| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |


ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา

            กล่าวถึงเมืองลังกาขององค์วัณฬา ครั้นหน่อนาถกับนัดดาเติบใหญ่ขึ้นและมีความกล้าหาญ องค์มังคลามีชันษาสิบห้าปี

รู้วิสัยไตรเพทประเทศถิ่น ภูมิแผ่นดินทั้งทวาทศราศี
ทั้งพระน้องสองนัดดาปัญญาดี เกิดร่วมปีเป็นแต่แก่เดือนตรา ฯ
            ฝ่ายองค์ละเวงได้ไปหาบาทหลวงแล้วปรึกษาว่า จะเสกหน่อนาถและราชนัดดาให้ครองเมืองลังกา
เจ้าวลายุดาปรีชาฉลาด เป็นอุปราชราชวังนรังสรรค์
ฝ่ายซ้ายขวาวายุพัฒน์เจ้าหัสกัน ได้ฤกษ์วันใดพระคุณกรุณา ฯ
  ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง ลงเลขดวงลัคน์จันทร์ดูชันษา
จึงว่าเดือนสี่ฤกษ์เบิกราชา ขึ้นสิบห้าค่ำนั้นเป็นวันดี
ฯลฯ
            แล้วบาทหลวงก็ขอให้องค์วัณฬา จัดแต่งสารไปขอองค์เสาวคนธ์ที่เอาเพชรเตร็จตรัส จากเมืองลังกาไปมาให้แก่พระนัดดา องค์ละเวงได้ฟังก็เกรงจะเกิดการวิวาท จึงตอบไปว่าของที่ให้เขาไปแล้ว จะเอามานั้น
เหมือนย้อนยอกกลอกกลับอัปยศ ต้องเสียยศด้วยเขาจะครหา
ในเดือนสี่นี้จะสั่งตั้งราชา แล้วกราบลาเข้าในเขตนิเวศน์วัง ฯ
            ฝ่ายองค์พระมังคลาได้ฟังความจึงถามบาทหลวงถึงความหลัง บาทหลวงก็เล่าให้ฟัง แล้วกล่าวถึงเรื่องเพชรเอกว่า
เมื่อลูกสาวเจ้าพาราการะเวก เอาเพชรเอกออกจากหินแผ่นดินไหว
จึงเมืองเราเศร้าหมองเสียของไป เขาเอาไว้เมืองเขาเกิดนวรัตน์
ถ้าแม้หลานผ่านพาราลังกาแล้ว คิดคืนแก้วโคตรเพชรอันเตร็จตรัส
กลับมาไว้ให้อุดมโสมนัส ให้สมบัติมั่งคั่งในลังกา
จะสัตย์ซื่อถือพระเยวาโห เหมือนกับโมเซสังวาสพระศาสนา
อย่าไปคิดกิจการกับมารดา มันจะว่ากูสอนค่อยผ่อนปรน
ฯลฯ
            แล้วสอนให้คิดเกลี้ยกล่อมหัดทหารให้ชำนาญการศึก ให้หาผู้วิเศษทรงเวทมนตร์มาปรนปรือให้เป็นที่ลือชา ให้เอาย่องตอดที่เคยใช้เมื่อคราวรบเมืองมาเลี้ยงไว้
แม้คนดีมีมากไม่ยากจิต จึงค่อยคิดปราบปรามตามวิสัย
ไปขอเพชรเตร็จตรัสถ้าขัดไว้ จึงยกไปคืนเอาของเรามา
ฯลฯ
            ฝ่ายองค์มังคลาก็รับคำบาทหลวงว่าจะทำตาม
            วันรุ่งขึ้นนางพระยาวัณฬาออกว่าราชการ ได้ตรัสสั่งเสนาใหญ่มหาดไทยกับฝ่ายทหารว่า พระนางครองเมืองลังกามานานแล้ว จะแต่งงานอภิเษกโอรสให้ทรงตราราหู เป็นเจ้าชีวิตฝรั่งทั้งหมด ให้วลายุดาเป็นฝ่ายหน้า หัสกันเป็นฝ่ายซ้าย วายุพัฒน์เป็นฝ่ายขวา
  ขุนนางพร้อมน้อมคำนับอภิวาท  เขียนประกาศบาดหมายแจกซ้ายขวา
ให้เมืองน้อยร้อยเอ็ดเขตลังกา มาเปลี่ยนตราถือน้ำตามธรรมเนียม
ฯลฯ
ถึงวันฤกษ์เบิกอรุณพุนสวัสดิ์ อโณทัยไตรตรัสจำรัสศรี
พวกเสนาพฤฒามาตยราชกวี มาพร้อมที่พระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ
            เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว องค์วัณฬาก็ทำพิธีมอบตำแหน่งเจ้าลังกาให้องค์มังคลา
  ฝ่ายพวกพระเยวาโหปุโรหิต ยืนแปดทิศถือบวชสวดคาถา
แล้วขุนนางต่างจับจอกสุรา ถวายพระมังคลาเจ้าธานี
ฯลฯ
ต่างชื่นช่วยอวยพรถาวรสวัสดิ์ ให้สืบวงศ์ทรงสมบัติพัสถาน
เลียบกรุงไกรไปจนรอบขอบปราการ แสนสำราญรัถยาพอสายัณห์
ฯลฯ
อันไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย ทั้งหญิงชายชื่นชมด้วยสมหวัง
ทุกถิ่นฐานบ้านช่องฆ้องกลองดัง พวกฝรั่งเริงรื่นทุกคืนวัน ฯ
ฝ่ายองค์พระมังคลาปรีชาฉลาด บำรุงราษฎร์ราชัยมไหสวรรย์
จะทำศึกตรึกตรองคิดป้องกัน ที่ขอบขัณฑ์เขตแคว้นแดนลังกา
ฯลฯ
จะก่อป้อมซ่อมแปลงกำแพงใหม่ ให้สูงใหญ่ไว้เหมือนเป็นเขื่อนขัณฑ์
ให้พระน้องครองด่านชั้นในกัน ดงตาลนั้นนัดดาวายุพัฒน์
ฯลฯ
อนึ่งเล่าเราจะทำคำหนังสือ ให้คนถือไปทุกเขตประเทศสถาน
เกลี้ยกล่อมผู้ตำราวิชาการ ที่เชี่ยวชาญช่วยบำรุงกรุงลังกา
ฯลฯ
  พระทรงฟังสั่งให้ทำคำประกาศ พวกนักปราชญ์เปรียบเหมือนเพชรทั้งเจ็ดสี
ไม่มีทองรองรับเป็นเรือนมณี รัศมีไม่สว่างกระจ่างตา
เหมือนคนนดีมีครูซึ่งรู้รอบ ไม่ทำชอบช่วยกษัตริย์ขัดยศถา
ต้องตกอับลับชื่อที่ลือชา ดังจินดาไร้เรือนก็เหมือนกัน
อันตัวเราเจ้าลังกาอาณาจักร บำรุงรักษ์นัดเรศของเขตขัณฑ์
จะเลี้ยงผู้รู้วิชาสารพัน ให้ควรกันกับความชอบประกอบการ
ประการหนึ่งซึ่งผู้รู้ตำรับ เป็นแม่ทัพทำศึกฝึกทหาร
รู้กลแก้แพ้ชนะรู้ประมาณ รู้รอนราญราวีให้มีชัย
หนึ่งเรียนกลอุบายให้ตายจิต ปัจจามิตรลุ่มหลงไม่สงสัย
รู้แอบอ้อมปล่อยพลสกลไกร เข้าเป็นไส้ศึกสังหารผลาญไพรี
ฯลฯ
หนึ่งเรียนรู้ดูดาวสำแดงเหตุ รู้มนต์เวทปลุกเสกเมฆฉาย
รู้ดูดินถิ่นที่จะดีร้าย รู้อุบายเกลี้ยกล่อมให้พร้อมใจ
รู้สืบข่าวราวเรื่องบ้านเมืองอื่น หนึ่งคนตื่นเซ็งแซ่รู้แก้ไข
หนึ่งรู้ดำน้ำทนรู้ห้ามฝนไฟ ทำกลไกอาวุธยุทธนา
ฯลฯ
รู้จัดการบ้านเมืองเครื่องประดับ รู้ตำรับดีร้ายทำนายฝัน
รู้สังเกตเท็จจริงทุกสิ่งอัน รู้แก้กันผีสางขับรางควาน
ฯลฯ
หนึ่งผู้รู้อักษรกาพย์กลอนกล่าว เรียบเรียงราวเรื่องความตามวิสัย
รู้กฎหมายฝ่ายขุนนางฝ่ายข้างใน รู้พิชัยสงครามตามกระทรวง
รู้ตั้งค่ายหลายชั้นป้องกันศึก รู้ตื้นลึกแลคะเนทะเลหลวง
รู้แปลความตามภาษาทั้งปวง รู้ล่อลวงราวีให้มีชัย
หนึ่งชำนาญปืนใหญ่ยิงไวแน่ แก้อาถรรพ์ผันแปรแก้คุณไสย
รู้เล็ดลอดสอดแนมสืบความใน ทำนาได้ผลดีรู้ที่ทำ
อันวิชาห้าสิบประการนี้ ผู้ใดมีเราจะชุบอุปถัมภ์
แต่อย่างเดียวเจียวถ้าแม้นรู้แม่นยำ ดังดัดคำเขียนหมึกบันทึกไว้
ฯลฯ
แล้วเกณฑ์ไพร่ให้พระน้องกับสองหลาน  ไปสร้างด่านสามตำบลคนละแสน
ต่อกำปั่นพันลำประจำแดน สำหรับแล่นลาดตระเวณที่เกณฑ์การ ฯ
            แล้วพระมังคลาก็อุตสาห์ออกดูการฝึกหัดทหารให้ชำนิชำนาญในการรบทั้งไพร่นาย
            ฝ่ายฝรั่งลังกาทั้งหลาย เมื่อรู้ความตามประกาศแล้ว บรรดาผู้ที่รู้วิชาก็พากันมาถวายตัวกับพระมังคลา เมื่อได้ทำการทดลองว่า มีความรู้ความสามารถตามที่แจ้งมาแล้ว ก็ให้ที่อยู่ให้ยศศักดิ์ และให้เงินทองตามความรู้ความสามารถ ฝ่ายองค์วลายุดาคุมโยธาทำที่ด่านประการใน
ให้ก่อป้อมคร่อมทางปิดหว่างเขา จำเพาะเข้าออกเดินเนินโศล
ปีกกานั้นชั้นบนล้วนกลไก ที่ล่อไล่ล้วนสังหารผลาญไพรี
ฯลฯ
  ฝ่ายวายุพัฒน์นัดดาปรีชาหาญ อยู่ดงตาลด่านกลางหว่างสิงขร
ป้อมกำแพงแต่งการไว้ราญรอน เป็นมังกรกินปลาตำราเรียน
ฯลฯ
  เจ้าหัสกันนั้นตั้งอยู่เมืองใหม่ ก่อป้อมใหญ่แปดป้อมล้อมเขื่อนขัณฑ์
กำแพงหินศิลาปีกกากัน ชื่อกลจั่นจับพยัคฆ์ดักกุญชร
ฯลฯ
ได้ลัทธิบาลีปีโปฝึก รู้กลศึกสารพัดหัดทหาร
แต่งเรือใช้ไปไม่ขาดสืบราชการ ตระเวณด่านฟังเหตุทุกเขตคัน ฯ
  ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าลังกาปลอมพาณิช ไปทุกทิศจนถึงยักษ์มักกะสัน
เที่ยวหาผู้รู้วิชาสารพัน เมืองสุตันเมืองชลามะคาวิล
เมืองฉ่ามะหรุ่มอุ่นไม่โสมโข ไอคุปโตโกสัมพีระดีระถิ่น
กะนาอันบันดระเมืองกะริน เมืองกบิลพัสดุ์เมืองมัดชนะ
เมืองมะหุด กุสสตรา วิลาศละหม่าน กริบสว่านเมืองสังกัสหัสสละ
เมืองโกบิลสินธุ์ทะเลเมืองเอละ เมืองสุเหร่า มะเกามะกะ เมืองละวน
ได้จีนจามพราหมณ์ฝรั่งแขกอังกฤษ ล้วนหาญจิตเจนศึกได้ฝีกฝน
ทั้งผู้รู้วิเศษทางเวทมนต์ รู้ทำกลต่างต่างช่างชำนาญ
ฯลฯ
            ฝ่ายองค์หัสกันอยู่ด่านชั้นนอกสุด พวกตระเวนสมุทกลับมาแจ้งว่า พระธิดาเมืองการะเวกหนีการอภิเษกไป โอรสก็ตามไปด้วย และได้ข่าวว่าเจ้าเมืองผลึก และเจ้าเมืองรมจักร ยกกำลังไปเมืองรัตนา คงเหลืออยู่แต่องค์สุวรรณมาลี จึงเอาความดังกล่าวไปทูลพระมังคลา ฝ่ายพระมังคลาเห็นได้ทีที่จะทำศึกตามที่คิดไว้ จึงไปเฝ้าพระมารดา ทูลลาไปตรวจตราด่านชานนคร องค์วัณฬาก็อนุญาต พระมังคลาจึงออกมาเตรียมไพร่พลออกเดินทาง พอรุ่งขึ้นก็ออกเดินทาง พอตกเย็นจึงหยุดพัก ครั้นล่วงสามยามได้ยินเสียงดังกึกก้อง บนท้องฟ้าแล้วเกิดเป็นสายฟ้าผ่าลงมา เสียงดังสนั่นเห็นเหมือนสีรุ้ง พุ่งลงมาที่พลับพลาที่พระมังคลาประทับ แล้วเป็นรูปนางเนื้อเหลือง มีเส้นเกษาสีชาด ใส่คราบงูดูดังเสื้อ จักษุดำดังนิล อายุประมาณสิบขวบเศษ พระมังคลาถามว่านางคือใคร อยู่แห่งหนตำบลใด แต่นางไม่ตอบ พวกฝรั่งจึงล้อมนางไว้ จะจับตัว พอเข้าใกล้นางก็กางนิ้วออก กลายเป็นนาคหลุดออกจากนิ้วมือทั้งห้าหัว ออกรุกไล่ไพร่พลที่จะเข้ามาจับ จนต้องหนีล้มลุกคลุกคลานไปตามกัน แล้วนางก็นั่งที่หลังศิลาหน้าถ้ำ ร้องลำนำว่าเมื่อไรจะได้พบพระมังคลา
            ฝ่ายองค์พระมังคลาได้ฟังคำลำนำก็มีความพิศวงสงสัย จึงปรึกษาพวกข้าเฝ้า ฝ่ายอำมาตย์ราชครูจึงทูลว่า สตรีนี้ประเสริฐนัก ชี้นิ้วเป็นนาคราชชรอยจะเป็นนาค นับว่าเป็นบุญบันดาลที่ให้ได้นางผู้นี้มา แล้วเล่าความเหมือนย่องตออ ยอดทหารของพระมารดา แต่นางผู้นี้ดีว่าย่องตอดควรเลี้ยงเอาไว้
            พระมังคลาทราบเรื่องก็มีความยินดี จึงเข้าไปใกล้นางแล้วว่า ตนเป็นเจ้าเมืองชื่อ พระมังคลา แล้วตรัสเชิญนางไปนั่งที่พลับพลา นางพิศดูพระพักตร์ลักษณาแล้ว ก็รู้ว่าเป็นดาวศีรษะจระเข้ แต่แสร้งกล่าวบิดผันว่า มีของสำคัญสิ่งใดมา แสดงให้นางรู้ พระมังคลาจึงหยิบตราพระราหูออกมาให้นางดู
  นางเห็นตราราหูคู่ทวีป ดังประทีปเทียนสว่างกระจ่างฉาย
คุกเคารพนบนอบนั่งยอบกาย ยอมถวายกายาเป็นข้าไท
ฯลฯ
เลี้ยงเป็นนางข้างที่ด้วยมีฤทธิ์ อยู่ใกล้ชิดเชิญพระแสงตำแหน่งขวา
เครื่องนากทองของสำหรับประดับประดา ทั้งเสื้อผ้าสารพัดจัดประทาน
แล้วตั้งนามตามมาเมื่อฟ้าฟาด ให้ชื่อ นางสุนีบาตด้วยอาจหาญ
แล้วยกทัพนับหมื่นดื่นดงดาล มาถึงด่านแดนเขาเจ้าประจัญ ฯ
            พระอนุชาออกมาคำนับน้อม เที่ยวตรวจดูป้อมปืนประตูคูเขื่อนขัณฑ์ หยุดพักแรมอยู่สี่วันแล้วสมทบกันยกมาเมืองป่าตาล วายุพัฒน์นัดดาออกมารับหยุดตรวจตราไพร่พลโยธา กำแพงล้อมป้อมปราการ แล้วเกณฑ์พลรบสมทบกัน ยกไปยังเมืองใหม่ พระหัสกันออกมารับเข้าไปอยู่ในวัง


ตอนที่ ๕๔  มังคลาชิงโคตรเพชร

            พระมังคลาปรึกษาการสงครามกับสองพระน้อง และสองนัดดาว่า เมืองการะเวกไม่ใช่วงศ์ญาติได้มาหมิ่นประมาท เมืองลังกาเอาโคตรเพชรของเมืองลังกาไป คิดจะไปตีเอาคืน พวกอำมาตย์ราชเสนากับบรรดาขุนนาง จะมีความเห็นอย่างไร
            ฝ่ายผู้เฒ่าได้ฟังรับสั่งจึงทูลทัดทานว่า เมืองการะเวกเป็นเมืองใหญ่มีไพร่พลมาก มีราชครูชื่อ โลกเชษฐเป็นผู้วิเศษ มีเวทมนตร์ดลคาถา ทหารเสือก็ล้วนแกล้วกล้าในการรบ แก้วเก็จเพชรนั้นพระเสาวคนธ์ได้ขอจากพระชนนี และพระชนนีก็ให้ไปด้วยไมตรี จึงไม่ควรหาญหักยกทัพไปรบ ถ้ารู้เรื่องไปถึงเมืองผลึกกับเมืองรมจักร ก็จะพร้อมกันมาช่วยรุกรบ จะเสียไพร่พลและต้องทนทุกข์ทั้งเกาะลังกา

เสียไมตรีมิหนำเสียอำนาจ ต้องขาดญาติขาดวงศ์เผ่าพงศา
แม้จะใคร่ได้เพชรแก้วเก็จมา ควรพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี
เขาขอเราเราก็ขอต่อเขาบ้าง ตามเยี่ยงอย่างต่างบำรุงซึ่งกรุงศรี
ขอพระองค์ทรงจังหวัดปถพี อย่าให้มีเสี้ยนศึกจงตรึกการ ฯ
            พระหัสกันว่าคำของอำมาตย์นั้น เหมือนสตรีขี้ขลาด กลัวเหนื่อยยาก ทำให้เสื่อมเกียรติยศศักดิ์
ถึงขัดเคืองเมืองผลึกรมจักร พระไม่รักชาติเชื้อนับเนื้อไข
เขากลับเราเล่าก็จะกลัวอะไร ใครตีได้ดูกันสมันเกอ
อันเกิดมาสามัญเป็นอันขาด ย่อมรักชาติชีวีไม่มีเสมอ
พระชุบย้อมหม่อมฉานเป็นหลานเธอ ขออย่าเพื่อด่วนเสด็จเหน็ดเหนื่อยองค์
ฯลฯ
            แล้วขออาสาไปเมืองการะเวก เอาเพชรเอกกลับมา ถ้าทำไม่ได้ก็ขอให้ลงโทษผลาญชีวิตตน พระมังคลาได้ฟังก็เห็นด้วย
อันพวกเราเหล่าฝรั่งเชื่อฟังพระ ไม่ปนปะเป็นญาตินอกศาสนา
เจ้ายกไปให้ทูตเข้าพูดจา ฟังเจ้าการะเวกก่อนคิดผ่อนปรน
ฯลฯ
            แล้วให้วายุพัฒน์ จัดทัพไปกำกับพระอนุชาหัสกัน ให้เป็นกองหนุน ทั้งสองพระนัดดารับบรรหารแล้ว ก็ออกไปจัดไพร่พลไปประจำเรือ ทัพหน้ามีร้อยลำ ทัพหลังมีห้าร้อยลำ เสร็จแล้วออกเดินทางไป
            กล่าวถึงเจ้าเมืองการะเวก เมื่อบุตรีหาย บุตรชายร้าง ก็ให้เศร้าโศกอาลัย บรรดาข้าเฝ้าท้าวพระยาเสนาใน ก็พลอยหม่นไหม้ เศร้าโศกเสียใจไปด้วยเจ้านาย กลางคืนเกิดมีดาวหางเป็นลางเมือง
อากาศลั่นครั่นครื้นเหมือนปืนก้อง กาก็ร้องเอาลาท้องฟ้าเหลือง
อุกกาบาตผาดพุ่งแสงรุ่งเรือง ตกกลางเมืองมีลางต่างต่างกัน ฯ
            คืนหนึ่งเจ้าเมืองนิมิตฝันว่า จระเข้เหราไล่มาเข้าคาบ ขบกัดองค์เจ็บปวดล้มลง ลุยเลนตกน้ำแล้วดำหนี สองพระหน่อมาช่วยขับไล่ฆ่าตีเหราจระเข้าไป แล้วอุ้มองค์ขึ้นแท่นรัตน์ทรงเครื่องเรืองจำรัสชัชวาล พอมีเสียงขานฆ้องรุ่ง ก็สะดุ้งตื่นรู้ว่าฝันร้าย จึงตรัสบอกพระมเหสี พระนางทูลให้ไปเชิญทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์มาทำนายฝัน
  ฝ่ายพราหมณ์ครูผู้ใหญ่อยู่ในตึก  กับเมียนึกสนุกนั่งอยู่ทั้งสอง
เล่นดอกสร้อยปล่อยแก่แก้กันลอง ท่านยายร้องตารับหน้าทัพตาม
ถึงท่อนปลายกลายร้องเป็นอุณรุท ยายเป็นอุษาเมินขวยเขินขาม
ท่านตารำทำบทดูงดงาม โลมยายพราหมณ์ตามทำนองยิ้มย่องกัน
ฯลฯ
            พอเสียงเขามาเรียกก็รู้ว่าเจ้าเมืองมีรับสั่งให้หาจึงไปเข้าเฝ้าทั้งสองคน เมื่อไปถึงวังแล้วก็ลงจากพระเสลี่ยงทอง ที่ไปรับมาเดินขึ้นบนปรางค์ปราสาทชัย เจ้าเมืองเชิญให้ไปนั่งบนแท่นทองทั้งสองคน นมัสการแล้วตรัสเล่าความฝันให้ทำนาย
  ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์แจ้งเหตุฝัน ลงเลขวันยามนิมิตสอบดิถี
ก็รู้ความตามวิสัยว่าไพรี  จะย่ำยีหยาบช้าให้อาดูร
แล้วชำระพระเคราะห์จำเพาะร้าย จะพลัดพรายโภคัยเสียไอศูรย
ราหูเสาร์เข้าถึงที่ระวีมูล จึงเทียบทูลทำนายว่าร้ายนัก
ฯลฯ
            แล้วทูลว่า อันจระเข้เหราคือข้าศึก จะทำให้เสียยศศักดิ์ แต่หน่อนาถราชบุตรีจะพร้อมกันผลาญไพรี ให้พระองค์ทรงมหาอานุภาพได้ ปราบปรปักษ์สูงศักดิ์ศรี ข้าต้นร้ายปลายมือจะดี ให้เดือนสี่จะได้รับผลร้ายหลายประการ
เหมือนพระรามข้ามสมุทรไปหยุดทัพ ไมยราพจับจำขังแทบสังขาร
ต้องสะเดาะเคราะห์ชำระพระชะตา ตามตำราแก้ไขพอให้คลาย ฯ
            แล้วปาโมกข์โลกเชษฐก็ทำพิธีแก้อันตราย และสะเดาะห์เคราะห์ให้เจ้าเมืองอยู่ในศีลสัตย์
  ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร ตั้งเตรียมการรบศึกไม่นึกหนี
กรมวังนั่งยามตามอัคคี ขึ้นหน้าที่ทุกตำแหน่งจัดแจงการ ฯ
            ฝ่ายฝรั่งลังกาที่เป็นกองหน้า มีพระหัสกันเป็นายทัพ ต่างก็แล่นเรือตามเข็ม มุ่งหน้ามาทิศอาคเนย์ มาถึงสะดือสมุทร เหล่ากำปั่นก็หวนหันเห คลื่นทะเลใหญ่ขย่อนเรือจนคลอนโคลง
ย้ายแยกแตกกระบวนบ้างทวนกลับ ยิงปืนรับเรียกกันขวันโขมง
ต้องคลี่คลายสายข้างระยางโยง ให้ใบโปร่งเปิดสูงพยูงลำ
ลฯ
            ครั้นเข้าเขตเมืองการะเวก ต้นหนก็เอาแผนที่ถวาย พระหัสกันก็ส่องกล้องเห็นเรือรายอยู่ไกล
            ฝ่ายเรือตระเวณด่านของเมืองการะเวก มีอยู่ประมาณร้อยเศษ ออกตรวจเขตขัณฑ์ เห็นกำปั่นแล่นมาจึงยิงปืนเป็นสัญญา แล่นสวนออกไปเข้าใกล้จนเห็นหน้าคนแขก จึงให้ล่ามร้องถามไปว่า ฝรั่งอย่างไรจึงไม่หยุด ฝ่ายฝรั่งลังกาไม่ราใบ เมื่อเรือมาใกล้จึงแกล้งลวงว่า จะไปเฝ้าเจ้าเมืองการะเวก เคยมีตรามาไปเป็นไมตรีถึงจะไม่ให้ไปก็ไม่ฟัง
ชาวด่านว่าอย่าเข้าไปยังไม่ชอบ ผิดระบอบเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง
ถึงไมตรีมีมาตราทุกครั้ง ต้องหยุดยั้งอยู่แต่นอกจะบอกไป
ฯลฯ
  ฝรั่งว่าถ้าเป็นทูตถือรับสั่ง ควรยับยั้งตามบทในกฎหมาย
นี่องค์ท่านหลานท้าวเป็นเจ้านาย มาแต่ฝ่ายฟากฝั่งกรุงลังกา
ฯลฯ
กองตระเวนเจนสมุทรจึงพูดแก้ อย่าว่าแต่สุริยวงศ์พระองค์ไหน
ถึงหน่อนาถราชโอรสยศไกร มาแต่ไกลก็ต้องห้ามตามทำนอง
ฯลฯ
            ฝ่ายฝรั่งลังกายังดื้อดึงแล่นเรือฝ่าเข้าไป กองตระเวณเข้าสะกัดกั้นเกิดสู้รบกัน แล้วกองตระเวณก็ให้เรือใช้ ไปกราบทูลท้าวเจ้าเมืองการะเวก กรุงกษัตริย์ทราบเรื่องว่า หัสกันบุตรสุดสาครยกมาก็ให้กรมท่า ออกไปรับหัสกันเข้าเมือง พระหัสกันกล่าวแกล้งแถลงไข แก่อำมาตย์ที่ไปรับว่า
เพราะลูกสาวเจ้าพาราการะเวก ลักเพชรเอามาไว้ในไอศวรรย์
จะมาทวงดวงจินดาพูดจากัน พวกมึงนั้นกั้นการปิดทางไว้
ฯลฯ
            แล้วถามว่าโคตรก้อนแก้วเก็จเป็นเจ็ดสีนั้น เอาไปไว้ที่ใด อำมาตย์ก็ตอบว่า เมื่อคราวไปลังกานั้น ตนก็ไปด้วยและได้ตามหน่อไทไปเที่ยว ดูเมืององค์วัณฬาได้พาเดินไปบนเนินเพชร ได้ให้แก้วเก็จกับพระธิดา เมื่อเลิกทัพกลับมายังเมืองการะเวกก็ได้นำไปไว้ที่เขาเนาวรัตน์ การที่หัสกันมาหาว่า ลักเพชรมานั้นเหมือนเแกล้งพาล พูดดื้อไม่ถือสัตย์ แล้วต่อว่าหัสกันไปหลายประการ หัสกันได้ฟังก็โกรธให้จับอำมาตย์ลงอาญา แล้วสั่งให้ไพร่พลกระทำการ
ให้รุมเข้าเผาพาราการะเวก มันโหยกเหยกแย่งริบให้ฉิบหาย
แต่สาวสาวเอาไว้ใช้อย่าให้ตาย พบผู้ชายจงฟันให้บรรลัย ฯ
  ฝ่ายนายทัพรับสั่งแล้วตั้งโห่ เฮโลโล้กำปั่นเสียงหวั่นไหว
ต่างรับเข้าอ่าวเมืองแน่นเนืองไป ไม่มีใครรับสู้ทั้งบุรี
ฯลฯ
              ชาวเมืองหมายว่ามาโดยดี จึงยืนดูอยู่ริมตลิ่งทั้งหญิงชาย พอทัพหน้าลังกามาถึงวังก็ขึ้นฝั่ง จุดเพลิงไหม้เผาบ้านเมือง พอทัพหลังมาถึงก็ช่วยทัพหน้าจุดไฟเผา ชาวเมืองต่างตื่นตกใจหนีแตกกระจัดกระจาย
             ฝ่ายท้าวเจ้าเมืองการะเวกกับองค์เอกมเหสี พร้อมทั้งบรรดาแสนสุรางค์พอเพลิงไหม้ มาใกล้วังก็จะหนีออกนอกประตูวัง แต่ท่านครูห้ามไว้
จะหนีออกนอกประตูท่านครูห้าม รู้ว่ายามเคราะห์ค่อยคิดถอยหลัง
จนค่ำไฟไหม้ครื้นเสียงปืนดัง อุตส่าห์นั่งนิ่งภาวนามนต์ ฯ
            แล้วทิศาปาโมกข์โลกเชษฐก็อ่านพระเวทย์เป็นห่าฝนให้ไฟดับ ทำให้ไพร่พลโยธาของข้าศึก ถูกฝนโซมต้องกลับไปกำปั่น พอรุ่งเช้าชาวเมืองต่างหนีเร้น และฝนก็หาย กองทัพเมืองลังกาจึงตั้งค่ายไว้ รายรอบขอบกำแพงเมือง
  เจ้าาวายุพัฒน์หัสกันเกณฑ์ทหาร ให้ถือขวานคนละเล่มล้วนเข้มแข็ง
ฟันประตูดูประหลาดพลิ้วพลาดแพลง จนสิ้นแรงรู้ว่าฤทธิ์วิทยา
ฯลฯ
            ทหารที่พยายามปืนกำแพงเมืองมีอันเป็นไปด้วยประการต่าง ๆ จึงคิดอุบายถ่ายเททำเล่ห์กล ให้พวกพลร้องบอกชาวเมืองว่า กองทัพลังกามาตั้งล้อมเมืองไว้หมดแล้ว เปรียบเหมือนขังไว้มิให้หนี ถ้าผู้ใดออกมาหาแต่โดยดี จะให้มีชื่อเสียงและชุบเลี้ยงไว้ ขอให้เร่งเปิดประตูเมืองออกมา
            ฝ่ายบรรดาข้าเฝ้าชาวเมืองได้รายรักษาเมืองทุกหน้าที่ แล้วร้องตอบไปว่า พวกฝรั่งลังกานั้น
ทั้งลวงหลอกยอกย้อนทำซ่อนเงื่อน เผาบ้านเรือนร้ายกาจนอกศาสนา
หากพระองค์ทรงคิดถึงบิดา โปรดให้มามึงจึงได้มาใกล้กราย
ฯลฯ
  เจ้าหัสกันสั่งให้ไพร่ว่าอ้ายโง่ มึงเหมือนโคคอกขังจะสังขาร์
วิสัยศึกลึกล้ำเป็นธรรมดา มีปัญญาย่อมจะได้ด้วยง่ายดาย
ผู้ใดเซอะเคอะคะจะเป็นเหยื่อ เปรียบเหมือนเนื้อทั้งปวงติดบ่วงหวาย
จงกลับใจไหว้กราบอย่าหยาบคาย บอกเจ้านายมึงให้รู้ว่ากูนี้
ฯลฯ
            บอกว่าตนตามมาทวงดวงเพชรอันเตร็จตรัส แล้วท้าทายให้ออกมารบกัน
  พวกขุนนางต่างว่าเหวยฝรั่ง พระจอมวังวรนาถเหมือนราชหงส์
จะสู้กาหน้าดำที่ต่ำวงศ์ จะเสียทรงเสียนวลไม่ควรเลย
            แล้วก็กล่าวลำเลิกไปถึงนางยุพา นางสุลาลี ที่เป็นแม่ของวายุพัฒน์ และหัสกัน ทั้งสององค์ได้ฟังก็ให้ตันจิต คิดคั่งแค้นจะตีหักเข้าเมือง ก็ต้องมนต์มือตีนอ่อน จึงคิดแก้ไขให้ฆ่าไก่เป็ด แพะแกะ โคควาย เอาเลือดไปสาดรอบทั้งขอบเขต เพื่อทำลายเวทมนต์ไสยให้เสื่อมหาย แล้วเร่งทัพเข้าตีเมืองแต่ไม่เป็นผล ทั้งสององค์เห็นจะเข้าตีเมืองต่อไปไม่ไหว จึงให้เสนีย์เมืองการะเวก ที่ต้องจำอยู่นั้นนำไปขุดหินได้แก้วเก็จโคตรเพชรมา
ทลายเขาเนาวรัตน์ด้วยขัดแค้น เก็บหัวแหวนเกิดใหม่ได้หนักหนา
ให้กองทัพจับเหล่าชาวพารา ลงเรือล่าเลิกทัพถอยกลับไป ฯ
            ฝ่ายท้าวเจ้าเมืองการะเวกต้องถอยยศ บ้านเมืองไหม้ไพร่นายล้มตาย
เป็นคราวเคราะห์เพราะประมาทจึงพลาดพลั้ง แทบเสียทั้งนิเวศน์ขอบเขตขัณฑ์
หากท่านครูผู้เฒ่าเหมือนเผ่าพันธุ์ ช่วยผันแปรแก้กันอันตราย
            แล้วทรงปรารภกับพระมเหสีว่า มีลูกเต้าไม่เหมือนเพื่อนทั้งหลาย พากันสูญหายไปหมด เหมือนลูกยางห่างต้นหลุดล่อนไป แล้วทูลเป็นเหตุ เพราะเคราะห์วิบัติให้พรัดพรากไป พอเคราะห์ดีก็จะกลับมาเอง  ที่เกิดศึกเข็ญครั้งนี้เพราะไปแก้พระอภัย ทั้งพระธิดาและพระโอรสไปช่วยรบกับกรุงลังกา ทำให้ฝรั่งคั่งแค้น จึงมาแก้แค้น จึงควรให้ทหารถือสารไปแจ้งกับพระอภัยมณี
ด้วยพวกพ้องของท่านล้วนหลานลูก มาดูถูกรบพุ่งเผากรุงศรี
ให้ทราบความตามวิสัยเป็นไมตรี ดูท่วงทีเธอบ้างจะอย่างไร ฯ
            ท้าวเจ้าเมืองการะเวกได้ฟังก็เห็นจึงให้แต่งสาร ตามเรื่องเมืองลังกาไปถึงท้าวเจ้าเมืองผลึก

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |