|
ดูดุสิตวนารมย์ |
เคยเที่ยวลดเลี้ยวชม | ดมบุปผาสารพัน |
ถิ่นสถานมัฆวัน | |
เพลินพิศไพจิตรสรร | พะงามเนตรวิเศษชม |
อนันตสมาคม | |
อัมพรสถานสม | เป็นสถานพิมานอินทร์ |
เอกอาสน์โอ่ท้าวโกสินทร์ | |
อภิเษกดุสิตภิญ | โญยศยงองค์ภูบาล |
จิตรลดารโหฐาน | |
ที่พระอวตาร | สำราญรมย์ภิรมยา |
ผู้ทรงสุดเสน่หา | |
ปารุสก็สุดเพลินตา | สวนกุหลาบปลาบปลื้มใจ |
มีนามว่าพญาไท | |
อยู่ทาง บ่ ห่างไกล | ใกล้ดุสิตวนาภา |
พระทรงเดชจอมประชา | |
พินิจพิศเพลินตา | ตระการตรูดูเลิศดี |
ประกอบมาศมณีศรี | |
รยับจับรพี | สีสว่างกลางอัมพร |
อวตารสโมสร | |
ยงยอดสอดสลอน | ยอนยั่วฟ้าน่านิยม |
สามยอดตั้งตรูตราชม | |
สำราญสถานสม | สถิตถิ่นปิ่นนรา |
พระมนังคศิลา | |
พิมานรัถยา | อุดมอาสน์ราชฐาน |
จักรพรรดิ์พิมาน | |
เคียงใกล้คือไพศาล | ทักษิณที่สุขาลัย |
อมรินทร์วินิจฉัย | |
พระโรงภูวนัย | ธ ประศาสน์ราชการ |
รัตนศาสดาคาร | |
มงคลมหาสถาน | ปูชนีย์ที่นิยม |
ที่สถิตพิโรดม | |
เลิศล้วนชวนจิตต์ชม | สมเกียรติ์เลื่องเมืองสยาม |
|
อย่าชัง |
อย่าโกรธพี่จริงจัง | จิตต์ข้อง |
ตัวไกลจิตต์ก็ยัง | เนาแนบ |
เสน่ห์สนิทน้อง | นิจโอ้อาดูร |
|
เกาะนั้นฤาจะชังใคร |
ขอแต่แม่ดวงใจ | อย่าชังชิงพี่จริงจัง |
เป็นคู่น้องครองยืนยัง | |
ห่างเจ้าเฝ้าแลหลัง | ตั้งใจติดมิตร์สมาน |
ปูชนีย์ที่สักการ | |
แต่งตั้งยังสถาน | แทบหัวนอนขอพรครอง |
จิตต์ละห้อยละเหี่ยหมอง | |
นึกสร้อยสายเพ็ชรทอง | คล้องศอเจ้าเย้ากะมล |
อันออกนามว่าเมืองชล | |
แลท้องทะเลวน | ชลนัยน์ไหลลงธาร |
ที่ยุพินเคยสนาน | |
โอ้ว่ายุพาพาล | จะอ้างว้างริมอ่างหิน |
แม้สามารถจะพังภิน | |
จะเขียนสาราจิน | ตนาส่งถึงนงเยาว์ |
ริกริกลั่นสิอกเรา | |
คิดถึงพุดซาเจ้า | เคยเก็บไว้ให้พี่ยา |
ไว้ให้พี่จิ้มพุดซา | |
เสร็จงานกลับบ้านมา | พอได้ลิ้มชิมชอบใจ |
ยิ่งละเหี่ยละห้อยใจ | |
นึกยามเจ้าทรายวัย | ปรุงแกงไก่ให้พี่กิน |
ก็ยิ่งใฝ่ใจถวิล | |
เคยชวนโฉมยุพิน | ชมดอกไม้ที่ในสวน |
ยุพเยาว์อนงค์นวล | |
แสร้งยอ บ่ มิควร | เพราะนิ่มเนื้อเหลือเลิศชม |
รีบหลบลี้หนีคลื่นลม | |
นึกยามเจ้าทรามชม | จัดผ้าจีบลงหีบน้อย |
ดูดาดาษกลาดเกลื่อนลอย | |
ชิงชังดังหนึ่งคอย | จะต่อสู้ศัตรูผลา |
รอบเรื่ององค์พระราชา | |
ดูเหมือนเดือนสง่า | อยู่ท่ามกลางหว่างหมู่ดาว |
นิ่งคำนึงถึงเนื้อขาว | |
นึกนึกรู้สึกราว | ไปงานดึกพิลึกใจ |
ถึงสยามในวันใด | |
จำพรากจากทรามวัย | ไปต่อสู้ศัตรูพาล |
ต้องทำใจเป็นทหาร | |
รักเจ้าเยาวมาลย์ | ก็จำหักรักรีบไป |
เหยียบย่ำยีแผ่นดินไทย | |
เช่นนั้นสิจัญไร | ไม่รักชาติศาสนา |
จึงต้องทิ้งเจ้าแก้วตา | |
จงรักภักดีมา | อาสาต้านราญริปู |
ธรรมาธรรมสงคราม
ท่านอาจเห็นคติดี | |
แห่งการสงครามนี้ | อย่าระแวงและสงสัย |
มะทั้งสองสิ่งนี้ไซร้ | |
อันผลจะพึงให้ | บ่ มิมีเสมอกัน |
นิราบายเป็นแม่นมั่น | |
ธรรมะจะนำพลัน | ให้ถึงสุคตินา |
ถึงเจริญทุกทิวา | |
แม้เสพอะธรรมพา | ให้พินาศแลฉิบหาย |
ก็จะมีผู้มุ่งหมาย | |
ข่มธรรมะทำลาย | และประทุษมนุษโลก |
ยะจะขึ้นเป็นหัวโจก | |
หวังครองประดาโลก | และเป็นใหญ่ในแดนดิน |
ก็จะเรียกกระดาษชิ้น | |
ละทิ้งธรรมะสิ้น | เพราะอ้างว่าไม่จำเป็น |
ก็จะตกที่ลำเค็ญ | |
ถูกราญประหารเห็น | บ่ มิมีอะไรขวาง |
ก็จะเริ่มจะริทาง | |
ทำการประหารอย่าง | ที่มนุษมิเคยใช้ |
ถึงจะคิดระอาใจ | |
ก็คงมิยอมให้ | พวกอะธรรมได้สมหวัง |
พลกาจกำลังขลัง | |
รวมทรัพย์สพรึบพรั่ง | เป็นสัมพันธไมตรี |
พวกอะธรรมเสนี | |
เข้มแข็งคำแหงมี | สุจริตะธรรมสนอง |
จะชำนะดังใจปอง | |
อะธรรมะคงต้อง | ปะราชัยเปนแน่นอน |
ยังโชคดีไม่ย่อหย่อน | |
อะธรรมะราญรอน | ก็ชำนะแต่ชั่วพัก |
จะชำนะประสิทธิศักดิ์ | |
เพราะธรรมะย่อมรักษ์ | ผู้ประพฤติ ณ คลองธรรม |
ชนทั้งหลายจงจดจำ | |
จงมุ่งถนอมธรรม | เกิดจะได้เจริญสุข |
ขี่อารมณ์ให้มีทุกข์ | |
ลงท้ายเมื่อหมดยุค | ก็จะได้เกษมสานต์ |
จึงจะได้สุขสราญ | |
ถือธรรมะเที่ยงนาน | ก็จะได้ไปสู่สวรรค์ |