การปฏิบัติการของเรือหลวงประแส
การปฏิบัติการ
ครั้งที่ ๑ - ๖
(๑๑ มกราคม - ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๙๕)
ปฏิบัติการคุ้มกันขบวนเรือลำเลียงที่เดินทางไปยังอ่าววอนชาน
และซองจิน
การผลัดเปลี่ยนกำลังพล
ทหารประจำเรือรุ่นที่ ๔ ชุดที่ ๑ จำนวน ๑๖๓ คน เดินทางมาถึงฐานทัพเรือซาเซโบ
เมื่อ ๓๐ พฤษภาคม ๒๔๙๕ หลังจากที่ได้ดำเนินกรรมวิธีต่าง ๆ แล้วได้ลงประจำเรือ
เมื่อ ๑๕ มิถุนายน ๒๔๙๕
การปฏิบัติการ
ครั้งที่ ๗ - ๘ (๕
มิถุนายน - ๑ กรกฎาคม ๒๔๙๕)
ปฏิบัติการคุ้มกันขบวนเรือลำเลียงที่บริเวณเกาะอูลลัง อ่าววอนชาน และซองจิน
การผลัดเปลี่ยนกำลังพล
กำลังพลรุ่นที่ ๒ ชุดที่ ๒ จำนวน ๗๐ คน โดยสารรถไฟจากเมืองโยโกฮามา
การปฏิบัติการ
ครั้งที่ ๙ - ๑๒
(๑๔ พฤษภาคม - ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๕)
ปฏิบัติการคุ้มกันเรือลำเลียงเดินทางไปอ่าววอนชาน และซองจิน ระดมยิงฝั่งที่หมายรถไฟ
ลาดตระเวณ รักษาการณ์ในอ่าววอนชานเหนือเกาะชิน ด้านใต้บริเวณตะวันออกของแหลมกัลมากัก
ลาดตระเวณเหนือเกาะอัง เกาะโย เมืองฮุงนำ คุ้มกันเรือลำเลียงอมภัณฑ์
การเข้าอู่ซ่อมที่ฐานทัพเรือโยโกสุกะ
ใช้เวลาซ่อม ๑๐ สัปดาห์ ค่าซ่อม ๔๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐฯ
การปฏิบัติการ
ครั้งที่ ๑๓ - ๑๔
(๒๗ กุมภาพันธ์ - ๘ มีนาคม ๒๔๙๖)
การปฏิบัติการคุ้มกันขบวนเรือลำเลียงไปยังอ่าววอนชาน และคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมัน
การผลัดเปลี่ยนกำลังพล
ผู้บังคับการเรือหลวงประแสคนใหม่ พร้อมด้วยกำลังพล รุ่นที่ ๕ ชุดที่ ๑ จำนวน
๒๐๕ คน เดินทางมาผลัดเปลี่ยน แล้วลงประจำเรือ เมื่อ ๑๔ มีนาคม ๒๔๙๖ และรุ่นที่
๕ ชุดที่ ๒ จำนวน ๒๑๔ คน เดินทางมาถึง เมื่อ ๒๐ เมษายน ๒๔๙๖
การปฏิบัติการ
ครั้งที่ ๑๕ - ๒๒
(๒๗ มีนาคม - ๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๖)
ปฏิบัติการคุ้มกันเรือลำเลียงไปส่งยุทธสัมภาระให้กับเรือรบในพื้นที่ปฏิบัติการ
ทางฝั่งทะเลด้านตะวันออกของเกาหลีเหนือ คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันเดินทางไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้
หมู่เรือพิฆาต และเรือลาดตระเวณที่กำลังปฏิบัติการอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ
คุ้มกันขบวนเรือลำเลียงไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิง สรรพาวุธ และพัสดุให้กับกองเรือเฉพาะกิจที่
๗๗ คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันไปยังพื้นที่ปฏิบัติการ
การเดินทางกลับมาผลัดเปลี่ยนกำลังพลในไทยครั้งแรก
๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๖ เรือหลวงประแสออกเดินทางจากฐานทัพเรือซาเซโบ ถึงกรุงเทพฯ
เมื่อ ๙ ธันวาคม ๒๔๙๖ หลังจากผลัดเปลี่ยนกำลังพลประจำเรือส่วนหนึ่งแล้วก็เดินทางกลับไปเกาหลี
ถึงฐานทัพเรือซาเซโบเมื่อ ๓ มกราคม ๒๔๙๗
การปฏบัติการ
ครั้งที่ ๒๓ - ๒๙
(๙ มกราคม - ๒๐ เมษายน ๒๔๙๗)
การปฏิบัติการคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมัน และเรือลำเลียงไปปฏิบัติการในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้กองเรือเฉพาะกิจที่ ๗๗ คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้เรือรบในพื้นที่ปฏิบัติการ
การเดินทางกลับมาผลัดเปลี่ยนกำลังพลในประเทศไทยครั้งที่
๒
เรือหลวงประแสออกเดินทาง เมื่อ ๒๓ มิถุนายน ๒๔๙๗ ถึงกรุงเทพฯ เมื่อ ๕ กรกฎาคม
๒๔๙๗ ผู้บังคับการเรือคนใหม่เข้ารับหน้าที่ ทหารประจำเรือรุ่นที่ ๖ ชุดที่
๒ ผลัดเปลี่ยนรับ - ส่งหน้าที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๔๙๗ ออกเดินทางจากประเทศไทย ถึงฐานทัพเรือซาเซโบ
เมื่อ ๒๘ กรกฎาคม ๒๔๙๗
การปฏิบัติการ
ครั้งที่ ๓๐ - ๓๒
(๗ สิงหาคม - ๓๐ กันยายน ๒๔๙๗)
ปฏิบัติการคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ให้แก่เรือในพื้นที่ปฏิบัติการ
คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้เรือพิฆาตสหรัฐฯ ในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
การเดินทางกลับประเทศไทย
เนื่องจากการเจรจาสงบศึกเป็นที่ตกลงกันได้แล้ว และได้มีการลงนามร่วมกันในความตกลงสงบศึก
เมื่อ ๒๗ กรกฎาคม ๒๔๙๗ สถานการณ์รบในเกาหลีสงบลงมากแล้ว ชาติพันธมิตรหลายชาติที่ไปร่วมรบในสงครามเกาหลี
เริ่มถอนกำลังกลับ ประกอบกับในปลายปี พ.ศ. ๒๔๙๗ สถานการณ์ในอินโดจีนฝรั่งเศสตึงเครียดหนัก
มีการสู้รบระหว่างฝรั่งเศสกับเวียดมินห์ และมีทีท่าว่าภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์
อาจลุกลามถึงประเทศไทยได้ รัฐบาลไทยจึงมีนโยบายถอนกำลังทหารกลับ โดยได้ปรึกษาหารือกับกองบัญชาการสหประชาชาติ
เมื่อได้รับคำยืนยันว่าไม่ขัดข้องแล้ว กระทรวงกลาโหมจึงได้มีคำสั่ง เมื่อ
๖ มกราคม ๒๔๙๘ ให้ถอนทหารบางส่วนกลับประเทศไทย
สำหรับกำลังทางเรือกำหนดให้ ถอนกำลัง มส.พร้อมด้วยเรือหลวงท่าจีน เรือหลวงประแส
และให้เรือหลวงทั้งสองลำ ทำหน้าที่คุ้มกันเรือลำเลียงทหารบกในระหว่างเดินทางกลับด้วย
วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๔๙๘ เรือหลวงทั้งสองลำได้อำลากองเรือสหประชาชาติ ออกเดินทางจากฐานทัพเรือซาเซโบ
ไปยังเมืองท่าปูซานเพื่อรับเรือสินค้าอิโกะ ซึ่งลำเลียงกำลังพลทหารไทยผลัดที่
๖ (หย่อน ๑ กองร้อย) แล้วทำการคุ้มกันระหว่างเดินทางกลับประเทศไทย ถึงท่าราชวรดิษฐ์
เมื่อ ๓๑ มกราคม ๒๔๙๘ จากนั้นกำลังพลได้เดินทางไปร่วมพิธีสวนสนาม ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า
โดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานในพิธี
หมู่เรือปฏิบัติการร่วมกับสหประชาชาติ (มส.) สิ้นสุดภารกิจ รวมระยะเวลาที่ไปปฏิบัติการ
๔ ปี ๓ เดือน ๑๘ วัน
การปฏิบัติการของทหารอากาศ
ในขั้นต้น กองทัพอากาศได้พิจารณาที่จะจัดส่งฝูงบินสื่อสาร ไปร่วมปฏิบัติการกับกองบัญชาการสหประชาชาติ
แต่ได้ยกเลิกไปและได้ส่งกำลังไปร่วมปฏิบัติการรวม ๒ หน่วย คือ หน่วยพยาบาลทางอากาศ
และหน่วยบินลำเลียง
หน่วยพยาบาลทางอากาศ
กองบัญชาการสหประชาชาติ ได้กำหนดนโยบายการส่งกลับทหารบาดเจ็บ และป่วยไข้ในสงครามเกาหลีไว้ว่า
จะได้รับการรักษาพยาบาลขั้นต้น ที่โรงพยาบาลสนามในเกาหลีก่อน ต่อจากนั้นจะส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลทหารต่าง
ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในระยะเวลา ๑๒๐ วัน ให้นำกลับไปรักษาต่อที่ประเทศของตน
ทางการไทยได้รับคำแนะนำจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ
ภาคตะวันออกไกล (Fae Eastern Air Force:FEAF)
ให้จัดชุดพยาบาลส่งกลับทางอากาศ (Medica Air Evacuation Team) สำหรับดูแลรักษาผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยไข้ในระหว่างการเดินทาง
จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย
ชุดพยาบาลส่งกลับทางอากาศจัดไว้ ๓ ชุด ๆ ละ ๒ คน โดยส่งไปประจำอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น
๒ ชุด อีก ๑ ชุดสำรองอยู่ที่ประเทศไทย ในการนี้กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ใช้เครื่องบินของหน่วยบริการขนส่งทางอากาศสหรัฐฯ
(MATS) ในสายที่เรียกว่า Embassy Flight ซึ่งบินในเส้นทางระหว่าง โตเกียว
- โอกินาวา - มะนิลา -ไซ่ง่อน - กรุงเทพฯ - พม่า - กัลกัตตา - นิวเดลี - ไคโร
สำหรับการส่งกลับผู้ป่วยเจ็บได้เดือนละ ๒ เที่ยวบิน ๆ ละไม่เกิน ๖ คน พร้อมด้วยชุดพยาบาลทางอากาศ
๑ ชุด โดยให้เริ่มตั้งแต่เดือน ธันวาคม ๒๔๙๓ เป็นต้นไป
การปฏิบัติงานมิได้จำกัดต่อทหารไทยเท่านั้น แต่ยังต้องปฏิบัติงานร่วมกับแพทย์และพยาบาลสหรัฐฯ
ในการรักษาพยาบาลทหารกองกำลังสหประชาชาติ ระหว่างเดินทางจากเกาหลีใต้ไปยังโรงพยาบาลทหารสหรัฐฯ
ในญี่ปุ่นด้วย ต้องช่วยปฏิบัติงานในหน่วยคัด แยกเพื่อส่งกลับทางอากาศ (Medical
Air Evacuation Separation) โดยจัดพยาบาลไปประจำที่สนามบินเพื่อช่วยคัดแยก
ผู้ป่วยเจ็บที่มาจากเกาหลีใต้เข้าตามโรงพยาบาลต่าง ๆ
ชุดพยาบาลทางอากาศ รุ่นที่ ๑ ชุดที่ ๑ และ ๒ ออกเดินทางจากประเทศไทยเมื่อ
๒๖ ธันวาคม ๒๔๙๓ โดยเครื่องบินของหน่วยบริการขนส่งทางอากาศสหรัฐฯ ไปยังกรุงโตเกียว
ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๔๙๔ หน่วยนี้ได้ใช้สำนักงานร่วมกับสำนักงานนายทหารติดต่อ
ประจำกองบัญชาการสหประชาชาติ ในกรุงโตเกียว และตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๑๙ สำนักงานกับที่พักแพทย์พยาบาลทั้งหมดได้ย้ายไปอยู่ในฐานบินตาชิกาวา
การจัดชุดพยาบาลทางอากาศ
และการผลัดเปลี่ยน
ชุดพยาบาลทางอากาศไปปฏิบัติราชการในสงครามเกาหลี ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๕๑๙
รวม ๒๙ รุ่น ในห้วงปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๔๙๘ ซึ่งมีสถานการณ์รบ และยังคงมีกองกำลังของประเทศพันธมิตรอยู่นั้น
หน่วยพยาบาลทางอากาศรุ่นที่ ๑ - ๖ จำนวนเจ้าหน้าที่รุ่นละ ๗ คน แบ่งเป็น ๓
ชุด ๆ ละ ๒ คน ประกอบด้วยแพทย์ ๑ คน พยาบาล ๑ คน และมีแพทย์เป็นหัวหน้าชุดอีก
๑ คน
หลังจากที่ได้มีการลงนามในความตกลงสงบศึก เมื่อ ๒๗ กรกฎาคม ๒๔๙๖ สถานการณ์รบในเกาหลีสงบลง
บรรดาชาติพันธมิตร เริ่มถอนกำลังกลับประเทศตน กระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งเมื่อ
๖ มกราคม ๒๔๙๘ ให้ถอนทหารบางส่วนกลับประเทศไทย โดยให้กองทัพอากาศ ถอนเจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลทางอากาศกลับ
ให้เหลือกำลังไว้เพียง ๑ ชุด (๓ คน) เพื่อช่วยเหลือทหารบกไทยที่คงอยู่อีก
๑ กองร้อย กับหน่วยบินลำเลียง ดังนั้นการจัดชุดพยาบาลทางอากาศ จึงเป็นดังนี้
รุ่นที่ ๗ - ๑๕ (พ.ศ. ๒๔๙๘ - ๒๕๐๕) ประกอบด้วย แพทย์ ๒ คน และพยาบาล ๑ คน
โดยมีแพทย์คนหนึ่งเป็นหัวหน้าชุดพยาบาลทางอากาศ
รุ่นที่ ๑๖ - ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๕ - ๒๕๑๖) ประกอบด้วยแพทย์ ๑ คน พยาบาล ๑ คน
รุ่นที่ ๒๗ - ๒๙ (พ.ศ. ๒๕๑๖ - ๒๕๑๙) คงเหลือแพทย์ ๑ คน เนื่องจากประเทศไทยได้ถอนกำลังทางบก
๑ กองร้อยกลับ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ คงเหลือกำลัง ๑ หมู่เกียรติยศ และหน่วยบินลำเลียงประจำอยู่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น
กองทัพอากาศได้กำหนดให้หน่วยพยาบาลทางอากาศรุ่นที่ ๑ - ๓ ปฏิบัติงานในสงครามเกาหลีเป็นเวลา
๑ ปี และตั้งแต่รุ่นที่ ๔ - ๑๓ ได้ลดระยะเวลาลงเหลือ ๖ เดือน รุ่นที่ ๑๔ -
๒๙ เห็นว่าไม่มีสถานการณ์รบ จึงได้กลับมาเป็น ๑ ปีตามเดิม
การปฏิบัติงานของชุดพยาบาลทางอากาศ
รุ่นที่ ๑ เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกเมื่อ ๑๑ มกราคม ๒๔๙๔ โดยดูแลทหารไทยที่ป่วยเป็นโรคหิมะกัด
๖ คน เดินทางกลับประเทศไทย
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - กลางปี พ.ศ. ๒๔๙๖ สถานการณ์ในเกาหลีใต้ยังรุนแรงอยู่
จำนวนทหารบาดเจ็บค่อนข้างสูง การส่งกลับจึงมีบ่อยครั้ง ในรุ่นที่ ๑ พ.ศ. ๒๔๙๔
ส่งกลับ ๒๕ ครั้ง จำนวน ๘๘ คน รุ่นที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๙๕ ส่งกลับ ๒๐ ครั้ง จำนวน
๑๑๐ คน และได้ลดลงมาตามลำดับจนไม่มีเลย ในรุ่นหลัง ๆ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๒
- ๒๕๑๙
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้ถอนกำลังหน่วยบินลำเลียงกลับ รุ่นที่ ๒๙ เป็นชุดสุดท้าย
ได้เดินทางกลับพร้อมหน่วยบินลำเลียง เมื่อ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๑๙ รวมหน่วยพยาบาลทางอากาศที่ส่งไปปฏิบัติการทั้งสิ้น
๒๙ รุ่น เป็นแพทย์และพยาบาล ๙๔ คน ปฏิบัติงานในประเทศญี่ปุ่น ๒๕ ปี ๘ เดือน
๕ วัน การปฏิบัติงานได้ผลดีมาก ได้รับคำชมเชยจากหน่วยงานด้านเสนารักษ์ของกองทัพสหรัฐฯ
มาโดยตลอด
หน่วยบินลำเลียง
กองทัพอากาศได้จัดเครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๔๗ จำนวน ๓ เครื่อง พร้อมด้วยกำลังพล
๑๗ คน ประกอบด้วยหัวหน้าหน่วยซึ่งเป็นนักบิน ๑ คน นักบิน ๘ คน ช่างอากาศ ๔
คน และเจ้าหน้าที่สื่อสาร ๔ คน ตามที่ได้รับคำแนะนำจากคณะที่ปรึกษา และช่วยเหลือทางทหารสหรัฐฯ
ประจำประเทศไทย ต่อมาได้พิจารณาเพิ่มอีก ๒ คน รวมเป็น ๑๙ คน คือนายทหารฝ่ายการเงิน
๑ คน และเสมียน ๑ คน
กระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่ง เมื่อ ๑๘ มิถุนายน ๒๔๙๔ ให้กองทัพอากาศส่งหน่วยบินลำเลียงกับหน่วยพยาบาลทางอากาศไปปฏิบัติการร่วมกับ
กองบัญชาการสหประชาชาติ
ตั้งแต่ ๑๘ มิถุนายน ๒๔๙๔ เครื่องบินทั้งสามลำบินตามเส้นทาง กรุงเทพฯ - ตูราน
- ฐานทัพอากาศสหรัฐฯ คลาร์ก (Clark Field) กรุงไทเป - เกาะโอกินาวา - กรุงโตเกียว
ถึงกรุงโตเกียว เมื่อ ๒๓ มิถุนายน ๒๔๙๔ ณ ฐานบินตาชิกาวา
ภารกิจที่ได้รับมอบ มี ๖ ประการด้วยกันคือ
๑ การขนส่งทางอากาศ ได้แก่การส่งกลับทหารบาดเจ็บและป่วยไข้ การลำเลียงทหารและพลเรือนระหว่างสนามบินต่าง
ๆ ในเกาหลีใต้ และระหว่างสนามบินทหารในญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ การลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์
การขนส่งสัมภาระทางอากาศ ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้
๒ การบินขนส่งไปรษณีย์สำหรับกองกำลังสหประชาชาติ เป็นประจำทุกสัปดาห์
จัดเที่ยวบินเป็น ๓ สาย
สายที่ ๑ เส้นทาง ฐานบินตาชิกาวา - อิตาสุะเกะ - ปูซาน
สายที่ ๒ เส้นทาง ฐานบินตาชิกาวา - อิตาสุะเกะ - ฐานบินเช็กชาโดบนเกาะคิวชิว
สายที่ ๓ เส้นทาง ฐานบินตาชิกาวา - โอกินาวา - ไทเป - ฐานทัพอากาศสหรัฐฯ คลาร์ก
๓ การบินสนับสนุนการฝึกพลร่มของทหารสหรัฐฯ
๔ การขนส่งทหารบกไทย ที่ปฏิบัติการอยู่ในเกาหลีใต้เดินทางไป - กลับ
กรุงโตเกียว ตามโครงการพักผ่อน และฟื้นฟูของสหประชาชาติ (R&R)
๕ การสนับสนุนนักบินต้นหน และช่างเครื่องไปร่วมปฏิบัติงานกับ เจ้าหน้าที่ในหน่วยบินลำเลียงสหรัฐฯตามที่ได้รับคำสั่ง
๖ การบินขนส่งบรรเทาสาธารณภัยให้แก่ทางการญี่ปุ่น เมื่อเกิดภัยธรรมชาติตามที่ได้รับการร้องขอ
การปฏิบัติการของหน่วยบินลำเลียงชุดที่
๑
หน่วยบินลำเลียงของไทยขึ้นการบังคับบัญชาอยู่ในฝูงบินลำเลียงที่ ๒๑ ( ๒๑ st
Troop Carrier SQuadron) สังกัดกองบินใหญ่ลำเลียงที่ ๓๗๔ กองบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ
ซึ่งเป็นฝูงบินลำเลียงเดียวที่ใช้ เครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๔๗ ในสงครามเกาหลี
๓๑ กรกฎาคม ๒๔๙๔ หน่วยบินลำเลียงของไทย ได้เคลื่อนย้ายไปประจำที่ฐานบิน อาชิยา
(Ashiya Air Base) เมืองฟูกุโอกะ บนเกาะคิวชิว ห่างจากคาบสมุทรเกาหลีเป็นระยะเวลาบิน
๔๕ นาที
๑๘ ตุลาคม ๒๔๙๔ หน่วยบินลำเลียงของไทยย้ายกลับมาประจำอยู่ที่ฐานบินตาชิกาวา
เนื่องจากหน่วยเหนือย้ายไปเพื่อให้ปฏิบัติการลำเลียงให้กับหน่วยรับการสนับสนุนในยุทธบริเวณอย่างใกล้ชิด
และได้รับภารกิจเพิ่มเติม ๓ ประการคือ
๑ การลำเลียงกระสุน และวัตถุระเบิดไปส่งให้ตามฐานบินต่าง ๆ ในเกาหลีใต้
๒ การลำเลียงขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ จากที่ทำการไปรษณีย์ทหาร จากฐานบินตาชิกาวา
ไปส่งตามสนามบินฐานบิน และฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้
๓ การตรวจสอบสภาพสนามบินในญี่ปุ่น และสมรภูมิเกาหลี เพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
๒ พฤษภาคม ๒๔๙๕ กำลังพลชุดที่ ๒ ได้เดินทางไปผลัดเปลี่ยน โดยทำการผลัดเปลี่ยนเป็น
๒ รุ่น การผลัดเปลี่ยน รุ่นที่ ๒ เสร็จในกลางเดือนมิถุนายน ๒๔๙๕
สถิติการปฏิบัติงานของ ชุดที่ ๑ ตั้งแต่ สิงหาคม ๒๔๙๔ ถึงกลางเดือนมิถุนายน
๒๔๙๕ มีการปฏิบัติการ ๔๐๐ เที่ยวบิน ผู้โดยสาร ๑,๐๔๓ คน ผู้ป่วย ๓๖๐ คน น้ำหนักบรรทุก
๑,๕๗๕,๐๐๐ ปอนด์
การปฏิบัติการของหน่วยบินลำเลียงชุดที่
๒
หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๒ ยังคงได้รับมอบภารกิจในการบินลำเลียง ระหว่างญี่ปุ่น
และเกาหลีใต้ กับระหว่างสนามบินต่าง ๆ ในญี่ปุ่นทุกสัปดาห์ เช่นเดียวกับชุดที่
๑ สนามบินบางแห่งในทะเลเหลือง อยู่นอกฝั่งเกาหลีเป็นระยะทางบินประมาณ ๑ ชั่วโมง
มีข้อจำกัดในการบินคือต้องบินระยะสูงเพียง ๑๐๐ - ๒๐๐ ฟุตเท่านั้น เพื่อมิให้เรดาร์ข้าศึกจับได้
สนามบินบางแห่งไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการบิน บางแห่งต้องลงบนชายหาดที่มีทรายแข็ง
และขึ้นอยู่กับน้ำทะเลขึ้นลง
๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๕ สถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพสหรัฐฯ ภาคตะวันออกไกลได้ออกกระจายเสียง
รายงานข่าวการปฏิบัติการของกองกำลังชาติต่าง ๆ ในสงครามเกาหลีเผยแพร่ไปทั่วโลก
ได้ประกาศชมเชยการปฏิบัติงานของหน่วยบินลำเลียงไทยว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ทั้งการบินลำเลียงทางอากาศ
(Airlift) และการบินส่งกลับทางอากาศ (Air Evacuation) จำนวนหลายร้อยเที่ยวบิน
นับเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณของหน่วยบิน และกองทัพอากาศไทยให้ปรากฏแก่ประชาคมโลก
นอกจากนี้ผู้บังคับหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๒ ได้รับเชิญให้ไปพูดออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง
ในกรุงโตเกียว เกี่ยวกับหน่วยบินลำเลียงของไทย กับได้ส่งเรื่องของหน่วยบินลำเลียง
การปฏิบัติงานพร้อมภาพไปลงหนังสือพิมพ์ และวารสารต่าง ๆ เป็นประจำ
เจ้าหน้าที่หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๓ ได้เดินทางไปรับหน้าที่เสร็จสิ้นเมื่อเดือน
กัยยายน ๒๔๙๖ เดินทางกลับถึงประเทศไทย เมื่อ ๙ ตุลาคม ๒๔๙๖ รวมระยะเวลาปฏิบัติงาน
๑ ปี ๓ เดือน มีสถิติการปฏิบัติงาน ดังนี้
จำนวนเที่ยวบิน ๕๘๐ เที่ยวบิน ขนส่งผู้โดยสารทหาร ๑,๓๒๕ คน พลเรือน ๔๒๐ คน
น้ำหนักบรรทุก ๑,๗๓๒,๖๐๐ ปอนด์
หน่วยบินลำเลียงไทยได้รับแพรแถบเชิดชูเกียรติคุณหน่วยของประธานาธิบดีเกาหลีใต้
จากการที่กองพลบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ ได้รับเกียรติอันนี้ และได้มีคำสั่งทั่วไปเมื่อ
๖ เมษายน ๒๔๙๗ ยืนยันให้เจ้าหน้าที่หน่วยบินลำเลียงไทย ซึ่งปฏิบัติงานในสงครามเกาหลีในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว
มีสิทธิ์ประดับแพรแถบเชิดชูเกียรติในฐานะหน่วยขึ้นสมทบกองพลบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ
การปฏิบัติการของหน่วยบินลำเลียงชุดที่
๓
การเดินทางของหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๓ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกจำนวน ๑๖
คน ส่วนที่ ๒ จำนวน ๑๒ คน การเดินทางวันแรกจะไปพักค้างคืนที่ฐานทัพอากาศสหรัฐฯ
คลาร์ก ที่ฟิลิปปินส์ ๑ คืน รุ่งขึ้นจึงเดินทางไปถึงกรุงโตเกียว
ตั้งแต่เดือน สิงหาคม ๒๔๙๖ เป็นต้นมา การรบในคาบสมุทรเกาหลีสงบลง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในความตกลงสงบศึกแล้ว
ภารกิจของหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๓ จึงลดลงด้วย เหลือเพียงการบินลำเลียงขนส่งทางอากาศเป็นประจำสัปดาห์ละ
๑-๒ เที่ยว ส่วนใหญ่เป็นการบินลำเลียงขนส่งสิ่งอุปกรณ์ และสัมภาระระหว่างญี่ปุ่นกับ
เกาหลีใต้ โดยเฉพาะการบินลำเลียงระหว่างฐานบินตาชิกาวา กับสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
บนเกาะเซจู ปลายคาบสมุทรเกาหลี ใช้เวลาเดินทางไป - กลับ ๓ วัน โดยแวะที่ฐานบินอิตาสุเกะ
เกาะคิวชิว การบินจากฐานบินตาชิกาวาไปยังฐานบินอิตาสุเกะต้องใช้เวลาเดินทาง
๖ - ๗ ชั่วโมง แล้วบินข้ามทะเลญี่ปุ่นอีกประมาณ ๒ ชั่วโมง
๒๔ มิถุนายน ๒๔๙๗ ผู้บังคับการกองบินใหญ่ที่ ๓๗๔ สหรัฐฯ ได้มีหนังสือชมเชยผลการปฏิบัติงานของ
หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๓ และมอบธงเชิดชูเกียรติการบินปลอดภัย (Wing Flying
Safety Pennent) ประจำเดือน พฤษภาคม ๒๔๙๗ ให้แก่หน่วยบินลำเลียง
๖ มกราคม ๒๔๙๘ กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้ถอนทหารบางส่วนกลับประเทศไทย ในส่วนของกองทัพอากาศถอนหน่วยเจ้าหน้าที่พยาบาลทางทหารกลับ
ให้เหลือไว้เพียง ๑ ชุด หน่วยบินลำเลียงไม่เปลี่ยนแปลง
การปฏิบัติการของหน่วยบินลำเลียงชุดที่
๔ - ๑๗
ชุดที่ ๔ ออกเดินทางจากประเทศไทยเมื่อ
๓ ตุลาคม ๒๔๙๗ รับหน้าที่เมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๗ การปฏิบัติงานคงได้รับมอบภารกิจเช่นเดียวกับชุดก่อน
ๆ
ชุดที่ ๕ รับมอบหน้าที่เมื่อ กลางเดือน
ธันวาคม ๒๔๙๘
ชุดที่ ๖ รับมอบหน้าที่เมื่อ กลางเดือน
ธันวาคม ๒๔๙๙ กองพลบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ ได้ให้หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๖ ไปขึ้นสมทบกับฝูงบินปฏิบัติการที่
๖๔๘๕ กองบินใหญ่ ลำเลียงที่ ๓๗๔ สหรัฐฯ และได้ย้ายที่ทำการของหน่วยบินจากอาคารกองบังคับการกองบินน้อยบริการฐานบินที่
๓๗๔ สหรัฐฯ ไปอยู่ที่อาคารโรงภาพยนตร์ของฐานบินคาชิการา
ชุดที่ ๗ รับมอบหน้าที่เมื่อต้นเดือนมกราคม
๒๕๐๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ นี้กองทัพอากาศได้ฝากการบังคับบัญชาหน่วยพยาบาลทางอากาศ
ไว้กับหน่วยบินลำเลียง ในเดือนเมษายน ๒๕๐๑ กองทัพอากาศได้รายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ขอระงับการจัดส่งกำลังทางอากาศไปร่วมปฏิบัติงานกับ สหประชาชาติต่อไป กับขอถอนกำลังหน่วยบินลำเลียง
และหน่วยพยาบาลทางอากาศกลับในเดือน ธันวาคม ๒๕๐๑ แต่ทางสหรัฐฯ ขอให้อยู่ต่อไป
ชุดที่ ๘ รับมอบหน้าที่เมื่อต้นเดือน
มกราคม ๒๕๐๒ ได้ส่งเครื่องบินเข้าซ่อมใหญ่ (IRAN) ที่เมืองไทนัม บนเกาะไต้หวัน
กองทัพอากาศได้พิจารณาการผลัดเปลี่ยนเจ้าหน้าที่หน่วยบินลำเลียงเป็น ชุดละ
๒ ผลัด โดดเริ่มตั้งแต่ชุดที่ ๙ เป็นต้นไป แต่ละชุดห่างกัน ๖ เดือน
ชุดที่ ๙ ผลัดที่ ๑ รับมอบหน้าที่เมื่อ
๑ มกราคม ๒๕๐๓ ผลัดที่ ๒ รับมอบหน้าที่เมื่อ มิถุนายน ๒๕๐๓ ต่อมาเพื่อสะดวกและประหยัดแก่การ
รับ-ส่ง ทางเครื่องบินของกำลังพลที่ไปผลัดเปลี่ยน จึงได้มีการปรับแผนการผลัดเปลี่ยนใหญ่ตั้งแต่ชุดที่
๑๐ เป็นต้นไป โดยให้เครื่องบินมาส่ง และรับในวงรอบเดียวกัน
ชุดที่ ๑๐ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ
๒๒ ธันวาคม ๒๕๐๓ ผลัดที่สองรับมอบหน้าที่เมื่อ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๐๔
ชุดที่ ๑๑ ผลัดแรกและผลัดที่สอง รับมอบหน้าที่
เมื่อเดือน มกราคม และกรกฎาคม ตามลำดับ
ชุดที่ ๑๒ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่ เมื่อ
๓ มีนาคม ๒๕๐๖ ผลัดที่สองเมื่อต้นเดือน ตุลาคม ๒๕๐๖ ในเดือนมีนาคม ๒๕๐๗ กองทัพอากาศสหรัฐฯ
ได้อนุมัติให้กองพลบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ โอนเครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๔๗ ของกองพลจำนวน
๒ เครื่อง ที่ได้รับอนุมัติให้จำหน่ายจากบัญชีคุมแล้ว ให้กับหน่วยบินลำเลียงของไทย
โดยแลกเปลี่ยนกับเครื่องบินแบบเดียวกัน ๒ เครื่องของหน่วยบินลำเลียง
ชุดที่ ๑๓ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗ และผลัดที่ ๒ เมื่อต้นเดือนตุลาคม ๒๕๐๗
ชุดที่ ๑๔ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๘ และผลัดที่ ๒ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๐๗
ชุดที่ ๑๕ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ
๙ พฤษภาคม ๒๕๐๙ และผลัดที่ ๒ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๐๘
ชุดที่ ๑๖ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ
กลางเดือนเมษายน ๒๕๑๐ และผลัดที่ ๒ เมื่อต้นเดือนตุลาคม ๒๕๑๐
ชุดที่ ๑๗ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ
ต้นเดือนเมษายน ๒๕๑๑ และผลัดที่ ๒ เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๑
ทางการสหรัฐฯ ได้ตกลงใจมอบเครื่องบิน C - ๑๒๓ B จำนวน ๒ เครื่องให้แก่กองทัพอากาศไทย
โดยให้กองทัพอากาศที่ ๕ สหรัฐฯ ดำเนินการ ได้รับมอบเมื่อ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๑
ที่ฐานบินตาชิกาวา
การปฏิบัติการของหน่วยบินลำเลียงชุดที่
๑๘ - ๒๔
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ กองทัพอากาศได้ปรับปรุงอัตราหน่วยบินจาก ๒๐ คน เป็น ๒๕ คน
เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานกับเครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๑๒๓ B จำนวน ๒ เครื่อง
ที่ได้รับมอบจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ อัตรานี้ใช้กับชุดที่ ๑๘ และ ๑๙ เท่านั้น
ต่อมาเมื่อได้รวบรวมหน่วยพยาบาลทางอากาศเข้าไว้ด้วย จึงมีจำนวนเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นเป็น
๒๗ คน และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้ลดลงเหลือ ๒๕ คน โดยลดและเพิ่มอัตราต่าง
ๆ ให้เหมาะสม
หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๑๘ ยังขึ้นสมทบกับฝูงบินปฏิบัติการ ๖๔๘๕ กองบินใหญ่ลำเลียงที่
๓๗๔ กองพลบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ ตามเดิม แต่ตั้งแต่หน่วยบินที่ ๑๙ เป็นต้นมา กองทัพอากาศสหรัฐฯ
ได้เปลี่ยนแปลงการจัดกำลังในกองทัพอากาศที่ ๕ สหรัฐฯ ที่ประจำอยู่ในประเทศญี่ปุ่น
สำหรับการปฏิบัติการในเกาหลีใหม่ จึงให้หน่วยบินลำเลียงของไทยไปขึ้นการบังคับบัญชา
สายธุรการของกองบัญชาการสหประชาชาติส่วนหลัง และอยู่ในความควบคุมทางยุทธการของ
กองบินใหญ่ขับไล่ทางยุทธวิธีที่ ๓๔๗ สหรัฐฯ (๓๔๗ th Tactical Wing) มีที่ตั้งอยู่ที่ฐานบินโยโกตะ
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของฐานบินตาชิกาวาห่างออกไปประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ส่วนงานด้านธุรการ
และส่งกำลังบำรุงให้ขึ้นกับกองบินใหญ่บริการฐานบินที่ ๔๗๕ สหรัฐฯ (๔๗๕ th
Air Base Wing)
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๓ - ๒๕๑๙ ชาติพันธมิตรที่ปฏิบัติการอยู่ในกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี
คงเหลือเพียง ๓ ชาติ คือ สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และไทยเท่านั้น หน่วยบินลำเลียงชุดที่
๑๘ - ๒๔ ยังคงได้รับมอบภารกิจให้ปฏิบัติการบินลำเลียงขนส่งทางอากาศ ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เป็นครั้งคราว
แต่ลดจำนวนเที่ยวบินลงจากเดิมเป็นจำนวนมาก
ในปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๘ รัฐบาลไทยมีนโยบายให้ถอนกำลังหน่วยบินลำเลียงกลับประเทศไทย
สถานการณ์ทางการเมืองของญี่ปุ่นต้องการเร่งรัดให้กองกำลังทหารต่างชาติ ถอนตัวออกไปจากญี่ปุ่น
กองทัพอากาศจึงได้รายงานขออนุมัติ ถอนหน่วยบินลำเลียงกลับ
กระทรวงกลาโหมอนุมัติตามที่กองทัพอากาศเสนอ และให้หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๒๔
เดินทางกลับประเทศไทย เมื่อ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๑๙ โดยได้นำเครื่องบินลำเลียงแบบ
C - ๑๒๓ B จำนวน ๒ เครื่อง พร้อมเจ้าหน้าที่ ๒๔ คน เดินทางออกจากสนามบินโยโกตะ
แวะพักที่สนามบิน คาดินา ในเกาะโอกินาวา สนามบินมนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ สนามบินบรูไน
ประเทศบรูไน สนามบินเซเลดาร์ ประเทศสิงคโปร์ ถึงท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อ
๓๐ กรกฎาคม ๒๕๑๙
การปฏิบัติของหน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทย
หลังจากเกิดสงครามเกาหลีขึ้น นายเดลเวอรลี ผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการในต่างประเทศขององค์การ
อาสากาชาดสหรัฐฯ ได้มีหนังสือ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๔๙๓ ทูลพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุมภฏพงษบริพัตร
อุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดไทยว่า การที่ประเทศไทยจะส่งทหารไปร่วมรบกับกองทัพสหประชาชาติใน
ประเทศเกาหลีนั้น ถ้าสภากาชาดไทยยังไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่ในการช่วยทหารที่จะไปรบแล้ว
องค์การอาสากาชาดสหรัฐฯ จะรับหน้าที่แทนไปก่อน จนกว่าสภากาชาดไทยจะดำเนินการได้เอง
อุปนายกสภากาชาดไทย ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อ ๑๙
สิงหาคม ๒๔๙๓ ขอส่งหน่วยพยาบาลไปช่วยในสงครามเกาหลี จากการประสานงานในเวลาต่อมา
สภากาชาดไทยตกลงจัดเจ้าหน้าที่ จากกองบรรเทาทุกข์และอนามัย จำนวน ๒๐ คน ประกอบด้วยแพทย์
๕ คน นางพยาบาล ๘ คน และบุรุษพยาบาล ๗ คน เป็นหน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทย
ไปร่วมในสงครามเกาหลี หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ ร่วมเดินทางไปกับคณะผู้สำรวจทางทหารฝ่ายไทยด้วย
ได้พบกับนายแพทย์ใหญ่ ประจำกองบัญชาการสหประชาชาติ ได้ข้อยุติให้บรรจุหน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทยเข้าไว้ใน
กองบัญชาการสหประชาชาติ เพื่อให้ทำหน้าที่รักษาพยาบาล และบำรุงขวัญแก่ทหารไทยที่อาจจะต้องเข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาล
ของกองบัญชาการสหประชาชาติ ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและในประเทศเกาหลีใต้ต่อไป
เจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทย ที่ไปร่วมในสงครามเกาหลีกำหนดให้ใช้เครื่องแบบทำนองเดียวกับทหาร
แต่ไม่มีการประดับเครื่องหมายยศ คงประดับแต่เครื่องหมายสภากาชาดไทย และเครื่องหมาย
Thailand ที่ต้นแขนเสื้อเครื่องแบบเท่านั้น สำหรับสิทธิต่าง ๆ คณะรัฐมนตรีลงมติอนุมัติให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับทหาร
เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์บรรเทาทุกข์สภากาชาดไทยรุ่นที่
๑ - ๔
รุ่นที่ ๑ จำนวน ๒๐ คน ส่วนที่
๑ ออกเดินทางเมื่อ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๓ โดยเรือหลวงสีชัง พร้อมกับกองกำลังทางบก
ถึงเมืองปูซาน เกาหลีใต้เมื่อ ๗ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ ส่วนที่ ๒ เดินทางโดยเครื่องบิน
เมื่อ ๒๗ ตุลาคม ๒๔๙๓ ถึงกรุงโตเกียวเมื่อ ๒๘ ตุลาคม ๒๔๙๓
หน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทยได้ปฏิบัติงาน อยู่ในความควบคุมดูแลของ Chief
Surgeon โรงพยาบาลส่งกลับที่ ๘๐๕๔ สหรัฐฯ ส่วนนางพยาบาลอีก ๘ คน ปฏิบัติงานอยู่ที่โรงพยาบาลกองทัพบก
สหรัฐฯ ที่กรุงโตเกียว (Tokyo Army Hospital)
รุ่นที่ ๒ จำนวน ๑๙ คน โดยได้รับการจัดบุรุษพยาบาล
แล้วจัดนางพยาบาลแทน กลุ่มที่ ๑ ออกเดินทางเมื่อ ๙ กรกฎาคม ๒๔๙๔ กลุ่มที่
๒ ออกเดินทางเมื่อ ๒๘ สิงหาคม ๒๔๙๔
รุ่นที่ ๓ จำนวน ๑๓ คน โดยลดจำนวนแพทย์ลงเหลือเพียง
๒ คน และพยาบาล ๑๑ คน กลุ่มที่ ๑ ออกเดินทางเมื่อ ๔ มิถุนายน ๒๔๙๕ กลุ่มที่
๒ ออกเดินทางเมื่อ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๙๕
รุ่นที่ ๔ จำนวน ๑๕ คน เป็นแพทย์
๒ คน และพยาบาล ๑๓ คน กลุ่มที่ ๑ ออกเดินทางเมื่อ ๑๑ มีนาคม ๒๔๙๖ กลุ่มที่
๒ ออกเดินทางเมื่อ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๖
การปฏิบัติงาน
โรงพยาบาลที่ปฏิบัติงานได้แก่
๔๙ th General Hospital หรือ Tokyo Army Hospital กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เริ่มปฏิบัติงานเมื่อ ๒ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ อีกแห่ง ๘๐๕๔ th Station Holpital เมืองปูซาน ประเทศเกาหลี เริ่มปฏิบัติงานเมื่อ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ ๘๑๖๒ nd Station Hospital เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เริ่มปฏิบัติงานเมื่อ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๔ ๘๐๐๙ th Station Hospital เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เริ่มปฏิบัติงานเมื่อ ๑๑ สิงหาคม ๒๔๙๔ งานที่ปฏิบัติ ได้เข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งในโรงพยาบาล ภายใต้การบังคับบัญชาตามลำดับชั้นจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลกองทัพสหรัฐฯ นั้น ๆ นางพยาบาลในหน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทย ได้ปฏิบัติงานอย่างได้ผล และมีประสิทธิภาพ จนได้รับคำชมเชยเป็นประจำ ในด้านการบังคับบัญชา ได้มีคำสั่งกระทรวงกลาโหมรับฝาก หน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทยไว้ให้อยู่ในความปกครองดูแล เพื่อช่วยเหลือเหมือนหน่วยทหารในบังคับบัญชา แต่ไม่ให้ขัดกับหลักการของสภากาชาดสากล ตามที่สภากาชาดไทยได้มีหนังสือฝากมา |