| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

นอนฝันไป
คำร้อง สุรัฐ พุกกะเวส      ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

        หอนฝันไป     ฝันว่าเที่ยวในสวนวิมาน
เห็นบุปผชาติดาดริมธาร    สวยละลานแลตื่นตา
        ธารใสเย็๋น     ใสจนได้เห็นฝูงปลา
พากันแหวกว่ายแปลกนัยตา    ว่ายพริ้วมาเห็นคลาคล่ำ
        ชื่นชมสมใจ     เหมือนมาอยู่ในสวนร่ำ
ชื่นใจเหลือจำ     เหลือที่จะกล่าวคำพร่ำอันใด
        ชวนสำราญ     วกตามฝั่งธารเลี้ยวไป
เห็นไทรต้นหนึ่งแผ่กิ่งใบ    ชื่นหัวใจสายลมผ่าน
        เพลินหัวใจ     ฝันเพลินต่อไปพิสดาร
เห็นงูตัวใหญ่สุดเปรียบปาน    เลื้อยลงธารพาลหมู่ปลา
        มองพิศดู     เอ๊ะ ! ปลาไล่งูหนีมา
เอ๊ะ! งูดูแปลกแหวกธารา     งูหนีปลาขึ้นมาบนฝั่ง
        เจ้างูหนีปลา     หนีตรงขึ้นมาที่ฉันนั่ง
แอบตัวแฝงบัง    เดี๋ยวเดียวกลับหลังขู่ทันใด
        งูรัดตัว     ฉันเองดิ้นกลัวร้องไป
ร้องจนสะดุ้งตกใจ    เป็นฉันใดลองทายดู

น่าเพลินใจ
คำร้อง เอิบ ประไพเพลงผสม - ธาตรี      ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

        เพลินน่าเพลินใจ     เหลียวมองทางไหน    ชื่นใจสุขสราญ
เพลินราตรีกาล    แสงจันทร์อ่อนหวาน     ซึ้งซาบซ่านวิญญา
        เพลินพิศจันทรา     จันทร์เพ็ญเด่นฟ้า    ช่างเย็นตาน้อมพาชื่นบาน
เพลินดังกังวาน    เสียงประสานหริ่งเรไร
        เพลินยิ่งเพลินใจ     ไพเราะเสนาะดัง    บรรเลงเพลงสวรรค์
เพลินเพลงรำพัน    เสียงหริ่งหรีดนั้น     เหมือนมันพรอดคู่ใจ
        เพลินเคลิ้มฤทัย     เพลิดเพลินอยู่ใน    ห้วงอารมณ์ของความฝันชื่น
เพลินมนต์กลางคืน    แสนสำเริงรื่น     ชื่นในอารมณ์
        เพลินด้วยราตรี     ฟ้างามยามนี้    ช่างเป็นที่ชื่นบาน
เพลินในดวงมาลย์    พร้อมเพลินสถาน     แสนเย็นซ่านสายลม
        เพลินพิศเพลินชม     มาลีชื่นชม    เมื่อดอมดมภิรมย์ซึ้งทรวง
เพลินดาวลอยล่วง    เห็นแวบเดียวก็ล่วงลงมา
        เพลินยิ่งเพลินมอง     แสงจันทร์ลำยอง    ผ่องนวลทั้งนภา
เพลินมองเมฆา    คล้ายลอยล่องฟ้า     แล้วทำท่าบังจันทร์
        เพลินเคลิ้มรำพัน     แม้นมีคู่ขวัญ    ท่องราตรีนี้คงสมค่า
เพลินในวิญญา    เพลินหนอราตรีน่าเพลินใจ

น้ำเหนือบ่า
คำร้อง / ทำนอง พิมพ์ พวงนาค     วงดนตรี จารุกนก

        น้ำเหนือบ่าเมื่อหน้าน้ำ     ที่ลุ่มที่ดอนก็นองด้วยน้ำทั่วไป
จะมองไปสารทิศใด    ก็เห็นแต่น้ำไหลนอง
        เมื่อหน้าแล้งน้ำก็แห้งหาย     ลำห้วยทั้งหลายก็คงเหลือทรายมากอง
ไม่งามเหมือนดังยามน้ำนอง    ยิ่งมองยิ่งเศร้าหัวใจ
        ห้วยเจิ่งน้ำช่างงามกระไร     มีสาว ๆ  มาแหวกมาว่าย    เล่นน้ำใสกันคึกคะนอง
เสียงหยอกเสียงเย้าคราเจ้าลำพอง    ยามมองพาให้เสียวซ่านใจ
เห็นแต่ร่างว่ายอยู่ไหวๆ     บัวบังใบสั่นสะเทือน
        โอ โอ้สาว ชาวเวียงเหนือ     แม่ช่างงามเหลือผิวเนื้อเมื่อพิศติดเตือน
ใจสะทกอกสะเทื้อน    งามติดเตือนตรึงใจ

นี่แหละกรุงเทพฯ
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล      ทำนอง เวส สุนทรจามร

        นี่แหละกรุงเทพ ฯ  ของไทยวันนี้     เป็นศรีธานีมีสง่า
กรุงเทพฯ  เมืองหลวงเหมาะสมญา     ถ้าได้มาต้องพอใจ
        สวยปานวิมานชื่นชู     ตึกหรูมากถมไป
วัดวาอารามวิไล    สร้างเป็นลวดลาย     ด้วยศิลปแบบไทยติดตา
        เมื่อถึงยามกลางวันพร่างพราว     สวยวาบวาวเหมือนเมืองจินดา
ฝั่งน้ำงามอร่ามตา    ลุ่มน้ำนามเจ้าพระยา     อยู่คู่เมืองเรื่อยมาเป็นศรีไทย
        นี่แหละกรุงเทพ ฯ งามหนักหนา     จักหาเมืองใดมาเทียบได้
ค่ำคืนจักหาที่พักใจ    เลือกไปเที่ยวได้ไม่ประมาณ
        เสียงเพลงครื้นเครงสุขจริง     ต่างเพราะพริ้งสุขสำราญ
พร้อมที่ลีลาศละลาน    ที่ใดไม่ปาน     ผู้คนเบิกบานชื่นชม
        นี่แหละกรุงเทพ ฯ ของชาติไทย     เหมือนเมืองในนิยายเริงรมณ์
ยามครึ้มใจยั่วใจชม    ยามครื้นเครงน่านิยม     หากใครได้ชมจักสมใจ

บนลานลั่นทม

        แดนดินในไม่แม้นแดนลานลั่นทม     ดุจดั่งสวรรค์แดนพรหม สวยสุดสมคำชมได้
ทิวเขียวลิ่วไกลเพลินมองไป    เสียงลมไกวกิ่งไหวดังซู่
        ทิ้งขั้วร่อนปลิว     ลั่นทมพริ้วโรยร่วงพรู
แม้นดังพรมลาดปู    ดุจทางสู่สุดสวรรค์เทวัญ
        ลมรำเพยความหอมชวนดมลั่นทม     สูดกลิ่นถวิลเชยชม    แสนสุขสมอารมณ์มั่น
ใจหวลตื้นตันเกินจำนรรจ์    เพ้อรำพันว่าหอมใดเท่า
        หอมชื่นลั่นทม     เมื่อลมพริ้วมาเบา ๆ
ล้างสิ่งตรมอกเรา    ให้คลายเศร้าที่คอยเผาโทรมใจ

บัวกลางบึง
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล     ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

        อนาถเหลือล้ำบัวบานเหนือน้ำ     อยู่ห่างคนลับตาอยู่จนกลางบึง
ได้แต่ชะเง้อละเมอรำพึงเจ้าอยู่ถึงกลางบึง     ปล่อยให้ผึ้งเชยชม
        แดดส่องผิวน้ำบัวพลอยหมองคล้ำ     ด้วยแดดเผาผิวเจ้าก็เศร้าด้วยลม
ตกดึกน้ำน้อยนอนคอยคนชม    เจ้าต้องคลุกโคลนตม     กลีบที่บ่มโรยรา
        บัวน้อยลอยอยู่กลางบึง     ครั้นคนเอื้อมไม่ถึง    มีฝูงผึ้งบินมา
อยากพักพิงบนหิ้งบูชา    เขาไม่ปรารถนา     แล้วจะว่าเขาแกล้ง
        โธ่อยู่ไกลหนักหนา     ดังซ่อนหลบตาแอบแฝง
หากปล่อยทิ้งไว้พอใจแมลง    สิ้นกลิ่นสีโรยแรง     แล้วคงเหี่ยวแห้งคาบึง

บัวตูมบัวบาน
ผลงานของ พร ภิรมย์

      ลงเรือน้อยลอยวน ในสายชลห้วยละหาน
มีทั้งบัวตูมบัวบาน ดอกใบไหวก้านงามตา เมื่อลมพัดมาชื่นใจ
      ...ผึ้งตอมหอมบินดมกลิ่นบัว  ซ่อนตัวรำพันฝันใฝ่ 
เหมือนดนตรีชะโลมกล่อมใจ  ฟังยิ่งฟังไป รุมเร้าฤทัยลำพอง 
      ปองจะเด็ดบัวบาน.. ครวญคิดนานหวั่นเจ้าของ
ใจหมายดึงโน้มโลมรอง หากบัวไม่มีเจ้าของ จะชมทั้งสองปทุม
      เอื้อมมือหมายดึงเพียงดอกบาน ก็เกรงสะท้านถึงก้านดอกตูม
แสนเสียดายเหมือนชายหมดภูมิ จะเด็ดดอกตูม ยังนึกเสียดายดอกบาน 
      เรือเร็วไปหน่อยค่อยค่อยทวน บัวหอมชวนอกสะท้าน
งามทั้งบัวตูมบัวบาน เทพไททุกแดนพิมาน  ประทานสมดังตั้งใจ
      เอื้อมมือหมายดึงดอกตูมก่อน  ดอกบานก็ค้อนแสนงอนไปใย
จะเด็ดดอกบาน ดอกตูมก็สั่นแกว่งไกว           จะเด็ดดอกไหน กันหนอบัวตูมบัวบาน          
      จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่ ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน
พอดอกตูมแย้มตระการ ดอกบานก็คงแห้งโหย กลีบราร่วงโรยน่าชัง
      ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม บาปเคราะห์และกรรมประดัง 
แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง  ไม่ยอมกลับหลัง หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน
      จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่ ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน 
พอดอกตูมแย้มตระการ ดอกบานก็คงแห้งโหย กลีบราร่วงโรยน่าชัง.
      ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม บาปเคราะห์และกรรมประดัง
แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง  ไม่ยอมกลับหลัง หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน

บางปะกง

      ...ฝั่งชายน้ำบางปะกง ยามแสงอาทิตย์อัศดงค์ ใกล้จะค่ำลงแล้วหนา 
แต่บางปะกงนั้นยังคงสวยงามตา คราใกล้สนธยา  ยิ่งพาให้เราสุขสันต์ 
      แดดจวนลับลงรำไร มองเห็นเรือน้อยล่องลอยไป          ตื่นใจดังยลสวรรค์ 
เยือกเย็นสายลมพริ้วพรมอย่างนี้ ทุกวัน           ธรรมชาติยามสายันห์ ได้เห็นแล้วลืมไม่ลง 
      แม้จากไปอยู่ไกลแสน ก็ไม่ขอลืมแดน ที่เคยปักใจลุ่มหลง
จะเฝ้าแต่ฝันถึงอาทิตย์อัศดงค์  ชายฝั่งบางปะกง นั้นลืมไม่ลงแน่เอย 
      โอ้งามแท้บางปะกง ใครได้เห็นเมื่ออัศดงค ก็คงสุดกล่าวคำเฉลย
ยากจะกล่าวชมให้สมความงามนั้นเลย เพลงนี่กล่าวพิเปรย  ไม่ถึงแม้เพียงครึ่งเดียว
      แม้จากไปอยู่ไกลแสน ก็ไม่ขอลืมแดน ที่เคยปักใจลุ่มหลง
จะเฝ้าแต่ฝันถึงอาทิตย์อัศดงค์  ชายฝั่งบางปะกง  นั้นลืมไม่ลงแน่เอย
      โอ้งามแท้บางปะกง  ใครได้เห็นเมื่ออัศดงค์  ก็คงสุดกล่าวคำเฉลย
 ยากจะกล่าวชมให้สมความงามนั้นเลย  เพลงนี่กล่าวพิเปรย ไม่ถึงแม้เพียงครึ่งเดียว

บุหงาภมร

        ลมรำเผยเชยกลิ่นกระถินป่า     กรรณิการ์บุหงาดงตันหยงหอม
กระดังงา สารภีมีอยู่พร้อม     ดอกพยอมดอกพุดสดุดตา
        พุทธชาต  ชำมะนาช่างเรียงราย     กลิ่นกระจายทั่วสวนยวนนาง
สีขาวแดงเหลืองอร่ามตา    รสสุคนธ์  มลิลาลัดดาวัลย์
        อันดอกไม้สวยทั้งสีดีทั้งกลิ่น     ภุมรินหมายปองประคองขวัญ
แต่มาลีมีเจ้าของช่วยป้องกัน    จึงเป็นอันได้แต่แลชะแง้ชม
        เพียงพรรณไม้ผ่านไปให้สงสาร     น่าชื่นบานแต่ใจให้ขื่นข่ม
เพราะมาลีมีเจ้าของต้องระทม   ช้ำระบมหมายพนอช่อมาลี

ปาริชาติ
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล     ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

        กลิ่นล่องลมมา     หอมปาริชาติสวรรค์
กลิ่นเจ้าเท่านั้น    สัมพันธ์ชาติที่ผ่าน
        กลิ่นเจ้าก็งาม     สมนามเขากล่าวขาน
สีแดงงามตระการ    พิศเพียงแก้วประพาฬ     ดอกไม้วิมานสุขาวดี
        กลิ่นเจ้าล่องลม     พริ้วพรมมาแห่งนี้
กลิ่นเจ้ายวนยี    ฤดีให้ป่วนปั่น
        กลิ่นเจ้าดลใจ     โน้มในฤทัยฝัน 
ภพชาติแต่เบื้องบรรพ์    นึกได้โดยฉับพลัน     กลิ่นทิพย์ผูกพันสวรรค์ดลใจ
        โอ ปาริชาติเอย     ชื่นเชยชีวิตให้
ชาติหลังปางใด    เข้าใจทุกปาง
        เกิดชาติปางไหน     ขอได้ร่วมใจทุกทาง
ปางรักร่วมใจไม่จืดจาง    ปางร้างไม่จางเลย
        ศักดิ์สิทธิ์หนักหนา     โอปาริชาติเอย
กลิ่นเจ้ารำเพย    ชิดเชยไม่ขาดกลิ่น
        เจ้าอยู่เมืองแมน     มิใช่ของแดนดิน 
สมบัติวิมานชื่นบานประทิน    มิใช่ของชาวดินชมเชย

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |