| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ลมเอย เจ้าหอบ รักมา ให้ใคร | จงพัด กลับไป | เพราะดวง ฤทัย ข้าไม่ต้องการ |
ข้ากลัว เหลือเกิน กลัวรัก ที่สิ้น สงสาร | กลัวรัก จะทรมาน | กลัวดวง วิญญาณจะต้อง ร้องไห้ |
ลมเอย เจ้าหอบ รักไป เถิดหนา | หากพัด กลับมา | แล้วกลัว น้ำตา รักต้องตกใน |
ข้ากลัว รักลวง กลัวรัก อารมณ์ อ่อนไหว | กลัวรัก จะไม่เข้าใจ กลัวจนฤทัย ไม่กล้า ชื่นชม | |
กระแส ลมแรง ยังไม่แสลง เท่าลมรักลวง | ลม กระซิบ ที่เคย ว่าห่วง | กลับกลาย สลาย เป็นลม |
คอยพัด บาดใจ ให้เป็น รอยทุกข์ ระทม | ใจรัก จึงต้อง ขื่นขม | เพราะหลง เชื่อลมรัก ลวง |
ดวงใจ ข้าตรม แล้ว ลมเจ้าเอ๋ย | อย่าเย้ย ข้าเลย | พัดเลย ผ่านไป แล้ว ไม่ต้องหวล |
ข้ายอม ซ้ำใจ ในรัก ที่ข้า เคยหวง | ลมจ๋า อย่าตามมาลวง | สงสาร ดวงใจ ดวงนี้ เถิดลม... |
ลมทะเล
คำร้อง ศรีสวัสดิ์ พิจิตรวรการ ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
เมื่อฉันนั่งชมฟังลมและคลื่น มองน้ำค่ำคืนอาบเดือนเด่นฟ้า |
ใจหวลคร่ำครวญเมื่อจวนจากตา คืนนั้นเรามาเดินที่หาดทราย |
เพลินเสียงคลื่นลมรำเพยพัดร่ำ ฟังคล้ายถ้อยคำไม่เลือนคลาย |
เธอค่อยกระซิบสั่งหลังฝากกาย ใจฉันไม่วายชุ่มชื่นด้วยเธอ |
ลมทะเลยะเยือกเย็น เดือนนั้นเป็นเหมือนภาพเธอ |
ฉันยังเฝ้าเป็นห่วงเธอด้วย ใจเพ้อถึงเธอไปอยู่ที่แห่งใด |
คำหวานแว่วมากับลมเหมือนเพื่อน ดูน้ำสะเทือนประกายผ่องใส |
ยังเฝ้าละเมอเมื่อเธอจากไป ยามรักห่างไกลพาให้คนึง |
ลมเหนือ
ช) ลมหนาวพัดพราว เหน็บหนาวชีวัน | ขนลุกขนชัน พี่หนาวจนสั่นสะท้านใจเอย |
ญ) พี่หนาวจนสั่นสะท้านใจเอย | |
พ) หนาวยิ่งเอย พี่หนาวจนสั่นสะท้านใจเอย | |
ช) หนาวลมให้ห่มผ้า ถ้าหนาวฟ้าให้ผิงไฟ | หนาวผู้หญิงเขาให้อิงผู้ใหญ่ |
ญ) หนาวผู้หญิงเขาให้อิงผู้ใหญ่ | |
ช) แต่พี่หนาวใจนี่น้องเอย | |
พ) พี่หนาวใจจะทำยังไงนะน้องเอย | |
ช) ถ้าแม้นเนื้ออุ่น แม่งามละมุนเจ้ารำกับพี่ | ่ถึงจะหนาวกว่านี้ |
ญ) ถึงจะหนาวกว่านี้ | |
ช) ไอตัวอกพี่นี้คงอุ่นเอย | |
ญ) ไอตัวอกพี่นี้คงอุ่นเอย | |
พ) แสนอุ่นเอย อกอกอุ่นจริงนะแม่ทรามเชย | แสนอุ่นเอย อกอกอุ่นจริงนะแม่ทรามเชย |
ลาวดวงเดือน
...โอ้ละหนอดวงเดือนเอย | พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง |
โอ้ว่าดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง | อกพี่เป็นห่วงรักเจ้าดวงเดือนเอย |
...โอ้ละหนอดวงเดือนเอย | พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง |
โอ้ว่าดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง | อกพี่เป็นห่วงรัก เจ้าดวงเดือนเอย |
...ขอลาแล้วเจ้าแก้วโกสุม | เฮ้อเออเออเออเอยเฮ้อเออเออเออเอย |
เฮ้อเออเออเออเอยเฮ้อเออเออเออเอย | พี่นี้รักเจ้าหนาขวัญตาเรียม |
จะหาไหนมาเทียม โอ้เจ้าดวงเดือนเอย | จะหาไหนมาเทียมโอ้เจ้าดวงเดือนเอย |
...หอมกลิ่นเกษร กษรดอก ไม้ | หอมกลิ่นคล้ายคล้ายเจ้าสูเรียมเอย |
หอมกลิ่นกรุ่นครันหอมนั้นยังบ่เลย | เนื้อหอมทรามเชยเอ๋ยเราละหนอ |
...หอมกลิ่นเกษรเกษรดอกไม้ | หอมกลิ่นคล้ายคล้ายเจ้าสู ของ รียมเอย |
หอมกลิ่นกรุ่นครัน หอมนั้นยังบ่เลย | เนื้อหอมทรามเชยเอ๋ยเราละหนอ |
ลืมเสียเถิดอย่าคิดถึง
ลืมเสียเถิดอย่าคิดถึง ลืมรสที่ซึ้งใจมั่น |
เพลิงคิดถึงตรึงใจไม่เว้นวัน ฟังแล้วตื้นตันต้องร้องไห้ |
ลืมเสียเถิดว่ามีฉัน ลืมรักเสกสรรค์ที่เคยได้ |
จะคิดก็คิดจะเพ้อทำไม จะรักก็รักอย่าหลงอาลัยให้ขมขื่น |
นึกเสียว่าความหลังครั้งกระนั้น เหมือนนอนหลับฝันชั่วคืน |
มันอาจจะหวานมันอาจจะชื่น พอลืมตาตื่นความชื่นก็หาย |
ลืมเสียเถิดเรื่องความหลัง ลืมรักที่ฝังใจไม่หน่าย |
บุญเราสองครองกันแต่เพียงใจ จะมั่นหมายปองกายไม่ได้เลย |
แล้งในอก
...ไปเถอะหนาแม่ไป ไปเที่ยวตามใจ ของ เจ้า | พี่ นี้ คอยเป็นเงาจะเที่ยว คอยเฝ้า คอย มอง |
...เห็นหญ้า เขียวเขียว พี่เดินลดเลี้ยว ตาม น้อง | ตามเที่ยวมอง แม่นาง โอ้ ละ เนอ |
...ฝนตก สุย สุย ตัวพี่ลุย น้ำ ป่า | เปียกฝน ท่วมหน้า พี่อุตส่าห์ ยืน คอย |
...ลม พัด หวิวหวิวน้ำเป็นพริ้ว เป็น พร้อย | ใจพี่ลอย เหมือนลม โอ้ ละ เนอ |
...ใจเออหนอว่าใจ ดุจดังไฟ เผา พี่ | แล้งเท่าแล้งแสงระวี ไม่เท่าตัวพี่ แล้ง ใจ |
...ในใจ แล้ง นัก ถ้าแม้นมีรัก มาไล้ | ได้สมใจ สิ้นแล้งเอย โอ้ ละ เน้อ |
...ฝนโปรยเป็นสาย ดินละลาย เป็น หล่ม | อกหนาว เอารักห่ม อกพี่อม ไอ ไฟ |
...แดดส่อง เป็นแสง ดินก็แล้ง ต้นไม้ |
วังน้ำวน
คำร้อง แก้ว อัฉริยะกุล ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
วังน้ำวนสายชลวนเชี่ยว เป็นเกลียวลึกลง |
เกลียวน้ำวนวนวิ่งดิ่งตรง ลึกลงทุกที |
สิ่งใดที่หลงในวังวน อับจนจะพ้นฤามี |
สายชลเชี่ยววนทวี เหลือที่จะดันสายชล |
วังน้ำวนแม้วนแรงเล่า ไม่เท่ารักวน |
วังรักวนด้วยเล่ห์กล วกวนล้นไป |
หากใจใครถลำรักตน รักพาใจวนหลงจนเวียนใจ |
สุดปัญญาสุดหาทางไป ทุกข์ทนจนใจอยู่ในวังรักวน |
รักลึกล้นกลสวาท อาจจะก่อกวนหัวใจให้มัวหม่น |
เล่ห์ความรักวนเปรียบน้ำวน ใครถูกกลต้องหลง |
วังบัวบาน
คำร้อง สนิท ศ. ทำนอง อรุณ หงสวีณะ
ร้อนลมหน้าแล้ง ใบไม้แห้งร่วงลอย |
หล่นทะยอยเกลื่อนตา ไหลตามกระแสน้ำพา ลอยมาทั้งกลีบดอกไม้ |
จากหุบเขาไหลมาสู่ในวังน้ำ สุสานเทวีผู้มีความช้ำเหนือใคร |
ดอกไม้ใบไม้ไหลมา คล้ายพวงหรีดร้อยมาลา ไหลมาบูชาบัวบาน |
น้ำวังนี่หนอ เป็นที่ก่อเหตุการณ์ |
ที่บัวบานฝังกาย ยึดเอาเป็นหอเรือนตาย รองกายไว้ด้วยแผ่นน้ำ |
จากหุบผาแนวไพรสู่ในเวียงฟ้า ฝากไว้เพียงชื่อเลื่องลือเนิ่นช้าฝังจำ |
ฝากคำสัตย์สำนึกตรอง หลงทางสุดหวังคืนครอง หลงตัวจึงต้องลาระทม |
เอาวังน้ำไหลเย็น นี่หรือมาเป็นเมรุทอง เอาน้ำตกก้องเป็นกลองประโคม |
เอาเสียจักจั่นลั่นร้องระงม เป็นเสียงประโคมร้องต่างแตรสังข์ |
เพดานนั้นเอาม่านฟ้า ภูผานั้นต่างเมฆบัง |
ประทีปแสงจันทร์ใสสว่าง อยู่เดียวท่ามกลางดงดอน |
วิญญาณรัก
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล ทำนอง เวส สุนทรจามร
อารมณ์ฉันวังเวงวาบหวิว ดวงใจริกละลิ่วร่ำไป |
เมื่อยามจากรักแรมไกล จึงพลอยห่วงในรักอาลัย จิตใจหวาดละเมอผวา |
ยามนอนฉันอาวรณ์ถวิล ยามกินฉันก็กินน้ำตา |
เฝ้าคอยให้ความรักคืนมา วิงวอนแต่เทพไทเทวา จงมาโปรดให้หายมืดมัว |
ความทุกข์อาลัยจะสุขอย่างไร เมื่อใจฉันผูกพันพัว |
บางครั้งยังนึกขลาดหวาดกลัว หวิวใจระรัวฉันแทบขาดใจ |
วิญญารักยังตามหลอกหลอน ดวงใจฉันรอน ๆ ร่ำไห้ |
บางทีแว่วยินเสียงไกล ๆ ฟัง ๆ ดังใครร้องชวนไป เออใครก็ไม่รู้กู่มา |
| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |