| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
๑
มกราคม ๒๔๘๔
รัฐบาลไทยโดยมี จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ออกประกาศกำหนดให้ใช้วันที่
๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๔
เป็นต้นไป เพื่อให้เหมือนกับนานาอารยะประเทศ แบบสากลนิยม ดังนั้นปี พ.ศ. ๒๔๘๓
จึงมีเพียง ๙ เดือน (เดิมใช้วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่) คือนับตั้งแต่
๑ เมษายน ๒๔๘๓ สิ้นปี ๓๑ ธันวาคม ๒๔๘๓
๑๖
มกราคม ๒๔๘๔
กองพันทหารราบที่ ๓ ในสงครามอินโดจีน ชนะข้าศึกที่บ้านพร้าว ยึดธงชัยเฉลิมพลได้
๒๘
มกราคม ๒๔๘๔
กรณีพิพาทไทยอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสยุติลง โดยญี่ปุ่นเข้ามามีบทบาทเป็นผู้ไกล่เลี่ย
มีการลงนามในข้อตกลงพักรบ
๑๑
มีนาคม ๒๔๘๔
มีการลงนามกันที่กรุงโตเกียว จากผลการไกล่เกลี่ยของญี่ปุ่นระหว่างไทย
๙
พฤษภาคม ๒๔๘๔
ไทยกับฝรั่งเศส ลงนามในอนุสัญญาสันติภาพ ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส หลังจากยุติกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส
ประเทศไทยได้รับดินแดนแคว้นหลวงพระบาง จำปาศักดิ์ แคว้นเขมรบางส่วน ซึ่งรวมทั้งจังหวัดศรีโสภณ
และพระตะบอง คืนมา รวมเป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ ๒๙,๐๓๙ ตารางกิโลเมตร
๙
พฤษภาคม ๒๔๘๔
ไทยกับฝรั่งเศสได้ลงนามในอนุสัญญาสันติภาพระหว่างกันที่กรุงโตเกียว หลังจากที่เกิดกรณีพิพาทอินโดจีน
ฝรั่งเศส ระหว่าง ไทยกับฝรั่งเศส ใน ๖ - ๒๘ มกราคม ๒๔๘๔
๙
พฤษภาคม ๒๔๘๔
มีพระบรมราชโองการ ฯ ให้ประกาศยุบตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด แม่ทัพบก แม่ทัพเรือ
และแม่ทัพอากาศ ซึ่งตั้งขึ้นในกรณีพิพาทอินโดจีนของฝรั่งเศส
๓๐
พฤษภาคม ๒๔๘๔
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ เสด็จสวรรคต ด้วยพระหทัยพิการ ที่อังกฤษ พระชนมายุได้
๔๘ พรรษา พระบรมอัฐิของพระองค์ได้อัญเชิญกลับประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๑ (พระราชสมภพ
๙ พฤศจิกายน ๒๔๓๖ สละราชสมบัติ ๒ มีนาคม ๒๔๗๗)
๓
มิถุนายน ๒๔๘๔
ถวายพระเพลิง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ ที่ประเทศอังกฤษ
๒๓
กรกฎาคม ๒๔๘๔
นายควง อภัยวงศ์ นำธงชาติไทยไปชักขึ้นที่เสาธงเมืองพระตะบอง กัมพูชา
๒๘
กรกฎาคม ๒๔๘๔
ตราพระราชบัญญัติโรคไข้จับสั่น
๑
สิงหาคม ๒๔๘๔
ฝรั่งเศส ถอนทหารออกจากดินแดน พระตระบอง จำปาสัก ดินแดนที่มอบให้ไทยตามสัญญาสันติภาพ
๑๐
กันยายน ๒๔๘๔
ตั้งภาคการปกครอง แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๕ ภาค โดยรวมจังหวัดต่าง ๆ เป็นหน่วยงาน
เรียกว่า "ภาค" ดังนี้
ภาคที่ ๑ ตั้งที่จังหวัดพระนคร มี ๒๐ จังหวัด
ภาคที่ ๒ ตั้งที่จังหวัดปราจีนบุรี มี ๑๐ จังหวัด
ภาคที่ ๓ ตั้งที่จังหวัดนครราชสีมา มี ๑๕ จังหวัด
ภาคที่ ๔ ตั้งที่จังหวัดสงขลา มี ๑๔ จังหวัด
ภาคที่ ๕ ตั้งที่จังหวัดลำปาง มี ๑๕ จังหวัด
๓๐
กันยายน ๒๔๘๔
หลังจากยุติกรณีพิพาทอินโดจีนของฝรั่งเศส สงครามเรียกร้องดินแดนคืน เมื่อ
พ.ศ. ๒๔๘๓ – ๒๔๘๔ มีการปักปันเส้นเขตแดนใหม่ ระหว่างไทยกับอินโดจีนของฝรั่งเศส
ทำให้ไทยได้เกาะต่าง ๆ ในลำน้ำโขง ๗๗ เกาะ และดินแดนในเขมรบางส่วนกลับคืนมาเป็นของไทย
๑๒
พฤศจิกายน ๒๔๘๔
ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง จอมพล หลวงพิบูลสงคราม (แปลก พิบูลสงคราม)
เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้มีอำนาจสิทธิขาด บังคับบัญชาแม่ทัพบก แม่ทัพเรือ
แม่ทัพอากาศ และแต่งตั้งข้าราชการได้ตามที่ท่านเห็นสมควร
๒
ธันวาคม ๒๔๘๔
มีพิธีลงนามกติกาสัญญาพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น
๗
ธันวาคม ๒๔๘๔
รัฐบาลญี่ปุ่นยื่นคำขาดต่อ ดร.ดิเรก ชัยนาม
รัฐมนตรีต่างประเทศ ขอให้ทหารญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทยเป็นการด่วน
เพื่อจะส่งกำลังไปโจนตีพม่าและสิงคโปร์
๗
ธันวาคม ๒๔๘๔
กองพลรักษาพระองค์ของกองทัพญี่ปุ่นยกกำลังเข้าสู่ประเทศไทยทางบกทางด้านอรัญประเทศ
และทางเรือได้ยกพลขึ้นบกที่บางปู
จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเข้ายึดกรุงเทพ ฯ
๘
ธันวาคม ๒๔๘๔
ญี่ปุ่นบุกรุกไทยในสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยยกพลขึ้นบกทางภาคใต้
ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลาและปัตตานี
โดยมีอีกส่วนหนึ่งขึ้นบกที่ทางจังหวัดสมุทรปราการ
๘
ธันวาคม ๒๔๘๔
คณะรัฐมนตรี มีมติให้นำข้อตกลงระหว่างผู้แทนฝ่ายไทยและญี่ปุ่น ให้ทหารญี่ปุ่นผ่านดินแดนของประเทศไทยไปได้
๘
ธันวาคม ๒๔๘๔
กองทหารญี่ปุ่น บุกเข้าสู่ประเทศไทยทางด้านอรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี และยกพลขึ้นบกในเขตจังหวัดชายทะเลภาคใต้ของไทยทาง
ด้านอ่าวไทย รวม ๗ จังหวัด คือ สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี
ชุมพร นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี ทหาร ตำรวจ ยุวชนทหาร และประชาชนได้ร่วมกันต่อสู้ต้านทานอย่างแข็งขัน
แต่ในที่สุดรัฐบาลไทยต้องยอมให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทยได้
๑๐
ธันวาคม ๒๔๘๔
เปิดธนาคารแห่งประเทศไทย
ณ อาคารที่ทำการของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้
จำกัด ถนนสี่พระยา โดยการเช่าสถานที่จากธนาคารดังกล่าว ต่อมาจึงย้ายเข้าสู่วังบางขุนพรหม
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘
๑๔
ธันวาคม ๒๔๘๔
ได้มีการลงนามตามหลักการยุทธร่วมระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ในสงครามมหาอาเชียบูรพา
กำหนดให้ต่างฝ่ายต่างทำการยุทธในด้านของตน ถ้ามีความจำเป็นกองทัพอากาศยี่ปุ่นจะปฏิบัติการร่วมรบกับกองทัพอากาศไทยด้วย
๑๙
ธันวาคม ๒๔๘๔
กำหนดเครื่องหมายชั้นของข้าราชการนพลเรือนที่อินธนู ตั้งแต่ชั้นรัฐมนตรี ชั้นพิเศษ
ชั้นเอก ชั้นโท ชั้นตรี ชั้นจัตวา
๒๐
ธันวาคม ๒๔๘๔
ไทยและญี่ปุ่นได้ลงนามเป็นพันธมิตรในกติกาสัญญาพันธไมตรีระหว่างประเทศไทย
และประเทศญี่ปุ่นได้กระทำพิธี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดย จอมพล
ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ลงนามแทนในนามรัฐบาลไทย และนายทสุโบกามิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
ลงนามแทนในนามรัฐบาลญี่ปุ่น
๒๓
ธันวาคม ๒๔๘๔
ประกาศสนธิสัญญาระหว่าง ไทย - ญี่ปุ่น เรื่องสัมพันธไมตรี และบูรณภาพอาณาเขตแห่งกันและกัน
๒๔
มกราคม ๒๔๘๕
กรุงเทพ ฯ ถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ลูกระเบิดถูกมุขด้านเหนือของพระที่นั่งอนันตสมาคมพังลงมา
เป็นการโจมตีทิ้งระเบิดครั้งแรกของฝ่ายพันธมิตรต่อประเทศไทย
๒๕
มกราคม ๒๔๘๕
รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศสงครามกับอังกฤษ
(บริเตนใหญ่) และสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ
ในสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยเหตุผลว่าฝ่ายอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ได้ทำการรุกรานประเทศไทย
โดยส่งทหารรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย ส่งเครื่องบินเข้ามาทิ้งระเบิด เป็นการระเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและมนุษยธรรม
รัฐบาลอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกาศสงครามกับประเทศทั้งสอง
ตั้งแต่เวลาเที่ยงของวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๕ เป็นต้นไป
๓
กุมภาพันธ์ ๒๔๘๕
ได้มีการลงนามในกิจที่เกี่ยวกับการยุทธร่วมกัน ระหว่างไทย กับญี่ปุ่น โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย
กับแม่ทัพกองทัพที่ ๑๕ ของญี่ปุ่น ในฐานะผู้บัญชาการทหารบกญี่ปุ่นในไทย ร่วมกับผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือญี่ปุ่น
ในฐานะผู้แทนจักรพรรดินาวีญี่ปุ่น
๖
กุมภาพันธ์ ๒๔๘๕
ประเทศอังกฤษได้ประกาศสงครามกับไทย
ในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยให้ถือว่ามีสถานะสงครามกับไทย ตั้งแต่ ๒๕มกราคม
๒๔๘๕ และได้โทรเลขถึงข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำประเทศคานาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
และแอฟริกาใต้ แสดงความหวังว่าประเทศในเครือจักรภพจะดำเนินการอย่างเดียวกัน
๑๑
กุมภาพันธ์ ๒๔๘๕
รัฐบาลแอฟริกาได้ประกาศสถานะสงครามกับไทย
โดยมีผลตั้งแต่ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๕ แต่รัฐบาลไทยประกาศไม่รับรู้ประกาศดังกล่าว
เนื่องจากไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะก่อให้เกิดสงครามระหว่างกัน
๒
มีนาคม ๒๔๘๕
ออสเตรเลียประกาศสถานะสงครามกับไทย ตามความต้องการของอังกฤษ
แต่รัฐบาลไทยประกาศไม่รับรู้ประกาศดังกล่าว เนื่องจากไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะก่อให้เกิดสงครามระหว่างกัน
๑๖
มีนาคม ๒๔๘๕
นิวซีแลนด์ประกาศสถานะสงครามกับไทย โดยให้มีผลตั้งแต่
๒๕ มกราคม ๒๔๘๕ แต่รัฐบาลไทยประกาศไม่รับรู้ประกาศดังกล่าว เนื่องจากไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะก่อให้เกิดสงครามระหว่างกัน
๑๐
พฤษภาคม ๒๔๘๕
กองทัพพายัพเริ่มเคลื่อนกำลังเข้าสู่สหรัฐไทยเดิม และได้ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วงไปตามลำดับ
จนไปถึงชายแดนพม่า – จีน และได้ถอนตัวกลับหลังจากปฏิบัติการอยู่ได้ ๘ เดือน
เศษ
๑๓
พฤษภาคม ๒๔๘๕
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาอานันทมหิดล มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ยกเลิกบรรดาศักดิ์
และการใช้ราชทินนาม
๒๖
พฤษภาคม ๒๔๘๕
กองพลที่ ๓ ของกองทัพพายัพยึดเมืองเชียงตุง อันเป็นเมืองหลวงของสหรัฐไทยเดิมได้ในสงครามมหาเอเซียบูรพา
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |