| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ไประนอง ๑
ผมพาท่านไปเที่ยวชายหาดปราณบุรีที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดวเร็ว ไปนอนอยู่ ๒
คืนพอกับมาพักได้ ๒ สัปดาห์ก็ออกเดินทางไปจังหวัดชุมพร เพื่อไปฉลองศาสนสถานที่สร้างให้กองพันทหารปืนใหญ่ที่
๒๕ ตั้งอยู่ในค่ายเขตอุดมศักดิ์ อ.เมือง ชุมพร ผมเดินทางไปชุมพรคราวนี้ ตั้งเป้าหมายปลายทางไว้ที่
จ.ระนอง ซึ่งไม่ได้ไปมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่พาไปเที่ยวเกาะพยามแล้วก็ไม่ได้ไปอีกเลย
เดินทางคราวนี้ จึงแวะทบทวนร้านอาหารระหว่างทางไว้ด้วย บางร้านก็ไม่ได้แวะชิมแต่ไปสำรวจว่ายังอยู่ดีหรือเปล่า
บางร้านก็ยังไม่เคยเล่าให้ทราบ บางร้านก็พบใหม่เลยถือโอกาสเอามารวมไว้เสียด้วย
เอากันเฉพาะที่อยู่ใกล้ ไม่เกินประจวบคีรีขันธ์
ผมออกจากกรุงเทพ ฯ บ้านลาดพร้าว ขึ้นทางงด่วนสองเด้ง ไปลงที่ถนนพระราม ๒ ถนนยังขอยกย่องว่าเป็นถนนล้านปีคือสร้างกันมากว่า
๓๐ ปี แล้วยังไม่ยอมเสร็จ เลยคิดว่าคงจะถึงล้านปี คู่กับสะพานเจ็ดชั่วโคตรที่นครปฐม
ผมไม่ได้ตั้งชื่อสะพานนี้ชาวบ้านเขาตั้งให้เอง ว่าสะพานเจ็ดชั่วโครต ไปคราวนี้พบอีกแห่งหนึ่งคือสะพานข้ามทางแยกถนนบายพาสชะอำ
- ปราณบุรี กับหัวหิน - ปราณบุรี ทำท่าจะเป็นสะพานเจ็ดชั่วโครตอีกแห่งหนึ่ง
เพราะไม่มีการก่อสร้าง ไม่มีคนงานทำงานสักคน แล้วอีกกี่ปีจึงจะแล้วเสร็จ ส่วนถนนพระราม
๒ ก็ยังเห็นการซ่อมสร้างบางบตอนไม่จบสักที
ในซอยโชคชัย ๔ ใกล้กับซอยบ้านผมมีร้านขนมหววาน มีขนมอร่อย ๆ หลายอย่าง แต่นักชิมบางคนให้ข้อมูลมาว่าร้านต้นตระกูลอยู่ที่เพชรบุรี
น่าจะอร่อยยิ่งกว่า ไปคราวนี้เลยดั้นด้นไปหาได้ความว่าพอไปผ่านเมืองเพชรบุรีแล้วมุ่งหน้าไปทาง
อ.ชะอำ ประมาณ ๒๐ กม.จะถึงอำเภอท่ายาง เมื่อถึงแยกที่มีไฟสัญญาณให้เลี้ยวขวา
(ไปเส้นทางไปอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน) ไปประมาณ ๒๐๐ เมตร มีซอยหลังธนาคารกรุงเทพ
ฯ เป็นซอยแคบ ๆ พอรถสวนกันได้ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยนี้ ปรากฎว่าเป็นซอยที่มีร้านขนมหวานหลายร้าน
ร้านที่ขายขนมหวานและชนะรางวัลที่ ๑ ในการประกวดสินค้าพื้นเมืองของเพชรบุรีได้แก่ขนมบ้าบิ่นที่หวานมัน
อร่อยนัก และมีขนมอร่อยอีกคือ ขนมหม้ยแกง ทองหยอด ฝอยทอง ร้านขนาด ๒ ห้อง
ไม่ใหญ่โต รับรองในรสเลิศของขนมบ้าบิ่น ขนมหม้อแกง
ร้านทองม้วนกะทิสด ร้านอยู่ในซอยเดียวกัน ร้านก็อยู่ใกล้กัน ทองม้วนมีหลายร้าน
แต่อร่อยสุด ๆ ต้องมีรสหวานและรสเค็ม เคี้ยวกรอบไปทั้งปาก กลิ่นหอม ระรวย
ชวนชิม
แถมให้อีกร้านคือแผงขายชมภู่เพชร ที่ชวนชิมชมภู่เพชรร้านนี้เพราะได้ชมภู่เพชรทั้งถุงแน่นอน
ผมเคยโดนหลอกหลายครั้ง เมื่อซื้อชมภู่เพชร เพราะปรากฎว่าปากถุงใช่ของแท้ หวานฉ่ำ
ก้นถุงหวานช้ำ เลยเลิกซื้อยกถุง ซื้อจากที่ขายในกระจาดแผงเจ้านี้ขายในถุงเหมือนกัน
สาว ๆ ขาย อร่อยทั้งถุง ราคาถุงละ ๕๐ บาท ยกถุง ๆ ละ ๑๕๐ บาท มีน้ำตาลสด หวานเย็น
ชื่นใจ แล้วละ ๕ บาท
จากท่ายางก็กลับมาออกถนนเพชรบุรี ซึ่งช่วงมาท่ายางกำลังขยายถนน มาถึงทางแยกขวาเข้าบายพาสไปปราณบุรี
ไม่ได้เข้าไปคงไปผ่านทาง อ.ชะอำ ผ่าน หัวหิน วันไปแวะกินอาหารกลางวันที่ร้านหน้าวัง
ตรงข้ามร้านขายขนมปังฝรั่งเศส (หยุดขายวันอังคาร) ร้านอยู่ระหว่างซอยหัวหิน
๕๔/๑ ทางฝั่งขวา ยังติดใจยำขาหมูกรอบ จึงสั่งซ้ำ รสน้ำยำเข้าเนื้อหมูทอดกรอบ
ต้องบอกว่า "ก๊อบ กรอบ" ยำรสจัด สั่งปลาเก๋าราดพริก ปลาตัวโต ทอดกรอบทั้งตัว
น้ำพริกซึมซับเข้าเนื้อปลา จานนี้ ๓๕๐ บาท สั่ง หอยตลับผัดโหระพา เอาใบโหระพาปั่นจนละเอียดแล้วเอามาผัดกับหอย
สุกแล้วหอยอ้าปากเห็นเนื้อขาวทุกตัว ผัดกับน้ำพริกแกงที่ตำสด ๆ สั่งแกงชวนชิมของบทางร้านคือ
แกงคั่วส้ม ไข่ปลาริวกิว เสริฟมาในหม้อไฟร้อนโฉ่ ชวนซด
อิ่มแล้วไปสำรวจตลาดหัวหิน เริ่มจากสี่แยกที่มีไฟสัยยาณ แยกแรกของงหัวหิน
ถ้าไปจากร้านหน้าวัง สี่แยกนี้ หากเลี้ยวขวาจะไปยังจุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟ
และแยกไปน้ำตกป่าละอู
กับวัดห้วยมงคล
ที่มีหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก (หากสมเด็จโต ใหญ่ที่สุดในโลกต้องเลยไปถึง
อ.สามร้อยยอด วัดตาลเจ็ดยอด กม.๒๗๔.๒๐๐) และหากเลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีจะไปยังหลังตลาดฉัตรไชยลอดช่องสิงคโปร์
อยู่ท้ายตลาด มีขายแน่นอน สี่แยกมีไฟสัญญาณ ถ้าเลี้ยวซ้ายไปสัก ๕๐ เมตรทางขวารถเข็นขายลอดช่องสิงค์โปร์ที่ลือลั่น
ขายอยู่ริมถนน บ่าย ๆ ก็หมดแล้ว เลยรถเข็นไปเป็นร้านขนมหวานมีที่นั่งให้นั่งกินได้
ร้านอยู่หน้าประตูบ้าน ลูกค้าเข้าคิวซื้อกลับบ้านกัน บ่ายหมดเหมือนกัน หม้อขนมสัก
๑๐ หม้อ ตั้งหน้าร้าน มีข้าวเหนียวเปียก ปลากริม ไข่เต่า ข้างฟ่างเปียก อร่อยสุด
ๆ ข้าวต้มน้ำวุ้น หากินยากนัก
เลยร้านไปเป็นศูนย์อาหาร ไม่มีอะไรชวนชิม
สุดศูนย์อาหาร ถ้าเลี้ยวขวาจะพบแผงขายกล้วยแขก เจ้าอร่อย
แต่ถ้าไม่เลี้ยวขวา คงตรงผ่านสี่แยกไปจนสุดทางที่ร้านอาหาร พบถนนอีกสายให้เลี้ยวขวาไปจนพบโรงแรมเมเลีย
ทางขวาหน้าโรงแรมหลังเที่ยง จึงจะออกขายข้าวเหนียวมะม่วง นักชิมเข้าคิวรอซื้อเลยทีเดียว
ตรงต่อไปทลุถนนที่ลงทะเล
ร้านอาหารเก่าแก่ ที่เก่ากว่าเพื่อน เลยสี่แยกที่มีไฟสัญญาณไปผ่าหน้าตลาดฉัตรไชย
มีสี่แยก หากเวลาเย็นไปจนถึงดึก ถนนข้างตลาดฉัตรไชย จะปิดถนนกลายเป็นตลาดกลางคืน
เจ้าเด็ด มีไอศครีมเจ๊นิ และโรตี อยู่ตรงข้ามกัน
ร้านเก่าแก่น่านเต็มที จนคนในร้านจำไม่ได้ว่ากี่ปี ผมกินมาตั้งแต่เรียน รร.เสนาธิการ
ซึ่งตอนนั้นี้โรงเรียนอยู่ที่สวนสนปฏิพัทธ์ (มีเรียน ๕ รุ่น ผมเป็นรุ่นสุดท้าย)
ผมรู้จักร้านนี้แล้ว นับแค่ไปเรียนเสธ.ก็ผ่านมา ๔๔ ปี จึงเก่าจริง อาหารอร่อยมีมาก
แต่ต้องใจเย็น เจ้าตำรับผัดคะน้า คลุกเคล้ากับปลาเค็ม แกงป่าปลาเผ็ดเด็ดจริง
ๆ ไข่เจียวหอยนางรม เนื้อปูผัดผงกะหรี่ ปลาเก๋าทอดกระเทียมพริกไทย
ร้านในถนนสายเดียวกันอยู่มุมถนนซ้ายบน ของสี่แยกที่จะไปตลาดกลางคืน เดินเลยกันไปจะมีอีก
๔ ร้าน หัวมุมทางขวาบนมีชื่อในการชงกาแฟ อออกขายตั้งแต่เช้า เป็นร้านสรรพอาหารและเปลี่ยนเวลาก็เปลี่ยนร้านอสาหารไปด้วยชวนชิม
"ข้าวแกง" แผงหน้าร้านสาย ๆ ก็หมดแล้ว พะแนงอร่อยนัก รอบร้านจะมีเช่นข้าวมันไก่
ข้าวหมูแดง โจ๊ก พอเที่ยงอาหารตามแผงจะเปลี่ยนไป เย็นเปลี่ยนอีก
อีกร้านก็เก่า ย้ายมาอยู่ทางด้านตลาดฉัตรไชย อยู่ก่อนถึงธนาคารทหารไทย อาหารจานเด็ดคือขาหมู
หมั่นโถ ฮ่อยจ๊อ สลัดน้ำใส
ไอศกรีมอิตาลี Geiato Italino ฝั่งขวาของถนนสายไปโรงแรมโซฟิเทล
ร้านขนมหวานที่ดังเพราะมีขนมแปลก ๆ แต่ต้องสั่งทำ ไม่สั่งก็มีคือข้าวฟ่างกวน
ขนมเปียกปูน ข้าวเหนียวตัด ขนมชั้น ร้านอยู่ฝั่งขวาปากซอย ๙๔
ชาดหาดปราณบุรี มากไปด้วยรีสอร์ท ร้านอาหารอร่อยเรียกรีสอร์ทแถบนี้ว่า "ริเวียรา
ไทย" เป็นที่พักแบบบูติคคือเรียบง่าย สวย สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม
อีกร้าน เลยหัวหินไปไกล เลยปราณบุรีไป กม. ๒๗๕.๕๐๐ อยู่ทางขวามือ ร้านนี้ชนะเลิศของประจวบ
ฯ อร่อยมาก ราคาย่อมเยา จานเด่นคือปูทะเลหลน ยำปลาช่อนทุ่ง
ผ่านทางแยกเข้าอำเภอเมืองประจวบไปแล้ว วิ่งต่อไปจนถึง กม.๓๒๒ ให้วกกลับเลี้ยวกลับรถมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนไปด่านสิงขร
วิ่งไป ๘ กม. จะมีทางแยกซ้าย หากตรงไปจะไปวนอุทยานหินเทิน
หากเลี้ยวซ้ายนไปอีก ๔ กม. จะถึงด่านสิงขร
ด่านชายแดนไทยพม่า ที่มีสินค้าขายมากขึ้นทุกที แต่ยังไม่มากเท่าแม่สายหรือแม่สอด
แต่ที่ ๒ แห่งนั้นไม่มีคือ "กล้วยไม้" ที่ด่านสิงขรมีต้นกล้วยไม้ขายตลอดปี
ราคาถูกด้วย
ด่านสิงขร
คล้ายด่านบ้องตี้ ที่กาญจนบุรีคือ ใช้เป็นเส้นทางเดินทัพระหว่างไทยกับพม่า
น้อยครั้ง ไม่มากเหมือนด่านพระเจดีย์สามองค์
เมื่อ พ.ศ.๒๓๕๒ แผ่นดินรัชกาลที่ ๒ พม่ายกกองทัพเข้ามาเพราะคงเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
เสด็จสวรรคต ยกมาทั้งทางบกและทางเรือ นิพนธ์ไทยรบพม่า กล่าวว่า "ให้เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีกับเจ้าพระยาพลเทพ
ลงไปรวบรวมพลจัดเป็นกองทัพที่เใมืองเพชรบุรีอีกทัพ ๑ คอยต่อสู้พม่าเผื่อจะยกมาทางด่านสิงขร
" ในปี พ.ศ.๒๓๖๓ พระเจ้าจักกายแมง กษัตริย์พม่ายกทัพมาตีไทย ฝ่ายไทยจัดกำลังตั้งรับเป็น
๓ กองทัพ กองทัพที่ ๒ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวร
ในรัชกาลที่ ๓ เป็นแม่ทัพ เสด็จไปรักาาเมืองเพชรบุรี คอยต่อสู้พม่าที่ยกมาทางงด่านสิงขร
ในการศึกกับพม่าได้กล่าวถึงด่านสิงขรไว้เพียง ๒ ครั้งเท่านั้น
แต่ด่านสิงขรในปัจจุบัน คือสถานที่ท่องเที่ยว น่าไปชม ไปซื้อของ ไปสะดวก
| ย้อนกลับ | บน | หน้าต่อไป | |