กองพลทหารอาสาสมัคร
ผลัดที่ ๓
กองพลทหารอาสาสมัครที่ ๓ จัดตั้งเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๒ มีกำลังพลทั้งสิ้น
๑๑,๒๑๔ คน พลตรี เอื้อม จิรพงค์ เป็นผู้บัญชาการ แบ่งออกเป็น
๒ ส่วน เช่นเดียวกับ ผลัดที่ ๑ และผลัดที่ ๒
กองพลอาสาสมัคร ผลัดที่ ๓ ส่วนที่ ๑ มีกำลังพลทั้งสิ้น ๕,๕๔๐ คน เปิดกองบัญชาการกองพลชั่วคราวที่กรมยุทธศึกษาทหารบก
ระหว่าง ๑๖ ธันวาคม ๒๕๑๒ - ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓ และได้เคลื่อนย้ายไปเข้าที่ตั้งถาวรในค่ายกาญจนบุรี
เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓ แล้วเริ่มเรียกพลเข้าที่รวมพลเพื่อทำการฝึกหลักทั้ง
๕ ขั้น ตามที่กองทัพบกกำหนด
กองพลทหารอาสาสมัคร ผลัดที่ ๓ ส่วนที่ ๑
ออกเดินทางไปเวียดนามด้วยเครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๑๓๐ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
เสร็จสิ้นเมื่อ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๑๓ ในขั้นต้นคงขึ้นอยู่ในความควบคุมทางยุทธการของกองทัพสนามที่
๒ สหรัฐฯ ต่อมาเมื่อ ๑๔ เมษายน ๒๕๑๔ กองทัพสนามที่ ๒ สหรัฐฯ ได้แปรสภาพหน่วยเป็นหน่วยบัญชาการช่วยเหลือประจำภาคที่
๓ (III Regional Assistance Command : TRAC) จึงได้เปลี่ยนเป็นขึ้นควบคุมทางยุทธการของหน่วยนี้แทน
และยังคงได้รับมอบภารกิจหลัก ๓ ประการ เช่นเดียวกับผลัดที่ ๑ และผลัดที่ ๒
และได้รับมอบภารกิจเฉพาะบางประการเพิ่มเติม เช่นให้ความคุ้มครองปลอดภัย สนับสนุนโครงการเสริมสร้างสันติสุขของรัฐบาลเวียดนามใต้
และควบคุมทรัพยากรแก่หมู่บ้านต่าง ๆ
พื้นที่รับผิดชอบ คือพื้นที่รับผิดชอบทางยุทธวิธี ในเขตอำเภอลองถั่น กับพื้นที่บางส่วนทางด้านเหนือ
ในเขตอำเภอดึ๊กตู จังหวัดเบียนหว่า และพื้นที่ทางด้านตะวันออกของอำเภอชวนล็อค
จังหวัดลองคานห์ รวมพื้นที่ประมาณ ๖๓๐ ตารางกิโลเมตร
การปฏิบัติการรบไม่มีความรุนแรงเหมือนผลัดที่ ๑ และผลัดที่ ๒ เพราะเวียดกงได้อ่อนกำลังลงมากแล้ว
ส่วนใหญ่จึงเป็นการรบย่อย ๆ ระดับหน่วยทหารขนาดเล็ก ในลักษณะการลาดตระเวน
ค้นหา และทำลายกำลังเวียดกง
การรบในฤดูฝน
(กรกฎาคม - พฤศจิกายน ๒๕๑๓)
สภาพดินฟ้าอากาศ ในฤดูฝนเกื้อกูลต่อการปฏิบัติการของฝ่ายเวียดกง ในขณะเดียวกันก็ไม่เกื้อกูลต่อฝ่ายเรา
เพราะการสนับสนุนทางอากาศจะถูกจำกัด
ในการปฏิบัติการในฤดูฝน ได้แก่การปิดล้อม ตรวจค้น ค้นหา และทำลายแหล่งส่งกำลังบำรุงที่สำคัญของเวียดกงทุกพื้นที่รับผิดชอบ
และใช้หน่วยทหารขนาดเล็กเข้าปฏิบัติการรบด้วยการรุก การซุ่มโจมตี การตีโฉบฉวยควบคู่ไปกับการปฏิบัติการด้านการเมือง
ของชุดปฏิบัติการจิตวิทยา และการช่วยเหลือประชาชน
การรบในฤดูแล้ง
(ธันวาคม - เมษายน ๒๕๑๔)
ในปลายฤดูฝน ฝ่ายเราสามารถเป็นฝ่ายริเริ่มเข้าปฏิบัติการทั่วทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
และเป็นฝ่ายได้เปรียบเวียดกง ทั้งทางด้านการทหาร และด้านการเมือง ได้ขยายผลการปฏิบัติการอย่างกว้างขวาง
โดยได้ปฏิบัติการร่วมกับกำลังฝ่ายโลกเสรีในลักษณะผสม เช่นแผนยุทธการเยลโล
แจ็กเก็ต ๑ ระหว่าง ๑๙ - ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๓ แผนยุทธการเยลโล แจ็กเก็ต ๒ ระหว่าง
๑๔ - ๑๙ มกราคม ๒๕๑๔ แผนยุทธการเยลโลแจ็คเก็ต ๓ ระหว่าง ๒๓ - ๒๗ กุมภาพันธ์
๒๕๑๔ และแผนยุทธการไทยแอม ระหว่าง ๗ - ๒๓ มีนาคม ๒๕๑๔
การถอนกำลังกลับประเทศไทย
ตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลเวียดนามใต้ให้กองกำลังทหารไทย เริ่มถอนกำลังออกจากเวียดนามใต้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
๒๕๑๔ เป็นต้นไป กองพลทหารอาสาสมัคร ผลัดที่ ๓ ส่วนที่ ๑ ซึ่งได้รับอนุมัติจากกองทัพบกจึงเตรียมการถอนกำลัง
ตั้งแต่เดือน มิถุนายน ๒๕๑๔ โดยแบ่งการเคลื่อนย้ายออกเป็น ๔ ส่วน และในวันที่
๒๒ มิถุนายน ๒๕๑๔ กองพลทหารอาสาสมัคร ผลัดที่ ๓ ส่วนที่ ๑ ก็ได้ส่งมอบความรับผิดชอบทางยุทธการให้กับ
ผลัดที่ ๓ ส่วนที่ ๒
การเดินทางกลับใช้เครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๑๓๐ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
เสร็จสิ้นเมื่อ วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๑๔
กองพลทหารอาสาสมัคร
ผลัดที่ ๓ ส่วนที่ ๒
ชุดจู่โจมของกองร้อยจู่โจมได้รับมอบภารกิจให้ทำการลาดตระเวนค้นหา และทำลายข้าศึก
ที่หลบซ่อนตัวอยู่ทางทิศใต้ของลำน้ำคา ในเขตพื้นที่ปฏิบัติการวศิน การปฏิบัติของชุดจู่โจม
เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๑๔ โดยเคลื่อนย้ายทางเฮลิคอปเตอร์ไปลงในพื้นที่ปฏิบัติการ
และแทรกซึมเข้าไป วันต่อมาได้กระจายกำลังเข้าค้นหา และทำลายข้าศึก การปะทะเป็นไปอย่างรุนแรง
ส่วนหนึ่งได้เข้ารบประชิดด้วยอาวุธประจำกาย และทำการร้องขอการโจมตีทางอากาศอย่างเร่งด่วน
และขอรับการยิงสนับสนุนจากปืนใหญ่
ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเราบาดเจ็บ ๓ คน ฝ่ายเวียดกงเสียชีวิต ๘ คน ทำลายที่กำบังได้
๘ แห่ง ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นจำนวนมาก
การปฏิบัติการของชุดเพชฌฆาตสังหาร
(๑๗ - ๑๘ สิงหาคม ๒๕๑๔)
เป็นการใช้หน่วยดำเนินกลยุทธ์เป็นหน่วยทหารขนาดเล็ก ซึ่งจัดตั้งขึ้นเป็นการภายใน
มีภารกิจในการซุ่มโจมตี สามารถปฏิบัติการโดยไม่ต้องส่งกำลังเพิ่มเติมเป็นระยะเวลา
๓ - ๔ วัน เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๑๔ เป็นต้นมา สามารถสังหาร
และจับเชลยศึกได้มากที่สุด เมื่อเทียบกับหน่วยอื่นในระดับกองร้อยอาวุธเบาด้วยกัน
การปฏิบัติการ เมื่อ ๑๗ สิงหาคม ชุดเพชฌฆาตสังหาร ได้เคลื่อนย้ายกำลังทางอากาศแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติการ
ซึ่งเป็นป่ารกทึบ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่ปฏิบัติการจิระ ต่อมาวันรุ่งขึ้นได้พบกับกำลังทหารประจำการของเวียดนามเหนือ
จึงได้เข้าโจมตีข้าศึกเสียชีวิต ๖ คน
การถอนกำลังกลับประเทศไทย
เมื่อปฏิบัติการได้ครบ ๑ ปีแล้ว กองทัพบกได้มีคำสั่งให้ถอนกำลังทั้งหมดกลับประเทศไทย
โดยได้เริ่มเคลื่อนย้ายกำลังพลเป็นส่วน ๆ เดินทางโดยเครื่องบินลำเลียงของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๑๕ และเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๑๕
อิสริยาภรณ์
และเหรียญตราที่ได้รับ
กำลังพลในกองพลทหารอาสาสมัครที่ ๓ ได้รับอิสริยาภรณ์และเหรียญตรา จากสหรัฐฯ
และเวียดนามใต้ จากการปฏิบัติการรบในสงครามเวียดนาม จำนวน ๙๐๐ คน จากสหรัฐฯ
๗๙๒ คน จากเวียดนามใต้ ๑๐๘ คน
กองพลทหารอาสาสมัคร ผลัดที่ ๓ นับเป็นกำลังรบทางบกของไทยหน่วยสุดท้าย ที่ปฏิบัติการรบในสงครามเวียดนาม
รวมระยะเวลาที่ประเทศไทยส่งกำลังทางบกไปปฏิบัติการร่วมกับ กำลังฝ่ายโลกเสรีในเวียดนามใต้
ตั้งแต่เดือน กันยายน ๒๕๑๑ จนถึงเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ รวมเวลา ๓ ปี ๔ เดือน
เกียรติประวัติของกองพลเสือดำ ยังเป็นที่จดจำของชาวเวียดนาม และกองกำลังฝ่ายโลกเสรีที่ร่วมปฏิบัติการในสงครามเวียดนาม
ในความกล้าหาญอดทน เสียสละ และความสามารถในการรบของทหารไทย เพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงปลอดภัยของประเทศเพื่อนบ้าน
และผดุงไว้ซึ่งสันติสุขของภูมิภาค
หน่วยเรือซีฮอร์ส
เมื่อคณะรัฐมนตรี ลงมติเมื่อ ๔ พฤษภาคม ๒๕๐๙ อนุมัติหลักการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่รัฐบาลเวียดนามใต้เพิ่มเติม
โดยให้กองทัพเรือจัดส่งเรือไปร่วมปฏิบัติการลำเลียง และเฝ้าตรวจบริเวณชายฝั่ง
เพื่อป้องกันการแทรกซึมทางทะเล กองทัพเรือจึงได้จัดตั้งหน่วยเรือซีฮอร์ส (Sea
Horse Element) ขึ้น ประกอบด้วยเรือหลวงพงัน ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบก กับเรือ
ต.๑๒ ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งไปปฏิบัติการ ได้ออกเดินทางจากประเทศไทยเมื่อ
๗ ธันวาคม ๒๕๐๙ เมื่อถึงเวียดนามแล้ว เรือทั้งสองลำได้แยกกันไปปฏิบัติการ
ในสายการบังคับบัญชาทางยุทธการตามภารกิจ
เรือหลวงพงัน
เรือ ต.๑๒
๘ เมษายน ๒๕๑๓ เวลา
๑๑.๓๐ น. หน่วยทหารบนฝั่งแจ้งว่า เวียดกงได้ยิงเครื่องบินตรวจการณ์ จึงขอให้เรือ
ต.๑๒ ร่วมกับเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งของสหรัฐฯ ระดมยิงทำลายที่ตั้ง และกำลังของเวียดกง
เรือ ต.๑๒ ได้เริ่มทำการยิงไปยังที่หมายที่ได้รับรายงาน ด้วยปืนขนาด ๔๐ มิลลิเมตร
และปืนกลขนาด ๒๐ มิลลิเมตร ฝ่ายเวียดกงได้ยิงโต้ตอบแต่ไม่ถูก จากการตรวจตำบลกระสุนตกของเครื่องบินตรวจการณ์
แจ้งว่าเรือ ต.๑๒ ยิงทำลายถูกที่หมายดีมาก
ต่อมาในคืนวันเดียวกันขณะที่เรือ ต.๑๒ แล่นอยู่ในแม่น้ำฮากลางเพื่อเดินทางกลับฐาน
ได้รับคำร้องขอจากหน่วยปฏิบัติการรบพิเศษบนบกของสถานีชายฝั่งที่ ๓๖ ว่า สืบพบกองกำลังเวียดกง
รวมกำลังอยู่ในที่หมาย ๓ แห่งริมแม่น้ำ เรือ ต.๑๒ จึงยิงปืนกลขนาด ๔๐ มิลลิเมตรไปตามคำขอ
๙ เมษายน ๒๕๑๓ เรือ
ต.๑๒ ได้ปฏิบัติการร่วมกับเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งสหรัฐฯ ในหน่วยเรือของศูนย์ควบคุมการปฏิบัติงานชายฝั่ง
ระดมยิงกองโจรที่ซ่องสุมกำลังกันอยู่บริเวณสองฝั่งคลอง มี่ทานห์ ซึ่งกว้างประมาณ
๓๐๐ หลา กระจายกันอยู่ในที่หมาย เรือ ต.๑๒ ได้ยิงปืนกลทุกขนาด ไปยังที่หมายทั้ง
๓ แห่ง อย่างจู่โจมทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ
๑๐ เมษายน ๒๕๑๓
เวลา ๑๐.๐๐ น. เรือ ต.๑๒ ได้รับคำร้องขอจากผู้บังคับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ลาดตระเวน
ให้ปฏิบัติการร่วมกับเรือตรวจการณ์ชายฝั่งสหรัฐฯ ในคลองเคลมบังโก ซึ่งกว้าง
ประมาณ ๑๐๐-๒๐๐ หลา สองฝั่งคลองมีเวียดกงหลบซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก การปฏิบัติการครั้งนี้
มุ่งหมายเพื่อการปฏิบัติการจิตวิทยาชักชวนพวกเวียดกง บนสองฝั่งคลองให้กลับใจยอมมอบตัว
โดยเรือสหรัฐฯ ทำหน้าที่กระจายเสียงเป็นภาษาเวียดนาม ส่วนเรือ ต.๑๒ ทำหน้าที่คุ้มกัน
๑๗ เมษายน ๒๕๑๓ เรือ
ต.๑๒ ปฏิบัติการตามแผนซีฮอร์ส ๑๗๓๒ ในพื้นที่อำเภอลองถั่น ร่วมกับเรือรักษาฝั่ง
และเครื่องบินตรวจตำบลกระสุนตกของสหรัฐฯ โดยให้ผู้บังคับการเรือ ต.๑๒ เป็นผู้บังคับบัญชาควบคุมทางยุทธวิธี
ภารกิจที่ได้รับคือการนำเรือเข้าไปตามลำน้ำต่าง ๆ ได้แก่ แม่น้ำลันเนือ แม่น้ำบาร์ตอง
แม่น้ำลองชิม แม่น้ำไบดอน ผ่านออกไปทางคลองขุดคิมส์คานห์ชานห์โบ ทะลุออกแม่น้ำฮากลาง
(แม่น้ำบาสัก) กำหนดให้ทำการยิงเป้าหมายต่าง ๆ ที่พบเห็นตลอดสองฝั่งคลอง และตามตำบลต่าง
ๆ เวลา ๑๕.๒๐ น. ฝ่ายเวียดกงที่ซุ่มอยู่บนฝั่งห่างจากเรือประมาณ ๒๐ เมตร ได้ยิงจรวดอาร์พีจี
๓ นัด ทำให้เกิดการระเบิดในห้องเครื่อง และน้ำมันรั่ว เกิดการระเบิดและเพลิงไหม้
แต่เรือ ต.๑๒ สามารถดับเพลิงได้อย่างรวดเร็ว
สรุปการปฏิบัติของหน่วยเรือซีฮอร์ส
เรือหลวงพงัน
ปฏิบัติการในเวียดนามใต้ ตั้งแต่วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๐๙ จนถึงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม
๒๕๑๕ รวมเวลา ๕ ปี ๕ เดือนเศษ ได้ลำเลียงขนส่งอุปกรณ์ อาวุธยุทโธปกรณ์ ทหารและเสบียงอาหาร
คิดเป็นน้ำหนักบรรทุก ๗๗,๖๐๐ ตัน ระยะทางเดินเรือ ๗๐,๕๐๐ ไมล์ ปฏิบัติการจิตวิทยา
๑๓ ครั้ง ถูกเวียดกงโจมตี ๒ ครั้ง ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ๑ ครั้ง ทหารทุกคนปลอดภัย
เรือ ต.๑๒ ปฏิบัติการในเวียดนามใต้ ตั้งแต่วันที่
๗ ธันวาคม ๒๕๐๙ ถึงวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๑๔ รวมเวลา ๔ ปี ๕ เดือนเศษ ได้ตรวจพบเรือประมง
๓,๕๓๙ ลำ ตรวจสอบเรือประมง ๑,๔๓๓ ลำ ตรวจค้นเรือประมง ๒,๑๐๒ ลำ ระดมยิงฝั่ง
๖๔ ครั้ง ปฏิบัติการจิตวิทยา ๘ ครั้ง ถูกเวียดกงโจมตี ๒ ครั้ง ได้รับความเสียหายเล็กน้อย
๑ ครั้ง ทหารทุกคนปลอดภัย