| หน้าต่อไป | |
เพลงไทยให้ธรรมชาติ
กรุงเทพฯ ราตรี
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
โอ้กรุงเทพ ฯ เมืองฟ้าอมร สมเป็นนครมหาธานี |
สวยงามหนักหนายามราตรี งามเหลือเกินเพลิดเพลินฤดี ช่างงามเหลือที่จะพรรณา |
เที่ยวเดินเล่นแลเห็นอาคาร เหมือนดังวิมานสถานเทวา |
ทั้งยานพาหนะละลานตา งามแสนงามเหมาะนามสมญา เหมือนเทพสร้างมาจึงงามวิไล |
ราชดำเนินน่าเดิน เพลิดเพลินเรียบร้อยพราวพรรณ สมนามสำคัญเฉิดฉันอำไพ |
แสงไฟแสงโคมเล้าโลมฤทัย ทั้งเมืองวิไลคล้ายยามทิวา |
ยอดมณฑปช่อตระการ สำเริงสำราญสถานเวียงชัย |
เหมือนเมืองสวรรค์ของชาวไทย ชนทั้งเมืองรุ่งเรืองวิไล ถ้วนทั่วทุกวัยเลิศจริงหญิงชาย |
ดังจะข่มอัปสรเทวา ยิ้มยวนเย้าตาดูแล้วสบาย |
หรือเป็นชาวฟ้ามาเดินกราย เมืองนั้นงามดังเทพนิยาย ทั้งหญิงทั้งชายแต่งกายสวยดี |
แหล่งท่องเที่ยวหย่อนใจ ทั่วไปหลากหลายรายเรียง หญิงชายเคล้าเคียงเพลินเสียงดนตรี |
ทุกคืนเสียงเพลงครื้นเครงเพราะดี สวนลุมพินีเขาดินวนา |
โอ้เมืองแก้วเลิศแล้วราตรี ทุกสิ่งล้วนมีชีวิตชีวา |
ทั้งเงาลำน้ำเจ้าพระยา ยามสายลมเฉื่อยฉิวพลิ้วมา ประกายวับตาเลิศเลอนักเอย |
หากกรุงเทพขาดฉันและเธอ ถึงงามเลิศเลอไม่พร้อมไพบูลย์ |
เหมือนเป็นเมืองร้างใจอาดูร ความวิไลไม่งามพร้อมมูล ขาดความสมบูรณ์เกื้อกูลทวี |
เมื่อมาอยู่ใกล้ชู้ชูใจ ทั้งเมืองวิไลสดใสทันที |
เพราะเราถนอมกันโดยดี ความรักเราแน่นอนทวี ถึงนานกี่ปีไม่มีร้างรา |
ต่างคนปลื้มเปรม อิ่มเอมคลอเคล้ากันไป น้ำคำน้ำใจมอบไว้บูชา |
รักเราน้อมนำน้ำคำสัญญา ขอองค์พุทธารับเป็นพยาน |
จิตสลักด้วยรักเจือจุน นับเป็นผลบุญอุดหนุนบันดาล |
ทุกยามค่ำเช้าเราบนบาน ความรักเราไม่มีร้าวราน ถ้อยคำสาบานแน่นอนนักเอย |
หอมเอยหอมดอกไม้ ดอกใดที่ไหนเอ๋ย |
กลิ่นนางแย้มหอมชวนเชย กลิ่นระเหยเหมือนประทินกลิ่นนวลปราง |
เล็บมือนางอ่อนช้อน อ่อนงอนดังเล็บมือนาง |
นมสวรรค์นั้นสอางค์ ดังกับถันหลั่นสล้างโสภิณ |
หอมเอยยวนยี กลิ่นอย่างนี้คือซ่อนกลิ่น |
ซ่อนกลิ่นไว้ไยหอมรวยริน แล้วเรียกซ่อนกลิ่นหอมเกินที่จินตนา |
หอมเอยหอมชื่นชม ได้ดมก็สมอุรา |
กลิ่นแก้มหอมของกานดา ชื่นหนักหนาชื่นยิ่งกว่ามาลี |
ลมพระพายชายชื่นในคืนนี้ กลิ่นราตรีหอมระรื่นชื่นใจแสน |
ดอกไม้อื่นดื่นไปในดินแดน จะเหมือนแม้นราตรีไม่มีเลย |
เจ้าโชยกลิ่นต่อเมื่อสิ้นแสงอาทิตย์ เหมือนให้คิดปริศนาราตรีเอ๋ย |
คิดคำนึงถึงราตรีที่เราเคย ได้ชมเชยชื่นชวนรัญจวนใจ |
พอสิ้นคืนกลืนสิ้นกลิ่นเสาวรส ความช้อยชดสดชื่นคืนไปไหน |
ทิ้งแต่รอยรัญจวนป่วนฤทัย ฝากเอาไว้กับราตรีไม่มีเลื่อน |
กลิ่นไอเจ้าเร้าใจให้ใฝ่ฝัน ทุกคืนวันพรั่นใจใครจะเหมือน |
โอ้ราตรีเจ้าเอ๋ยที่เคยเยือน ยังตามเตือนใจอยู่ไม่รู้วาย |
มาคืนนี้กลิ่นราตรีที่ไหนหมอ ลอยมาล่อล้อให้ใจคอหาย |
อกระทึกนึกประหวั่นพรั่นใจกาย หรือราตรีที่หมายชายกลิ่นมา |
เพื่อทวนถามความในให้ประจักษ์ เหมือนถามรักทวนเล่ห์เสน่หา |
โอ้ราตรีที่เคยชื่นรื่นอุรา ลอยทวนมาหรืออย่างไรใคร่รู้เอย |
อยู่บนเกาะน้อย เรียกว่าเกาะลอย น้ำลอยล้อมหน้า |
ใช่จะไกลหนา แค่ศรีราชา น่าจะแสนสบาย |
สายลมพัดโกรก พริ้วและโชยโบยโบก ไม่มีขาดสาย |
น้ำซัดมาซ่าซ่ากระจาย ฟาดฝั่งหาดทราย ฟังคล้ายหญิงชายหัวเราะริกร่า |
นกนางนวล มันบินลอยนวลใกล้ ๆ ลิบ ๆ รำไรมองดูเรือใบจับปลา |
เห็นไม้เป็นทิว โดนลมก็ปลิว พริ้วพราวตรงหน้า |
หวิว ๆ ลมพามา เป็นเพลงลอยมา อุราเสียวซาบซ่าน |
ภาพที่บางแสน ดังภาพเมืองแมน แม้นไปทุกด้าน |
ภาพที่แหลมฟาน น่าสุขสราญ ผ่านลงน้ำไป |
เห็นภาพไกลใกล้ ดุจดังเทพไท วาดเอาไว้เอย |
ฉันมาเห็นสถานลานตา งามเหมือนเกาะฟ้าสมญาสีชัง |
ลอยอยู่หว่างกลางน้ำลำพัง มีฝั่งหาดทรายแลลาน |
เหลียวทางไหนสดใสวิญญา แลสูงหนักหนาประภาคาร |
ยวนยั่วใจอย่างเหลือประมาณ สำราญสถานที่งาม |
เพริดแพร้ว เห็นหาดแก้ววับวาม สมนาม เหมือนดังแก้วแสนเพลิน |
ณ แห่งนี้เห็นศรีราชา ภูผาดูสูงสง่าเหลือเกิน |
คลื่นลมเสียงดังได้ฟังแล้วเพลิน ดุจคำเชื้อเชิญเรียกดัง |
สวยงามแท้แลแล้วชื่นฉ่ำ ชมแล้วชมซ้ำถึงนามสีชัง |
งามเด่นดีมีแหลมท่าวัง ดูช่างชื่นชมยวนใจ |
สายลมพริ้วอยู่ทุกนาที แห่งนี้จะเห็นเจดีย์วิไล |
มียอดแซมดูแหลมแทงใจ พิศไปสดใสน่าชม |
เสียงคลื่น ซัดฝั่งครืนครื้นโครม |
เสียงลม เสียงกล่อมกลมเสียงดัง |
เห็นเกาะนี้สดสีงามตา สุดที่จะหามาเทียบให้ฟัง |
โอ้ใครหนอใครให้นามสีชัง ไม่ชังเหมือนดังชื่อเลย |
เขมรไทรโยค
บรรยายความตามไท้ เสด็จยาตร | ยังไทรโยคประพาสพนาสัณฑ์ |
น้องเอย...เจ้าไม่เคยเห็น | ไม้ไร่หลายพันธ์ คละขึ้นปะปน |
ที่ชายชลเขาชะโงกเป็นโกรกธาร | น้ำพุพุ่งซ่าน ไหลมาฉาดฉาน |
เห็นตระการ มันไหลจอกโครมจอกโครม | มันดังจ้อกจ้อก จ้อกจ้อก โครมโครม |
น้ำใสไหลจนดู หมู่มัสยา | กี่เหล่าหลายว่ายมา ก็เห็นโฉม |
น้องเอย เจ้าไม่เคยเห็น | ยินปักษาซ้องเสียง เพียงประโคม |
เมื่อยามเย็นพยับโพยมร้องเรียกรัง | เสียงนกยูงทอง มันร้องโด่งดัง |
หูเราฟังมันร้องดังกระโต้งฮง | มันดังก้อก ก้อก ก้อกก้อก กระโต้งฮง |
เหล่าดรุณบันเทิง | สำเริงสำราญประสานบทเพลง |
ฟังสนุกปลุกใจ | ไพเราะวังเวงเพลงที่เราร้อง |
ดูซินั้น หมู่ไม้ | ดอกไม้สวยชวนให้ปอง |
ฟังนกน้อยลำพอง | ร้องดังเจื้อยแจ้งเสียงแววขันคู |
จูรุ๊กกรู......จุ๊กกรุ | จุ๊กกรู ลา....... ตาลาลับ....... |
เจ้าชวนให้ชื่นชูใจ |
งามชายหาด สาดแสงจันทร์ส่อง มองน้ำแพรวพราย สุดสายตา |
คลื่นทะยอย ระลอกพริ้วปลิวมา ทุกทิวาราตรี เช่นนี้งามสะพรั่ง |
ลมเย็นโบย โชยมาเอื่อย ๆ เพลงรักลอยเรื่อยเมื่อฉันฟัง |
ชื่นอุรา ฟ้าเอาเมฆมาบัง นกทะเลคืนรัง ส่งสำเนียงเคล้าคลอ |
สุขใจ ใครจะเหมือน แสงเดือน ดูดังเพื่อนพะนอ |
เมื่อยาม ได้ฟังเพลงคลอ ขับคลอ ทุกค่ำคืน |
ชาวดง
...กลางดงพงป่า เขาลำเนาไพรไกลสังคม | มีแดนรื่นรมย์ แสนชื่นชมมีเสรี |
ไร้ทุกข์ สนุกสนาน สำราญกันได้เต็มที่ | พวกเราชาวถิ่นนี้ ล้วนมีไมตรีต่อกัน |
่ อาชีพป่าดงพงไพร เลี้ยงโคทำไร่ไถนาเป็นพราน | หน้าแล้งเราพากันเผาถ่าน หาฟืนกลับบ้านเป็นทุน |
เงินทองหามาได้ อดออมเอาไว้พออุ่น | เจ็บไข้ได้เกื้อหนุน เจือจุนการุณผูกพัน |
กลางดงพงป่า เขาลำเนาไพรไกลสังคม | มีแดนรื่นรมย์ แสนชื่นชมมีเสรี |
ไร้ทุกข์ สนุกสนาน สำราญกันได้เต็มที | พวกเราชาวถิ่นนี้ ล้วนมีไมตรีต่อกัน |
เย็นย่ำตะวันรอน ๆ เราได้พักผ่อนสำราญอุรา | ค่ำลงเราพบกันพร้อมหน้า แล้วมาสนุกด้วยกัน |
ยามงานนั้นเราทำ ตรากตรำเพียงไหนไม่หวั่น | เสร็จงานเราสุขสันต์ ร้องบรรเลงเพลงกล่อมไพร |
กลางดงพงป่า เขาลำเนาไพรไกลสังคม | มีแดนรื่นรมย์ แสนชื่นชมมีเสรี |
ไร้ทุกข์ สนุกสนาน สำราญกันได้เต็มที | พวกเราชาวถิ่นนี้ ล้วนมีไมตรีต่อกัน |
จนยากก็ยังภูมิใจ หากินกลางไพร แม้ไม่รุ่งเรือง | ไม่คิดจะเฟ้อ จะฟุ้งเฟื่อง ถึงเมืองแดนศิวิไลซ์ |
กลางคืนเราชื่นบาน เรื่องงานเอาไว้วันใหม่ | ป่าดงดำรงไว้ ทรัพย์ในดินไทยมากมี |
กลางดงพงป่า เขาลำเนาไพรไกลสังคม | มีแดนรื่นรมย์ แสนชื่นชมมีเสรี |
ไร้ทุกข์ สนุกสนาน สำราญกันได้เต็มที่ | พวกเราชาวถิ่นนี้ ล้วนมีไมตรีต่อกัน |
กลางดงพงป่า เขาลำเนาไพรไกลสังคม | มีแดนรื่นรมย์ แสนชื่นชมมีเสรี |
ไร้ทุกข์ สนุกสนาน สำราญกันได้เต็มที่ | พวกเราชาวถิ่นนี้ ล้วนมีไมตรีต่อกัน |
| หน้าต่อไป | บน | |