเฉพาะจิ้มแมงกะพรุน แกงส้มเนื้อ และไข่ปลาเลียวเชียวใส่ลูกตลิงปลิง "แกงหมูชะมวง" แกงกระวานไก่บ้าน แกงบอน แกงเลียงผักชะอม หน่อไม้ต้มเก้อ แกงเนื้อใส่ยอดสับปะรด แกงขิงใส่เนื้อสับ ข้าวเกรียบอ่อนน้ำจิ้ม ก๋วยเตี๋ยวผัดปูเส้นจันท์ "น้ำพริกปูไข่" น้ำพริกกะปิ (ใส่ระกำ)  แสร้งว่า ผักจิ้มน้ำพริก ที่มีทั้งผักทั่ว ๆ ไป เช่นแตงกวา มะเขือ ผักลวก ผักทอด (ชะอมชุบไข่ทอด)  และพืชผักท้องถิ่นเช่นสาหร่าย หน่อแดง และลูกหย่อง อาหารเมืองจันท์ไม่เผ็ดจัด เผ็ดพออร่อย แกงเผ็ด แกงป่า จะมีกลิ่นของเครื่องเทศเพราะเครื่องแกงของเขาจะใส่ "เร่ว" ซึ่งเป็นพืชสกุลเดียวกับกระวาน เอาแต่เหง้าที่อยู่ใต้ดิน มีกลื่นหอมเฉพาะตัวมาตำใส่ในเครื่องแกงด้วย และเร่วจะเป็นเครื่องแกงสำคัญในการทำให้ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเลียง หรือหมูเลียงมีกลิ่นหอมกรุ่น ต่างกับก๋วยเตี๋ยวทั่วไป ส่วนอาหารสดจากทะเลชาวจันทน์นำกุ้ง หอย ปู ปลาสด มาย่างจิ้มน้ำพริกเกลือ (พริกขี้หนู กระเทียมตำปรุงรสด้วยเกลือ และมะนาวรสจะจัดจ้าน)  อาหารจันท์ที่ผมยกตัวอย่างมา ๑๖ อย่างนั้น เท่าที่ผมนับมา และหากินได้แล้ว ยังมีอีกมากชนิดอาหารอร่อยเฉพาะถิ่นก็มีเช่น ข้าวต้มท่าใหม่ เยื้องธนาคารออมสิน อ.ท่าใหม่ จะเป็นข้าวต้มเครื่องก็ไม่ใช่ ข้าวต้มกับก็ไม่เชิง เพราะเป็นข้าวต้มโรยหน้าด้วยไข่เจียวหั่นฝอย กุ้งแห้งป่น ผักกาดดอง ขึ้นฉ่ายปรุงรสด้วยกระเทียมเจียว พริกไทยป่น และน้ำปลา ขอจบเรื่องอาหารชาวจันท์ที่เคยชิมไว้แค่นี้
            ศูนย์ของฝาก หากไปเที่ยวน้ำตกพลิ้วกลับมารขึ้นถนนสุขุมวิทหรือสาย ๓ เลี้ยวซ้ายไปจนถึง กม.๓๕๕ ก็เลี้ยวขวาเข้าร้าน กินอาหารเสียก่อน อย่าโดดข้ามไป ส่วนที่เป็นร้านอาหารอยู่ทางขวามือ ตรงกลางที่จอดรถคือส่วนที่เป็นศูนย์ของฝาก ได้ความว่าศูนย์ หรือร้านนี้ดั้งเดิมมีสวนผลไม้ประมาณ ๒๐ ไร่

ผลไม้ติดดอกออกผลมากจนขายสด ๆ ไม่ทัน จึงคิดแปรรูป ตอนนั้นคงจะมีทุเรียนทอดเกิดขึ้นแล้ว จึงคิดทำมังคุดพับ ทะเรียนพับ สละพับ การแปรรูปต้องใช้แรงงานคน เป็นฝีมือของท้องถิ่น ช่วนให้ชาวบ้านละแวกนั้น มีงานทำอีกด้วย เช่น ทุเรียนก็เอาที่เหลือจากการทำทุเรียนทอดมาป่น แล้วก็เอามาผสมแป้งสาลี น้ำตาล ไข่ไก่ กะทิ ทุเรียนหรือผลไม้อื่นที่ต้องการจะทำทองพับ สีจะสวย เป็นกลีบดอกไม้แล้วม้วนเป็นรูปกรวยพอคำ มังคุดเป็นสีม่วง โดยใช้เปลือกมังคุด ทุเรียนสีเหลืองอ่อนด้วยดอกดาวเรือง สละสีส้ม สวย มีกลิ่นหอม กรอบ หวาน มัน กินแล้วหยุดไม่ได้ จัดใส่กล่องน่ารัก ถามไถ่ว่ามีขายที่ไหนเขาบอกว่าส่งขายไปทั่ว และส่งให้เซเว่น อีเลฟเว่น ไปขายทั่วประเทศคงจะร่วม ๕๐๐ สาขา และส่งขายให้โลตัสด้วย มังคุดและสละก็ทำแบบเดียวกัน ร้านมีแต่ของอร่อย ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเลยทีเดียว ทุเรียนพับ ทุเรียนกรอบ ทุเรียนกวน มังคุดกวน พายทุเรียน สินค้าพื้นเมือง ฯ ยังมีร้านกาแฟ ILLY  ที่เป็นมุมสงบ นั่งซดกาแฟเย็นสบาย สั่งผลไม้พับมาเคี้ยวไปด้วย "กาแฟอิลลี่" ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกาแฟแบรด์เนมที่ดังที่สุดในโลก
                คุกขี้ไก่และตึกแดง  สถานที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอแหลมสิงห์ ใครไปแหลมสิงห์ต้องไปชมให้ได้ ชมเพื่อย้อนอดีตด้วยว่า ครั้งหนึ่งทหารฝรั่งเศสบุกรุกอธิปไตยของไทย ด้วยการมายึดครองจันทบุรี เมื่อเกิดกรณีพิพาทกับไทยใน ร.ศ.๑๑๒ (พ.ศ.๒๔๓๖) แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ในครั้งนั้นหากแก้ปัญหาด้วยการใช้กำลังเข้าต่อสู้แล้ว ไทยก็คงมีสภาพเหมือนประเทศรอบบ้าน ที่ไม่มีประเทศไหนรักษาเอกราชเอาไว้ได้แม่แต่ชาติเดียว แต่พระปิยมหาราช ทรงยอมเสียแขนเสียขาเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้นั่นคือ การยอมเสียแผ่นดินที่เป็นของไทยมาก่อนเช่น ลาว เขมร เพื่อแลกเอาจันทบุรี ตราด กลับคืนมา

                เส้นทางไปคุกขี้ไก่ และตึกแดง เมื่อออกจากอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เลย กม.๓๔๗ มานิดเดียว จะมีถนนแยกขวาเข้าไปยัง อ.แหลมสิงห์ เลี้ยวขวาเข้าถนน ๓๑๔๗ ไปยัง อ.แหลมสิงห์ ระยะทาง ๑๖ กม. เมื่อเลี้ยวเข้ามาได้สัก ๕๐๐ เมตร ทางขวามือจะมีทางแยกเข้าสู่พุทธอุทยานวัดชากใหญ่ เดี๋ยวนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่ง ของการไปแหลมสิงห์ ควรแก่การเลี้ยวเข้าไปชม และนมัสการพระพุทธรูป ขอนำชมไว้ด้วย ภายในวัดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย กุฎิพระสร้างอยู่ใต้ร่มไม้ มีวิหารธรรมพระอาจารย์มั่น วัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๘ โดยพระอาจารย์มหาบัว ญานสัมปันโน ซึ่งท่านมาจำพรรษาที่บริเววณนี้ ศรัทธาได้ซื้อที่ดินถวาย ๒๙ ไร่เศษ ในขณะนั้นพื้นที่โดยรอบยังเป็นป่าดง สร้างเป็นที่พักสงฆ์ จน พ.ศ.๒๕๐๘ พระอาจารย์ธรรมรัต มาจำพรรษา มีศุภนิมิตว่าเทพมาบอกให้จำพรรษาตลอดไป ในอนาคตจะมีถาวรวัตถุเกิดขึ้น เสริมบารมี พระอาจารย์ฝั้นก็มาบอกทำนองเดียวกัน มีผู้ศรัทธาให้ทุนมาสร้างเป็นจำนวนมาก จึงมีการก่อสร้างมาอย่างต่อเนื่อง แม้ในปัจจุบันก็ยังก่อสร้างอยู่ จึงกลายเป็นพุทธอุทยานปทุมวิทยาญาณสัมปันโน สถานที่สวยมาก ไปชมแล้วจะได้ความรู้ ความเข้าใจ ในสาระของพระพุทธศาสนา มีพระพุทธรูปปางประทานพร นางสุชาดาถวายข้าวปายาส คชสารคู่บัลลังก์แห่งกรุงราชพฤกษ์ พระพุทธไสยาสน์ ประชุมพระอรหันต์ในวันมาฆะบูชา ภาพนี้ประทับใจมากเพราะจะปั้นพระพุทธองค์ เบื้องหน้าปั้นองค์พระอรหันต์นับเป็นร้อยองค์ นั่งชุมนุมกันอยู่ ทุกแห่งมีคำอธิบายโดยละเอียด และจะประทับใจตั้งแต่ผ่านเข้าประตูวัด ที่เป็นเหมือนประตูถ้ำ ชาวพุทธอย่าวิ่งรถผ่านไป
                คราวนี้ไปคุกขี้ไก่ จากวัดชากใหญ่  เลี้ยวขวาวิ่งไปจนผ่านทางแยกซ้ายไปเกาะเปริต และทางไปตัวอำเภอแหลมสิงห์ คุกขี้ไก่จะอยู่ทางขวามือ วิ่งรถช้า ๆ หน่อย เพราะต้นไม้ต้นโต ๆ อยู่ข้าง ๆ และตัวคุกอยู่ห่างจากถนนสัก ๒๐ เมตร คุกขี้ไก่สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๖ เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสลบเหลี่ยม ก่อด้วยอิฐ กว้าง ๔ เมตร สูง ๑๐ เมตร หลังคาเดิมเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้อง พังไปหมดแล้ว แต่ตัวคุกยังอยู่ดี มีประตูเข้าออกหนึ่งช่อง ด้านบนเป็นช่องระบายลม ในอดีตเป็นป้อมที่มีน้ำล้อมรอบ ใช้เป็นป้อมปืน และตรวจการณ์ปากแม่น้ำจันทบุรี ที่อยู่ที่อำเภอนี้ ชาวบ้านเรียกว่า ป้อมฝรั่งเศส เพราะเมื่อฝรั่งเศสมายึดครอง ได้ใช้ป้อมนี้สำหรับกักขังนักโทษ ทั้งทหารญวน คนจีน คนในบังคับฝรั่งเศสรวมทั้งคนไทยด้วย ที่มนุษย์ไม่น่าทำคือ ขังคนไว้ตอนล่าง ส่วนตอนบนเลี้ยงไก่ เพื่อให้ไก่ถ่ายใส่นักโทษ คุกขี้ไก่เลิกใช้งานเมื่อทหารฝรั่งเศสถอนกำลังออกจากเมืองจันท์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๗
                ตึกแดง  เป็นอาคารชั้นเดียว อยู่เลยคุกขี้ไก่เข้าไปจนเกือบถึงท่าเรือ อยู่ทางฝั่งซ้ายของถนน ๓๑๔๗ เป็นอาคารชั้นเดียว สร้างด้วยอิฐถือปูน กว้าง ๗ ม. ยาว ๓๒ ม. ทาสีแดงชาด ภายในแบ่งเป็น ๕ ห้อง มีประตูเปิดถึงกันหมด สร้างขึ้นในบริเวณที่เป็นป้อมพิฆาตข้าศึก ซึ่งเป็นป้อมเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ รัชกาลที่ ๓ ได้โปรด ฯ ให้บูรณะเพื่อรับศึกญวน ฝรั่งเศสได้รื้อเอาอิฐจากป้อมมาสร้างตึกแดง เป็นที่พักของนายทหาร ตึกแดงได้รับการบูรณะ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้
                โอเอวิส ซีเวิลด์ จัดให้ชมการแสดงของปลาโลมาเป็นแห่งแรกในเมืองไทย ไปคราวนี้ไม่ได้เข้าไปชม แต่เคยชมมาแล้ว ๒ - ๓ ครั้ง ไปตามถนน ๓๑๔๗ แยกขวาผ่านที่ว่าการอำเภอ มีป้ายบอกนำทาง ไปดูปลาโลมาแสนรู้ กระโดดขึ้นมาเหนือน้ำให้ชม
                ไปคราวนี้ผมพักที่โรงแรมที่น่าจะดีที่สุดของจันทบุรี เส้นทางผ่านสี่แยกเขาไร่ยามาแล้ว ตรงมาถึงสามแยกมะขาม เลี้ยวขวามาตามถนนสุขุมวิท ก่อนถึงปั๊มเชลล์มณีจันท์จะอยู่ทางขวามือ สถานที่กว้างขวาง ตกแต่งสวยงามมาก โรงแรมหรูสไตล์รีสอร์ท ห้องพักสวย กว้างขวาง สะดวกสบายมาก ราคาพอสมควร มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส แอโรบิค ห้องอบไอน้ำ บริการนวดแบบไทย
                ห้องอาหารกว้างขวาง บรรยากาศดี อาหารเช้าแถมฟรี และมีไม่เหมือนใครที่แตกต่างจากโรงแรมอื่นคือ มีไก่เบตง ซี่โครงหมูต้มหน่อไม้จีน เยื่อไผ่น้ำแดง ต้มเลือดหมู เขาบอกว่าห้องอาหารนี้มีอาหารพื้นเมืองจันท์ด้วย เย็นวันแรกที่เข้าพักเลยไม่ได้ออกไปหากินที่ไหน กินที่ห้องอาหารของโรงแรม อาหารอร่อยไม่ผิดหวัง ลองสั่งมาชิม
                ไก่บ้านต้มกระวาน กลิ่นหอม ซดร้อน ๆ วิเศษนัก หากินได้แต่ที่จันทบุรี
                น้ำพริกไข่ปู เสียดายที่เมื่อก่อนมีร้านคุณแดง ตรงข้ามโรงแรมแกรนด์ ไปวันนี้ร้านคุณแดงกำลังรื้อคงจะเปลี่ยนกิจการ ทายาทคุณแดงเลิกทำร้านอาหาร เสียดายเพราะน้ำพริกไข่ปูไม่มีใครสู้ แต่ชิมมื้อนี้ได้ตัวแทนแล้วที่ห้องอาหารนี้เอง
                กุ้งนึ่งซีอิ้วกระเทียม เพิ่มความอร่อยด้วยการมีน้ำขลุกขลิก
                ปลาเก๋าลวก เนื้อปลาสดมาก จานนี้ราคา ๒๐๐ บาท
                ขาห่านอบบะหมี่, ส้มตำปูดอง ไม่ใช่อาหารพื้นบ้านแต่อยากชิม

......................................................


| บน |