| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ขุนแผนส่องกระจก
loading picture
ขุนแผนเมื่อรู้เรื่องนางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์พระไวยแล้ว ก็สั่งให้นางลาวทองอยู่เฝ้าเรือน แล้วตนกับนางแก้วกิริยา ออกเดินทางเข้ากรุง พอดีพระพิจิตรกับนางบุษบามาถึง จึงถามไถ่กันได้ความแล้ว จึงพากันไปเรือนพระไวย
นางศรีมาลารู้ว่าพ่อแม่มา ก็ออกจากห้องมาพบกราบเท้าพ่อแม่ แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ทั้งสองคนได้ฟังแล้วก็สงสารนางศรีมาลายิ่งนัก จึงได้ออกปากต่อว่าพระไวย  พระไวยได้ฟังคำต่อว่าก็โกรธ กล่าวตอบว่า ตนมีเมียสองย่อมมีเรื่องก้ำเกินกันเป็นธรรมดา

 

 
 
 

...อันมีเมียสองก็ต้องห้าม ตามคำโบราณท่านย่อมว่า
มันเกาะแกะเกินก้ำเป็นธรรมดา  ใช่ว่าจะไม่เลี้ยงให้เที่ยงธรรม
ศรีมาลาข้าก็ให้เป็นเมียหลวง  ข้าไททั้งปวงไม่เกินก้ำ
ถึงสร้อยฟ้าหล่อนก็ว่าอยู่ในคำ ทั้งให้ถือน้ำทุกปีมา
เงินทองข้าวของเท่าใดใด  ก็มอบไว้ให้หมดทั้งเคหา...
  ขุนแผนทำกระจกมนตร์
loading picture
ขุนแผนได้ฟังก็ให้สติว่า เหมือนนิทานเรื่องท้าวยศวิมล ที่มีมเหสีสองคน ที่เป็นพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน แต่ยังทำกันได้ โดยนางจันทาทำเสน่ห์ จนนางจันท์เทวีถูกขับไล่ ตนเห็นหน้าพระไวยเป็นฝ้าเหมือนทาคราม ก็รู้ว่าพระไวยถูกทำเสน่ห์ยาแฝด ถ้าไม่เชื่อตนจะเสียคน  นางสร้อยฟ้าได้ยินดังนั้นก็ร้อนตัว จึงพูดท้าว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ขอให้จับคนทำเสน่ห์มา ขุนแผนได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงให้ไปเอากระจกที่พระไวยส่องมา แล้วทำกระจกมนตร์

 
...ขุนแผนผินรับจับกระจก  พลางหยิบยกกระดานชะนวนใหญ่
มาขีดเขียนเลขยันต์ในทันใด แล้วลบผงลงใส่กระจกพลัน
โอมอ่านมนตร์ครบจบศีรษะ  ขอเดชะพระเวทวิเศษขยัน
ถ้าใครทำมนตร์ยาใจอาธรรม์  จงปรากฏเห็นกันให้ทันตา
ก็เกิดเป็นรูปนิมิตติดกระจก อกต่ออกอิงแอบเข้าแนบหน้า
ใบรักรัดกระสันกันสองรา ขุนแผนฮาดังลั่นนั้นเป็นไร...
พระไวยเห็นแล้วยังไม่ยอมเชื่อ แล้วยังพูดลำเลิกบุญคุณ ที่ตนได้ทำให้ตอนพ้นโทษ  ขุนแผนได้ฟังก็โกรธยิ่งนัก เข้าไล่ตีพระไวย  นางทองประศรีออกมาเข้าข้างพระไวย หาว่าขุนแผนเล่นกลให้ดู
...ทำไมกับเล่นกลให้คนดู อ้ายแขกตรังกานูก็เล่นได้
มันโยนลูกทองคลีเป็นสี่ใบ อมฟืนอมไฟได้แดงแดง ฯ

loading picture

พระพิจิตรกับนางบุษบาก็ออกมาห้าม แล้วนางบุษบา ก็บอกพระไวย ขอพานางศรีมาลาไปอยู่สักหนึ่งปี เมื่อคลอดลูกแล้ว จึงค่อยกลับมา  พระไวยก็พูดประชด ให้รีบขนของไปทันที ต่อเมื่อออกลูกมาได้ห้าคนจึงค่อยกลับ  นางบุษบาได้ฟังก็ไม่พอใจ จึงว่าลูกสาวกระทบพระไวย  พระไวยก็พูดแดกดันกลับมา ขุนแผนฟังอยู่ก็โกรธพระไวย ที่ไม่เคารพผู้ใหญ่

 
...เอ๊ะอ้ายไวยกระไรกล้าต่อหน้ากู ข่มขู่ขยี้เล่นเป็นผักยำ
ชี้ข้ามหัวพ่อเป็นตอไม้  แคะไค้ว่าเล่นไม่เป็นส่ำ
นับมึงไม่ได้อ้ายใจดำ ถ้อยคำหยาบช้าสามานย์...
ว่าแล้วก็จะเข้าทำร้ายพระไวยอีก นางทองประศรีก็เข้าห้าม และพูดเข้าข้างพระไวย  พระไวยก็พูดทำนอง ท้าทายว่าไม่กลัวใครทั้งนั้น ขุนแผนโกรธมาก ประกาศตัดพ่อตัดลูกกัน
...คุณย่ายิ่งตามใจยิ่งได้ที่  ตั้งแต่นี้ขาดกันจนวันตาย
ถ้ากูบรรลัยอย่าไปเผา ถึงชีวิตออเจ้าจะสูญหาย
ผีมึงกูก็ไม่ไปกล้ำกราย  หมายแต่จะเอาชีวิตกัน...
แล้วขุนแผนก็ทวงดาบฟ้าพื้นคืน แล้วพากันออกมาจากบ้านพระไวย  พระพิจิตรกับนางบุษบาก็ฝากฝังนางศรีมาลาแก่ขุนแผน ขุนแผนก็รับรองแข็งขันว่าจะดูแลแก้ไขให้ ทั้งสองปลอบลูกแล้วจึงลงเรือกลับไปเมืองพิจิตร
เมื่อทั้งสองคนกลับไปแล้ว ขุนแผนก็กลับขึ้นไปบ้านพระไวยอีก ท้าพระไวยให้มาสู้กัน แต่พระไวยหลบอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมา  นางแก้วกิริยาปลอบขุนแผนให้คลายลง แล้วพากันออกจากบ้านพระไวยโดยมีศรีมาลาตามมาด้วย ขุนแผนก็ปลอบนางศรีมาลา พร้อมทั้งให้นางพรายทั้งสองอยู่รักษาป้องกันภัยให้ แล้วจึงเดินทางกลับเมืองกาญจนบุรี

  พลายชุมพลบวชเณร
loading picture
พลายชุมพลบวชเณรอยู่ที่วัดกระพังทอง ได้เล่าเรียนหนังสือ ทั้งภาษาขอมและภาษาไทย จนสามารถแปลคัมภีร์ได้อย่างเปรื่องปราด วันหนึ่งพบ ขอมดำดิน จากเมืองหงสา ถือ ลานทองที่บรรจุวิชาไว้ ต้องการถามปัญหาของรามัญ ได้ถามปริศนาเณรพลายชุมพล เณรก็แก้ปริศนานั้นได้ ขอมจึงให้ลานทองนั้นมา ได้เรียนวิชาจากลานทองนั้นจนชำนาญ ได้ความรู้ความสามารถเป็นที่เลื่องลือ ตั้งแต่อายุเพียงสิบห้าปี

 
...เรียนวิชาในลานชำนาญใจ  ล่องหนหายตัวได้ดังปราถนา
อยู่คงสารพัดศัสตรา  ดำพสุธาก็ได้ดังใจปอง
กำลังรุ่นหนุ่มน้อยแน่งสนิท  อิทธิฤทธิลือดีไม่มีสอง
อายุสิบห้าปีเปี่ยมคะนอง  สุโขทัยสยองแสยงฤทธิ์ ฯ
อยู่มาคืนหนึ่งหวนคิดถึงย่า บิดามารดา เพราะได้จากมากว่าแปดปีแล้ว ไม่รู้ว่าทุกข์สุขประการใด รุ่งขึ้นจึงจัดแจงผูกหุ่นยักษ์จากฟาง แล้วเขียนสารถึงพ่อ  จากนั้นก็เสกหุ่นยักษ์ขึ้นมา เอาหนังสือผูกคอ  สั่งให้นำไปให้ขุนแผน ที่เมืองกาญจนบุรี  เมื่อยักษ์มนตร์ไปถึง ชาวเมืองต่างพากันตกใจ ขุนแผนได้ยินเสียงอึกทึกตึงตังก็ลงมาจากจวน เห็นเข้าก็รู้ว่าเป็นยักษ์วิชาการ

  ขุนแผนชวนเณรชุมพลายแก้แค้นพระไวย
ขุนแผนเฝ้าคำนึงถึงสารของเณรชุมพลแล้ว จึงเสกผ้าขาวบางขว้างไปเป็นลิง เข้าสู้กับยักษ์จนยักษ์แพ้ กลับกลายเป็นฟาง  ขุนแผนเห็นแผ่นกระดาษอยู่ที่มัดฟาง จึงคลี่ออกอ่านดูก็รู้ว่าเป็นของลูกจากสุโขทัย ถามทุกข์สุขถึงทุกคนก็ให้คิดถึงลูกเป็นกำลัง จึงเขียนหนังสือผูกคอยักษ์มนตร์ ไปให้พลายชุมพลมีความว่า ดีใจที่ลูกอยู่เป็นสุขและได้บวช เล่าความเป็นไปทางอยุธยาที่เกิดเรื่องกับพระไวย แล้วบอกให้พลายชุมพลช่วยพ่อ โดยให้ผูกหุ่นคนปลอมเป็นมอญใหม่ลงมาที่เดิมบาง ใกล้เมืองสุพรรณ ให้เรื่องลือไปถึงอยุธยา พระพันวษาก็คงจะให้พระไวยออกรบ และคงเกณฑ์ให้ตัวขุนแผนมาช่วยด้วย จากนั้นให้ทั้งสองคนช่วยกันรบพระไวย สำหรับผู้อื่นนั้นอย่าไปทำร้าย จากนั้นให้พลายชุมพลหลบกลับไปสุโขทัย
เณรชุมพลอ่านสารของพ่อแล้ว ให้แค้นพระไวยและสงสารพ่อมาก  พอรุ่งเช้าจึงเข้าไปหาตายาย ขอลาไปหาบิดามารดา ตายายได้ฟังก็ตามใจหลาน แล้วไปลาอาจารย์เพื่อสึกจากเณรและจะหาบ่าวไพรติดตามไป แต่พลายชุมพลบอกว่าตนมาคนเดียวยังมาได้ จึงขอแต่ม้าดีขี่ไปก็พอ  พระยาสุโขทัยก็แนะม้าสีกะเลียวให้ ซึ่งเป็นม้าพยศ แต่ประเปรียวมาก พลายชุมพลเสกหญ้าให้ม้ากิน แล้วลองขึ้นขับขี่ได้แคล่วคล่องว่องไว  ตายายเห็นดังนั้นก็ยินดี แล้วมอบดาบให้หลาน
...ดีใจเต้นหรบตบมือ  ลูกเสือแล้วหรือจะไม่ได้
เรียกหลานขึ้นมาตาชอบใจ  หยิบดาบยื่นให้ในทันที
ดาบนี้แต่ครั้งเจ้าคุณปู่  ท่านฟันหมู่มอญพม่าพากันหนี
จึงให้ชื่อว่าชนะไพรี  เป็นของดีสืบมาจนตายาย...
ตกค่ำพลายชุมพลจัดทำบายศรีแล้วไปที่ป่าช้า ทำพิธีเรียกภูตผีโหงพรายมาพร้อมกัน เพื่อใช้ให้กำกับหุ่นมนตร์ของตน
...จัดธูปเทียนชัยขึ้นใส่พาน ชักสายสิญจน์โยงผ่านป่าช้าชัฏ
ได้ฤกษ์แล้วเบิกโขลนทวาร  โอมอ่านพระเวทวิเศษจัด
แล้วหยิบเอาข้าวสารมาหว่านซัด  เร่งรัดเรียกผีทุกตำบล...
...เอาแต่โหงพรายร้ายราวี  พรุ่งนี้กูจะไปยังสุพรรณ
พวกออเจ้ามาเข้ากระบวนทัพ  ไปกำกับหุ่นมนตร์พลขันธ์
รุ่งขึ้นพลายชุมพลไปกราบลาเจ้าขรัวสุโขทัย ทั้งสองคนตายายต่างอวยชัยให้พร  พอได้ฤกษ์ก็ขึ้นม้า ออกจากสุโขทัยพร้อมฝูงพราย

  พลายชุมพลแต่งทัพหุ่น
เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งทางก็หยุดม้า  แล้วเกี่ยวหญ้ามาผูกหุ่นได้พันตัว  เมื่อเสกแล้วหุ่นก็มีชีวิตเหมือนคน ถือเครื่องศาสตราวุธครบมือ  พลายชุมพลจึงสั่งหุ่นมนตร์เหล่านั้น ให้โห่เป็นเสียงมอญใหม่ ยกไปเป็นกองทัพ ห้ามฆ่าชาวบ้านชาวเมืองทั้งปวง ให้ทำได้เพียงตีต้อนเท่านั้น  เมื่อถึงเดิมบางก็ให้ตั้งค่ายในป่า
ผู้รั้งเมืองสุพรรณได้ข่าวกองทัพยกมาก็หวาดหวั่น จัดการป้องกันเมืองอย่างมั่นคง แล้วมีใบบอกไปกรุงศรีอยุธยา
...เกณฑ์คนขึ้นประจำใบเสมา รักษาป้อมค่ายไว้มั่นคง
รั้วขวากลากมาสนามเพลาะ มั่นเหมาะค่ายคูดูระหง
ด่านทางวางรอบเป็นขอบวง ให้ม้าใช้สืบส่งคดีมา


| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |