พระเจดีย์กลางน้ำ

            ผมให้ชื่อเรื่องว่า "พระเจดีย์กลางน้ำ" หากให้ท่านเดาท่านก็ต้องเดาว่าพระเจดีย์กลางน้ำที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นพระเจดีย์กลางน้ำที่รู้จักกันทั่วไป ผมเองก็ไม่ได้ไปพระเจดีย์กลางน้ำที่พระประแดง และป้อมพระจุลจอมเกล้ามาหลายปีแล้ว คงจะต้องรับไปเพื่อเอามาเล่าให้ฟังโดยเร็ว เพราะผมไปเขียนถึงพระเจดีย์กลางน้ำของจังหวัดระยองเข้าก่อน คือ พระเจดีย์กลางน้ำที่ผมกำลังจะเล่าอยู่นี้ อยู่ที่ จ.ระยอง
            เป็นพระเจดีย์เก่าแก่พอสมควรคือ สร้างเมื่อสมัยรัชกาลที่ ๔ ก็ประมาณเวลาได้ร้อยกว่าปี เป็นพระเจดีย์ทรงระฆัง สูงประมาณ ๑๐ เมตร ประดิษฐานอยู่ที่เกาะกลางแม่น้ำระยอง ได้รับการปฎิสังขรณ์แล้ว ทาสีขาวมองเห็นได้ในระยะไกล
            ประวัติ  พระยาศรีสมุทรโภคชัยโชตชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เป็นเจ้าเมืองระยองในสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้พิจาณาเห็นว่า บรรดาข้าราชการหัวเมืองที่เดินทางมาทางทะเล ผ่านเข้ามาทางปากอ่าวไทยเข้ามาตามลำน้ำเจ้าพระยา เพื่อมาเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่กรุงเทพ ฯ นั้น ได้ใช้ประโยชน์จากเจดีย์กลางน้ำที่จังหวัดสมุทรปราการ เป็นจุดสังเกตว่าได้เข้าสู่อาณาเขตของกรุงเทพ ฯ แล้ว จะได้เตรียมตัวที่จะขึ้นบกตระเตรียมข้าวของที่นำติดตัวมา ท่านเจ้าเมืองระยองจึงได้นำแบบอย่างมาสร้างเจดีย์กลางน้ำที่เมืองระยองบ้าง โดยในสมัยนั้นระยองมีเส้นทางน้ำเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคม พระะเจดีย์กลางน้ำจึงเป็นเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวเรือทุกลำ เพราะเมื่อเดินทางมาจนมองเห็นพระเจดีย์กลางน้ำก็แสดงว่า ได้เข้ามายังปากน้ำระยองแล้ว มีความปลอดภัยแน่นอน มาถึงเมืองระยองแน่ ๆ
            การเดินทางไปยังพระเจดีย์กลางน้ำเมืองระยอง  หากมาตามถนนสายสุขุมวิท หรือทางหลวงแผ่นดินสาย ๓ ก็บอกเป้าหมายง่าย ถนนสุขุมวิทนั้นมาจากทางสัตหีบ เรื่อยมาจนเข้ามากลางเมืองระยอง และจะมาผ่านโรงพยาบาลระยอง มาถึงสี่แยกที่มีธนาคารกรุงเทพ ฯ อยู่ตรงหัวมุม สี่แยกนี้เป็นสี่แยกมีไฟสัญญาณให้เลี้ยวขวา ถนนที่เลี้ยวเข้ามานี่คือ ถนนตากสินมหาราช วิ่งไปจนสุดทางที่สามแยกให้เลี้ยวขวาอีกที จะไปผ่านสะพานข้ามแม่น้ำระยอง ที่จะเข้ามไปสู่แหลมเจริญ และหาดแสงจันทร์ ให้วิ่งผ่านสะพานตรงเรื่อยไปจนผ่านอีกสะพานหนึ่ง ตรงต่อไปอีกจะไปสุดทางที่สะพานข้ามแม่น้ำระยอง ไปยังพระเจดีย์กลางน้ำที่ได้รับการบูรณะอย่างดี มองเห็นสีขาวสะอาดได้ตั้งแต่ระยะทางไกล ๆ ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๒ กม. แต่ผ่านถนนที่สำคัญมาก่อน คือ ถนนตากสินมหาราช สายสำคัญของเมืองระยอง เมื่อก่อนนี้เหมือนตั้งอยู่กลางป่าเปลี่ยว แต่เดี๋ยวนี้ (๒๕๔๖) ไม่เป็นที่น่ากลัวอีกต่อไป ควรแก่การไปสักการะเมื่อมาเมืองนี้
            การเดินทาง เดี๋ยวนี้ไประยองสะดวกมาก ไปได้หลายเส้นทางและหากตั้งใจจะไประยองกันจริง ๆ ก็มักจะไม่ไปตามถนนสายสุขุมวิท หรือทางหลวงแผ่นดินสาย ๓ กันแล้ว แต่ผมยังชอบไปอยู่เพราะผ่านแหล่งเที่ยว แหล่งกิน หลายต่อหลายแห่ง และไม่ไกลกว่ากันเท่าไร
            เส้นทางที่ ๑  หากไปตามถนนสายสุขุมวิท "ขนานแท้ ดั้งเดิม" จะต้องไปตามถนนสุขุมวิทไปผ่านบางนา ตรงต่อไปจนถึง จ.สมุทรปราการ แล้วเลี้ยวซ้ายไปผ่านทางแยกขวาเข้าฟาร์มเลี้ยงจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไปผ่านทางแยกซ้ายเข้าเมืองโบราณที่ผมขอแนะนำไว้อีกครั้ง (ก่อนที่ผมจะพาไปเที่ยว) ว่าอย่างน้อยให้ได้ไปเที่ยวที่เมืองโบราณแห่งนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ส่วนผมไปมาหลายครั้งแล้ว ไปทีไรก็กลับเอามาเขียนเล่าได้ทุกที เพราะจำได้ว่าเขาสร้างมาไม่ต่ำกว่า ๓๕ ปี แล้ว แต่ในปัจจุบันนี้เขาก็ยังไม่หยุดการก่อสร้าง ยังคงสร้างเมืองโบราณของประเทศไทยกันเรื่อยไป พัทยานั้นเป็นเมืองจำลอง แต่ที่เมืองโบราณแห่งนี้สร้างให้คนเข้าไปอยู่ได้จริง ๆ เช่นสร้างตลาดน้ำแม้ไม้ใหญ่เท่าของจริงก็เอาเรือลงไปลอยได้ หรือเรือสำเภาโบราณที่ลอยแท้งเต้งอยู่นั้น ลำโตเท่าเรือสำเภาที่เดินทะเลในสมัยโบราณเลยทีเดียว
            ผ่านเมืองโบราณไปแล้วก็จะมาผ่านทางแยกขวาเข้าสถานตากอากาศบางปู ที่กองทัพบกดูแลอยู่และตั้งมาตั้งแต่สมัยที่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี คือนานกว่า ๕๐ ปีมาแล้ว และได้รับการปรับปรุงทั้งร้านอาหาร จุดชมวิว บ้านพักให้คืนสภาพที่จะมาพัก มาเที่ยว มากินได้ โดยเฉพาะในวันหยุดราชการ
            ผ่านทางเข้าบางปูไปแล้ว ก็วิ่งเรื่อยไปจนถึงบางปะกง สมัยก่อนนี้เมื่อสัก ๕๕ ปีมาแล้ว ผมกับเพื่อนนักเรียนอำนวยศิลป์ (ปากคลองตลาด) เขาชวนผมไปเที่ยวบ้านของเขาที่สัตหีบ เพราะบิดาของเขาเป็นทหารเรือ เหล่านาวิกโยธิน พักอยู่ที่อ่าวเตยงาม ไปสัตหีบสมัยนั้นใช้เวลาร่วมหนึ่งวันเต็ม ๆ และจะต้องเอารถเมล์ที่นั่งมา มาลงแพเพื่อข้ามฟากข้ามแม่น้ำบางปะกงข้ามกันตรงชายฝั่งแม่น้ำบางปะกง อยู่ใกล้ ๆ กับสะพานเทพหัสดินในปัจจุบันนี้นั่นแหละ นั่นคือการไปสัตหีบตามถนนสุขุมวิทเมื่อสมัยที่ผมยังรุ่นหนุ่ม
            แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว พอผ่านคลองด่านไปแล้วก็ถึงบางปะกงก็ข้ามสะพานไปยังฝั่ง อ.เมืองชลบุรี ได้เลย พอใกล้จะถึงตัวเมืองก็จะมีถนนบายพาส แยกซ้ายไปต่อไป เป็นเส้นทางที่ ๒ เดี๋ยวผมก็กลับมาเล่าอีกที
            ส่วนเส้นทางที่ ๑ สุขุมวิทขนานแท้คงวิ่งผ่านเมืองชลบุรี ไปผ่านแยกเข้าอ่างศิลา บางแสน ผ่านตลาดหนองมน บางพระ ศรีราชา พัทยาเหนือ กลาง ใต้ จอมเทียน ทางแยกซ้ายเข้าวัดญาณสังวราราม แยกเข้าวิหารเซียน แยกเข้าพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ แยกเข้าสวนนงนุช เรื่อยไปจนถึงสัตหีบ ซึ่งมีวัดสำคัญคือ วัดหลวงพ่ออี๋ และเป็นฐานทัพเรือสัตหีบ จากนั้นก็วิ่งเรื่อยไปจนถึงเมืองระยองคือ ถนนสุขุมวิท
            ส่วนเส้นทางที่ ๒  นั้น หากมาจากกรุงเทพ ฯ เดี๋ยวนี้นิยมมาตามถนนมอเตอร์เวย์จะเร็วมาก เสียค่าด่วนสองครั้ง ๖๐ บาท เข้าทางด่วนมอเตอร์เวย์ทางถนนพระราม ๙ วิ่งกันตรงเลยทีเดียว จนมาบรรจบกับถนนสาย ๓๖ ไปพัทยา ซึ่งจะเลี้ยวซ้ายไประยองได้ แต่ไม่ได้ผ่านตัวเมืองโดยตรง ถึงระยองแล้วจะต้องเลี้ยวขวาเข้าตัวเมืองอีกที จึงจะไปพบถนนสุขุมวิท
            ส่วนเส้นทางที่ ๓  ก็คงต้องไปตามถนนสายบางนา - ตราด เดี๋ยวนี้ก็มีทางด่วนวิ่งรวดเดียวจากบางนาไปยังบางปะกง แล้วไปต่อเข้าบายพาสได้ ไปบรรจบกับสุขุมวิท หรือจะเลี้ยวซ้ายเข้าสาย ๓๖ ไปบรรจบกับสายพัทยา ระยองก็ได้เลย ทุกสายไปได้รวดเร็วมาก รวมทั้งสุขุมวิทสายดั้งเดิมที่ผมเล่ายาวมานี้ รวมระยะทางแล้วก็ประมาณ ๑๘๐ กม.
            ระยอง มีอุทยานแห่งชาติถึง ๒ แห่ง ทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้กรุงเทพ ฯ นิดเดียว คงเหมือนสระบุรี หรือสุพรรณบุรี ที่อยู่ใกล้กรุงเทพ ฯ ก็มีอุทยานแห่งเช่นกัน
            อุทยานแห่งชาติทางทะเล คือ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๙ สื่อมวลชนได้ประโคมกันว่า เกาะเสม็ด หรือเกาะแก้วพิศดาร ของท่านกวีเอกสุนทรภู่นั้นสกปรกอย่างยิ่ง จากการที่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวแล้วก็ยังไม่ช่วยกันรักษาความสะอาด พากันทิ้งขยะ (ไม่ต้อง พ.ศ.๒๕๑๙ เอากัน พ.ศ.๒๕๔๖ ก็ยังมีคนเห็นแก่ตัวไม่ยอมเดินไปทิ้งลงถุงขยะที่เขาวางไว้ให้ ทิ้งมันดื้อ ๆ ตรงแถวที่นั่งนั่นแหละ) ชาวบ้านเริ่มมาสร้างเพิงขายอาหาร เพิงพัก บุกรุกแผ้วถางต้นไม้ทำลายป่าบนเกาะเสม็ด เพื่อให้ได้พื้นที่มาบริการลูกค้า "ร่มชายหาด" ถูกกางเต็มหาดเพื่อให้ความสุขแก่พวกนักดื่ม นักกิน เพื่อทำลายความสวยงามของชายหาด เป็นความสุขของคนส่วนน้อย แต่หาดพัง หมดความงามไปเลยทีเดียว และถึงขั้นการท่องเที่ยวกับระยอง คิดจะสร้างกระเช้าไฟฟ้าข้าฝั่งจาก "บ้านเพ" มายังเกาะเสม็ด มีการต่อต้านการให้สัมปทานผูกขาดการท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด จนผลที่สุดในปี พ.ศ.๒๕๒๓ กรมป่าไม้จึงตื่นตัวอย่างเต็มที่ ได้มีการสำรวจหาข้อมูล ให้รวมถึงเขาเตี้ย ๆ ที่อยู่ริมทะเลบริเวณบ้านเพ ที่เรียกว่า เขาเบล็ด - แหลมหญ้า และชายหาดแม่รำพึง รวมถึงเกาะเล็ก เกาะน้อย อ่าว ชายทะเล แหลมต่าง ๆ และรวมไปถึงเกาะอีกหลายเกาะ และสุดท้ายคือ การประกาศตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด เมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๔
            สภาพของอุทยานจึงมีพื้นน้ำมากกว่าพื้นดิน เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งที่ ๓ มีสัตว์ป่าไม่น้อยกว่า ๖๐ ชนิด เสือปลา ก็มี งูจงอางก็ยังมี งูทะเลก็มี และนกอีกมากมายหลายชนิด แหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาตินี้คือ หาดแม่รำพึง เขาเบล็ดรำพึง เขาเบล็ดและเขาแหลมหญ้า เกาะเสม็ด อ่าวกลาง หาดทรายแก้ว อ่าวดอก หรืออ่าววงเดือน อีกมากมายสุดที่จะจารไน ลองถามที่พัก ที่เที่ยวดูได้จาก ๐๓๘ ๖๕๓๐๓๔ และที่พักถาม ๐ ๒๕๖๑ ๒๙๑๙
            อุทยานแห่งชาติ เขาชะเมา - เขาวง  อุทยานแห่งนี้ครอบคลุมท้องที่อำเภอแกลง อ.ระยอง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ยังมีสภาพป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของจังหวัดระยอง มีสัตว์ป่าชุกชุม ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๘
            เขาชะเมา เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ยอดที่สูงที่สุด สูง ๑.๐๒๘ เมตร เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำ ลำน้ำประแสร์ สภาพป่ายังเป็นป่าดงดิบชื้น สัตว์ป่ามีสัตว์ใหญ่ ๆ เช่น ช้าง เสือ กระทิง วัวแดง หมี หมูป่า เป็นต้น จุดเด่นที่น่าสนใจในการท่องเที่ยวคือ น้ำตกเขาชะเมา - เขาวง อยู่ใกล้ที่ทำการอุทยาน ห่างจากถนนใหญ่เพียง ๑ กม. มีผาสวรรค์ น้ำตกคลองปลากั้ง ถ้าเขาวง เป็นต้น การเดินทางไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติจะต้องเดินทางผ่านสามแยกแกลง ไปทางจะไปจันทบุรีตามถนนสุขุมวิทประมาณ ๒ กม. จะมีทางแยกซ้ายมีป้ายบอกไว้แยกตรงตลาดเขาดิน เข้าทางหลวง ๓๓๗๗ เลี้ยวเข้าไป ๑๗ กม. จะพบทางแยกขวาเข้าที่ทำการ ฯ แต่การเดินทางไปเที่ยวเขาชะเมา และเขาวง หรือถ้ำเขาวงนั้นแยกทางกัน ถามจากที่ทำการ ฯ ดีที่สุด เพราะที่เที่ยวมากเหลือเกิน โดยเฉพาะนักเที่ยวถ้ำ จะมีถ้ำให้ท่องมากมายหลายสิบถ้ำ ที่อุทยานมีบ้านพัก ติดต่อที่ทำการอุทยาน หรือที่ ๐ ๒๕๖๑ ๒๙๑๙ ผมเองยังไม่เคยไปพัก เพราะสถานที่ไม่สะดวกสำหรับคนสูงอายุ
            ขอพากลับมาเที่ยวในตัวเมืองระยอง ต้องเที่ยวกัน "ฉบับย่อ" เพราะระยองนั้นสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่แล้วต้องเที่ยวตามธรรมชาติ ผมพึ่งพาไปพระเจดีย์กลางน้ำ แต่ก็เหมือนเที่ยวธรรมชาติเช่นกัน ล้อมองค์พระเจดีย์คือ น้ำและป่าชายเลน แต่เลยไปนิดเดียวคือถนนเลียบชายหาด จึงขอจับเที่ยวตรงนี้ก่อน

            หากมาจากสี่แยกกลางเมืองคือเลี้ยวขวาตรงมุมธนาคารกรุงเทพ ฯ  ก็จะเข้าถนนตากสินมหาราช หรือหากมาจากพัทยามาตามถนนสาย ๓๖ จนถึงระยอง ข้ามสะพานถึงสี่แยกไฟสัญญาณ ให้เลี้ยวขวาเข้าเมืองวิ่งตรงเรื่อยไปจะผ่านสี่แยกที่กลางเมือง และตรงต่อไปอีกจะถึงชายหาดซึ่งหากเลี้ยวซ้ายก็จะมายังแหลมเจริญ และทางขวาคือ หาดแสงจันทร์ ตลอดหาดนี้มีโรงแรมลักษณะเป็นคอนโดมากกว่าเป็นโรงแรม แต่สูงหลายชั้น มีร้านอาหารหลายร้าน ร้านที่ควรแนะนำเพราะอาหารอร่อยมากแต่ราคาก็สูงมากเช่นกัน (ไม่เรียกว่าแพง สูงตามประเภทอาหาร) คือร้านที่อยู่ปลายแหลมเจริญ เรียกว่าวิ่งกันจนสุดทางก็พบเอง อยู่ซ้ายมือริมแม่น้ำระยอง ร้านกว้างขวางมาก สุขาแจ่มแจ๋วเป็นสากล อาหารยอดฮิตปลากะพงราดน้ำปลา (ขีดละ ๔๐ บาท) ผัดผักโต้วเหมียว ผักเพื่อสุขภาพ กินแล้วระบบขับถ่ายจะดีเยี่ยม กุ้งสลัดเผือก "แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว" (๓๐๐ ยฃบาท) กุ้งใหญ่เผา กิโลกรัมละ ๖๐๐-๙๐๐ บาท ปูนิ่มทรงเครื่อง ๒๕๐ บาท อาหารอร่อยทุกอย่าง เลยบอกราคาไว้ด้วย ๐๓๘ ๖๑๓๔๙๒ ไปเที่ยวหาดนี้จะเห็นหมู่บ้านชาวประมาง และเรือประมงจอดเรียงรายในแม่น้ำ
            วัดป่าประดู่  เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา หากมาตามถนนสุขุมวิท พอผ่านหน้าโรงพยาบาลระยองให้เลี้ยวซ้าย (หรือจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยข้างโรงพยาบาลก็ได้) วัดนี้เดิมชื่อวัดป่าเลไลยก์ แล้วมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดป่าประดู่ เพราะมีต้นประดู่ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ในวัด เป็นวัดพระอารามหลวง มีสิ่งสำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ เป็นพระนอนตะแคงซ้ายอยู่ในพระวิหาร มีอุโบสถหลังใหม่เป็นพระอุโบสถที่พึ่งสร้างงดงามแต่ที่ต้องยกย่องคือ การย้ายพระอุโบสถหลังโบราณจากพื้นที่จะสร้างหลังใหม่ อยู่ห่างจากพระอุโบสถใหม่ประมาณ ๓๐ เมตร ย้ายมาทั้งหลังเลยทีเดียว เดิมเจ้าอาวาสจะรื้อท่านก็ล้มป่วยลง จนบริษัทรับเหมาทราบเข้ารับงานย้ายพระอุโบสถ เจ้าอาวาสตกลงให้ย้ายแต่ไม่รื้อทิ้ง เจ้าอาวาสก็หายป่วย ให้ชมที่หน้าบันและด้านหลัง มีปูนปั้นงามนัก วัดยังมีวิหารพระป่าลิไลยก์ อยู่หน้าพระอุโบสถหลังเก่า
            วัดเก่าอีกวัดหนึ่ง ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชคือ วัดโขดทิมทาราม เดินข้ามถนนจากวัดป่าประดู่ เข้าซอยข้างธนาคารไทยพาณิชย์ มีจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เรื่องทศชาติชาดก
            ศาลหลักเมืองระยอง  หากไปตามถนนสุขุมวิท ผ่านโรงแรมระยอง แล้วให้เลี้ยวขวาเข้าถนนหลักเมือง ศาลนี้สร้างมาตั้งแต่สมัย พ.ศ.๒๔๓๘ เป็นศาลเจ้าจีนมาก่อน และมาสร้างใหม่เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๔
            ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ตั้งอยู่ในวัดลุ่มมหาชัยชุมพล หน้าศาลมีต้นสะตือใหญ่ กิ่งก้านแผ่ปกคลุมให้ความร่มเย็น องค์พระรูป ฯ ประทับยืน ขนาดเท่าพระองค์จริง ทรงเครื่องกษัตริย์ พระหัตถ์ขวาทรงดาบ มีพระบรมรูปขนาดเล็กสูงประมาณ ๑ เมตร ประทับยืนอยู่ตรงหน้าให้ปิดทองได้ วัดอยู่ถนนตากสินมหาราช พอเลี้ยวเข้าถนนสายนี้ก็เลี้ยวเข้าวัดได้เลย ต้นสะตือใหญ่ต้นนี้ชาวระยองนับถือมากเพราะเมื่อครั้งเสด็จมาพักทัพที่ระยองก่อน ไปตีจันทบุรีนั้น มาพักทัพที่นี่ ผูกช้างทรงไว้ที่ใต้ต้นสะตือนี้ และบรรดาข้าราชบริพารที่ตามเสด็จมาในทัพ พึ่งยกย่องให้เป็น "เจ้าตาก" (ยังไม่ใช่กษัตริย์) ยกย่องกันที่ประทับอยู่ ณ เมืองระยองนี้ และออกว่าราชการก็จะประทับอยู่ใต้ต้นสะตือนี้ ชาวเมืองจึงนับถือ แม้แต่ตราประจำสำนักงานเทศบาลระยองก็เป็นรูปช้างทรงของพระเจ้าตากสินมหาราช ผูกอยู่ที่โคนต้นสะตือ

            นอกจากอาหารทะเลที่แหลมเจริญซีฟู๊ด ระยองมีร้านอาหารไม่มากนัก เหมือนตราด เขาบอกว่าเพราะสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองน้อย อาหารสด ราคาถูก อาหารถุงหรือร้านอาหารธรรมดาที่ไม่ใช่แหล่งนักท่องเที่ยวราคาถูก เลยไม่นิยมกินอาหารนอกบ้านกันนัก
            มื้อค่ำ ในห้องคอฟฟี่ช๊อฟ
            เป็ดย่าง หากไม่ออกรสหวานนิด ๆ จะอร่อยมากกว่านี้ นุ่ม รดน้ำชุ่มฉ่ำ มีผักกาดเขียวรองจาน หนังไม่กรอบ
            พล่าชาวเล จานนี้อย่าโดดข้ามไปเพราะอร่อย เป็นแกล้มอย่างดีทีเดียว กุ้งตัวเล็ก สมุนไพรรสไทย
            กระเพาะปลา ยกมาร้อนโฉ่ ใส่ไก่ฉีก เห็ดหอม ไข่นกกระทา น้ำเข้มข้น ซดชื่นใจนัก
            ขาหมู เนื้อหมูมาก เปื่อย น้ำพะโล้รสดี ราดข้าวได้ แนมด้วยผักกาดดอง
            น้ำพริกลงเรือ วางถ้วยน้ำพริกมาตรงกลาง ล้อมด้วยผัก ๗ ชนิด ทั้งผักสดและผักลวก น้ำพริกข้น มีไข่เค็มทำเป็นลูกกลมเล็ก ๆ มีพริกขี้หนูโรยหน้า ไม่เผ็ด อร่อยลูกเดียว
            อย่าสงสัยว่าทำไม ไม่ค่อยมีอาหารทะเล เพราะชาวระยองอยู่กับทะเลเลยหาอาหารอื่นกิน เช่น เมื่อก่อนร้านสมาคมประมง อยู่ริมแม่น้ำระยอง อาหารอร่อยของเขาคือ ไก่อบสลัดผัก ต้มยำระกำ และหมูสองชั้นทอด ถามเขาบอกว่าสมาคมประมง สมาชิกเป็นชาวประมงออกทะเลกันทุกวันเลยเบื่ออาหารทะเล เดี๋ยวนี้ร้านนี้ย้ายไปแล้ว ตามหาพบแล้วยังไม่ได้ลองชิม
             ปิดท้ายด้วยผลไม้ ตามฤดูกาล

.......................................................

| บน |