| ย้อนกลับ | |
เมืองละโว้ที่เรารู้จักกันดีก็คือ จังหวัดลพบุรีในปัจจุบัน ผมไม่ได้เกิดที่ลพบุรีแต่อยู่ในลพบุรีนานพอ
ๆ กับอยู่ในกรุงเทพ ฯ ทั้งนี้เพราะเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๑ บิดาของผมซึ่งเป็นนายทหารอากาศเป็นเหล่าช่างอากาศ
ได้ย้ายไปรับราชการที่กองบินน้อยที่ ๔
ตั้งอยู่ที่โคกกระเทียม อยู่ติดกับกองบินน้อยที่ ๒ ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของภูเขาและทั้งสองหน่วยบินก็จะอยู่ติดกับทหารปืนใหญ่ของกองทัพบก
ทหารปืนใหญ่กับทหารอากาศช่วยกันสร้างโรงเรียนให้ลูกหลานทหารได้เรียนกัน รวมทั้งลูกหลานพลเรือนด้วย
ชื่อโรงเรียนสองเหล่าสร้าง
ปัจจุบันโรงเรียนสองเหล่าสร้าง กองทัพบกอุปถัมภ์ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐
ส่วนผมมาเข้าเรียนเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ และศิษย์เก่ารุ่นเดียวกันนี้ที่ถือว่าได้เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
ระดับผู้นำประเทศมาแล้วก็คือ "บิ๊กจ๊อด" ซึ่งท่านหนีผมไปเรียบร้อยแล้ว และอีกท่านหนึ่งก็เป็นพลเอกเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมีศิษย์รุ่นเก่ารุ่นหลัง ๆ เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กันอีกมากมาย
จึงน่าภูมิใจสำหรับโรงเรียนที่เมื่อ ๒๔๘๐ นั้นอยู่เกือบจะกลางป่า
ซึ่งสมัยผมเรียนอยู่นั้นยังทันได้เห็น "รถถ่อ"
คือรถเหมือนรถถ่อของรถไฟ ที่ใช้ไม้ถ่อค้ำให้รถวิ่งไปข้างหน้า ผู้โดยสารจะต้องช่วยถ่อด้วย
ส่วนผมยังเด็กไม่ต้องถ่อนั่งเฉย ๆ อย่าให้ร่วงลงไปก็แล้วกัน เขาวางรางรถถ่อจากสถานีรถไฟโคกกระเทียม
ผ่านทหารปืนใหญ่ ไปสิ้นสุดที่เชิงเขาในศูนย์การทหารปืนใหญ่
เดี๋ยวนี้ถนนสายรถถ่อวิ่งนี่กลายเป็นสี่เลนไปเกือบหมดแล้ว คือถนนที่ชื่อว่า
พหลโยธิน
ซึ่งหลายท่านอาจจะไม่รู้จักแล้วว่า ถนนพหลโยธินที่แท้จริงนั้นคือสายไหน ผ่านตรงไหนบ้าง
ผมขอชี้แจงฉบับย่อคือถนนที่มาจากกรุงเทพ ฯ ผ่านบางเขน หลักสี่ ดอนเมือง ไปรังสิต
บางตอนก็ถูกทับด้วยวิภาวดีรังสิตไปแล้ว พอพ้นรังสิตก็จะไปผ่านวังน้อย สระบุรี
ไปผ่านลพบุรีตรงวงเวียนที่มีพระบรมราชาอนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
แล้วจะเลี้ยวขวาไปผ่านทหารปืนใหญ่ หักซ้ายไปผ่านเขาพระงาม
หักขวาไปโคกสำโรง หักซ้าย (ผมใช้คำว่าหักเพราะถนนหักข้อศอกเลยทีเดียว) ไปตาคลี
ไปพบกับถนนสายเอเซียที่ทางแยกสู่ชัยนาท ไปนครสวรรค์ ไปกำแพงเพชร ตาก เถิน
ลำปาง พะเยา เชียงราย แม่สาย สิ้นสุดทางของถนนพหลโยธิน
เวลานี้ใครไปลำปางไม่มีใครวิ่งไปตามสายนี้แล้ว วิ่งมาถึงกิโลเมตร ๕๔ ที่ประตูน้ำพระอินทร์ก็เลี้ยวซ้ายไปอยุธยา
อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ได้เลยแและเมื่อถึงเถินหากเป็นเมื่อก่อนจะไปเชียงใหม่ต้องหักซ้ายไปลี้
ไปป่าซาง ลำพูน เชียงใหม่ แต่เดี๋ยวนี้พอถึงอำเภอเถินก็ตรงไปลำปางแล้วออกไปเชียงใหม่ได้
จากเชียงใหม่ก็ไปเชียงรายได้โดยไม่ต้องย้อนกลับมาลำปางอีก ขออภัยที่มาลำดับเส้นทางให้ทราบ
เพราะเที่ยวกับผมต้องชำนาญเส้นทาง ผมขับรถด้วยตัวเองมาตั้งแต่หนุ่มจนกระทั่งทุกวันนี้วนประเทศไทยหลายรอบแล้ว
ทำไมเรียกว่าเมืองละโว้ เพราะนักโบราณคดีบอกว่า ลพบุรีนั้นเป็นเมืองเก่าแก่
มีมนุษย์อยู่มานานตั้งหมื่นปีมาแล้ว เอากันแค่พบเจอหลักฐานกันแน่ ๆ ก็ประมาณ
๓,๕๐๐ ปี หากลำดับเหตุการณ์เกี่ยวกับเมืองละโว้คงจะได้ดังนี้
ตั้งแต่ พ.ศ.๑๑๐๐ เริ่มปรากฏศิลปะแบบทวารวดี
ไปจนถึง พ.ศ.๑๖๐๐ จึงเสื่อม
พ.ศ.๑๓๐๐ ลวะปุระหรือละโว้
เป็นศุนย์กลางแห่งหนึ่งของศิลปะทวารวดี
พ.ศ.๑๓๑๑ พระนางจามเทวี
เสด็จจากละโว้ไปครองเมืองหริภุญชัยหรือลำพูน
พ.ศ.๑๕๐๐ ขอมสร้างปรางค์แขก
(ปัจจุบันบูรณะแล้วอยู่กลางเมืองลพบุรี)
พ.ศ.๑๕๖๕ ขอมแผ่อิทธิพลเข้าลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา พบจารึกสมัยสุริยวรมันที่
๑ ที่ศาลสูงลพบุรี
พ.ศ.๑๖๕๖ พระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ สร้างนครวัดที่เสียมราฐ
พ.ศ.๑๗๒๔ พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ สร้างนครธม ที่เมืองเสียมราฐ ให้จารึกลงในปราสาทพระขรรค์
เมืองพระนครกล่าวถึงพระพุทธรูป "ชยพุทธมหานาถ" ที่พระองค์โปรดให้นำมาประดิษฐานที่ลพบุรีและเมืองอื่น
ๆ
ในการแกะสลักภาพที่ระเบียงปราสาทนครวัดนั้นมีอยู่ภาพหนึ่ง ซึ่งมองดูก็รู้ว่าทหารไทย
ภาพนั้นคือภาพของทหารละโว้ ที่ยกไปช่วยขอมรบกับจาม (ญวน) ผมไปยืนมองภาพนี้ที่นครวัดอยู่นานพอสมควร
เพราะทหารในภาพร่าเริงกันเหลือเกิน ไม่มีลักษณะเป็นทหารเกณฑ์ของเมืองขึ้นเลย
แสดงว่าละโว้เวลานั้นมีอำนาจ มีอิทธิพลอาจจจะทัดเทียมกับขอมใน "พระนคร" เลยทีเดียว
เรียกว่าไปรบอย่างไปช่วยมิตร ดังนั้นเท่าที่ผมสรุปมาได้นี้ ก็แสดงว่า
ขอมมามีอิทธิพลในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและถือเอาละโว้ ในอดีตหรือลพบุรีในปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของขอมในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
ผมจึงขอเรียกเมืองลพบุรีในตอนนี้ว่าเมืองละโว้ เพราะเป็นเมืองที่ขอมเข้ามามีอิทธิพลอยู่นาน
ขอมนั้นพอหลังสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ซึ่งเป็นนักสร้างตัวยงก็เริ่มเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว
จนในที่สุดขอมก็ถึงขั้นสูญพันธ์ไปเลยทีเดียว เหมือนอิตาลีไม่มีชาวโรมัน การขุดค้นแหล่งโบราณสถานที่ฮือฮากันมาก
คือการขุดพบแหล่งฝังศพในบริเวณศูนย์การทหารปืนใหญ่
ซึ่งอยู่ชายเขาพระงาม
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนโบราณเหล่านี้ มีความเจริญในทางเทคนิควิทยาสูง เพราะมีเครื่องใช้ที่ทำด้วยโลหะที่มีรูปร่างและเทคนิคในการทำสูง
ไปชมได้ในพิพิธภัณฑ์ของเมืองลพบุรี
ผมจะเล่าถึงโบราณสถานเมืองละโว้ให้ทราบ เริ่มกันตั้งแต่ยุคของทวาราวดีก่อน
คงจะต้องเริ่มต้นที่ "ศาลพระกาฬ"
หรือชาวบ้านเรียกกันว่า "ศาลสูง"
ใครไปลพบุรีหากมาตามเส้นทางถนนพหลโยธิน ก็จะต้องมาผ่านวงเวียนพระบรมราชานุสาวรีย์
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (เลี้ยวขวาไปโคกสำโรง) ตรงต่อไปก็จะผ่านวงเวียนสระแก้ว
(ทั้งสองวงเวียนนี้มีชื่เป็นทางการ) ตรงต่อไปอีกก็จะเข้าเมือง แต่ก่อนที่จะข้ามทางรถไฟสายเหนือ
ก็จะต้องผ่านวงเวียน ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลพระกาฬไปก่อน ศาลได้รับการพัฒนางดงามแล้ว
ไม่เหมือนสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ๆ นั้นใกล้จะพัง มีแต่ลิง ปัจจุบันสวย
แต่ลิงคงเยอะตามเคย
ศาลพระกาฬ
เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่อศาลพระกาฬ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของลพบุรี ซึ่งความจริงก็คือพระนารายณ์สี่กรสลักศิลา
เดิมไม่มีเศียรและกร ต่อมาจึงมีการนำเศียรและกรมาต่อให้ แต่อีกสองพระกรยังไม่ได้ต่อเติมจนถึงปัจจุบันนี้
วัดนครโกษา
เมืองลพบุรีนั้นมีทั้งพุทธและพราหมณ์ ซึ่งละโว้คือเมืองที่ขอมมีอิทธิพลมาก่อน
ดังนั้นหากกษัตริย์ขอมนับถือศาสนาใด ก็ย่อมแผ่เข้ามายังดินแดนที่ขอมมีอิทธิพลด้วย
ก่อนสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ขอมนับถือพราหมณ์ สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จึงไปทางพราหมณ์
ปราสาทนครวัด เป็นพราหมณ์ แต่พอมาปราสาทนครธม (ทั้ง ๒ ปราสาทอยู่ในเสียมราฐ)
กลับเป็นพุทธ เพราะพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ นับถือศาสนาพุทธอย่างเคร่งครัด
สมัยโอรสของท่านเลิกนับถือพุทธกลับทำลายหันไปนับถือพราหมณ์ใหม่ เป็นผลให้ขอมอ่อนกำลังจนสิ้นชาติ
ดังนั้นโบราณวัตถุของละโว้จึงมีทั้งขอมและพราหมณ์ วัดนครโกษา อยู่ติดกับสถานีรถไฟ
ได้ปรับปรุงองค์ปรางค์แล้วเป็นวัดสมัยทวารวดี
อิฐที่ใช้สร้างจะมีขนาดใหญ่กว่าอิฐของสมัยอยุธยา มีแกลบข้าวเหนียวในเนื้ออิฐ
และใช้ดินเหนียวสอเชื่อมอิฐแต่ละก้อน วัดนครโกษามาขุดแต่งกันเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐
ได้พบหลักฐานสถูปและลวดลายปูนปั้นสมัยทวารวดี ยังอยู่ข้างใต้ตัวสถูป เป็นการชี้ว่าในสมัยทวรวดีมาก่อน
แล้วมาถูกเปลี่ยนแปลงเป็นเทวสถานของขอมในยุคหลัง มาต่อเติมกันใหม่ในสมัยอยุธยา
----------------------------------
| ย้อนกลับ | บน | |