| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ล่องใต้ (๑)

            ผมตั้งใจจะล่องใต้เลาะฝั่งอันดามัน ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน ๖ จังหวัดคือ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล แต่จะเริ่มต้นที่สงขลา โดยการล่องใต้ครั้งนี้ ผมไปตามคำเชิญของสมาคมปัญจักสิลัตแห่งประเทศไทย ที่จัดให้มีการแข่งขันชิงแชมป์ปันจักสิลัต ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๒ ที่จังหวัดภูเก็ต เหตุที่มาเชิญผมไปเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน เพราะเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐ ผมเป็นผู้นำกีฬาปันจักสิลัต เข้ามาสู่วงการกีฬาไทย หรือจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่าผมถูกบังคับให้เป็นหัวเรือใหญ่ ในการนำกีฬานี้เข้ามาสู่วงการกีฬาของไทย และจัดตั้งสมาคม ฯ สำเร็จในอีก ๒ ปี ต่อมา ต้องรับตำแหน่งนายกสมาคม ฯ คนแรก และขอเป็นอยู่เพียง ๒ สมัย ก็ส่งมอบให้รุ่นน้อง บริหารกิจการของสมาคมต่อไป  หลังจากนั้น ก็มีนักการเมืองใหญ่ มาครองตำแหน่งนี้ ซึ่งพอถึงวันนั้น กีฬาปันจักสิลัต หรือจะเรียกว่า  มวยแขก ก็ถึงการอวสานคือ ไม่เคยได้เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์อีกเลย สุดท้ายปัจจุบันกิจการของสมาคม ก็บริหารโดย นายพล แห่งกองทัพบกไทยคือ พลตรี อรรควุฒิ โพธิแพทย์ (น้องชายของผมเอง) ผบ.บชร.๔ กีฬาปันจักสิลัตก็เริ่มดังอีก เพราะคนไทยนั้น ได้เปรียบในเรื่องเตะ ต่อย อยู่แล้ว ซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมานักกีฬาไทยคว้ามาถึง ๔ เหรียญทอง จากเหรียญทองทั้งหมด ๒๑ เหรียญ ตอนมาเชิญผมไปเป็นประธาน ในพิธีเปิดนี่ เห็นจะเป็นเพราะ เป็นพี่ชายของนายกสมาคม ฯ เป็นผู้ก่อตั้งสมาคม และเป็นที่ปรึกษาของสมาคม แต่พอถึงกำหนดเวลาจริง ผมไม่สามารถไปได้ จึงขอให้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิด ส่วนประธานในพิธีปิดนั้น สมาคม ฯ เชิญ องค์มนตรี พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์ มาเป็นประธาน ซึ่งตอนที่ท่านยังไม่ตอบรับมานั้น ผมรับเป็นตัวสำรองให้ว่า หากท่านองค์มนตรีมาไม่ได้ ผมจะรับเป็นประธานในพิธีปิดให้เอง แต่พอถึงวันจริง ท่านองค์มนตรีมาเป็นประธานในพิธีปิดได้ ผมก็รับเป็นผู้แจกโล่รางวัลดีเด่นให้แก่ ผู้ตัดสิน ชาย หญิง นักกีฬาดีเด่น ชายและหญิง เหมาคนเดียว ๔ โล่ เลยทีเดียว ส่วนการล่องใต้ของผม เนื่องจากผิดแผน เลยต้องตัดการไประนอง และสตูล ออกไป ซึ่งแผนเดิมนั้น กะไว้ว่า
            เส้นทาง กรุงเทพ ฯ ชุมพร ระนอง ตะกั่วป่า ภูเก็ต (ไปเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน) แล้วต่อไป พังงา กระบี่ ตรัง สตูล แล้วตัดออกทาง อช.ทะเลบัน เข้าสงขลา ทางปาดังเบซาร์ สะเดา หาดใหญ่ เส้นทางกลับ ผ่านพัทลุง ทุ่งสง สุราษฎร์ธานี มาชุมพร กลับกรุงเทพ ฯ ก็จะได้ไปเลาะชายทะเลฝั่งอันดามันได้ครบทุกจังหวัด แถมด้วยสงขลา เมืองสองทะเลคือ ติดทะเลในอ่าวไทย และทะเลสาบลำปำ ของพัทลุง
            แต่เมื่อแผนเปลี่ยน เลยต้องเปลี่ยนเส้นทาง เมื่อไปจากกรุงเทพ ฯ นอนที่ชุมพร ๑ คืน วิ่งระยะทางประมาณ ๕๐๐ กม.  รุ่งขึ้นวิ่งอีกประมาณ ๕๐๐ กม. ก็ไปนอนหาดใหญ่ เที่ยวหาดใหญ่สงขลา แล้ววิ่งกลับมานอนตรังอีก ๒ คืน ได้ไปกันตัง ที่ไม่ได้ไปมากว่า ๒๐ ปีแล้ว จากตรังมานอนกระบี่ แล้วมาภูเก็ต ทันพิธีปิดการแข่งขันปันจิกสิลัตพอดี นอนภูเก็ต ๓ คืน ก็เดินทางกลับมานอนพักที่ชุมพรอีก ๑ คืน แล้วกลับบ้าน
            ล่องใต้ของผมคราวนี้ จึงมีเรื่องเล่าละเอียดได้เฉพาะเมืองที่นอนพักคือ ชุมพร สงขลา (หาดใหญ่)  ตรัง (กันตัง)  กระบี่ (สระมรกต)  พังงา ภูเก็ต ส่วนเมืองที่เป็นทางผ่าน ผมผ่านแต่ละเมืองมาหลายเที่ยวเต็มที ก็จะย่อแหล่งท่องเที่ยวเอาไว้ให้ หรือแหล่งกินระหว่างทาง ที่น่าจะต้องแวะกินอาหาร ก็จะพยายามบอกไว้ให้ด้วย พักร้อนหรือปีใหม่ มีวันหยุดหลายวัน นึกสนุกลองขับรถเที่ยวไป กินไป ตามเส้นทางที่ผมแนะ สนุกอย่าบอกใครเชียว
            เมื่อตั้งใจว่าคืนแรก จะนอนเสียที่ชุมพร กะใช้เวลาขับรถประมาณ ๗ ชั่วโมง รวมทั้งเวลาพักระหว่างแวะปั๊มน้ำมัน และกินอาหารกลางวันด้วย
            ผ่านประจวบคีรีขันธ์ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าแวะเที่ยวคือ
            อุทยานแห่งชาติ ประจวบคีรีขันธ์ ประตูสู่ภาคใต้ (แต่เป็นจังหวัดในภาคกลางมี อุทยานแห่งชาติมากถึง ๔ แห่งคือ
                อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด  เข้าจาก อ.ปราณบุรี ไปเที่ยวทุ่งสามร้อยยอด ไปดูนกนานาชนิด ทั้งนกอพยพ และนกประจำถิ่น มีมากถึง ๒๓๗ ชนิด ไปเขาแดง คลองเขาแดง มีเรือพาเที่ยว หาดสามพระยา หาดต้นสน หาดแหลมศาลา หากเรี่ยวแรงมีมาก ก็ไปถ้ำพระยานคร เพื่อเข้าไปชม "พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์" ที่รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างไว้ การไปถ้ำต้องลงเรือที่แหลมศาลา ติดต่อ อช. ๐๒ ๕๖๑ ๒๙๑๙
                อุทยานแห่งชาติกุยบุรี  ยังไมีมีรายละเอียด พึ่งเปิดใหม่ ติดต่อ ๐๓๒ ๖๑๑ ๑๒๗๕
                อุทยานแห่งชาติหาดวนกร  อยู่ในท้องที่อำเภอทับสะแก พื้นที่ในน้ำเป็นเกาะ ได้แก่ เกาะจาน เกาะท้ายทรีย์ ๒ เกาะนี้ มีปะการังมาก มีหาดวนกร รถวิ่งเข้าถึงชายหาด มีบ้านพัก มีสวนสน มีพื้นที่ให้กางเต้นท์นอนได้ ถนนเพชรเกษม หรือทางหลวงแผ่นดินสาย ๔ แยกซ้ายเข้า อช.ที่ กม.๓๕๐ ติดต่อ ๐๓๒ ๖๐๒ ๖๕๕๔
                อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง  อยู่ในท้องที่ อ.บางสะพานใหญ่ อ.ทับสะแก และ อ.เมือง ประจวบคีรีขันธ์ ไป อช.แห่งนี้ ต้องไปน้ำตกห้วยยาง รถเข้าเกือบถึงน้ำตก ออกแรงเดินสัก ๓๐๐ เมตร ทางเดินสะดวก หาดทรายของ อช.แห่งนี้ ขาวสะอาด มีสวนป่าธรรมชาติ ที่น้ำตกขาอ่อน ขาไปอยู่ฝั่งขวามีป้ายบอกหลายป้าย ไปถึงลานจอดรถ แล้วต้องออกแรงเดินไปอีกประมาณ ๕๐๐ เมตร แต่ฤดูแล้งน้ำจะน้อย น้ำตกขาอ่อนมีชั้นน้ำตกมากถึง ๖ ชั้น นอกจากนี้ใน อช.ยังมีน้ำตกหินดาษ น้ำตกห้วยยาง น้ำตกบัวสวรรค์ น้ำตกเขาล้าน และยังมีสวนป่าห้วยยาง สวนป่าห้วยทราย
                ที่ทำการอุทยาน แยกขวาเข้าไปจากถนนเพชรเกษม ประมาณหลัก กม.ที่ ๓๕๐.๕๐ แยกไปอีก ๗ กม. ถนนลาดยางตลอดถึงลานจอดรถของที่ทำการอุทยาน แล้วเดินต่อไป ชมนก ชมไม้ ตามเส้นทางสวยไปอีก ๓๐๐ เมตร ก็ได้ชมน้ำตกห้วยยาง
                แหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่โด่งดัง และคงไม่ต้องแนะนำคือ "หัวหิน" นอกจากชายหาดจะงดงาม จนเป็นแหล่งตากอากาศแห่งแรกของไทยแล้ว หัวหินยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง เช่น สถานีรถไฟหัวหิน ที่มีพลับพลาที่ประทับ ซึ่งเป็นพลับพลาจัตุรมุข ซึ่งเดิมคือ พลับพลาสนามจันทน์ อยู่ในพระราชวังสนามจันทน์ นครปฐม ได้ย้ายมาสร้างใหม่ที่สถานีรถไฟหัวหิน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑ นามว่า พลับพลาพระมงกุฎเกล้า
                อุทยานสถานโผน กิ่งเพชร  อดีตแชมป์โลกคนแรกของไทย
                เขาตะเกียบและเขาไกรลาส  มีวัดเขาตะเกียบ มีจุดชมวิวหัวหินได้สวย
                เขาหินเหล็กไฟ  มีราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๗  มีลานชมวิวหัวหินงามนัก
                วัดห้วยมงคล  ไม่ไกลจากหัวหิน หากมาจากชะอำ เข้าทางเลี่ยงเมืองที่จะไปออกปราณบุรี แล้วมาเลี้ยวขวาที่สี่แยก ตามป้ายไป น้ำตกป่าละอู วัดห้วยมงคลได้สร้างหลวงพ่อทวด (บอกว่าใหญ่ที่สุดในโลก) สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้า อำนวยการสร้างโดย รองสมุหราชองค์รักษ์ท่านหนึ่ง (อดีตนายทหารปืนใหญ่) ควรแก่การไปนมัสการ
                ที่พัก ผมจะแนะไว้ให้สำหรับท่านที่เป็นทหาร เพราะได้ลดราคาครึ่งหนึ่ง จากราคาเต็มคืนละ ๑,๖๐๐ บาท คือ ที่สวนสนประดิพัทธ์ อยู่เลยหัวหินไปประมาณ ๙ กม. ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของศูนย์การทหารราบ หากจะพักในวันหยุดต้องจองล่วงหน้านาน ๆ เพราะเป็นโรงแรมชั้นดี และยังมีบังกะโลด้วย ติดต่อ ๐๓๒ ๕๓๖ ๕๘๑ - ๓ สถานที่พักแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๔ - ๒๕๐๗ กองทัพบกเคยใช้เป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก มีอยู่ ๕ รุ่น และนักเรียนเสนาธิการเร่งรัดอีก ๒ - ๓ รุ่น ผมเป็นนักเรียนเสนาธิการทหารบกรุ่นสุดท้าย ที่ได้เรียนที่สวนสน น่าเสียดายที่ไปย้ายเสีย เพราะตอนเรียนสมัยนั้น ความรู้สึกว่าไกลบ้าน ได้กลับบ้านในตอนเย็นวันศุกร์ กลับมาโรงเรียนในค่ำวันอาทิตย์ พวกที่ครอบครัวไม่ได้อยู่กรุงเทพ ฯ จึงรู้สึกว่ากลับบ้านลำบาก เช่น อยู่เชียงใหม่ จะกลับไปบ้านก็ไม่ทัน แต่เมื่อสำเร็จมาแล้ว จึงรู้คุณค่าของโรงเรียนที่สวนสน ที่ทำให้เรากลับไปเป็นนักเรียนนายร้อย กิน นอน เรียนด้วยกัน ความรักใคร่กลมเกลียวมีมาก และต่างรุ่นกันก็ไปเรียน เสธ.พร้อมกัน เช่นรุ่นผมเรียนชุด ๔๒ มี จปร. ๑ - จปร.๓ ส่วน เสธ.เร่งรัด ก็ก่อนพวกเราไปไม่น้อยกว่า ๕ รุ่น และต้องพึ่งการเรียนจาก เสธ.หลักสูตรประจำ จึงกลมเกลียวกันดีเยี่ยม และมีผลในการประสานงาน เมื่อสำเร็จแล้วกลับไปทำงานร่วมกัน เช่น พวกหลักสูตรประจำ ไปเป็น ฝอ.๓ แต่ เสธ.เร่งรัด กลับไปเป็นรองผู้การกรม หรือผู้การกรม ก็มี
                ร้านอาหารหัวหิน มีมากมาย อร่อยๆ ที่ชวนชิมเอาไว้ พอเลยตลาดฉัตรไชยทางฝั่งขวาก็เป็นสี่แยก หากเลี้ยวขวามาในยามค่ำ จะเป็นตลาดกลางคืน อาหารการกินมากมาย ของหวานคงต้องยกให้ไอศคริมกะทิ อยู่เยื้องๆ กับโรตี ตรงสี่แยกนี้ หากเลี้ยวซ้าย ตรงหัวมุมฝั่งตรงข้ามเลยที่เดียวคือ ร้านที่พวกผมกินมาตั้งแต่เป็นนักเรียนเสนาธิการ ยังอยู่ดี ได้ชื่อว่าเป็นต้นตำรับของผัดคะน้าปลาเค็ม คือ แกะเอาปลาเค็มทอดแล้วผัดคลุกไปกับคะน้า เลี้ยวซ้ายเลยเข้ามาอีกสี่แยกหนึ่ง หัวมุมฝั่งขวา ขายกาแฟอร่อย สำคัญที่รอบระเบียงร้าน จะมีรถเข็นขายอาหาร ต่างเวลาก็ต่างอาหาร ร้านชวนชิมคือ แผงหน้าร้าน ขายข้าวแกง แกงแพนงอร่อยนัก สายหมด ยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดย้ายไปจากที่เดิม ใกล้ ๆ กันน่าจะเป็นปากซอย ๙๔ ร้านขนมหวานลือลั่น  ขนมแปลก ๆ อร่อยทั้งนั้น เช่น ข้าวฟ่างกวน
                ขอจบแหล่งเที่ยว แหล่งกิน แหล่งนอน ของหัวหินไว้เพียงเท่านี้
                กม. ๒๗๕.๕๐ ร้านที่เคยชนะเลิศของประจวบ ฯ ร้านอยู่ขวามือ อร่อย ราคาถูก ปูทะเลหลน ยำปลาช่อนทุ่ง

                อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ แหล่งเที่ยวคือ เขาช่องกระจก อ่าวประจวบ ฯ ยามเช้าสวยนัก ชมพระอาทิตย์ขึ้น วนอุทยานตาม่องล่าย อ่าวมะนาว ศาลหลักเมือง ที่สร้างยังกับปราสาทหิน ผมเคยพักที่โรงแรม ริมอ่าว ได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นงามสมใจ ที่ชิมกันมานาน อยู่ริมถนนเลียบอ่าวสายเดียวกับโรงแรม ออส่วน หรือหอยนางรมกระทะ ปลากะพงนึ่งซีอิ้ว ผัดฉ่า ร้านนี้เมื่อก่อนยำไข่เต่า  หรือไข่จาละเม็ด เก่งนัก
                จากตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ มาอ่าวมะนาวในเขตของทหารอากาศ แต่เข้าไปเที่ยวได้แล้วทะลุไปออกถนนเลียบชายทะเล ไปผ่านคลองวาฬ ไปยังอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ไม่เคยไปต้องไปให้ได้แล้วจะติดใจ เดี๋ยวนี้มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอด้วย อุทยานหากเข้าจากถนนเพชรเกษม เข้าระหว่างหลัก กม.๓๓๕ - ๓๓๖
                ด่านสิงขร  เข้าทางฝั่งขวา ประมาณ กม.๓๓๒ ด่านแห่งประวัติศาสตร์ที่ทัพพม่า และทัพไทยต่างก็เคยผ่านด่านนี้เข้ามา และยกออกไป แต่มีน้อยครั้งมาก จึงไม่ดังเหมือนด่านพระเจดีย์สามองค์ ด่านสิงขร เลี้ยวขวาเข้าไป ๘ กม. จะเป็นสามแยก หากตรงไปจะเข้าไปยังวนอุทยานหินเทิน หากเลี้ยวซ้ายไปอีก ๔ กม. จะถึงตลาดด่านสิงขร เดี๋ยวนี้เจริญมาก สร้างประตูด่านแล้วมีร้านอาหารใหญ่โต มีตลาดขายสินค้าชายแดน แต่ไม่มากเท่าด่านแม่สาย หรือแม่สอด แต่ที่ด่านอื่นไม่มีคือ ตลาดกล้วยไม้หายาก ราคาถูก
                อำเภอทับสะแก มีร้านอาหารแจ่มแจ๋วอยู่ ๒ ร้าน คือ ร้านอยู่ทางซ้ายมือ ใหญ่โต มีทั้งห้องแอร์และนั่งริมระเบียง อาหารอร่อย จะพักจิบกาแฟ กินขนมเค้มก็ดี ร้านนี้อยู่ต้นทางเข้าตัวตลาดทับสะแก หากเลยไปจนถึงสะพานคนเดินข้ามถนนสะพานที่ ๒ มีอีกร้าน แกงเหลือง อร่อยนัก รวมทั้งอาหารทะเลต่าง ๆ สั่งเข้าไปเถอะไม่แพง
                กม.๓๘๓ มีทางแยกซ้ายไปอีก ๙ กม. เพื่อไปยังหาดบ้านกรูด ชายหาดงามนัก บางแห่งจะเป็นลากูน มีน้ำทะเลขังอยู่เหมือนทะเลสาบน้อยๆ มีเขาธงชัย ซึ่งมีเจดีย์สำคัญบนเขาคือ พระมหาเจดีย์ภักดีประกาศ ซึ่งบนเขานี้จะมี ๓ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือ พระบรมสารีริกธาตุ ที่บรรจุอยู่ในพระมหาเจดีย์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ร้านอาหารอร่อย ๆ ผมยกให้ ๒ ร้าน ทั้งสองแห่ง เยี่ยมทั้งที่พัก และอาหาร
                สถานที่ท่องเที่ยวของประจวบ ฯ ขอสรุกไว้แค่นี้ ของฝากจากประจวบ เช่น ปลาหมึกแดดเดียว และอีกสารพัดปลาหมึก จากตลาดปากแม่น้ำปราณ หรืออ่าวประจวบ ฯ  ก้างปลาทอดกรอบ กะปิเคย กล้วยเล็บมือนาง มะพร้าวทับสะแก ขนมหวาน
                หากวิ่งเลียบชายหาดไปจาก หาดบ้านกรูด ก็จะไปยังหาดแม่รำพึง ซึ่งหาดนี้คลื่นจะแรง ไม่นิยมเล่นน้ำกัน มีที่พัก มีท่าเรือหลายท่า อย่าแปลกใจ หากเห็นร้านคาราโอเกะ เปิดในเวลากลางวัน เพราะลูกเรือส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า ต้องออกเรือไปหาปลากันตอนค่ำ ไม่มีโอกาสในยามค่ำ จะมีเวลาว่างก็ตอนกลางวัน ร้านคาราโอเกะ เลยเปิดตอนกลางวัน เพื่อรับลูกค้าชาวเรือเหล่านี้ เลยหาดแม่รำพึงไปมีอีกหาดหนึ่ง สวยมาก มีเกาะน้อย ๆ หน้าอ่าว คลื่นลมพัดแรงเข้ามาปะทะเกาะ และโขดหินริมหาดคือ อ่าวบ่อทองหลาง สถานที่สวยจริง ๆ ลงเล่นน้ำได้ ไม่มีอันตรายแม้คลื่นลมจะแรงก็คือ บริเวณชายหาดวัดบ่อทองหลาง หาดสวยมาก ลมพัดคลื่นเข้าหาโขดหิน เข้าหาเกาะน้อย ๆ และพุ่งกระจายสูงขึ้น หากเคยไปเห็นที่ฮาวาย หรือนิวซีแลนด์ มาแล้ว เผลอ ๆ จะนึกว่าไปยืนาชมอยู่ที่ชายหาดฮาวาย หรือ นิวซีแลนด์  สวยใกล้เคียงกันขนาดนี้เลยทีเดียว

...............................................................



| ย้อนกลับ | บน | หน้าต่อไป |