| ย้อนกลับ | |
จะพาไปเที่ยวเกาะสีชัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ขอขึ้นต้นด้วยยคำขวัญของอำเภอเกาะสีชัง
จุฑาธุชราชฐาน
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ วัดไหนเกาะขาม ลือนามพระพุทธบาท
หาดทรายงามล้ำค่า
เมืองท่าพาณิชย์
ผมได้เล่าไว้ในตอนที่แล้วว่าผมไปศรีราชา ด้วยความตั้งใจที่จะไปยังเกาะสีชัง
และต้องรีบไป สำหรับวัยอย่างผม ก่อนที่จะหมดแรงขึ้นบันไดกว่า ๑๕๐ ขั้น ไปนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ที่อยู่บนยอดเขาคยาศิระ
เป็นการไปไม่ทราบว่าครั้งที่เท่าใด และคงจะไปอีกแต่คงไม่ได้ขึ้นเขาไปไหว้เจ้าพ่อ
อาจจะขอไหว้อยู่เชิงเขา หรือไม่นั้นก็ขอพลังพิเศษจากเจ้าพ่อให้มีแรงฮึดขึ้นเขาได้
อยากไปอีกเพื่อไปดูความเปลี่ยนแปลงในการบูรณะ พัฒนาพระราชฐาน "พระจุฑาธุชราชฐาน"
อยากเห็นพระราชฐานเก่าแก่แห่งนี้ แม้จะไม่นานมากนัก แต่ก็นานกว่าร้อยปีมาแล้ว
อยากเห็นให้มีความงดงามเช่นเดียวกับพระราชวังบางปะอินที่องค์ผู้สร้างความเจริญ
ความงดงามแก่พระราชวังบางปะอิน มากยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งก็ทรงพระราชทานความเจริญ ความงดงามให้แก่เกาะสีชัง ตลอดจนประทานความผาสุขให้แก่ชาวเกาะสีชัง
จึงได้แต่ภาวนาขอให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ ช่วยพัฒนาให้งามเหมือนพระราชวังบางปะอิน
โดยเร็วจะนำรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างมหาศาลมาสู่ พัฒนาทั้งความสะดวก ความรวดเร็วในการเดินทาง
แหล่งน้ำ แต่อย่าไปพัฒนาถนนให้ดีและมีมากกว่านี้ อย่าให้รถวิ่งกันเต็มท้องถนน
บีบแต่กันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขออย่าให้เป็นเช่นนั้น ให้งามสงบ ใกล้เคียงกับเกาะเกร็ดของนนทบุรีที่เงียบสงบ
ไม่มีแม้แต่รถมอเตอร์ไซด์วิ่ง หรือแม้แต่รถจักรยานจะถีบไปไหน หากพบเห็นคนเดินในถนนแคบ
ๆ ของเขา เขาก็จะไม่ดีดกระดิ่งกัน จะจอดรอให้คนเดินหรือจำเป็นเขาใช้ปากร้อง
"กริ๊ง กริ๊ง" ฟังแล้วน่ารัก
ผมได้เล่าแล้วว่าผมไปศรีราชาคราวนี้ผมไปนอนพักที่โรงแรมที่ผมชอบพักเสมอ เพราะเงียบสงบ
ไม่มีเสียงตึง ๆ ในเวลากลางคืน ติดทะเล อาหารอร่อยมาก ราคาไม่แพง ทั้งที่พักและอาหาร
เพราะหากพักที่นี่แล้ว พอรุ่งขึ้นเราขอจอดรถเอาไว้ที่โรงแรม จะข้ามไปพักที่เกาะสีชังสักคืนก็ได้
เพราะมีโรงแรมที่พักที่สะดวกพอสมควร แต่หากเป็นประเภทรีสอร์ท และบังกาโลมีแยะ
สะดวกสะบายดี และอยู่ริมทะเลใกล้ท่าเรือ ได้ไปครั้งหลัง ๆ จอดรถทิ้งไว้ที่โรงแรมศรีราชาลอดจ์
แล้วไปเที่ยว แค่ไปเช้าเย็นกลับ ได้กินอาหารกลางวันที่เกาะสีชัง ๑ มื้อ ราคาถูกและอร่อย
เมื่อจอดรถเอาไว้ที่โรงแรมแล้ว ออกมาที่หน้าโรงแรมบอกยามหน้าประตูว่าให้เรียกรถเครื่องให้ที
เขาก็จะออกไปยืนส่งสัญญาณที่หน้าประตู ไปยังรถสามล้อเครื่องที่จอดกันอยู่แถว
ๆ หน้าโรงพยาบาลที่ไม่ไกลกันนักไม่ถึง ๒ นาที รถเครื่องก็จะมารับเรา พาไปยังท่าเรือชื่อท่าจรินทร์
อยู่ถนนเจิมเจิดพล ซอย ๑๔ คือถนนที่ผ่านหน้าปากซอยของโรงแรมนั่นเอง
รถเข้าไปส่งได้จนถึงเรือลำที่จะออกเดินทาง ซึ่งเรือจะอออกจากท่าจรินทร์นี้ทุกชั่วโมงและตรงเวลา
พร้อมกันนั้นเรืออีกลำของอีกบริษัทหนึ่งก็จะออกจากท่าเกาะสีชัง เรือจะใช้เวลาวิ่งข้ามทะเลระยะทางประมาณ
๑๒ กม. ใช้เวลาประมาณ ๔๐ นาที เรือไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม แต่ไม่ร้อน ค่าโดยสารประมาณ
๒๐ บาท นั่งชมทะเลไปเดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว พอเรือวิ่งออกจากท่าหากมองไปทางซ้ายจะเห็นสะพานท่าเรือ
๒ แห่งที่ทอดยาวมาในทะเลคือ สะพานไปยังท่าเรือน้ำลึก
จะมองเห็นเรือเดินสมุทรลำโต ๆ ที่เข้ามายังท่าเรือกรุงเทพ ฯ ไม่ได้จอดถ่ายสินค้าอยู่
และพอยิ่งใกล้จะถึงเกาะสีชัง จะยิ่งเห็นเรือเล็กที่นำสินค้ามาจากท่าเรือกรุงเทพ
ฯ หรือกำลังถ่ายสินค้าจากเรือเดินสมุทรเพื่อเข้ามาส่งท่าเรือกรุงเทพ ฯ มีจำนวนมากมายหลายสิบลำเลยทีเดียว
ส่วนเรือประมงนั้นจะมองเห็นจอดกันแน่นชัดตรงท่าเรือจรินทร์
เมื่อเรือไปถึงเกาะสีชังจะแวะที่ท่าล่างหรือท่าเทววงศ์
นักตกปลามักจะถือเบ็ดลงมาที่ท่านี้ ส่วนเรามาเที่ยวอย่างเดียว
ก็ไปลงที่ท่าบนคือท่าภานุรังษี
เรือจะมีเดินตั้งแต่ ๐๖.๐๐ - ๑๘.๐๐ ทุกชั่วโมง
พอขึ้นจากเรือจะมีสามล้อเครื่องมาถามความต้องการว่าจะไปกับเขาไหม มีราคารอบในของเกาะราคา
๑๕๐ บาท ราคาเหมารอบเกาะรอบใหญ่ ๒๕๐ บาท คนขับสามล้อเป็นไกด์ให้เราเสร็จ สามล้อเครื่องของเกาะสีชังจะไม่เหมือนของใคร
เรียกว่ารถสกายแล๊บ เพราะเขาใช้เครื่องยนต์ของรถเก๋ง ใส่เข้าไปในรถที่มีรูปร่างเหมือนรถสามล้อเครื่องทั่วไป
แต่กว้างและยาวกว่า นั่ง ๔ - ๖ คน ได้อย่างสบาย ๆ เหตุผลที่รถกว้างและยาวกว่ารถตุ๊กตุ๊ก
เพราะถนนแคบ ประมาณเมตรเศษ ๆ และทางลาดชัน ขึ้นลงเขาตลอดเวลา
ประวัติของเกาะสีชัง ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่มีอากาศดี ชาวเกาะจะมีอายุยืนยาว
ในจดหมายเหตุตามเสด็จประพาสจันทบุรีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อทรงพระเยาว์ได้ตามเสด็จรัชกาลที่ ๔ ประพาสเกาะสีชัง และได้ทรงแจกทานแก่คนชราที่มีอายุเกินร้อยปีถึง
๓ คน สีชังจึงเป็นสถานที่พัก เป็นสถานที่พักฟื้นเป็นที่นิยมของชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ แพทย์หลวงถวายคำแนะนำให้พระบรมวงศ์เสด็จไปพักรักษาพระองค์
ณ เกาะสีชัง โดยเฉพาะพระเจ้าลูกยาเธอ "เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ"
ในปี พ.ศ.๒๔๓๔ ทรงพระเยาว์มีพระอาการมาก ต้องไปพักรักษาพระองค์อยู่ที่เกาะสีชังเป็นเวลานาน
รัชกาลที่ ๕ ทรงมีความห่วงใยก็เสด็จไปทรงอภิบาลพระราชโอรสเป็นการประจำเช่นกัน
จึงเป็น โอกาสที่พระราชทานความเจริญให้แก่เกาะสีชัง ด้วยการก่อสร้างต่าง ๆ
(ให้สังเกตว่าจะมีชื่อว่า อัษฎางค์ หลายแห่ง)
ในการมาประทับครั้งแรกนั้น ยังมิได้สร้างพระตำหนักที่ประทับ จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๔๓๑
จึงทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างตึกขึ้นสามหลัง สำหรับเป็นที่พักฟื้นผู้ป่วย
ได้แก่ ตึกวัฒนา ตึกผ่องศรี และตึกอภิรมย์ ในปี
พ.ศ.๒๔๓๕ ได้โปรดเกล้าให้สร้างพระราชฐานขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับเพื่อแปรพระราชฐานในฤดูร้อน
พระราชทานนามว่า "จุฑาธุชราชฐาน"
ตามพระนามของพระเจ้าลูกยาเธอที่ประสูตที่เกาะสีชัง เมื่อ ๕ กรกฎาคม ๒๔๓๕ เมื่อสร้างพระราชฐานแล้ว
ก็โปรด ฯ ให้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มาพักและชาวเกาะสีชังเช่น สร้างถนน
ท่าเทียบเรือ บ่อน้ำจืด โรงเรียน ที่ทำการไปรษณีย์ และสวนสาธารณะ แบ่งออกเป็นเขตพระราชฐานและเขตราษฎรชาวเกาะ
สีชังจึงมีบ้านพักตากอากาศเกิดขึ้น มีร้านอาหาร มีบริการเรือกลไฟจากกรุงเทพ
ฯ ไปเกาะสีชัง
การก่อสร้างพระราชฐานยังไม่ทันแล้วเสร็จ เกิดเหตุการณ์
ร.ศ.๑๑๒ ฝรั่งเศสมารุกรานเสียก่อน (ปีนี้ ๒๕๔๖
ร.ศ.๒๒๑) จึงมิได้เสด็จไปประทับแรมที่สีชังอีก และต่อมาโปรดให้รื้อพระที่นั่ง
"มันธาตุรัตนโรจน์"
ซึ่งเป็นพระที่นั่งองค์ใหญ่ มาสร้างใหม่ที่พระราชวังดุสิต ปัจจุบันคือ พระที่นั่งวิมานเมฆ
(เป็นไม้สักทองทั้งหลัง) ปัจจุบัน ตึก ๓ หลัง ได้รับการบูรณะซ่อมแซมทาสีเรียบร้อยแล้ว
กำลังบูรณะส่วนอื่น ๆ อยู่ แต่ที่ยังปล่อยไว้ทำให้ไมาสวยคือความรกร้างของหญ้า
ความไม่สะอาดของน้ำในสระในพระราชวังที่โปรด ฯ ให้ตั้งชื่อไว้อย่างไพเราะทั้งสิ้น
ควรจะทำควบคู่กันไป เก็บสตางค์ค่าเข้าชมพระราชวังจากผู้ที่เข้าชมแบบพระราชวังบางปะอิน
แต่ลดราคาลงมาหน่อยคือ ๒๐ บาท เอาเงินจำนวนนี้ไปจ้างแต่งตัดหญ้าก็ยังดี
สิ่งที่ควรชมบนเกาะสีชัง
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
อยู่บนยอดเขาคยาศิระ
เดิมเป็นศาลภายในช่องหินแคบ ๆ เจ้าพ่อเป็นเสาหิน เป็นที่เคารพสักการะบูชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือชาวเรือ
เมื่อคนไปสักการะบูชากันมากขึ้นจึงสร้างเจ้าพ่อเป็นศาลลักษณะทรงวิหารจีน ภายในศาลก่อนเข้าตัวศาลจะมีทางขึ้นไปยังศาลรัชกาลที่ ๕ และศาลกรมหลวงชุมพร ประทับอยู่ด้วยกัน พอขึ้นไปบนศาลที่ร่มเย็นและลมจะพัดเย็นสบาย มีน้ำเย็นให้ดื่ม
พลังที่เสียไปตอนไต่บันไดจะคืนกลับมา ทางซ้ายจะมีพระสังขจายน์
ศาลเจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อเห้งเจีย ยิ่งเป็นตอนตรุษจีน
คนจะมากันแน่นตรึม โดยเฉพาะชาวจีน และบอกต่อกันมาว่า "ใครมาไหว้ติดต่อกัน
๓ ครั้ง ภายใน ๓ ปี จะร่ำรวย ผมน่าจะต้องรีบไปให้ครบ ๓ ครั้ง เพราะไปมาหลายครั้งไม่ติดต่อให้ครบ
๓ ภายใน ๓ ปี สักที ขึ้นไปแล้วชมทิวทัศน์ทางทะเลหน้าเกาะสวยนัก
รอยพระพุทธบาท
อยู่บนยอดเขาเหนือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ รอยพระพุทธบาทนี้จำลองจากรอยพระพุทธบาท
ที่สรน้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อปี พ.ศ.๕๐๐ มีความยาวศอกเศษ ทำจากหินขวาน
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนำมาจากวัดพุทคยา ประเทศอินเดีย และยังประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ไว้บนยอดเขาอีกด้วย จุดชมวิวบนยอดเขานี้หกาพักที่สีชังมาชมพระอาทิตย์ขึ้นงามนัก
ส่วนพระอาทิตย์ตกต้องไปชมที่ช่องเขาขาด หรือนั่งชมที่ลานเกาะลอย ศรีราชา ก็ได้งามเท่ากัน
...........................................................................
| ย้อนกลับ | บน | |