| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
๒๘
มีนาคม ๒๔๓๑
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลิกใช้จุลศักราช
(จ.ศ.) และให้ใช้รัตนโกสินทร์ศก
(ร.ศ.) แทน โดยถือเอาปีตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ พ.ศ. ๒๓๒๕ เป็นปีที่ ๑ (ร.ศ.๑)
๒๖
เมษายน ๒๔๓๑
วันเปิดโรงพยาบาลศิริราช
๒๘
มิถุนายน ๒๔๓๑
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ยกเลิกการใช้จุลศักราช
เปลี่ยนมาใช้รัตนโกสินทร์ศก
แทน เริ่ม ร.ศ.๑ เมื่อ พ.ศ.๒๓๒๕
๖
สิงหาคม ๒๔๓๑
วันก่อตั้งกรมยุทธศึกษาทหารบก (ยศ.ทบ.) ซึ่งถือกำเนิดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ฯ
๑๐
สิงหาคม ๒๔๓๑
ให้ทหารเลิกจัดสายตรวจรักษาการตามถนนในพระนคร โดยมอบหน้าที่ให้ตำรวจ
๒๒
กันยายน ๒๔๓๑
รถรางได้ออกรับผู้โดยสารเป็นครั้งแรกในไทย และในทวีปอาเซีย
๒๔
กันยายน ๒๔๓๑
วันนี้ทหารบกได้ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ฯ เป็นครั้งแรก ที่กรมยุทธนาธิการ (กระทรวงกลาโหม) เพลงนี้เดิมมีแต่ทำนอง
เพิ่งมาแต่งเนื้อร้องเป็นครั้งแรก โดยสมเด็จ ฯ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ผู้บัญชาการกองทัพบกในขณะนั้นทรงนิพนธ์
๒๒
ธันวาคม ๒๔๓๑
ไทยเสียแคว้นสิบสองจุไทย
ให้แก่ฝรั่งเศส พื้นที่ ๘๗,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร โดยฝรั่งเศส ส่งกำลังทหารเข้ายึดไว้
อ้างว่าเอาไว้คอยปราบฮ่อ
๒๓
ธันวาคม ๒๔๓๑
กองทัพไทยกับฝรั่งเศส ได้ทำสนธิสัญญาว่าต่างจะไม่ล่วงเข้าไปในเขตแดนของกันละกัน
และจะช่วยกันปราบฮ่อที่เป็นโจร
๒๓
มกราคม ๒๔๓๑
นายพลตรี พระยาสุรศักดิ์มนตรี ได้เดินทางออกจากหลวงพระบางกลับกรุงเทพ ฯ หลังจากที่ได้จัดระเบียบการปกครองดินแดนต่าง
ๆ เรียบร้อยแล้ว
๒๑
มิถุนายน ๒๔๓๒
ทหารสามารถกวาดต้อนพวกอั้งยี่ในกรุงเทพ
ฯ ที่เกิดวิวาทกันเองแล้วยกกำลังเข้าต่อสู้กันที่โรงสีปล่องเหลี่ยม บางรัก
มีการตั้งสนามเพลาะเพื่อสู้รบกันบนถนนเจริญกรุง กระทรวงนครบาลไม่สามารถปราบปรามได้
จึงต้องใช้กำลังทหารบก และทหารเรือเข้าปราบ
๑๙
กันยายน ๒๔๓๒
กองทัพเมืองเชียงใหม่ ยกไปปราบพระยาปราบสงคราม ที่เมืองฝาง
๑
พฤศจิกายน ๒๔๓๒
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งโรงพยาบาลคนเสียจริต
ขึ้นที่ปากคลองสาน เป็นโรงพยาบาลเพื่อผู้ป่วยทางจิตแห่งแรกของประเทศไทย รับผู้ป่วยไว้รักษา
ครั้งแรก ๓๐ คน ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา
๒๕
พฤศจิกายน ๒๔๓๒
วันเกิด พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) บรรพชาเป็นสามเณร ๕ ปี อุปสมบทต่ออีก
๑๐ ปี ลาสิกขาแล้ว ได้เข้ารับราชการเป็นอนุศาสนาจารย์ กรมตำรา กระทรวงกลาโหม
แล้วโอนมาอยู่กรมตำรา กระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาได้โอนมาอยู่กรมพระอาลักษณ์
ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็น ปรมาจารย์คือ อาจารย์ของอาจารย์แห่งอักษรศาสตร์
พ.ศ.๒๔๓๓
เจ้าหมื่นไวยวรนาถ (เจิม แสง–ชูโต) ได้ริเริ่มจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อให้แสงสว่าง
ต่อมาได้โอนกิจการให้บริษัทอเมริกันชื่อ แบงค๊อค อีเลคตริคซิตี้ ซินดิเดท
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐
๑
เมษายน ๒๔๓๓
มีการตราพระราชบัญญัติทหาร โดยรวบรวมทหารบกและทหารเรือเข้าด้วยกัน และยกฐานะกรมยุทธนาธิการเป็นกระทรวงยุทธนาธิการ
และตั้งกองบัญชาการอยู่ในโรงทหารหน้า จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นศาลายุทธนาธิการ
๕
กันยายน ๒๔๓๓
เปิดสอนโรงเรียนแพทย์เป็นครั้งแรก แต่ยังไม่มีชื่อทางการ เรียกกันว่า ศิริราชแพทยากร
ถือเป็นวันสถาปนาโรงเรียนแพทย์
๙
มกราคม ๒๔๓๓
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีเปิดอู่หลวง
ณ กรมอู่ทหารเรือ เนื่องจากในเวลาดังกล่าวนั้นมีจำนวนเรือหลวงเพิ่มมากขึ้น
อู่หลวงนี้สร้างขึ้นที่โรงหล่อซึ่งหมายถึงที่ว่าการกรมทหารเรือ อู่หลวงดังกล่าวเป็นแบบอู่ไม้
ต่อมาได้ขยายเป็นอู่คอนกรีตเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๗ ค่าก่อสร้าง ๕๐๐,๐๐๐บาท
๙
มีนาคม ๒๔๓๓
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ขุดคลองแขวงเมืองปทุมธานี
ไปออกแม่น้ำนครนายกคือ
คลองรังสิตประยูรศักดิ์
หรือที่เรียกว่า คลองรังสิต และคลองนี้เองที่เป็นการเริ่มต้นกิจการด้านการชลประทาน
และเป็นผลดีแก่เกษตรกรในจังหวัดใกล้เคียงเป็นอันมาก
๑๔
กรกฎาคม ๒๔๓๔
เรือปืนรัสเซีย เดินทางมาถึงกรุงเทพ ฯ กัปตันเรืออัญเชิญเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของรัสเซียชื่อ
เชนต์ แอนดรูว์ จากพระเจ้านิโคลัสที่ ๑ แห่งรัสเซีย เข้ามาถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๕
๑๖
กรกฎาคม ๒๔๓๔
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงขุดดินวางฤกษ์สร้างทางรถไฟสายปากน้ำทางรถไฟสายแรกของเมืองไทย
ซึ่งเป็นของเอกชน มีสัญญาสัมปทาน ๕๐ ปี เปิดเดินรถเมื่อ ๑๑ เมษายน ๒๓๔๖ หมดสัญญา
เมื่อ ๑๓ กันยายน ๒๔๗๙ เป็นของรัฐบาล และเลิกเดินรถ เมื่อ ๑ มกราคม ๒๕๐๓
๖
สิงหาคม ๒๔๓๔
วันก่อตั้งกรมยุทธศึกษาทหารบก (ยศ.ทบ.) ซึ่งถือกำเนิดในรัชสมัย รัชกาลบที่
๕
๒๐
สิงหาคม ๒๔๓
เปิดประภาคารที่เกาะสีชัง
๒๒
กันยายน ๒๔๓๔
โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าหน้าบุตรพระตา เป็นพระยาพิชัยราชสุริยวงศ์ขัตติยราช เมืองจำปาศักดิ์
ขึ้นกรุงเทพ ฯ นครจำปาศักดิ์
เคยเป็นพระราชอาณาเขต ต้องเสียให้แก่ฝรั่งเศส เมื่อ ๑๒กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖เพื่อให้ฝรั่งเศสคืนจังหวัดจันทบุรีให้ไทยซึ่งได้ยึดไว้แต่เมื่อกรณี
ร.ศ.๑๑๒
๑๖
ตุลาคม ๒๔๓๔
วันถึงแก่กรรมของ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) นักปราชญ์คนหนึ่งของไทย
เป็นผู้ที่มีบทบาทในการวางรากฐานการศึกษาของชาติ ได้แต่งแบบเรียนขึ้นชุดหนึ่ง
ประกอบด้วย หนังสือมูลบทบรรพกิจ ๑ แบบเรียนประถม ก กา ใช้สอนในโรงเรียนหลวง
ที่พระตำหนรักสวนกุหลาบ
๑๒
ธันวาคม ๒๔๓๔
ทำสัญญากับบริษัทอังกฤษ สร้างทางรถไฟสายกรุงเทพ ฯ – นครราชสีมา
๑
มกราคม ๒๔๓๔
วันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมราชชนก ทรงเป็นพระราชโอรสใน รัชกาลที่ ๕ ทรงได้รับถวายพระราชสมัญญาภิไธยว่า
พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย
๙
มีนาคม ๒๔๓๔
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสธิราช
สยามมกุฎราชกุมาร (เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ) ประกอบพิธีกระทำพระฤกษ์ เส้นทางรถไฟสายกรุงเทพ
ฯ นครราชสีมา
๒๕
มีนาคม ๒๔๓๔
วันสถาปนากระทรวงยุติธรรม
พ.ศ.๒๔๓๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินใหม่ โดยปรับปรุงองค์การบริหารส่วนกลางออกเป็นกระทรวงต่าง
ๆ ๑๒ กระทรวง
พ.ศ.๒๔๓๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างป้อมอย่างทันสมัยขึ้นที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า
สร้างเสร็จ เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๖ อาวุธประจำป้อมคือ ปืนใหญ่อาร์มสตรอง ขนาด ๖ นิ้ว
๗ กระบอก
พ.ศ.๒๔๓๕
รัฐบาลไทยได้ว่าจ้าง นายโรลังค์ ยัคมินส์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินคนแรก
ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาอภัยราชา
๑
เมษายน ๒๔๓๕
ได้มีการกำหนดหน้าที่กระทรวงกลาโหมเป็นกระทรวงราชการทหาร ตามตำราโบราณจึงได้ย้ายที่ว่าการกระทรวงกลาโหมจากศาลาลูกขุนในพระบรมมหาราชวัง
มาอยู่ที่ตึกหลังกลางด้านหน้าของศาลายุทธนาธิการ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงกลาโหม
๑
เมษายน ๒๔๓๕
มีประกาศพระบรมราชโองการให้ตำแหน่งเจ้ากระทรวง เป็นเสนาบดีเสมอกันหมด พร้อมกับยกเลิกตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีสองตำแหน่งที่มีมาแต่เดิม
๑
เมษายน ๒๔๓๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งกระทรวงขึ้น
๑๒ กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม กระทรวงนครบาล
กระทรวงวัง กระทรวงเกษตราธิราช กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพระคลัง กระทรวงยุทธนาธิการ
กระทรวงธรรมการ กระทรวงโยธาธิการ และกระทรวงมุรธาธร สำหรับกระทรวงกลาโหมนั้น
ได้กำหนดหน้าที่เป็นกระทรวงราชการทหาร ให้มีหน้าที่บังคับบัญชาทั้งทหารบก
และทหารเรือ ซึ่งก่อนหน้านั้น กระทรวงกลาโหมมีหน้าที่ปกครองหัวเมืองฝ่ายใต้
เหมือนกับกระทรวงมหาดไทยที่มีหน้าที่ปกครองฝ่ายเหนือ ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับ
การบังคับบัญชาทหารแต่อย่างใด ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๓๕ ส่วนราชการต่าง ๆ ได้จัดเฉลิมฉลองในโอกาศครบรอบ
๑๐๐ ปี ของกระทรวง หลายส่วนราชการได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
๔
มิถุนายน ๒๔๓๕
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ กองทัพเรือสนับสนุนกรมป่าไม้ เพื่อจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเล
ด้านป่าชายเลน และป้องกันควบคุมการบุกรุกทำลายป่าชายเลน ตลอดแนวน่านน้ำไทย
๙
มิถุนายน ๒๔๓๕
เรือกลไฟเริ่มเดินในลำแม่น้ำมูลระหว่างเมืองอุบลท่าช้าง เป็นเที่ยวแรก
๒๑
กันยายน ๒๔๓๕
หนังสือยุทธโกษ ฉบับแรกออกจำหน่าย โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดทำเพื่อเป็นจดหมายเหตุ
สำหรับกิจการทหารบกของพระเจ้าอยู่หัว มีวัตถุประสงค์ในขั้นปรับปรุงที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันว่า
“เป็นนิธิและโอษฐ์ของทหารบกในประเทศสยาม”
๒๔
กันยายน ๒๔๓๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จเปิดอาคารโรงเรียนนายร้อยที่วังสราญรมย์
คือ อาคารกรมแผนที่ในปัจจุบัน และในวันนี้ เริ่มมีธงไชยเฉลิมพลเป็นครั้งแรก
ในรัชสมัยพระองค์ได้พระราชทานแก่กองทหาร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา หน่วยทหารที่ได้รับพระราชทาน
มี ๖ หน่วย คือ กองทหารม้าใน (ม้าหลวง) กองทหารปืนใหญ่ (ปืนใหญ่หลวง) กองทหารราบใน
(มหาดเล็ก) กองทหารราบนอกรักษาพระองค์ กองทหารนอกล้อมวัง และกองทหารราบนอกฝีพาย
๒๘
กันยายน ๒๔๓๕
กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๘ สิ้นพระชนม์ (ประสูติ
๑๔ กันยายน ๒๓๕๒) พระนามเดิม พระองค์เจ้าฤกษ์ ดำรงตำแหน่งพระสังฆราชนานที่สุด
๑๒
ตุลาคม ๒๔๓๕
วันเปิดทำการสอนของโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งในบริเวณโรงเลี้ยงเด็ก ตึกสายสวลีสัณฐาคาร วัตถุประสงค์เพื่อที่จะให้กุลบุตรกุลธิดา
ได้รับความรู้มีการศึกษา โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ได้พัฒนามาโดยลำดับ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น
วิทยาลัยครูพระนคร ในวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานนามให้วิทยาลัยครูพระนครใหม่ว่า
สถาบันราชภัฎ ในปี ๒๕๓๕ เป็นวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี ของการจัดตั้งสถาบัน
๑
มกราคม ๒๔๓๕
หมอยอร์ช บี. แมคฟาร์แลน (อำมาตย์เอก พระอาจวิทยาคม)
เริ่มกิจการโรงเรียนแพทย์ศิริราช ท่านยังมีเครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทย สมิทพรีเมี่ยร์
อันเป็นเครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยเครื่องแรก และมีพจนานุกรม (ดิคชั่นนารี) อีก
๒ เล่มคือ ฉบับภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย และภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ และยังเขียนตำราแพทย์ให้นักเรียนใช้อีกด้วย
๘
มกราคม ๒๔๓๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จ ฯ เปิดกรมอู่ทหารเรือ
๒๑
กุมภาพันธ์ ๒๔๓๕
ไทยเริ่มเดินรถรางเป็นครั้งแรก
ต่อมาได้กีดขวางการจราจร
จึงได้เลิก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑
๑
เมษายน ๒๔๓๖
วันสถาปนา กรมอัยการ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ทำหน้าที่เป็นนักกฎหมายของพระมหากษัตริย์
ต่อมาในปี ๒๔๖๕ สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ มีประกาศพระบรมราชโองการ
ให้โอนกรมนี้ไปขึ้นกระทรวงมหาดไทย ในปี ๒๕๓๔
๑๑
เมษายน ๒๔๓๖
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จพระราชดำเนินทรง เปิดการเดินรถไฟสายแรกของไทย
คือสายกรุงเทพ ฯ – สมุทรปราการ (ปากน้ำ) ระยะทาง ๒๑ กม. เลิกกิจการ เมื่อ
๑ มกราคม ๒๕๐๓
๒๐
พฤษภาคม ๒๔๓๖
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งสภาอนุโลมแดงแห่งชาติสยาม
ซึ่งต่อมาคือ สภากาชาดไทย งานสำคัญของสภาอนุโลมแดงคือ
จัดส่งเครื่องยา อาหาร เสื้อผ้า และเครื่องใช้ต่าง ๆ ไปช่วยบำรุงทหารในสนามรบ
เมื่อครั้งเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ต่อมาจึงได้มีพระราชบัญญัติว่าด้วยสภากาชาดไทย
พ.ศ. ๒๔๖๑ จัดตั้งสภาการกุศลอาสาสงเคราะห์ เพื่อช่วยรักษาพยาบาลผู้ป่วยไข้และบาดเจ็บในเวลาสงคราม
และในยามสงบ กับทั้งบรรเทาทุกข์ในเหตุการณ์สาธารณภัยพินาศ โดยไม่เลือกชาติ
ชนชั้น ลัทธิ ศาสนา หรืออุดมคติทางการเมืองของผู้ประสบภัย โดยยึดหลักมนุษยธรรมเป็นที่ตั้ง
และได้มีการประชุมสภากาชาดของไทยเป็นครั้งแรกโดยมี พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระวรราชเทวี
เป็นสภานายิกา
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |