| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
เหล่าดรุณบันเทิง สำเริงสำราญประสานบทเพลง |
ฟังสนุกปลุกใจ ไพเราะวังเวงเพลงที่เราร้อง |
ดูนั่นหมู่ไม้ ดอกไม้สวยชวนให้มอง |
ฟังนกน้อยลำพอง เสียงร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วขันคู |
จู้ ฮุกกรู ฮุกกรู ลา ลา ลา ……. |
พาให้เราเพลินใจ |
ค่ำคืนนี้มีจันทร์อันนวลผ่อง ลอยละล่องทั่วพื้นโพยมหน |
ขับแสงดาวขาวนวลที่ชวนยล ให้หมองหม่นภาคพื้นนภาพราย |
โอ้จันทร์หนอข้ามิเชยชมเจ้า ด้วยตัวเราดุจดาวที่แสงหาย |
เดือนช่างทำเราได้ไร้ละอาย หรือเจ้าหมายคู่ฟ้ามิลาจร |
ถ้าเจ้าปองครองฟ้ามิลาล่วง ข้ามิห่วงฟ้าจะเหงาเฝ้าทอดถอน |
จะขอลาจำพรากจากอัมพร ข้ามิอาวรณ์ให้หนักหน่วงสุดห่วงอาลัย |
ดอกพุดตาน ยามเช้าบานไสว มองแล้วเพลิน ดูขาวชวนเชิญชมชื่นใจ |
ครั้นตะวัน พ้นขอบฟ้าพลันสีแปรไป กลีบขาวกลาย เปลี่ยนเป็นชมพูรู้กลับกลาย |
ชวนใจชม นิยมไม่ห่างไม่จางจืดใจ พันธุ์ไม้อื่นใด จะหาไหนเทียมทันพุดตานสวรรค์ |
สายัณห์เย็น สีกลายกลับเป็นสีแดงพลัน ดอกพุดตาน เจ้างามตระการแสนรื่นรม |
หอมกลิ่นดอกไม้ หอมกลิ่นดอกไม้ในสวนศรี ลมพัดพากลิ่นมาลี มาแต่ไหน |
จากทิศทางข้างเหนือๆ หรืออย่างไร กลิ่นจึงได้หอมรื่น หอมรื่นชื่นอุรา |
หรือเป็นกลิ่นดอกไม้ ถิ่นไทยงาม ทวนมาถามความกระสันต์ ไผ่ฝันหา |
ถิ่นไทยงามยามนี้ ยามนี้มีผกา ทั่วแนวป่าแนวไพร ไม่น้อยเลย |
โอ้ดวงดาวดูแสงนั้น พราวพร่าง เด่นลอยคว้างกลางฟากฟ้าไกล |
ดาวรายล้อมดวงเดือนไว้ ข่มแสงเดือนเลือนไป เจ้าทำไมข่มดวงเดือน |
หยิ่งทะนงหรือถือว่าทรงศักดิ์ ข้าไม่รักดาวกว่ารักเดือน |
ดาวระยิบพริบตาเหมือน ดั่งจะเย้ยว่าดวงเดือน ไม่งามเหมือนหมู่ดาว |
เมื่อไหร่หนอจันทร์งาม ข้าคอยเพราะความโศกเศร้า |
เฝ้าครวญถึงคราว คราเมื่อสองเรา รักเฝ้าพนอต่อกัน |
ชื่นหทัยจะเปรียบรักใดชื่น สุดจะฝืนยามค่ำคืนนั่น |
จันทร์เฉิดฉายคล้ายสวรรค์ โอ้คืนนั้นยังจำมั่น ว่าแจ่มจันทร์เป็นพยาน |
ตะวันยอแสง
คำร้อง จำรัศ รวยนิรันดร์ ทำนอง ร.ท. มานิต เสณะวีณิน รน. วงดนตรี ศรีกรุงภาพยนตร์
ดูซิดูโน่นซี | สุรีย์กำลังยอแสง |
เหลืองสลับแดง | แฝงแสงอยู่ดูรอนรอน |
งามจริงยิ่งงาม | ชมยิ่งงามยามจากจร |
สีสอดสลับซับซ้อน | ตอนจะลับเหลี่ยมภูผา |
ลมพัด... | สะบัดช่อ จำปี จำปา |
หอมกลิ่นบุปผา | ลมพาพัดมารอนรอน |
ดูซิดูสุริยาจะ | จากฟ้ายังมีอาวรณ์ |
ยามเมื่อข้าจำจร | สุดสะท้อนห่างรักหักใจ |
โอ้สุริยา | จะจากฟ้ายังอาลัย |
ข้าพรากจากรักแรมไกล | หัวใจหรือลืมเลือน |
เศร้าแสนโศกกระไร | อกใครไม่เหมือน |
เคยยั่วเคยเยือน | เหมือนเตือนติดตรึงฤดี |
ดินแดนสมญา นามว่าตาคลี แห่งนี้ลือเลื่อง ว่าเป็นนามเมืองแห่งผา |
แดนตาคลีนี้ไร่งาม ทำตามไหล่เขาหลั่นมา ดูเขียวตามผาทั่วไป |
ทั่วแดนตาคลีนี้เป็นขวัญตา พืชไร่ล้วนพาชื่นใจ |
มีถ้ำงามถิ่นไพร ถ้ำผาสวรรค์นั่นไง ถ้ำที่ใครเขาชมกัน |
มีลานสังข์ทองปอง ตีคลีกับพระอินทร์เจ้า เขาตาคลีเด่นนั้น |
ใครมาชมเห็นร่องคลี รอยยังมีอยู่ทุกวี่วัน เรื่องนี้น่าขันอัศจรรย์ไม่หาย |
ผองชาวตาคลีล้วนมีความสุข ผู้ใดมีทุกข์มักคลาย |
ผู้คนขยันทั่วไป ปองรักกันไว้ไม่วาย ไม่ร้างกายจากแผ่นฟ้าตาคลี |
เห็นแดนแผ่นดินท้องถิ่นไทยงาม ดูอยู่ด้วยความเพลินในนิยม |
อากาศก็ดีน่าสบาย พระพายรื่นรมย์ ใครได้มาชมคงชื่นในใจ |
สวยงามชื่นจริงทุกสิ่งสคราญ มีห้วยละหานลำธารแนวไพร |
น้ำตกกระเซ็นเป็นฟอง ละอองพราวไป พลอยฉ่ำฤทัย ชวนให้ชื่นบาน |
เขาสูงเงื้อมง้ำค้ำฟ้าอยู่ ชวนชื่นชูแหงนดูอยู่นาน |
สายน้ำซับซ้อนแลดูลาน เป็นวิมานสำราญแห่งไทย |
ไม้งามปกคลุมชะอุ่มดูเขียว ได้แต่แลเหลียวตะลึงลานใจ |
พันธุ์บุปผาชาติดาษดา ผกาวิไล ส่งกลิ่นชื่นใจเมื่อได้ลมพา |
หมายถึงแผ่นดินท้องถิ่นทางเหนือ ประเสริฐเลิศเหลือจะพรรณนา |
ทั่วบ้านทั่วเรือนครอบครัว สวนครัวเกลื่อนตา มีผักมีปลานาไร่น่าชม |
วัฒนธรรมล้ำเลิศงามครัน มีอยู่ทั่วกันตามความนิยม |
สวมหมวกงามๆ ทั่วกัน ผิวพรรณขำคม ใครได้มาชมคงชื่นทรวงใน |
สาวสาวจิ้มลิ้มยิ้มชื่นฉ่ำ งามด้วยธรรมชาติสร้างให้ |
สวยนักสวยล้ำสาวชาวไทย งามวิไลทั้งใจและกาย |
ขอเชิญพวกเราผองเผ่าชาวไทย ไปอยู่ยังในที่สุขสบาย |
มีที่งามๆ ทำกินพื้นดินมากมาย น่าอยู่สบายในถิ่นไทยงาม |
พื้นน้ำยามเย็นดูเป็นประกาย มองคล้ายดังทอง อาทิตย์เรืองรองอร่าม |
ส่องแสงแพรวแววงาม ขอบฟ้าแลงาม แห่งไหนก็ตามสดใส |
สีขาวคือใบเรือลอยล่องเวียน เพียรหาปลาทอง ในน้ำเนืองนองปลาใหญ่ |
ว่ายวนเวียนไป ต่างสีวิไล สุขสมดังใจได้มอง |
เมื่อลมโชยมา พาฤทัยชื่นฉ่ำ รื่นรมย์สุขสมปอง |
ท่องทะเลทอง ฉันคอยมอง ปลาทองหลายพันธุ์ |
ฉันหลงลงเรือลอยลำเล่นใบ อาทิตย์เลือนไป มัวแสงรำไรใจหวั่น |
โอ้ดวงตะวัน จากฟ้าเร็วพลัน ต้องหันเรือลอยกลับเลย |
ทะเลร่ำไห้
คืนเมื่อฟ้ามัวสลัวแสงจันทร์ | โอ้มีใครฝัน อยู่เดียวดั่งฉัน เศร้าใจ |
ขุนเขาทะมึนยืนอยู่ฟ้าไกล | ฟังดูไฉน เสียงหริ่งเรไรหรีดร้องระงม |
...ไกลสุดสายตาขอบฟ้าสีคราม | เยือกเย็นยิ่งหวาม ดั่งใครเหยียดหยาม ระทม |
เสียงน้ำทะเลเคล้าเห่คลื่นลม | โครมครืนผสม ดวงใจยิ่งจม แสนเศร้า |
...ใครเอยจะมาตะโบมโลมไล้ | ดวงใจอ้างว้าง เปลี่ยวใจท่ามกลางลมเป่า |
โขดหินหาดนี้ก่อนมีรักเรา | เงียบเหงาสะอื้น ได้ยินเสียงคลื่น คร่ำครวญ |
...ริมหาดไร้จันทร์ก็ฝันถึงดาว | ใต้ดงมะพร้าว ดึกลงยิ่งหนาว เนื้อนวล |
ฝันถึงเราเคยเคล้าคู่เย้ายวน | ลมโบยโชยหวนทะเลคร่ำครวญร้องไห้ |
...ริมหาดไร้จันทร์ก็ฝันถึงดาว | ใต้ดงมะพร้าว ดึกลงยิ่งหนาว เนื้อนวล |
ฝันถึงเราเคยเคล้าคู่เย้ายวน | ลมโบยโชยหวน ทะเลคร่ำครวญร้องไห้... |
ลมเย็น ๆ พัดโชยมาชื่นฉ่ำ ใกล้ค่ำเห็นดวงตะวันรำไร |
จวนจะลับจากขอบฟ้าไกล วิไลงามตาพาให้ชื่นชม |
ลมรำเพยพัดโชยมาระรื่น ชุ่มชื่นเร้าใจให้เริงอารมณ์ |
พันธุ์ดอกไม้ดูน่าชิดชม เคล้ามาตามลมพาให้ชื่นชู |
หมู่นกน้อย บินลอยล่องมาเป็นคู่ |
มองดูชื่นชูแสนเพลิน งามเหลือเกินเพลินตา |
ลมเย็น ๆ พัดโชยมาชื่นฉ่ำ ใกล้ค่ำหอมชื่นกลิ่นพันธุ์บุปผา |
ชื่นยิ่งนักเมื่อลมพัดมา แสนชื่นอุราพาใจเบิกบาน |
สายลมพริ้วผ่านสายธารพริ้วไหว สายธารเป็นสื่อใจ สายสื่อฤทัยเสน่หา |
พี่พาน้องน้อย ลงเรือเคลื่อนคล้อยธารา ธารสวาทรักชักพา เร้าอุรารักใคร่ |
ยิ้มเอยยิ้มเจ้าเร้าใจรัญจวน ยิ้มเตือนสวาทชวน ยิ้มเจ้าเย้ายวนยั่วใจ |
พี่มองแววตา เห็นแววสัญญารักให้ ยิ้มทรามเชยเปิดเผยดวงใจ ชัดแจ่มใสหนักหนา |
โอ้น้องแลพี่ ล่องลอยนทีสวรรค์ ห้วงรักในฝัน สองเราเสกสรรค์ขึ้นมา |
ใต้ธารสดใส รับเงาเจ้าไว้งามตา แสนผูกพันธ์กระสันอุรา โอ้ขวัญตาเสน่หาอาลัย |
สายธารนั้นนิ่งทุกสิ่งตราตรึง หัวใจพี่เอ็ดอึง เพราะว่ารักตรึงหทัย |
ห้วงธารวารี ใสเย็นฉะนี้ตรึงใจ แม้นพี่หยั่งรักทรามวัย คิดว่าใสเย็นกว่าธาร |
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |