เสียศักดิ์สู้ประสงค์ เสียรู้เร่งดำรง เสียสัตย์อย่าเสียสู้ |
วงศ์หงส์
สิ่งรู้ ความสัตย์ ไว้นา ชีพม้วยมรณา |
แปลงปลูกหนามรามรก ฆ่าหงส์มยุรนก เลี้ยงหมู่กากินเนื้อ |
จัมบก
รอบเรื้อ กระเหว่า เสียนา ว่ารู้ลีลา |
วัดอุทกชักกมุทมาลย์ ดูครูสดับโวหาร ดูตระกูลเผ่าผู้ |
จักสาร
แม่นรู้ สอนศิษย์ เพื่อด้วยเจรจา |
สายดิ่งทิ้งทอดวา เขาสูงอาจวัดวา จิตมนุษย์นี้ไซร้ |
คณนา
หยั่งได้ กำหนด ยากแท้หยั่งถึง |
คนล้มจักข้ามกราย ทำชอบชอบห่อนหาย ทำผิดผิดจักให้ |
โดยหมาย
ห่อนได้ ชอบกลับ สนองนา โทษแท้ถึงตน |
อย่าหยิบทรัพย์อุดหนุน ก่อเกื้อเกือบเกินทุน ครั้นค่อยคลายวายไร้ |
ทำคุณ
หย่อนให้ มันมั่ง มีนา กลับสู้ดูแคลน |
บ่เท่าพระอินทร์องค์ คุณพันหนึ่งดำรง มีโทษอันหนึ่งไซร้ |
ฤทธิรงค์
หนึ่งได้ ความชอบ ไว้นา กลบกล้ำพันคุณ |
ใครคดคดผ่อนผัน ทองแดงว่าสุวรรณ ดุจลูกสูส่องเถ้า |
ตามกัน
ตอบเต้า ยังถ่อง เหมือนฤา ว่าโอ้เป็นลิง |
เสมออยู่หอแห่งเดียว ชังกันบ่แลเหลียว เหมือนขอบฟ้ามาป้อง |
เขาเขียว
ร่วมห้อง ตาต่อ กันนา ป่าไม้มาบัง |
นบท่านท่านจักปอง รักท่านท่านควรครอง สามสิ่งนี้เว้นไว้ |
ตอบสนอง
นอบไหว้ ความรัก เรานา แต่ผู้ทรชน |
ผิบ่มีคนชู หัวแหวนค่าเมืองตรู ทองบ่รองรับพื้น |
สัพพัญญู
ห่อนขึ้น ตาโลก ห่อนแก้วมีศรี |
ควันประจักษ์แก่ไฟ ราชาอิสระในไอ ชายย่อมเฉลิมเลิศแล้ |
ธงไชย
เที่ยงแท้ สมบัติ ปิ่นแก้วเกศหญิง |
หญิงเลิศเพราะรักผัว นักปราชญ์มาตรรูปมัว เพราะเพื่อรสธรรมนั้น |
แก่ตัว
แม่นหมั้น หมองเงื่อน งามนา ส่องให้เห็นงาม |
อากาศขาดสุริยจร เมืองใดบ่มีวร แม้ว่างามล้นฟ้า |
อาภรณ์
แจ่มหล้า นักปราชญ์ ห่อนได้งามเลย |
อักขระห้าวันหนี สามวันจากนารี วันหนึ่งเว้นล้างหน้า |
ดนตรี
เนิ่นช้า เป็นอื่น อับเศร้าศรีหมอง |
เหล็กเท่าลำตาลตรึง มนตร์ยาผูกนานหึง ผูกเพื่อไมตรีนั้น |
รัดรึง
ไป่หมั้น หายเสื่อม แน่นเท้าวันตาย |
จำนาคมนตร์โอฬาร จำคนเพื่อใจหวาน จำโลกนี้นั่นแล้ |
ตีนสาร
ผูกแท้ ต่างปลอก แต่ด้วยไมตรี |
ผจญหมู่ทรชนดี ผจญคนจิตโลภมี ผจญอสัตย์ให้ยั้ง |
ไมตรี
ต่อตั้ง ทรัพย์เผื่อ แผ่นา หยุดด้วยสัตยา |
เคียดฆ่าคนอนันต์ ไป่ปานบุรุษอัน เธียรท่านเยินยอแล้ |
ใจฉกรรจ์
หนักแท้ ผจญจิต เองนา ว่าผู้มีชัย |
กลคดีพึงหา ยามกินรสโอชา หาปราชญ์ล่ำเลิศผู้ |
อาสา
ท่านรู้ ชวนเพื่อน กินนา เมื่อแก้ปริศนา |
แสวงทรัพย์คบพาณิช แสวงหายศศักดิ์ชิด ผิใคร่ได้ลูกไซร้ |
บัณฑิต
ง่ายไซร้ ชอบราช เสพส้องเมียสาว |
พันหนึ่งหาปัญญายง แสนคนเสาะคนตรง ไม่เท่าคนหนึ่งผู้ |
กลางณรงค์
ยิ่งรู้ ยังยาก อาจอ้างอวยทาน |
ครั้นใหญ่หาสินมา เมื่อกลางแก่ศรัทธา ครั้งแก่แรงวอกเว้า |
วิชา
สู้เหย้า ทำแต่ บุญนา ห่อนได้เป็นการ |
คิดค่าควรเมืองนับ เพราะเหตุจักอยู่กับ โจรจักเบียนบ่ได้ |
สินทรัพย์
ยิ่งไซร้ กายอาต มานา เร่งรู้เรียนเอา |
อวดว่ากล้าอย่าฟัง หมาเห่าเล่าอย่าหวัง สองเหล่าเขาหมู่นี้ |
อึงดัง
สัปปลี้ จักขบ ใครนา ชาติเชื้อเดียวกัน |
กินกัดเนื้อเหล็กจน บาปเกิดแก่ตนคน บาปย่อมทำโทษซ้ำ |
ใจตน
กร่อนขร้ำ เป็นบาป ใส่ผู้บาปเอง |
หว่านสิ่งใดให้ผล ทำทานหว่านกุศล ทำบาปบาปซั้นซั้น |
งายล
สิ่งนั้น ผลเพิ่ม พูนนา ไล่เลี้ยวตามตน |
ข้าศึกฤาปานปุน รักใดจัดเพิ่มพุน แรงอื่นฤาจักได้ |
มีคุณ
พยาธิไซร้ รักอาต มานา เท่าด้วยแรงกรรม |
อย่าโทษสถานภูผา อย่าโทษหมู่วงศา โทษแต่กรรมเองสร้าง |
เทวา
ย่านกว้าง มิตรญาติ ส่งให้เป็นเอง |
โหรว่าเคราะห์แรงรุม แม่มดว่าผีกุม ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้ |
ลมคุม
โทษให้ ทำโทษ ก่อสร้างมาเอง |
ดูมิตรพงศารัก ดูเมียเมื่อไข้จัก อาจจักรู้จิตไว้ |
การหนัก
เมื่อไร้ จวนชีพ ว่าร้ายฤาดี |
งูเห่ากลายเป็นปลา ข้าเก่าเกิดแต่ตา เมียรักนอนร่วมห้อง |
เสียงา
อย่าต้อง ตนปู่ ก็ดี อย่าไว้วางใจ |
ปองติฉินนินทา โทษตนเท่าภูผา ป้องปิดคิดซ่อนเร้น |
เมล็ดงา
ห่อนเว้น หนักยิ่ง เรื่องร้ายหายสูญ |
หกทุ่มหมู่บัณฑิต สามยามพวกพาณิช นอนสี่ยามนั้นแล |
ทรงฤทธิ์
ทั่วแท้ นรชาติ เที่ยงแท้เดียรฉาน |
อำมาตย์เป็นบรรทัด ฝูงราษฎร์อยู่ศรีสวัสดิ์ เมืองดั่งนี้เลิศแล้ |
ในสัตย์
ถ่องแท้ ทุกเมื่อ ไพร่ฟ้าเปรมปรีดิ์ |
ชีบ่เล่าเรียนเขียน ชาวนาละความเพียร สามสิ่งนี้โหดให้ |
จากเจียร
อ่านไซร้ ไถถาก โทษแท้คนฉิน |
รังแต่งจุเมียผัว มักใหญ่ย่อมคนหวัว ทำแต่พอตัวไซร้ |
พอตัว
อยู่ได้ ไพเพศ อย่าให้คนหยัน |
การจะลุจึงไข เดื่อดอกออกห่อนใคร ผลผลิตติดแล้วแผร้ง |
ในใจ
ข่าวแจ้ง เห็นดอก แพร่ให้คนเห็น |
อายแก่ราชาคลา อายแก่ภรรยาหา อายกับทำบุญแล้ |
วิชา
ยศแท้ บุตรแต่ ไหนมา สุขนั้นฤามี |
ม้าหลีกสิบศอกกราย ช้างสี่สิบศอกคลาย เห็นทุรชนหลีกให้ |
ศอกหมาย
อย่าใกล้ คลาคลาด ห่างพ้นลับตา |
อันทุพพลชรา ขับไล่ไม่มีปรา คนดั่งนี้ฤาแคล้ว |
มารดา
ภาพแล้ว นีเนตร คลาดพ้นไภยัน |
จวนตะวันจักสาย ของสดสิ่งควรขาย ตระลาดเลิกแล้วอ้า |
รอพาย
ส่องฟ้า จักขาด ค่าแฮ บ่นอื้อเอาใคร |
มารยาทส่อสันดาน โฉดฉลาดเพราะคำขาน หย่อมหญ้าเหี่ยวแร้งเรื้อ |
ชลธาร
ชาติเชื้อ ควรทราบ บอกร้ายแสลงดิน |
สูงสุดมือมักตรอม เด็ดแต่ดอกพยอม สูงก็สอยด้วยไม้ |
มาถนอม
อกไข้ ยามยาก ชมนา อาจเอื้อมเอาถึง |
อย่าเที่ยวแล่เนื้อเถือ อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ โซก็เสาะใส่ท้อง |
กินเกลือ
พวกพ้อง สงวนศักดิ์ จับเนื้อกินเอง |
บ่ภักษ์ผลไม้มี ไกรสรซูบอินทรีย์ บ่ภักษ์รสเนื้อช้าง |
เสียชี
วิตแฮ
ป่ากว้าง สมเพช ก็ดี ดั่งนี้ธรรมดา |
อย่าถากท่านด้วยตา ฟังคำกล่าวมฤษา หยิบบ่ศัพท์กลับย้อน |
วาจา
ติค้อน โสตหนึ่ง นะพ่อ โทษให้กับตน |
อย่าแนะเศึกศัตรู ไฟในอย่าเชิดชู ไฟนอกอย่านำเข้า |
คลองคู
สู่เหย้า นำออก หม่นไหม้มัวหมอง |
คิดพ่างผลกทลี ลูกม้าฆ่าชนนี ลาภฆ่าคนโลภม้วย |
หนามมี
ฆ่ากล้วย ลาเกิด ตนนา ดุจไม้มีหนาม |
นายหนึ่งเลี้ยงพยัคฆา สองสามสี่นายมา บังทรัพย์สี่ส่วนถ้วน |
มังสา
ไป่อ้วน กำกับ กันแฮ บาทสิ้นเสือตาย |
เป็นสิ่งเป็นอันยัง คนเด็ดดับสูญสัง เป็นชื่อเป็นเสียงได้ |
เขาหนัง
อยู่ไซร้ ขารร่าง แต่ร้ายกับดี |
กลัวแต่เสียเครื่องแกง เฉกเช่นจักจัดแจง เกรงแต่มักหมดไม้ |
ตัวแพง
ห่อนได้ การใหญ่ เหย้าแฮ ห่อนได้เรือนงาม |
เป็นพิษแก่อลัชชี คุณธรรม์สิ่งสรรพ์ดี เป็นพิษแก่พาลแล้ |
คัมภีร์
โฉดแท้ ในโลก ห่อนได้สดับจำ |
ยอยกครูยอสนิท ยอญาติประยูรมิตร คนหยิ่งแบกยศบ้า |
การกิจ
ซึ่งหน้า เมื่อลับ หลังแฮ อย่ายั้งยอควร |
อย่ามลนหลับตา เลือกสรรหมั่นปัญญา สติริรอบให้ |
เจรจา
แต่ได้ ตรองตรึก ถูกแล้วจึงทำ |
หาง่าย หลายหมื่นมี เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี หากยาก ฝากผีไข้ |
แหนงหนี
มากได้ วาอาตม์ ยากแท้จักหา |
หยาบบ่มีเกลอกราย ดุจดวงศศิฉาย สุริยส่องดาราไร้ |
เหลือหลาย
เกลื่อนใกล้ ดาวดาษ ประดับนา เมื่อร้อนแรงแสง |
รู้ว่าตนเป็นพาล พวกนี้วัจนาจารย์ นับว่าปราชญ์ได้บ้าง |
ใจหาญ
กระด้าง จัดใช่ พาลพ่อ เพื่อรู้สึกตน |
ชายมีความรู้สรรพ พราหมณ์รู้เวทยานับ ภิกษุเกิดทรัพย์ไซร้ |
เป็นทรัพย์
ทรัพย์ได้ ว่าทรัพย์ พราหมณ์นา เพื่อรู้ธรรมา |
ชี้บ่เล่าเรียนเขียน ชาวนาละความเพียร ทั้งสามสิ่งนี้ให้ |
เบียดเบียน
อ่านไซร้ คร้านเกี่ยว การนา โทษแท้สาธารณ์ |
ชรา ร่างสาธารณ์ พยาธิ บันดาล มรณะ กาแร้ง |
อาการ
เหี่ยวแห้ง ต่าง ต่าง แย่งยื้อกันกิน |
ชำระเรื่องคงของ ผิดเพี้ยนเปลี่ยนแปลงลอง ล้วนโอวาทปราชญ์แท้ |
เสร็จสนอง
เก่าแท้ ลิขิต เดิมนา ถี่ถ้วนควรถนอม |