ข้าวแกงสะท้านป่า

            ร้านอาหาร ที่เข้าไปชิมอาหารซึ่งมีทั้งอาหารป่า และอาหารเวียดนาม อาหารป่านั้น จะต้องใส่  "กระวาน" เกือบทุกอย่าง ได้ทั้งกลิ่นที่หอมกรุ่น ได้รสเผ็ดร้อน สะท้านปากเลยบอกต่อว่า อาหารป่าร้านนี้สะท้านปาก เรียกกันไปเรียกกันมา กลายเป็นสะท้านป่า ยกป้ายใหญ่ไว้หน้าร้านว่า ข้าวแกงสะท้านป่า ตัวโตเลยทีเดียว ใครผ่านไปผ่านมา เลยนึกว่าชื่อร้าน และก็เรียกกันว่า ร้านสะท้านป่า ก่อนจะเล่าเรื่องข้าวแกงสะท้านป่า ขอเล่าเรื่องที่ผมตั้งใจจะไปงานเทศกาลกินกระวาน อาหารสมุนไพรและผลไม้ ของอำเภอโป่งน้ำร้อน จันทบุรี เสียก่อน วันที่เดินทางมางานเขายังไม่มี งานมีในวันที่ ๙ พ.ค.- ๑๑ พ.ค. โดยมีตอนงานทุเรียนโลก จัดไปแล้ว ๖ วัน (๓ - ๘ พ.ค.) จัดงานที่บริเวณพื้นที่หน้าอำเภอโป่งน้ำร้อน พื้นที่ไม่กว้างมากนัก กางเต้นท์เป็นหลักในการจัด ผู้ว่าราชการจังหวัดมาเปิดงาน มีการประกวดเทพี น่าจะเป็นเทพีกระวาน มีการประกวดอาหารที่ต้องมีส่วนผสมของสมุนไพรคือ กระวาน ออกร้านขายอาหาร ขายสินค้า ขายผลไม้
            ทีนี้มารู้จักไม้ประจำถิ่น ของจันทบุรีเสียก่อน มีดงนี้
            ต้นสำรอง  อีสานเรียกว่า บักจอง เป็นไม้ยืนต้น ผลของต้นสำรองใช้เป็นสมุนไพร ที่เข้าตำรับยาไทย ผลนำมาแช่น้ำจะพองขึ้น ใส่น้ำตาล ใส่น้ำแข็ง หรือนำเข้าตู้เย็นกินชื่นใจนัก สรรพคุณเป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำ เมืองเก่าของจันทบุรีเคยตั้งอยู่ที่ ตำบลพุงทะลาย ซึ่งเป็นบริเวณที่มีต้นสำรองหนาแน่น และมีการซื้อขายกัน เมืองเก่าแห่งนี้ จึงมีชื่อเรียกว่า เมืองพุงทะลาย และน้ำสำรองนี้ กินแล้วระบายลดพุงด้วย
            ต้นจันทน์  เป็นไม้มงคลของจันทบุรี ลูกทรงกลมแป้นเรียกว่า ลูกจันทน์ ทรงกลมเรียกว่า ลูกอิน ตำรายาไทย และยาพื้นบ้านใช้แก่นผสมกับสมุนไพรอื่น เป็นยาแก้ไข้
            ต้นสอยดาว  เป็นไม้พุ่ม ไม้ยืนต้นสูงได้ถึง ๒๐ เมตร ยอดอ่อนมีขนสีขาว ลำต้นมีสีน้ำตาลออกขาว ใบเดี่ยว ดอกออกเป็นช่อที่ยอด และตามง่ามใบ มีทั้งดอกเพศผู้ และเพศเมีย และดอกสมบูรณ์เพศ  ผลมี ๓ พู มีขนยาวนุ่ม
            ต้นชะมวง  เป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นมีขนาดย่อม จนถึงขนาดกลาง มีอยู่ทั่วไปตามป่าชื้น ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด สรรพคุณ ใบและดอกใช้เป็นยาระบายท้อง รักษาโรคไข้ กัดฟอกเสมหะ  รักษาธาตุพิการ "นอกจากนี้ ใบอ่อนและผล ยังใช้ปรุงเป็นอาหาร มีรสเปรี้ยวคล้ายใบมะดัน" อาหารอร่อยเด็ดคือ แกงหมูชะมวง ไปจันทบุรีต้องหากินให้ได้
            ส้มมะปิ๊ด  เป็นไม้พุ่มคล้ายมะนาว น้ำพริกกะปิใส่ส้มมะปิ๊ด แทนมะนาวอร่อยนัก
            ต้นกฤษณา  ขึ้นอยู่ตามป่าดิบ พบมากที่จันทบุรี สรรพคุณ รักษาโรคปวดข้อ  บำรุงหัวใจ บำรุงปอด และเนื้อไม้หอม ใช้ทำธูปหอม และเครื่องหอมต่าง ๆ
                ต้นกระวาน  เป็นพืชลำต้นตรง อายุหลายปี ใบเหมือนใบหอก ออกดอกเมื่อลำต้นสูง ๒ - ๔ ฟุต ดอกจะออกเป็นช่อ มีสีขาว หรือสีเขียวอ่อน ผลมีขนาดเล็ก ภายในเมล็ดจะมีน้ำมันระเหยอยู่มาก ประโยชน์ของกระวานคือ เป็นเครื่องเทศที่มีชื่อว่า ราชินีแห่งเครื่องเทศ เพราะสมัยโบราณนิยมใช้กันมาก กระวานจะนำไปใช้ในการแต่งกลิ่นอาหาร
                ร้านอาหารสะท้านป่า  หากมาจากตัวเมืองจันทบุรี มาตามถนนสายจันทบุรี - สระแก้ว สาย ๓๑๗ ประมาณ ๔๐ กม. (ปี ๕๑ หลัก กม.ด้านหน้าไม่มีตัวเลข) จะถึงที่ว่าการอำเภอโป่งน้ำร้อน เลยไปนิดเดียว เรียกว่าติดกันคือ สถานีตำรวจ มีสะพานลอยให้เดินข้ามถนนได้ ลงสะพานลอยคือ ร้านข้าวแกงสะท้านป่า อยู่ติดกับปั๊มน้ำมัน ร้านติดกันสองร้าน นั่งร้านไหนก็ได้ มีก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น ในตู้อาหารมีข้าวราดแกง ข้าวแกงป่า อาหารเวียดนาม ผัดเผ็ดปลาดุก ผัดผักรวม แกงเผ็ดกวาง แต่แกงแล้วเหมือนผัดเผ็ดภาคกลาง อย่าไปเถียงเขา เขาเรียกของเขาว่าแกงเผ็ด ปลาบึก หมูป่า ต้มเลือดหมู และชาวอิสลาม มีอาหารจานเด็ด คือ ซุปหางวัว ที่ไม่มีกลิ่นคาวเลย และข้อสำคัญอีกข้อที่ถูกใจคือ ข้าวร้อน อุ่นให้ร้อนตลอดเวลา อาหารไทยทุกอย่างเข้ากระวาน หอมกลิ่นกระวาน สั่งอาหารมาชิมดังนี้
                อาหารไทย หรืออาหารป่า แกงป่าปลาบึก ใส่จานมา แบบผัดเผ็ดภาคกลางคือ แห้ง ไม่มีน้ำแกง แต่เรียกว่า แกงป่า ใส่กระวานหั่นละเอียด
                แกงป่ากวาง ก็เช่นเดียวกัน เป็นแกงแบบแห้งเช่นกัน เผ็ดไม่มากนัก กำลังอร่อย
                แกงหมูชะมวง  กินข้าวแกงที่ไหนในเมืองจันทน์ เป็นต้องสั่งแกงหมูชะมวง ทุกที
                อาหารเวียดนาม  โทรสั่งก่อนดีที่สุด เพราะเขาทำสด ๆ ไม่สั่งไว้จะช้า ต้องคอย
                จ๋าวตม หรือกุ้งพันอ้อย  ภาษาเวียดนาม คำนี้ผมจำแม่น เพราะชอบกิน เมื่อตอนไปรบเวียดนาม เวลามาราชการที่ไซ่ง่อน เป็นต้องหากุ้งพันอ้อย หรือจ๋าวตม กิน และที่สั่งประจำอีก ๒ อย่างคือ แหนมเนือง และ บายุ๋มยั๋ม (ใช้น้ำมะพร้าวอ่อนทำน้ำซุป)  จ๋าวตม ร้านนี้ ทำเก่ง กุ้งบดละเอียดพันท่อนอ้อย พันแล้วนุ่ม ไม่แข็ง น้ำจิ้มร้านนี้แบบเอนกประสงค์คือ มีน้ำจิ้มให้ถ้วยเดียว จิ้มทุกอย่าง จ๋าวตม จานหนึ่งมี ๕ ไม้ ผักอีก ๑ จาน มีผักไผ่ โหระพา แตงกวา ผักสลัด ผักชีลาว
            แหนมเนือง  ปั้นมาเป็นก้อน เหนียวหนึบ เคี้ยวหนุบหนับเลยทีเดียว เครื่องเคียงมีสัปปะรด แทนมะเฟือง กระเทียมสด กล้วยดิบ พริกขี้หนู กระจาดผักรวมกันมากับจ๋าวตม น้ำจิ้มเอนกประสงค์ ถ้วยเดียวจิ้มทุกอย่าง ไม่แยกประเภท เอาแหนมเนืองวางบนแผ่นแป้ง วางเครื่องเคียงแล้ว วางบนผักสลัดอีกที หรือจะกินผักตามก็ได้ ราดน้ำจิ้มให้ชุ่มฉ่ำ ส่งเข้าปาก อร่อยอย่าบอกใครเชียว สั่งอาหารมาแค่นี้ ข้าวร้อน แกงร้อน ช่วยให้อร่อยมากขึ้นอีก ของหวานร้านนี้มี ขนมถ้วย "โอท๊อป" ของที่นี่หวานมัน ยังมีขนมตาล ขนมกล้วย ตะโก้ ใส่มาในกระทงน้อย น่ากินไปหมด
            อิ่มแล้ว กลับเข้าเมืองจันทบุรี ค้างโป่งน้ำร้อนคืนเดียว เลยไม่ได้ดูตอนพิธีเปิดงาน และการตัดสินว่า อาหารของใครที่ทำอาหารปรุงแต่งด้วยกลิ่นของกระวาน จะชนะเลิศ
            งานทุเรียนโลกจะคึกคักในตอนเย็น ปีนี้เข้าเมืองจันทบุรีไปเที่ยวเพียง ๒ - ๓ แห่ง ที่สำคัญคือ
                ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ถนนท่าหลวงบริเวณหน้าค่ายตากสิน ของทหารเรือ หลังคาเป็นรูปพระมาลา หรือหมวกยอดแหลม ภายในประดิษฐานพระบรมรูป พระเจ้าตากสินมหาราช ถือวันที่ ๒๘ ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันตากสิน คือ วันเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระองค์ จะมีการทำบุญตักบาตรและถวายเครื่องราชสักการะ
                ศาลหลักเมืองจันทบุรี  อยู่ตรงข้ามกับศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สันนิษฐานว่า สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงสร้างขึ้นเมื่อครั้งเสด็จเข้าเมืองจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ.๒๓๑๐ และรวบรวมพล ยกทัพไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยา ศาลใหม่ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๔
                ถนนสายหน้าศาลสมเด็จ ฯ นี้ หากวิ่งต่อไปจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ ก่อนขึ้นสะพานทางขวามือคือ ทางขึ้นไปยังวัดโบสถ์เมือง ทางซ้ายหัวมุมถนน (ข้ามแม่น้ำไปคือ วัดจันทนาราม) มีเพิงขายข้าวแกง เรียกว่า ข้าวแกงร้อยปี รู้จักกันดี วันนี้แวะไปเยี่ยม ปรากฎว่าข้าวแกงร้อยปี เลิกกิจการไปแล้ว ได้ความว่า ขนาดชั้นหลาน หรือเหลน ยังอายุปาเข้าไป ๗๐ กว่าปีแล้ว เลยเลิกกิจการ ไม่มีทายาทสืบทอดต่อ ผมเคยเขียนถึงไว้หลายครั้ง ต้องนำมาบอกไว้ด้วย ร้านที่ยืนยันว่า เลิกกิจการคือ ร้านที่อยู่ติดกัน เดี๋ยวนี้มีกาแฟขาย ที่สำคัญคือ กล้วยปิ้ง กล้วยปิ้งของเขาขาย ๗ ลูก ๒๐ บาท มีน้ำเชื่อมให้อีก ๑ ถุง อร่อยนัก ก็ตอนเอากล้วยจิ้มน้ำเชื่อม
                ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำไป เลยไปนิดเดียวจะมีทางแยกขวาเข้าไปยัง อาสนวิหารพระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล ปกติไม่ได้เปิดให้ชม ผมเคยเข้าไปชมในวันอาทิตย์ โบสถ์เปิด ภายในสวยมาก มีประวัติว่าสร้างครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๒๕๔ แล้วย้ายข้ามแม่น้ำจันทบุรี มาเมื่อ พ.ศ.๒๓๗๗ และหลังปัจจุบันสร้างใหม่เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๖ เพราะคริสศาสนิกชน มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิค ตกแต่งภายในด้วยกระจกสี กล่าวกันว่าเป็นวัดคาทอลิก ที่มีขนาดใหญ่ และงดงามมากที่สุด
                วัดไผ่ล้อม  จากวัดคาทอลิก หากวิ่งผ่านทางหน้าโบสถ์ ก็จะไปต่อยังวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวงได้เลย จากวัดไผ่ล้อม หากวิ่งผ่านหน้าพระอุโบสถ ก็จะมายังวัดคาทอลิกได้เช่นกัน พระอุโบสถหลังเดิม ลักษณะตามพระราชนิยม ของรัชกาลที่ ๓ ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา ปัจจุบันสร้างพระอุโบสถใหม่ ในปี ๒๕๕๑ นี้ ใกล้จะแล้วเสร็จ ไปวัดนี้ต้องไปนมัสการพระพุทธไสยาสน์ ในพระวิหาร และไปลอดใต้พระอุโบสถ เพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อยนักก็ไปให้หมอนวด ที่นวดแบบชอง นวดอยู่ในห้องใต้พระวิหาร และนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ
                วัดโบสถ์เมือง  ชมทับหลัง เสมาหินสมัยอยุธยา ทับหลังศิลปะบาปวน ตอนปลาย
                สวนสาธารณสมเด็จพระเจ้าตากสิน  รอบเกาะราชานุสาวรีย์ คือ บึงน้ำขนาดใหญ่ ผมเรียกทะเลสาบน้อย ภายในสวนร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ น้อย เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และออกกำลังกาย ถนนเลียบของบึงที่เป็นถนนคนเดินคือ สถานที่ตั้งร้านค้าในงานทุเรียนโลก และยามค่ำจะครึกครื้นเต็มไปด้วยร้านอาหาร
            พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมด้วยทหารเอกคู่พระทัยสี่นายคือ พระเชียงเงิน หลวงพิชัยอาสา หลวงพรหมเสนา และหลวงราชเสน่หา ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำ ล้อมด้วยสวนไม้ดอก และไม้ประดับงดงามยิ่ง

.........................................................


| บน |