| | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
ฝ่ายเสนีที่ถือหนังสือบอก เมื่อมาถึงเมืองลังกาแล้วก็เข้าไปในวังถวายหนังสือนั้นแก่นางละเวง
ในหนังสือนั้นได้เล่าความที่เกิดขึ้นทั้งหมด สุดท้ายแจ้งว่าขณะนี้ข้าศึกได้ล้อมเขาเจ้าประจัญอยู่
ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาทราบความแล้วก็ให้เชิญบาทหลวงมาไต่ถามว่าจะคิดอ่านประการใด
| ค ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง | ฉลาดล่วงพูดจาอัชฌาสัย |
| จะปราบศึกนึกเห็นไม่เป็นไร | กลัวแต่ใจจะไม่ทำเหมือนคำเรา ฯ |
| ค บาทหลวงว่าถ้านายวายชีวิต | จะรับคิดเข่นฆ่าโยธาหาญ |
| จะไปด้วยช่วยกันประจัญบาน | เอาเพลิงผลาญเสียให้ยับทั้งทัพชัย ฯ |
| ค ฝ่ายสามนางต่างพากันมาเฝ้า | แล้วทูลเล่าขอความไปตามเรื่อง |
| ออกชิงชัยไพร่นายก็ตายเปลือง | ข้าศึกเนื่องหนุนกันประจัญบาน ฯ |
| เห็นทัพล้อมพร้อมพหลพลผลึก | กระหึ่มฮึกโห่ลั่นสนั่นหู |
| ทั้งหกค่ายรายรอบริมขอบคู | กระบวนปูเปิดก้ามตามตำรา |
| เป็นใจความตามขนบที่รบพุ่ง | ให้ลือเลื่องเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี |
| ใส่กล่องแก้วแล้วปิดผนึกดี | ให้เสนีราชทูตไปพูดจา ฯ |
| ค เสนานำคำนับแล้วรับสาร | มาใส่พานมรกตขึ้นรถา |
| ออกประตูคูแห่แตรลังกา | เป่าไปหน้ารถทั้งกังสดาล |
| ถึงกองทัพยับยั้งอยู่ข้างนอก | ให้ร้องบอกประกาศราชสาร |
| พระอภัยให้ถามตามโบราณ | ครั้นทราบการก็ให้รับมาพลับพลา |
| พระออกนั่งยังที่เก้าอี้รัตน์ | สองกษัตริย์เฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา |
| ทหารล้อมพร้อมพรั่งฟังกิจจา | เจ้าโมราคลี่สารออกอ่านพลัน ฯ |
| ค ในสารว่าพระองค์ดำรงราชย์ | บรมบาทบังอรอัปสรสวรรค์ |
| ทรงพระนามตามยศทศธรรม์ | ละเวงวัณฬาลบภพไตร |
| บำรุงราษฎร์ศาสนาให้ผาสุก | ประเทศทุกภาษาได้อาศัย |
| ค พระอภัยใจซื่อถือว่าหึง | ยิ่งคิดถึงนางวัณฬามารศรี |
| ปราศัยทูตพูดตามความบุตรี | ว่านางมีลูกผัวคือตัวใคร ฯ |
| แล้วทูลถามตามทำนองว่ากองทัพ | จะรบรับหรือจะล่าโยธาหาญ |
| จะออกโอษฐ์โปรดตรัสดำรัสการ | ขอประทานแต่ไม่พอไปได้กราบทูล ฯ |
| ค ศรีสุวรรณครั้นเห็นนิ่งจึงชิงตรัส | อันกษัตริย์สูงใหญ่เจ้าไอศูรย์ |
| สงวนยศงดงามตามประยูร | ต่ำตระกูลก็ให้ข้าเข้าราวี |
| เหมือนหญิงสู้ผู้ชายเสียดายยศ | เปรียบเหมือนคชสารสู้กับหนูผี |
| ข้างพวกเจ้าเล่าก็ชายนายทหาร | จะคิดการมิได้ห้ามตามประสา |
| เห็นอย่างไรไม่ห้ามตามอัชฌา | การของข้าข้าจะตอบตามชอบใจ ฯ |
| ค ฝ่ายอำมาตย์ราชทูตมาถึงด่าน | ถวายสารนางวัณฬามารศรี |
| ทูลแถลงแจ้งความตามคดี | พระบุตรีคลี่สารแล้วอ่านความ ฯ |
| ค นางฟังความยามเศร้ายิ่งเหงาง่วง | พระบาทหลวงร้องว่าเอทำเหหัน |
| เห็นได้ทีมิทำที่สำคัญ | จะมีอันตรายเพราะตายใจ ฯ |
| บาทหลวงว่าถ้าเขาได้เป่าปี่ | พวกโยธีกองทัพคงหลับไหล |
| แต่พวกเราเอาปรอทหยอดหูไว้ | ให้ถือไฟฟางหญ้าทาน้ำมัน |
| กองดินเป็นรอบเป็นขอบนอก | เอาเพลิงคลอกโยธาให้อาสัญ |
| ถึงอยู่ปืนยืนยงคงกระพัน | ก็เห็นมันจะไม่รอดคงวอดวาย ฯ |
| นางวัณฬาอาวรณ์ถอนสะอื้น | สุดจะขืนข่มรักหักประหาร |
| คิดจะฆ่าพระอภัยเห็นได้การ | แต่สงสารสาราที่อาวรณ์ |
| เมื่อแรกพบน้องได้ลองจิต | เห็นทรงฤทธิ์แสนรักเหมือนอักษร |
| จะตัดรักหักสวาทไม่ขาดรอน | สะท้อนถอนฤทัยไม่ไสยา |
| ค นางลูบอกตกตลึงรำพึงคิด | นึกพินิจเหมือนจะจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
| นางปรึกษาว่าเป็นไปเช่นนั้น | จะผ่อนผันแก้ไขฉันใดดี ฯ |
| ว่าถึงยุคทุกภาษาจะมาปน | ด้วยตั้งต้นแต่ลูกสาวเจ้าลังกา |
| พระอภัยอย่าได้หมายทำร้ายเขา | จะสูญเผ่าพงศ์ชาติพระศาสนา |
| เป็นคู่สร้างนางละเวงวัณฬามา | ถึงไตรดายุคแล้วไม่แคล้วกัน |
| เมื่อแม่เลี้ยงได้ผัวตัวเป็นลูก | จงพันผูกพึ่งพาเป็นราศี |
| ตามวิสัยในจังหวัดปฐพี | อย่าถือผีพวกฝรั่งเมืองลังกา |
| ค นางรัมภานารีคนมีสัตย์ | สุดจะขัดสุดจะขืนฝืนนิสัย |
| ต้องทูลความตามจริงทุกสิ่งไป | ถึงใจไม่ปรารถนามีสามี |
| เมื่อเคราะห์กรรมจำเป็นเหมือนเช่นข้า | ต้องชั่วช้าชายต้องให้หมองศรี |
| พระแม่เจ้าเล่าก็ยังกำลังสาว | ทุกไทท้าวเธอนิยมประสมศรี |
| ฉวยเสียเมืองเบื้องหน้าจะราคี | เป็นสตรีสำหรับจะอับอาย |
| พระอภัยให้สัตย์จะตัดศึก | จงทรงตรึกตรองการประมาณหมาย |
| แม้ลวงหลอกคลอกเผาเขาไม่ตาย | จะฉิบหายสิ้นทั้งเกาะลังกา |
| อันหนังสือมือเสื้อคงเชื่อได้ | ด้วยเขียนไว้ก่อนกาลนานหนักหนา |
| คำโบราณท่านว่าคิดผิดตำรา | ไปเบื้องหน้าจะลำบากได้ยากเย็น ฯ |
| พระเอื้อนอรรถตรัสถามตามสัญญา | นางวัณฬาจะออกรบพบกับเรา |
| จะขอสู้ผู้เดียวเกี้ยวให้ติด | ใครอย่าคิดมุ่งร้ายทำลายเขา |
| จะปลอบโลมโฉมงามตามสำเนา | การของเรามิใช่การราญณรงค์ ฯ |
| เมื่อพบกันสัญญาจะหย่าทัพ | แล้วไม่กลับแกล้งว่ารักมาหักหาญ |
| เห็นพระทัยไม่ตามความโบราณ | จะสู้ต้านต่อยุทธจนสุดมือ |
| วันนี้ที่สัญญาได้มาพบ | จะรอรบกันกับน้องแต่สองหรือ |
| หรือจะขับทัพใหญ่ไล่กระพือ | จึงไม่ถือศัสตรามาราวี ฯ |
| ตัวของพี่นี้ถ้าแม้แม่แค้นเดือด | ตามแต่เชือดฉะลงที่ตรงไหน |
| จะขอกอดยอดมิ่งไม่ชิงชัย | จนขาดใจจึงจะวางให้ห่างทรวง ฯ |
| อันผู้หญิงสิงหลนั้นคนซื่อ | ใครดึงดื้อแล้วก็สู้ไม่รู้หนี |
| ไม่เหมือนอย่างนางสุวรรณมาลี | เขารู้ที่ทำจริตกระบิดกระบวน ฯ |
| พี่ผิดจริงมิ่งแม่จงแก้แค้น | ทำทดแทนเถือหนังและมังสา |
| ไม่ต่อตีศรีสวัสดิ์เป็นสัจจา | พลางขับม้าเข้าไปตรงธงสำคัญ |
| ค สินสมุทสุดจนให้อ้นอั้น | ไม่รู้ผันผ่อนแก้แพ้ผู้หญิง |
| แต่ยิ้มยิ้มหงิมง่วงไม่ท้วงติง | ทำเมินนิ่งนึกเขินสะเทิ้นที ฯ |
| อ้ายพวกไพร่ได้เป็นมาเป็นโจทก์ | จะทำโทษตามบทในกฎหมาย |
| นางแม่สื่อซื้อหน้าฆ่าให้ตาย | แต่เจ้านายเนรเทศจากเขตคัน ฯ |
| ค ยุพาฟังสังฆราชกริ้วกราดโกรธ | จะลงโทษโทษาให้อาสัญ |
| ถึงอับจนกลศึกรำลึกทัน | เอากลผันภูผาออกพาที |
| พระคุณเจ้าเฒ่าชราพูดจาหลง | ไม่มั่นคงควรหรือนับถือผี |
| วิสัยศึกลึกซึ้งจึงจะดี | ให้รู้ที่แข็งอ่อนได้ผ่อนปรน |
| จะลวงเขาเป่าปี่เขามิเป่า | ปากของเขาใครจะวัดเห็นขัดสน |
| จึงยักย้ายถ่ายเทด้วยเล่ห์กล | ชื่อว่าฝนดับไฟท่านไม่รู้ |
| ค ฝ่ายฝรั่งสังฆราชฉลาดมาก | แต่ฝีปากอ่อนแอแพ้ผู้หญิง |
| นึกว่าถูกลูกคนนี้มันดีจริง | ตะลึงนิ่งหน้าบานรำคาญใจ |
| ค นางยุพาว่าพระคุณการุญเลี้ยง | การแต่เพียงนี้มิได้ให้อดสู |
| จะผ่อนปรนกลการผลาญศัตรู | ชื่อว่างูกินหางอย่างโบราณ |
| แล้วเล่าความตามคิดไม่ปิดป้อง | มิให้ต้องคลอกเผาเหล่าทหาร |
| พระชนนีดีใจเห็นได้การ | ค่อยคิดอ่านอุบอิบซุบซิบกัน ฯ |
| ฝันว่าปี่ที่เราเป่าแต่ก่อน | เป็นมังกรกับนาคมามากหลาย |
| เข้ารุมรบขบตอดเราวอดวาย | ยังแต่กายกรบาทขาดกระเด็น |
| แล้วตัวเราเข้าไปอยู่ในถ้ำ | จะคลามคลำไปข้างไหนก็ไม่เห็น |
| พระโยคีมีมหาคงคาเย็น | ชุบให้เป็นคนคืนพอฟื้นกาย ฯ |
| ค ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนมนต์ชะงัด | จึงรีบจัดแจงสั่งให้ตั้งศาล |
| กินยาแฝดแปดทิศพิสดาร | มาแต่งการข้างที่บัตรพลีราย |
| เอาแพรบางอย่างดีแปดสีซ้อน | บนบรรจกรณ์ให้บรรทมโบกลมถวาย |
| แล้วอ่านมนต์สะเดาะสดับยัมพวาย | ธงนารายณ์กรายปัดกำจัดภัย |
| ผ้าแพรสีที่รองขนองนั้น | เอาผูกพันภาพยนตร์ด้วยมนต์ไสย |
| เป็นคนธรรพ์รับเคราะห์แล้วเหาะไป | พระอภัยค่อยหายกระวายกระวน |
| ที่ผูกพันวัณฬามาแต่หลัง | ครั้นคลายคลั่งคิดเห็นไม่เป็นผล |
| ปรึกษาพราหมณ์ถามกฤษ์จะเลิกพล | เจ้าสามนตอบสนองให้ต้องตาม ฯ |
| จะไปวังลังกาเถิดอย่าอยู่ | แล้วพวกกูจึงจะออกไปคลอกเผา |
| นางคำนับรับความตามสำเนา | นึกว่าเราลวงได้โดยง่ายดาย |
| จึงร้องบอกหลอกเหล่าชาวผลึก | วันนี้ศึกจะสำเร็จเป็นเสร็จสรรพ |
| นางทรามวัยใช้ธิดามาคำนับ | จงเปิดรับเร็วเราจะเข้าไป ฯ |
ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
นายประตูได้ฟังก็นำความไปกราบทูลพระอภัย ทั้งสามพราหมณ์จึงสั่งให้รับมาที่พลับพลา
พอนางกับผีปอบเข้าขอบค่าย มนต์ก็คลายเสื่อมขลังทั้งอาถรรพ์ นางยุพามาถึงองค์พระอภัยถวายบังคมแล้ว
คอยฟังรับสั่ง
พระอภัยเห็นธิดายุพาแล้ว ก็ให้กลับรักนางวัณฬา จึงตรัสถามนางยุพาว่า พระมารดาใช้ให้มาว่าอย่างไร
นางยุพาทูลว่า ถ้าจะเล่าถวายก็จะเป็นการแพร่งพราย จึงหยิบสารการลับกับสไบ
ถวายให้ในพระหัตถ์เจ้าเมืองผลึก
| ค พระยินดีคลี่ผ้าย้อมยาแฝด | เปรียบเหมือนแรดได้กลิ่นถวิลหา |
| ประจงจำสำคัญของวัณฬา | พระเชยผ้าหอมหวนให้ยวนยี |
| ค พระทราบสารหวานชื่นไม่ขืนขัด | พอรู้ชัดชุบน้ำแล้วทำเฉย |
| เจ้าพราหมณ์คิดผิดใจกระไรเลย | ไม่เหมือนเคยทูลถามตามสงกา |
| ค เจ้าพราหมณ์ดูรู้ว่ากลมนต์เสื่อม | พระเนตรเสื่อมลงอีกจึงฉีกสาร |
| เสียพิธีผีสางเข้าควาน | จึงทัดทานข้อความตามทำนอง |
| ค พระอภัยได้ช่องไม่ข้องขัด | จึงเอื้อนอรรถอ้อนวอนสุนทรถาม |
| ประชวรนั้นฉันใดไม่ได้ความ | จงเล่าตามจริงพ่อจะขอฟัง ฯ |
| ค พระฟังคำยามรักพระพักตร์สลด | เหมือนบัวสดสายฟ้าผ่าสลาย |
| ชลนัยไหลหลั่งลงพรั่งพราย | แสนเสียดายด้วยว่าใกล้จะได้การ |
| แม้แต่ได้แม่ละเวงที่เปล่งปลั่ง | มาเหมือนตัวมุ่งมาดปรารถนา |
| ถึงยากเย็นเป็นไพร่จะไถนา | สู้ปลูกงาปลูกถั่วกินผัวเมีย |
| ค นางยินดีที่ได้สมอารมณ์คิด | ด้วยทรงฤทธิ์ร่านรักเป็นหนักหนา |
| เคารพรับอภิวันท์จำนรรจา | พระสัญญาล้นเหลือลูกเชื่อฟัง |
| ขอผ่านเกล้าเป่าปี่ขึ้นที่ทัพ | ให้คนหลับสิ้นสมอารมณ์หวัง |
| จะอาสาพาไปเข้าในวัง | ตามไปลังกาอยู่เป็นคู่ครอง ฯ |
| ค บาทหลวงหลับวับแว่วถึงแก้วหู | เสียงเขาขู่ตกใจไหวผวา |
| ทะลึงลุกกุกกักควักขี้ตา | เห็นรำภาพูดสำทับให้อัประมาณ |
| ต่างดีใจไต่ถามถึงความคิด | ช่างมิดชิดเชิงศึกลึกหนักหนา |
| ทั้งพี่น้องสองนางวางวิญญาณ์ | ขึ้นพลับพลาทั้งคู่นั่งดูดาว ฯ |
| ค เจ้าพราหมณ์รับนับหนึ่งไปถึงสี่ | ปฐวีวาโยอาโปกล้า |
| แต่เพลิงธาตุฆาตใจไส้ชะตา | เสียเดชานุภาพจึงกราบทูล |
| ไม่ถึงที่ชีวิตไม่ปลิดปลด | เสียแต่ยศหญิงยังช่วยไม่ม้วยสูญ |
| ข้างต้นร้ายปลายปีบริบูรณ์ | จะเพิ่มพูนภิญโญเดโชชัย ฯ |
| แต่ครั้งนี้อีฝรั่งมันช่างล่อ | มีมดหมอทำให้พระทัยหลง |
| เหมือนนกเขาเข้าเพนียดไม่เกลียดกรง | โอ้คิดสงสารนักพระจักรา |
| ค สินสมุทสุดแสนแค้นฝรั่ง | จึงว่าครั้งนี้ทวีปจะฉิบหาย |
| เข้าหักด่านผลาญลังกาฆ่าหญิงชาย | เท่าเม็ดฝ้ายมิให้เหลือเชื้อลังกา ฯ |
| ถ้าขันรับอาสาว่าข้าเจ้า | เคยย่องเบาบ้านเรือนได้เหมือนหมาย |
| ถึงเหล็กไหลใส่กุญแจแก้ทำลาย | รู้อุบายบังเหลื่อมให้เลื่อมลับ |
| แม้เขาได้ไล่ค้นไปจนทั่ว | มิได้กลัวผู้ใดจะไล่จับ |
| แม้พบองค์พระทรงฤทธิ์จะคิดรับ | ค่อยแฝงลับเล็ดลอดให้รอดมา ฯ |
| คนทั้งปวงล่วงรู้จะดูหมิ่น | เหมือนแผ่นดินไร้หญ้านิจจาเอ๋ย |
| ทั้งต่างรีตกีดขวางยังไม่เคย | มิรู้เลยจะคิดอ่านประการใด ฯ |
| ค พระแช่มชื่นยืนยิ้มอยู่ริมรถ | ดูช้อยชดชื่นจิตพิสมัย |
| จึงสัญญาว่าพี่แต่นี้ไป | ไม่จากไกลทรามสงวนนวลละออง |
| จะตามเจ้าเข้ารีตฝรั่งด้วย | จนมอดม้วยมิได้คิดเป็นจิตสอง |
| ลูกก็ดีเมียก็ดีทั้งพี่น้อง | ไม่เกี่ยวข้องขาดรักจึงหักมา |
| ค ยุพยงสงสารรำคาญจิต | รู้ว่าฤทธิ์รสสุคนธ์คุณมนต์ขลัง |
| เธอผูกพันฟั่นเผือเหลือกำลัง | มิผ่อนมั่งเหมือนอย่างหมายเห็นวายวาง |
| จึงตรัสตอบขอบคุณการุญรัก | ที่ถ่อมศักดิ์สารพัดไม่ขัดขวาง |
| แม้มั่นคงทรงฤทธิ์ไม่คิดร้าง | น้องจะวางชีพถวายจนวายชนม์ |
| แต่โบราณท่านว่าจะค้าขาย | อย่ามักง่ายเงินก็ลองทองก็ฝน |
| เกิดเป็นคนอย่าได้ไว้ใจคน | ค่อยผ่อนปรนปรองดองให้ต้องความ |
| แล้วลาออกนอกห้องจะลองจิต | แกล้งป้องปิดฉากชั้นที่กั้นฝา |
| ชวนสาวใช้ไปประทับอยู่พลับพลา | กับธิดาร่วมจิตคิดอุบาย ฯ |
| จะแค้นนักหักโหมเข้าโรมรุก | ยิ่งกว่าทุกครั้งคราโกลาหล |
| จำจะลวงหน่วงทัพให้กลับพล | ด้วยเล่ห์กลกันสมุทรยุทธนา |
| แล้วเกณฑ์คนพลรบไว้ครบถ้วน | ตั้งกระบวนทหารยาตราเป็นราหู |
| ให้ครบนามตามตำรับฉบับครู | จะโจมจู่จับเขาเจ้าประจัญ |
| มีกรกายซ้ายขวามีหน้าปาก | จะข้ามขวากหนามกำแพงล้วนแข็งขัน |
| เป็นหมู่หมวดตรวจจัดให้ทัดกัน | ได้ครบครันเตรียมไว้ทั้งไพร่นาย ฯ |
| ฝ่ายยุพาผกา รำภาสะหรี | นั่งอยู่ที่พลับพลาเวลาสาย |
| พอเห็นเหยี่ยวเฉี่ยวนกมาตกตาย | เป็นลางร้ายจับยามตามตำรา ฯ |
| แต่ยกโทษโปรดไว้ยังไม่ฆ่า | ด้วยเป็นอาจารย์ท้าวเจ้าสิงหล |
| ให้แก้ผิดคิดอ่านการประจญ | จะผ่อนปรนเป็นไฉนจะใคร่รู้ ฯ |
| จงเลิกทัพกลับหลังไปฝั่งน้ำ | อย่าอยู่ทำศึกอีกเร่งหลีกหนี |
| จึงจะส่งองค์พระอภัยมณี | ไปบุรีเหมือนแต่ก่อนอย่ารอนราญ |
| แม้พวกพ้องกองทัพไม่กลับหลัง | จะขืนตั้งทำศึกด้วยฮึกหาญ |
| จะฆ่าตีพี่ชายให้วายปราณ | เสียบประจานไว้ที่คูริมบุรี ฯ |
| จอมกษัตริย์ตรัสว่าอ้ายฝรั่ง | มาหลอกกันเป็นเป็นเหมือนเช่นผี |
| แต่เป็นทูตพูดจาจะฆ่าตี | ก็ไม่ดีอย่าเพ่อทำเอาจำไว้ |
| แต่ชั้นในใส่ทรงเครื่องยงยุทธ์ | เหน็บอาวุธอยู่กับกายทั้งซ้ายขวา |
| ใส่หมวกดำคล้ายฝรั่งชาวลังกา | ขึ้นขี่ม้าควบออกนอกทวาร |
| ค ฝ่ายเสนีที่เป็นนายคนตายนั้น | เห็นสำคัญแขนผีนั้นมีไฝ |
| ทูลสนองสองกษัตริย์ขึ้นบัดใจ | นี่มิใช่เชษฐาอย่าจาบัลย์ |
| | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |