| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ยากเย็น
          ยากเย็นแสนเข็ญใจ        ทำงานไม่ไหวเขาก็ตีกระหน่ำ
เขาเฆี่ยนเขาฆ่าทรมาน์  ทาระกรรม        จนบอบ  จนช้ำแสนที่จะทนทาน
          คนไทยช่างไร้ฝีมือ        ไม่มีแล้วหรือชายชาติทหาร
ไปอยู่ทางไหน  ปล่อยให้เขาราน        รุกมาถึงบ้านล้างผลาญผู้คน
          แพ้พ่ายในครั้งนี้        แต่ชั่วเจ็ดทียังดีเจ็ดหน
รอไว้คราวหน้าเรากล้าประจญ        ก็คงจะพ้นศัตรู หมู่พาล
          เทวดาและอารักษ์        จงช่วยปกปักษ์รักษาถิ่นฐาน
ให้กู้ได้ฟื้นยั่งยืนอยู่นาน        พ้นทรมานจากข้าศึกเอย

เยาวชนชาติไทย

(สร้อย)   เยาวชนชาติไทย ต้องหยิ่งในความเป็นไทย        ชีวิตจิตใจอย่าให้ใครดูหมิ่น
        เยาวชนไทยนั้นเป็นไทยทุกเมื่อ        จะอยู่เหนืออยู่กลางอยู่ใต้
แม้จะถือศาสนาใด ๆ        เกิดเป็นไทยต้องเป็นไทยทั่วกัน
(สร้อย)
        เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ ในวันหน้า        ชาติ ศาสนา มหากษัตริย์ ซื่อสัตย์มั่น
จงทำดี จงทำดี ไว้ชั่ วชีวัน        สิ่งสำคัญเพื่อมุ่งให้ชาติไทยเจริญ

รวมไทย

(สร้อย)   รวมไทยร่วมใจ      รักษาอำนาจชาติไทย
เทอดไทยทูนไทย      ด้วยน้ำใจมั่นคง
        สามัคคีระหว่างไทยคงได้ผล      ไทยทุกคนรวมทั้งชาติและศาสนา
เหมือนหนึ่งได้เกิดกำเนิดมา      จากบิดรมารดาคนเดียวกัน
(สร้อย)
        ถ้ารวมไทยได้สิ้นทุกถิ่นแคว้น      คงจะเป็นปึกแผ่นสามารถมั่น
ขอให้ไทยสามัคคีมีต่อกัน      จึงจะจรรโลงไทยให้รุ่งเรือง
(สร้อย)

รักกันไว้เถิด

(สร้อย)   รักกันไว้เถิด  เราเกิดร่วมแดนไทย      จะเกิดภาคไหน ๆ  ก็ไทยด้วยกัน
เชื้อสายประเพณีไม่มีขีดขั้น       เกิดใต้ธงไทยนั้น  ปวงชนทุกคนคือไทย
        ท้องถิ่นแหลมทอง  เหมือนท้องของแม่     เกิดถิ่นเดียวแท้  เหมือนแม่เดียวกันใช่ไหม
ยามฉันมองตาคุณ  อบอุ่นดวงใจ     เห็นสายเลือดไทยในสายตา  บอกสายสัมพันธ์
(สร้อย)
        ทะเลแสนงามในน้ำมีปลา      พืชพันธ์ดื่นตา  ไร่นารวงทองไสว
สินทรัพย์มีเกลื่อนกล่น  บรรพชนให้ไว้     เราลูกหลานไทยจะร่วมใจรักษาให้มั่น
(สร้อย)
        แหลมทองโสภาด้วยบารมี      ปกเกล้าเหล่าไทยนี้ร่มเย็นเป็นศรีผ่องใส
ใครคิดบังอาจหมิ่นถิ่นทององค์ไท้      เราพร้อมพลีใจ  ป้องถิ่นไทยและองค์ราชันย์
(สร้อย)

รักชาติ

        ความรักอันใด     แม้รักเท่าไหน     ก็ไม่ยั่งยืน
เช่นรักคู่รัก     รักแทบจะกลืน     กลับกลายขมขื่น     ลืมได้ภายหลัง
        แต่ความรักชาติ     รักแสนพิศวาส     รักจนสุดกำลัง
ก่อเกิดมานะ     ยอมสละชีวัง    รักจนกระทั่ง     หมดเลือดเนื้อเรา
        ชีวิตร่างกาย     เราไม่เสียดาย     ตายแล้วก็เผา
ทุกสิ่งย่อมคลาด     เว้นแต่ชาติของเรา     อย่าให้ใครเข้า     เหยียบย่ำทำลาย

รักเมืองไทย

(สร้อย)   รักเมืองไทย  ชูชาติไทย     ทำนุบำรุงให้รุ่งเรือง  สมเป็นเมืองของไทย
         เราชาวไทยเกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย     ไม่เคยอ่อนน้อมเราไม่ยอมแพ้ใคร
ศัตรูใจกล้ามาแต่ทิศใด     ถ้าข่มเหงไทย  คงจะได้เห็นดี
(สร้อย)   รักเมืองไทย    ชูชาติไทย     ทำนุบำรุงให้รุ่งเรือง  สมเป็นเมืองของไทย
          เราชาวไทยเกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย     เรารักเพื่อนบ้านเราไม่รานรุกใคร
แต่รักษาสิทธิ์อิสสระของไทย    ใครทำช้ำใจเราจะไม่ถอยเลย
(สร้อย)   รักเมืองไทย    ชูชาติไทย     ท่านบำรุงให้รุ่งเรือง     สมเป็นเมืองของไทย
          เราชาวไทยเกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย     ถ้าถูกข่มเหงแล้วไม่เกรงผู้ใด
ดังงูตัวนิดมีพิษเหลือใจ     เรารักเมืองไทยยิ่งชีพเราเอย

ราชนาวี
คำร้อง น.อ.ภิญโญ พงษ์สมรวย       ทำนอง น.อ.ภิญโญ พงษ์สมรวย

      หนึ่งพันห้าร้อยไมล์ทะเลไทยมี  นาวีนี้เฝ้า        ข้าศึกฮึกเข้าระดมโจมตี  นาวีนี้รบรับอยู่
ใหญ่กี่ตันต้องสู้กัน  ฟาดฟันให้รู้        ไม่ปล่อยให้ศัตรู  ล้ำอธิปไตย
      เหมือนดอกประดู่ชื่อดี  นาวีเมืองทอง        เราชาตินักรบเกียรติก้อง  ยามศึกเราต้องชิงชัย
เกิดมาทั้งทีไม่ทุกข์ก็สุขใจ  ไม่ว่าศึกเสือเหนือใต้  จมลงไปใต้บาดาล
      ราชนาวีชาติไทย        เราใจทหารเรือกล้าหาญ
ราชนาวีต้องการ        เราทหารเรือรักชาติ
รบช่วยกันรบรั้วเราเข้มแข็ง        ทุ่มด้วยแรงนักรบองอาจ
สามัคคีในหมู่หารเหมือนญาติ        รบเพื่อชาติราชนาวี

ราชวัลลภ

      เราทหารราชวัลลภรักษาองค์     พระมหากษัตริย์  สูงส่งล้วนแต่องอาจแข็งแรง
เราทุกคนบูชากล้าหาญวินัย      เทอดเกียรติ์ชาติ  ไว้ทุกแห่ง
ใจดุจเหล็กเพชรแข็งแกร่งมิกลัวใคร      เราเป็นกองทหารประวัติการณ์ก่อเกิด
กำเนิดกองทัพบกไทย  เราทุกคนภูมิใจ      ได้รับไว้วางพระราชหฤทัย
พิทักษ์สมเด็จเจ้าไท      ตลอดในพระวงศ์จักรี
      เราทหารราชวัลลภรักษาพระองค์      จะถวายสัตย์  ซื่อตรงองค์ราชา  ราชินี
ถ้าแม้นมีภัยพาล  อวดหาญมิเกรงดูหมิ่น      ข่มเหงย่ำยี  เราจะถวายชีวีมิหวาดหวั่น
จะลุยเลือดสู้ตาย  จะเอากายป้องกัน      เป็นเกราะทองรบประจันศศัตรู
ฝากฝีมือปรากฎเกียรติยศ      ฟุ้งเฟื่องกระเดื่อง  กองทัพบกไทย
ไว้นามเชิดชู      ราชวัลลภคู่ปฐพี

ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล       ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

         ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น      อยู่เป็นขวัญแดน     โพธิทองของปวงประชา
มิ่งขวัญโพธิทองของชนทั่วหน้า      ราษฎร์สุขาก็เพราะพระบารมี
         ราชาเป็นทั้งมิ่งและขวัญ      ข้าอภิวันท์  บังคมหวังชมศักดิ์ศรี
พระคืนมาเหล่าปวงประชาภักดี      พระปิ่นโมลีอยู่เป็นศรีไผท
         โอ้ลมฝนบนฟ้ามาแล้ว      ร่มโพธิแก้วจะพาพฤกษาสดใส
ข้าวรพุทธเจ้าชาวไทย      ยกกรให้แก่ไทยราชันย์
         เราน้อมเกล้าเกศีถวายภูมี      มอบศิระกราน
เทอดบังคมภูบาลเอาไว้      เหนือฟ้า
         โพธิทองของชาวไทย  อวยพรชัยให้มหาราชา
ช่วยกันเปล่งวาจา  ขอทรงพระเจริญไชโย

เราสู้
          บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ         ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา        หน้าที่เรารักษาสืบไป
          ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า        จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย        มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
          ถึงขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น        จะสู้กันไม่หลบหนีหาย
สู้ตรงนี้ สู้ที่นี่ สู้จนตาย        ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู
          บ้านเมืองเราเราต้องรักษา        อยากทำลายเชิญมาเราสู้
เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู        เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว

ไร้รักไร้ผล
คำร้อง  พระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ ๖
ทำนอง  ครูเอื้อ สุนทรสนาน

                    คนเราเกิดมาแล้วชาติหนึ่ง                    ควรคำนึงถึงชาติศาสนา
            ไม่ยอมให้เสียทีที่เกิดมา                              ในหมู่ประชาชาวไทย
                    แม้นใครตั้งจิตคิดรักตัว                       จะมัวนอนนิ่งอยู่ไฉน
            ควรให้ร้อนอกร้อนใจ                                  เพื่อให้พรั่งพร้อมทั่วตน
                    ชาติใดไร้รักสมัครสมาน                       จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
            แม้นชาติย่อยยับอับจน                                 บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร
                    ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง                       คงจะต้องบังคับขับไส
            เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป                                ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย
                    เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ                        จะนับถือพงศ์พันธุ์นั้นอย่าหมาย
            ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย                      ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน|