| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ไประนอง
(๒)
ผมเดินทางจากกรุงเทพ ฯ จะไปยังจังหวัดระนอง และพาท่านผู้อ่านมาถึง กม. ๓๓๒
ทางแยกขวาเข้าด่านสิงขร
พอกลับออกมาจากด่านสิงขร ก็เดินทางต่อคราวนี้จะมาผ่นทางแยกเข้า อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า
ณ หว้ากอ เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ ๓ กม. ติดต่ออุทยาน
ฯ ๐๓๒ ๖๖๑ ๗๒๖ - ๗ หว้ากอ เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ไทย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้คำนวณการเกิดสุริยุปราคาไว้อย่างแม่นยำว่า
จะเกิดสุริยุปราคาในวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๑๑ ระหว่างเวลา ๑๑.๒๐ - ๑๑.๓๖
จะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง และจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนที่ บ้านหว้ากอ อ.เมือง
จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผลปรากฎว่า เกิดสุริยุปราคาตรงตามที่ทรงคำนวณทุกประการ
รัฐบาลได้มีมติให้สร้างอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕
สมเด็จพระเจ้าพี่นาง เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้เสด็จมาวางศิลาฤกษ์พิพิธภัณฑ์บ้านหว้ากอ
เมื่อวันที่ ๑๘ ส.ค.๒๕๔๓ การก่อสร้างอุทยานประกอบด้วย พระบรมราชานุสาวรีย์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางพื้นที่ ส่วนที่แคบที่สุดของประเทศ
เป็นที่ตั้งของค่ายหลวงที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ เสด็จมาประทับเพื่อทอดพระเนตรสุริยุปราคา
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า เป็นศูนย์กลางการศึกษา และวิจัยทางดาราศาสตร์และอวกาศ
อาคารฐานการเรียนการสอน บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย, อาคารฐานการเรียนการสอนระบบนิเวศชายฝั่ง
อาคารฐานการเรียนการสอนวิวัฒนาการการคมนาคมและการขนส่ง อาคารฐานการเรียนการสอนนกและแมลง
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ฯ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง
กม.๓๕๐.๕๐๐ เลี้ยวขวาไป ๗ กม. มีน้ำตกห้วยยาง เป็นน้ำตกสูง ๙ ชั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เคยเสด็จประพาสถึงสองครั้ง น้ำจากน้ำตกชั้นที่ ๗ จะนำไปใช้ในงานพระราชพิธี
หากมีแรงให้เดินไปจนถึงจุดชมวิว บนยอดเขาหลวง ต้นน้ำของน้ำตกห้วยยาง และในต้นฝนจะมีทุ่งดอกกระเจียวบานเต็มทุ่ง
อุทยานแห่งชาติหาดวนกร
หาดทรายยาว ขาวสะอาด อากาศแสนบริสุทธิ์ พื้นที่อุทยาน ๓๘ ตร.กม. เป็นพื้นน้ำเสีย
๑๕.๓๖ ตร.กม. เลี้ยวซ้ายเข้าไป ๓ กม. ที่ กม. ๓๔๕ มีบ้านพัก และสถานที่กางเต้นท์
ติดต่อ ๐๓๒ ๖๑๙ ๐๓๐
หาดบ้านกรูด
เลี้ยวซ้ายที่ กม.๓๘๖ ไปประมาณ ๙ กม. ชายหาดสวยมาก มีรีสอร์ท มากมายหลายแห่ง
รวมทั้งร้านอาหารอร่อย เช่น ที่รีสอร์ทบ้านกลางอ่าว ไปพักผ่อน ไปเล่นน้ำ ไปดำน้ำชมปะการัง
เหมาเรือไปดำน้ำชมปะการังได้
เขาธงชัย
อยู่ซ้ายสุดของหาดบ้านกรูด มีพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ
ที่ยิ่งใหญ่งดงาม มีพระพุทธกิติสิริชัย บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีพระตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
มีจุดทิวทัศน์ ไปยืนชมจะเห็นหาดทางสาย หาดบ้านกรูด เกาะรำร่า
โครงการส่วนพระองค์จังหวัดชุมพร ผมเคยเขียนเล่าไปแล้ว่า ณ โครงการแห่งนี้
ซึ่งตั้งอยู่บนสันทราย (กำแพงทราย) มีการผลิตน้ำมันมะพร้าวหอม ส่งออกจำหน่ายในราคาเพียงโหลละ
๕๔๐ บาท (ขายปลีกทั่วไป ไม่ต่ำกว่าขวดละ ๙๐ บาท) พอเขียนไปพักเดียว
หัวหน้าโครงการโทรศัพท์มาบอกว่า ผลิตไม่ทันแล้วครับ ไปโครงการนี้เลี้ยวซ้ายเข้าตรง
กม.๔๒๕.๘๐๐ ผ่านวัดห้วยสัก บุญชูบางเบิด รีสอร์ท ข้ามทางรถไฟแล้ว เลี้ยวขวาเข้าถนน
รพช.๔๐๑๕ ที่บอว่าไป อ.ปะทิว ติดต่อโครงการ ๐๘๑ ๙๕๘ ๗๘๔๒ ถนนสายนี้จะเลาะเลียบชายทะเลที่สวยมาก
ไปยังหาดทุ่งวัวแล่นได้
ศาลพ่อตาหินช้าง
กม.๔๕๓ จุดนี้มีตลาดของฝาก ของกินที่สำคัญคือ ตลาดขายกล้วยเล็บมือนาง
เป็นกล้วยที่เนื้อหวาน หอม อร่อยมากของภาคใต้ มีทั้งสดและตากแห้ง
วนอุทยานน้ำตกกะเปาะ
เลี้ยวซ้ายเข้า กม.๔๖๖.๕๐๐ เป็นน้ำตกขนาดเล็ก
วัดเทพเจริญ
มีถ้ำรับล่อ อยู่ประมาณ กม.๔๙๐ เลี้ยวขวาเข้าไป เป็นโบราณสถาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณอุทุมพร
มีพิพิธภัณฑ์
วัดประเดิม
แหล่งโบราณคดีเมืองชุมพรเก่า อยู่ที่บ้านประเดิม ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกปฐมพร
แล้วเลี้ยวเข้าทางซ้ายตรงข้ามปั๊มน้ำมัน เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา
โบราณสถานที่ยังปรากฎอยู่คือ พระปรางค์ เจดีย์ราย หอระฆัง หอกลอง กุฎิโบราณ
วัดพระขวาง
ที่เคยร่วมทำบุญทอดผ้าป่า กับท่านผู้อ่านมาแล้วเพื่อนำปัจจัยไปสร้างเมรุ เมื่อปี
๒๕๔๙ แลั ๒๕๕๐ ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว วัดนี้เก่าแก่เช่นกัน อยู่ทางฝั่งขวา
เลี้ยวขวาเข้าซอยไป พระพุทธรูปสำคัญคือ พระขวาง
อำเภอท่าแซะ
อยู่ห่างจากตัวเมืองชุมพร ๓๒ กม. หากเลี้ยวซ้ายที่ อ.ท่าแซะ แล้วไปตามถนนสาย
๔๑๑๙ จะไปยังหาดทุ่งวัวแล่น
ซึ่งหาดนี้มีเส้นทางไปได้ถึง ๓ เส้นทางคือ ไปจากถนนเพชรเกษม เข้าถนน ๔๑๑๙
ไปประมาณ ๑๔ กม. จะมีทางแยกขวาไปยังตัวเมืองชุมพร แต่หากตรงไปอีก ๕ กม. ก็จะไปยังหาดทุ่งวัวแล่น
หากมาจากในตัวเมืองชุมพร ระยะทางประมาณ ๑๖ กม. ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งจะมาผ่านทางอ่าวพนังตัก
หาดทุ่งวัวแล่น
ผมไปครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ ตั้งแต่ยังรับราชการอยู่ที่ อ.ทุ่งสง เมื่อ ๒๕
ปีที่แล้ว ถนนทุกสายไม่มีถนนลาดยางเป็นทางลำลอง หาดทุ่งวัวแล่น วันนั้นยังบริสุทธิ์มากเหลือเกิน
มีรีสอร์ทอยู่เพียง ๒ - ๓ แห่ง (เวลานี้มีหลายสิบแห่ง) รีสอร์ทก็ปลูกเป็นกระท่อม
ศาลาอาหารของรีสอร์ทมีแม่ครัวเอก เป็นนักดำน้ำ ทำอาหารเที่ยงแล้ว ออกไปดำน้ำ
ตกเย็นกลับมาทำอาหารเย็น อาหารจานเด็ดคือ ปลาหมึกแดดเดียว เพราะชุมพรปลาหมึกชุมมาก
ซื้อปลาหมึกสดจากชาวประมงในยามเช้า แล้วเอามาคลุกเนยไปตากแดด เพียงแดดเดียวก็มาทอดให้ชิมได้
หาดสวยมาก กลางคืน นั่งดื่มท่ามกลางสายลม ชมจันทร์ (ไฟฟ้ายังไม่มี)
แต่หาดทุ่งวัวแล่นทุกวันนี้ ตลอดแนวชายหาดประมาณ ๒ กม. จะมีรีสอร์ทมากมาย
รวมทั้งร้านอาหาร
ผมไปคราวนี้ได้บอกไว้แล้วว่า ไปฉลองศาสนสถานที่สร้างไว้ให้แก่กองพันทหารปืนใหญ่ที่
๒๕ ในค่ายเขตอุดมศักดิ์ ผมได้ขอให้ทำอาหารใต้แบบชุมพรมาเลี้ยงพระ ผมจะได้ชิมด้วย
เพราะหากกินตามร้านอาหาร แม้แต่ร้านข้าวแกง ก็ไม่มีอาหารชุมพรแท้ ๆ ให้ชิม
หรือมีก็น้อยอย่าง หาซื้อกินได้อีกแห่งคือ ตามตลาดสด พอหาอาหารพื้นบ้านชุมพรกินได้
ผมจำมาได้มีดังนี้คือ
ยำใบไม้ ใช้ผักสมุนไพรริมรั้วมายำ เช่น ใบมะงั่ว ใบส้มซ่า ใบกระชาย
ใบข่า ใบขมิ้น ใบพาโหม ใบส้มมะนาวควาย ใบผักแว่น ใบส้มแป้น ใบมะกรูด
ยำเหม็งมะพร้าว หรือยอดมะพร้าวอ่อน ยำใส่กุ้งสด หมูสามชั้น ออกสามรส
แกงส้มปลากระบอก กับใบชะมวงอ่อน ปรุงด้วยน้ำปลา น้ำตาล มะขามเปียก
แกงไตปลา รสจัด เผ็ด ต้องกินกับผักเนาะ (ผักสด) นานาชนิด
ข้าวมันพริกเขียว หากินตามตลาดไม่ได้เลย ข้าวมันในหม้อดิน น้ำพริกเขียว ปลากระบอกเค็มทอด
กินกับผักเนาะ
ส่วนขนม ที่ทำมาเลี้ยงพระมี ขนมฝามี ขนมหัวล้าน หรือขนมโค ขนมเสือเกลือก ขนมควายลุย
ขนมเฒ่ายิ้ม ขนมโค และควายลุย พอหากินในตลาดสดได้
ทีนี้ผมจะพาไปชิมอาหารที่ร้านเก่าแก่ ร้านนี้อยู่ในอ่าวพนังตัก ในจุดที่สวยมากและมีบ้านพักอยู่
๕ - ๖ หลัง ให้กิน นอนเล่นน้ำ ดื่มด่ำดับธรรมชาติได้เต็มที่ ค่าห้องพักหลังละ
๕๐๐ บาท ร้านเดิมอยู่ตรงหัวโค้งจะเข้าอ่าว เวลานี้ย้ายมาปลูกริมอ่าว ที่มีหาดหินยังกับริเวียร่า
ท้องอ่าวสวยมากจริง ๆ ไม่ต้องมีแอร์ มีพัดลม ลมทะเลพัดเย็นสบาย ต้องกินมื้อกลางวันจึงจะชมความงามของอ่าวได้เต็มตา
เส้นทาง กรุณาตามให้ดี ๆ เพราะคดโค้งพอสมควร แต่หากไปกับชาวเมืองที่รู้จักอ่าวพนังตัก
ก็ง่ายหน่อย
เริ่มจากสี่แยกปฐมพร วิ่งไป ๘ กม. จะชนกับสามแยก (เลี้ยวซ้ายเข้าเมือง เลี้ยวขวาไปหาดทรายรี
ศาลกรมหลวง ฯ) ให้เลี้ยวขวามาประมาณ ๕๐๐ เมตร ถึงสามแยกมีไฟสัญญาณให้เลี้ยวซ้าย
ผ่านโรงพยาบาลกรมหลวง ฯ ถึงสี่แยกมีไฟสัญญาณให้เลี้ยวขวา เข้าถนนกรมหลวงชุมพร
(ถนนสายนี้ กลางคืนคือ ตลาดของกินชั้นยอด) ผ่านสี่แยกมีไฟสัญญาณ คงวิ่งไปตามถนนกรมหลวง
ฯ เข้าเขตเทศบาลนาทุ่ง วัดนาทุ่ง ถึงถนนตัดใหม่ตรงต่อไป (ถนนตัดใหม่ เลี้ยวขวาไปหาดทรายรี
เลี้ยวซ้ายไปศูนย์ราชการ) หัวมุมขวาบนจะพบป้ายร้านอาหาร บอกทางให้ตรงไปอีก
๖ กม. ตรงต่อไปตามถนนกรมหลวง ซึ่งช่วงนี้ถนนจะแคบ ไปจนถึงสี่แยกน้อย ๆ เลี้ยวซ้ายตามป้าย
ผ่านวัดดอนทรายแก้ว ข้ามคลองพนังตัก (คลองที่กว้างยังกับแม่น้ำ ตรงปากน้ำพอดี)
เห็นทะเลอยู่ทางขวา นากุ้งอยู่ทางซ้าย เลี้ยวขวาเข้าซอย (ตามป้าย) ไปจนถึงสุดทางที่ริมอ่าว
รีสอร์ทอยู่ริมทะเล มีผาลาดสู่ทะเลหาดหิน น้ำใสสดสวย อาหารสำคัญคือ หมึก หอย
และปูทะเล ปลามี ปลาสำลี ปลากะพง ปลากระบอก ปลากุเลา ปลาฉลาม ปลาทราย
ปลาหมึกต้มหวาน เสริฟมาในหม้อไฟ หมึกกล้วยสดจากทะเล หมึกลงต้มทั้งตัว รสออกเค็ม
หวาน
ปูทะเลนึ่ง ปูทะเลขีดละ ๕๐ บาท ปูนึ่ง ๒ ตัว โต ๆ หนัก ๑๒ ขีด ไข่เต็มกระดอง
ปูทะเลผัดผงกะหรี่ เอาปูทะเลตัวใหญ่ ๆ หนัก ๘ ขีด ผัดผงกะหรี่ ออกรสหวานไปนิด
แต่อร่อยมากหรือมาก ๆ ใส่วุ้นเส้น ปูที่ผัดเป็นปูไข่ ไข่สีชมพูเข้ม
แกงต้มส้ม คือ แกงส้มรสใต้ ไม่เผ็ดจัด ใส่เหม็งมะพร้าว
หอยขาวอบ ใส่ใบโหระพา ตะไคร้ ใบมะกรูด ผัดเก่ง หอยอ้าปาก เห็นเนื้อขาว ของหวานไม่มี
| ย้อนกลับ | บน | หน้าต่อไป | |