| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

วัดร่องขุ่น

            คราวนี้ผมไปเชียงราย ไปในฐานะที่ปรึกษาพิเศษ หอการค้าชายแดน ของหอการค้าไทย และไปในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เขาเชิญไปร่วมสัมนาหอการค้า ซึ่งหอการค้ามาจากทั่วประเทศ ผมก็เลยเป็นชาวหอการค้าไปกับเขาด้วย เขามีการสัมนากันที่โรงแรมลิตเติลดั๊ค จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นโรงแรมที่ใหญ่โตมโหฬาร ผู้เข้าร่วมสัมนาร่วมพันคน และในวันแรกนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องไปบรรยายด้วย เขาก็จัดชุดรับรองไว้ด้านหน้า ส่วนผู้เข้าสัมนาก็นั่งตามโต๊ะตามกลุ่มของตัว มีป้ายบอกว่ามาจากจังหวัดใด ส่วนผมเมื่อไปถึงสถานที่สัมนาก็เลยต้องถามเขาว่าจะให้ผมนั่งตรงไหน เพราะป้ายชื่อที่ติดให้ผมบอกตำแหน่งว่าเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมดูจะไม่เกี่ยวข้องกัน ผู้รับรองก็ออกจะงง ๆ ลงท้ายคิดไม่ออกเลยจับให้ผมนั่งเก้าอี้ตัวข้างหลังนายกรัฐมนตรี เลยได้ออกจอ ที.วี. ออก ที.วี.โก้ไปเลย ในวันรุ่งขึ้นยิ่งโก้หนักเข้าไปใหญ่ เพราะคณะรัฐมนตรีกลับหมดแล้ว ผมก็คงต้องไปนั่งที่เดิม คราวนี้นั่งโด่เด่อยู่คนเดียว สักพักจึงมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายมานั่งเป็นเพื่อน จบการสัมนาก็ได้ความรู้กลับมาและผมก็ได้ให้ความรู้ ความเห็นแก่กลุ่มในเรื่องของการท่องเที่ยวกับความสัมพันธ์ กับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งระยะนี้ผมเดินทางไปกัมพูชา กลับมาไปเมียนม่า กลับมาไปลาวและกำลังจะไปเวียดนามอีก ยังเขียนเล่าให้ผู้อ่านได้อ่านไม่ครบทุกประเทศที่ไป ระยะนี้เดินทางมากเหลือเกินทั้งในประเทศ (ซึ่งก็มากอยู่แล้ว) และแถมต่างประเทศรอบบ้านเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมในด้านชายแดนอีกด้วย
            วันที่จบการสัมนา จะเดินทางกลับมาพักที่เชียงใหม่ก่อนที่จะกลับกรุงเทพ ฯ ผมมีโอกาสไปแวะที่วัดร่องขุน ซึ่งเคยแวะมาแล้วครั้งหนึ่งตั้งแต่เริ่มสร้างกันใหม่ ๆ ยังไม่งดงาม แต่ไปวันนี้สร้างได้มากแล้ว อุโบสถแล้วเสร็จมากกว่าครึ่งจึงงดงามมากและสร้างโดยศิลปินเอกคือ นายเฉลิมชัย  โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินผู้ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับพระมหากรุณาให้วาดภาพในหนังสือเรื่อง "มหาชนก" ผมชอบใจในข้อเขียนของศิลปินผู้นี้ที่ว่า "ผมอยากคืนชีวิตให้กับแผ่นดินเกิดของผม" อ่านแล้วซึ้งมากเพราะผมเองทุกวันนี้แม้จะอายุจะมากแล้ว ใกล้ร้อยเข้าไปทุกทีแต่ร่างกายของผมยังแข็งแรงต้องถือว่ามากไม่งั้นผมขับรถไปเชียงรายภายในวันเดียวไม่ได้ ผมเองก็ยังทำงานเพื่อแผ่นดิน เพื่อทดแทนบุญคุณแผ่นดินที่ให้ความเจริญเติบโตแก่ตัวของผมมา มาพบข้อเขียนของอาจารย์เฉลิมชัย จึงชอบใจมากและเผอิญในวันที่ไปที่วัดคราวนี้ได้มีโอกาสพบกับอาจารย์เฉลิมชัย และคุยกันแล้วพอทราบว่าผมเป็นใครท่านก็พูดเสียงดังฟังชัดว่าท่านนายพลท่านนี้เป็นคนที่ยกมือไหว้ได้อย่างสนิทใจ เรียกว่าชมให้ผมชื่นใจว่างั้นเถอะ ขอบคุณอาจารย์
            ทิศทางไปวัดร่องขุ่น หากออกมาจากเมืองเชียงรายจะไปพะเยา ก็จะผ่านสี่แยกแรก ที่สี่แยกนี้หากเลี้ยวซ้าย (มาจากในเมือง) ก็จะไปอำเภอเทิง และหากวิ่งรถไปประมาณ ๕ กิโลเมตร ผ่าน อบต.ไปแล้วทางขวามือจะมีป้ายบอกทางเลี้ยวเข้า เคียงดอย พิชชิ่งพารค์ รีสอร์ท ซึ่งก่อนที่ผมจะเขียนเขามีร้านอาหารกับบ่อตกปลา แต่เขียนแล้วเขาเพิ่มรีสอร์ทขึ้นมาอีก โทร ๐๕๓ ๗๐๑๗๐๑ อาหารคงอร่อยมากเช่นเดิม ปลาบู่นึ่งซีอิ้ว เป็นต้น ถามเขาดูก็ได้ว่าเวลาผมมาผมชิมอะไรไว้
            ตั้งต้นใหม่ จากในเมืองเชียงรายวิ่งผ่านสี่แยกมาอีกหน่อย จะถึงสามแยกมีป้ายบอกว่าเลี้ยวขวาไปน้ำตกขุนกรณ์ (ตรงไปก็ไปพะเยา ไปเชียงใหม่ก็ได้ โดยเลี้ยวขวาเข้าอำเภอแม่สรวย) ถึงตรงนี้ให้เลี้ยวขวา พอเลี้ยวขวาเข้าไปแล้วสัก ๑๐๐ เมตร จะเห็นอุโบสถวัดร่องขุ่นสุดสวยด้วยศิลปะ น่าจะเป็นแบบใหม่หรือแบบประยุกต์ทำนองนั้น วัดอยู่ทางซ้ายมือ ผมบอกไม่ได้เพราะดูไม่เป็นและไม่ได้ถามอาจารย์เฉลิมชัยว่าเป็นศิลปะแบบไหน มองดูด้วยตาอย่างผมก็บอกได้แต่ว่าสวยมากแปลกประหลาดบอกได้แค่นั้น ท่านต้องหาโอกาสไปเที่ยวเชียงรายไปชมด้วยตนเองจึงจะทราบว่าเป็นอย่างไร
            ประวัติความเป็นมา อาจารย์เฉลิมชัย เป็นชาวเชียงราย บ้านเกิดก็อยู่ตรงแถววัดร่องขุ่นนี่แหละ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้เดินทางด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัวไปวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพุทธประทีป ประเทศอังกฤษ วาดภาพเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ๕ ปี ในอังกฤษหมดเงิน เสร็จงานเดินทางกลับมาหาเงินนับหนึ่งกันใหม่ ได้เดินทางกลับไปบ้านที่ตำบล ป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ไปเห็นวัดที่บ้านเกิดทรุดโทรม พบหลวงพ่อแก่ชรามาก อุโบสถเข้าไปทำสังฆกรรมไม่ได้เพราะจะพัง กลายเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวจึงคิดที่จะสร้างวัด สร้างโบสถ์ใหม่ แต่ยังไม่มีเงิน เพราะหมดเมื่อกลับจากอังกฤษ จึงเริ่มทำงานหาเงินใหม่ ก่อนกลับไปทำงานก็ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะกลับมาสร้างโบสถ์ สร้างวัดให้เป็นศิลปที่เชิดหน้าชูตาของบ้านเกิดและเมืองเชียงราย ๑๐ ปีผ่านไปกลับมีฐานะที่มั่นคงจึงกลับมาเริ่มงานสร้างอุโบสถโดยตั้งใจว่าจะใช้เวลาสัก ๑๐ ปีจึงจะแล้วเสร็จ จะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า ๒๐ ล้านบาท เป็นเงินที่จะหาด้วยตนเองเอามาสร้าง จึงเริ่มลงมือทำงานเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑ และเริ่มงานก่อสร้างอุโบสถตามจินตนาการของหลวงพ่อสมภาร โครงสร้างลักษณะสถาปัตยกรรมในปีแรกจึงเป็นแบบตามใจหลวงพ่อสมภาร อีก ๒ ปีต่อมาได้เริ่มต่อเติมเพิ่มสถาปัตยกรรมให้สง่างามแปลกตา โดยเพิ่มบันไดด้านข้างขึ้น ประดับเปลวพระรัศมีทั้ง ๔ แบบ ขุดสระน้ำ สร้างสะพานข้ามเข้าอุโบสถ พร้อมงานตกแต่งของลวดลายปูนปั้นประดับกระจก (จุดนี้ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน จะมีก็ที่หลวงพระบางเพียงแต่คล้าย ๆ กัน เป็นการประดับแบบเก่า) และช่างประดับกระจกก็ใช้วิธีฝึกช่างพื้นบ้านนำมาฝึกสอน ปั้นและประดับกระจก ผมคงบรรยายความงดงามได้แค่นี้แถมอีกนิดก็ได้ ภายในอุโบสถจะมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยเฉพาะภาพพระพุทธองค์หลังประธานจะเป็นภาพใหญ่ที่งดงาม ได้เริ่มงานมาแล้ว ๔ ปี ยังมีเวลาเหลืออีก ๖ ปี ตามเวลาที่ตั้งไว้ และยังขาดเงินอีก ๒๐ ล้านบาท ไม่หาเงินด้วยการเรี่ยไรใคร ไม่ทอดผ้าป่าหาเงิน แต่ใช้วิธีรับบริจาค กับขายหนังสือ ขายรูปภาพที่เป็นผลงานที่งดงามแปลกเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ที่ศาลาก่อนทางขึ้นอุโบสถจึงมีภาพวาดขาย ภาพสวยมาก สวยแคไหนดูจากหนังสือมหาชนกก็ได้ เพราะได้มีโอกาสวาดหลายภาพและมีประวัติบอกไว้ว่าแต่ละภาพใครวาดบ้าง มีภาพของเฉลิมชัยหลายภาพเป็นภาพที่เด่น ๆ ในเรื่องมหาชนกทั้งสิ้น
            วัดร่องขุ่น นอกจากจะมีภาพวาดจำหน่ายนำเงินมาสร้างวัดแล้วยังมีหนังสือ "วาดรูปวาดชีวิต" เล่มละ ๕๐๐ บาท เพื่อหาเงินสมทบการสร้างวัด หนังสือนี้สั่งซื้อได้ ผมซื้อมาเล่มหนึ่งพอรู้จักตัวจริงก็เลยให้เซ็นให้ ท่านที่จะสั่งซื้อเพื่อร่วมการกุศลก็สั่งซื้อได้ที่ นายเฉลิมชัย  โฆษิตพิพัฒน์ ๓๖ ซอยอารีย์สัมพันธ์ ๓ ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ จะได้รับหนังสือพร้อมลายเซ็น อาจารย์เฉลิมชัย ไม่ได้บอกให้ผมช่วยขายหนังสือให้ ไม่ได้ขอร้องให้ผมหาเงินให้ ผมทำให้เองด้วยความศรัทธาในผลงานของท่านผู้นี้ ที่ทำเพื่อแผ่นดินเกิด หากคิดกันอย่างนี้บ้านเมืองเราคงจะเจริญกว่านี้อีกมาก จบจากวัดร่องขุ่นด้วยจิตใจที่อิ่มเอิบไปกับบุญที่ได้ร่วมทำขออนุโมทนาบุญนะอาจารย์เฉลิมชัย
            จากสี่แยกไปน้ำตกขุนกรณ์ วิ่งมาอีกหน่อยจะมีทางแยกซ้ายไปยังอำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า แล้วไปออกอำเภอดอยเสก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผมไปเป็นประจำ แต่วันนี้ตั้งใจจะไปแวะที่โรงงานผลิตไวน์ที่อำเภอแม่สรวย เพราะในงานเลี้ยงหลังสัมนาเมื่อคืนนี้ โรงงานไวน์ชื่อเชียงราย ไวน์เนอรี่ จำกัด เขายกถึงไวน์แช่เย็นไปเปิดตัวในงาน เพราะเขายังไม่ได้ออกจำหน่าย จะวางตลาดประมาณกลางเดือนธันวาคม โดยในกรุงเทพ ฯ จะมีขายที่ฟู๊ดแลนด์ และที่จัสโก้ ที่อื่นผมไม่ทราบถามเขามาได้แค่นี้ ที่สนใจเพราะว่าโรงงานของเขาทำไวน์จากสมุนไพรและเป็นสมุนไพรที่กำลังดังระเบิดเลยทีเดียว คือ "กระชายดำ" ซึ่งกระชายดำนี้ผมได้ตำรับมาเหมือนกันว่า ให้เอามาดองกับน้ำผึ้ง ดองแช่ไว้สัก ๒ เดือน แล้วกินทุกวัน จะแข็งแรงยิ่งนักโดยเฉพาะท่านชาย ส่วนท่านหญิงต้องกิน น้ำลูกยอสกัด ซึ่งสรรพคุณสำคัญของน้ำลูกยอหรือ โนนิ จุ้ยนี้ (NONI JUOE) จะยับยั้งการเจริญเติบโตของสารมะเร็งได้ เช่นมะเร็งที่ปอด ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง ฯ ทั้งกระชายดำและลูกยอ เขานำมาทำเป็นไวน์ และเอามาให้ชิมในงานเลี้ยง ผมติดใจสัมภาษณ์เขาแล้วก็บอกว่าจะไปเยี่ยมในวันรุ่งขึ้น เมื่อไปแล้วพบว่าเขาทำไวน์จากสมุนไพรหลายชนิด เช่น "โด่ไม่รู้ล้ม" คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณชื่อบอกอยู่แล้ว กระชายดำ ลูกยอ กระท้อน มะม่วงโชคอนันต์ มะเม่า และอื่น ๆ อีก น้ำไวน์ที่ได้ชิมเป็นไวน์ชั้นดี ผมเคยไปชมโรงงานไวน์หลายแห่งที่นิวซีแลนด์มาแล้วในตอนที่เขาเชิญไป และเล่าให้ท่านผู้อ่านทราบแล้วมาพบและชิมคราวนี้เห็นว่าทัดเทียมกับต่างประเทศ และไม่ได้ทำแบบสุกเอาเผากิน คือทดลองทำแล้วส่งประกวดชนะเลิศถึง ๒ - ๓ ปี จึงเริ่มผลิตเป็นอุตสาหกรรมบรรจุขวดสวยงาม ผมชอบและขอสนับสนุนคือการนำสมุนไพรมาทำเป็นไวน์ชั้นเลิศรส ใช้แรงงานจากท้องถิ่นเท่านั้น เอาชาวบ้านธรรมดาที่กินแต่เหล้าโรงนี่แหละมาฝึกสอนให้ทำงานในโรงงาน ทางโรงงานมีไร่ มีสวนของตนเองเป็นส่วนใหญ่ตั้งชื่อว่า
"สวนเจ้าคุณ" แต่ผลผลิตภายในสวนที่กว้างใหญ่แห่งนี้ยังไม่พอจึงต้องรับซื้อจากชาวบ้านด้วย ทำให้ชาวบ้านเพิ่มผลผลิตทางเกษตรของตนได้มากขึ้น ขายได้ราคาและงานไม่หนักนักสำหรับการปลูกกระชายดำ และโด่ไม่รู้ล้ม เห็นมีสวนลิ้นจี่ด้วย ต่อไปคงมีไวน์จากลิ้นจี่อีกก็ได้
            การเดินทางไปชมและชิมไวน์ที่โรงงาน เชียงราย ไวน์เนอรี่ เพื่อความสะดวกในการเดินทางมาหากมาจากเชียงใหม่ ผมจึงขอตั้งต้นเส้นทางใหม่ ไม่ตามทางที่ผมมาวันนี้ (มาจากเชียงราย) เปลี่ยนเป็นออกจากเชียงใหม่ มาทางอำเภอดอยเสก็ด ผ่านน้ำพุร้อนแม่ขจาน ผ่านอำเภอเวียงป่าเป้า พอประมาณกิโลเมตร ๑๒๑.๕ จะพบสะพานข้ามแม่ลาว ไม่ต้องข้ามไปให้เลี้ยวซ้ายที่เชิงสะพานนี้และจะมีป้ายบอกไป โรงงานไวน์ และสวนเจ้าคุณ วิ่งไปตามถนนในหมู่บ้านนี้ประมาณ ๓.๕ กิโลเมตร จะถึงตำบลศรีถ้อย และจะพบป้ายบอกทางเลี้ยวทางซ้ายมือพร้อมทั้งบอกว่าคือสวนเจ้าคุณด้วย ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางแคบ ๆ จนข้ามสะพาน พอข้ามสะพานก็หักขวาเข้าประตูสวนแล้ววิ่งไปตามทางในสวนประมาณ ๕๐๐ เมตร ก็จะชนกับอาคารโรงงานไวน์พอดี จะมีมุมให้ชิมไวน์ได้ ไม่ทราบว่าขายอาหารแล้วหรือยัง ผมแนะนำว่าควรทำครัวน้อย ๆ ขายอาหารเสียเลย เพราะกับแกล้มไวน์ของเขาที่ดีที่สุดคือ ไข่เจียวหมูสับ เข้ากันดีจริง ๆ และแม่ครัวเอกที่นี่มีฝีมือมาก  ในการทำไส้อั่วและแหนม ทำเป็นผลิตภัณฑ์ของตำบลศรีถ้อย เอามาวางขายที่ตลาดปากทางเข้าสวนเลยทีเดียว ได้ชมภายในโรงงานแม้จะเล็กแต่ก็ได้มาตรฐาน ไวน์เมื่อทำแล้วจะเก็บบ่มไว้นานกว่า ๖ เดือน จึงนำออกมาบรรจุขวด ผู้ที่ไปชมโรงงานจะได้ชิมไวน์ด้วย ผมอยากให้เขาทำเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ แบบในนิวซีแลนด์ที่เกือบทุกโรงงานไวน์ จะมีร้านอาหารของโรงงานอยู่ด้วย ทำอาหารขายด้วย ไม่งั้นคนซื้อไวน์อยากลิ้มรสไวน์ พร้อมทั้งกินอาหารเป็นไปด้วยจะต้องเที่ยววิ่งหาร้านอาหารอีก ที่นี่ก็เช่นกัน ยิ่งมาบอกว่าไข่เจียวหมูสับ เข้ากันดีกับไวน์โด่ไม่รู้ล้ม ซึ่งเป็นไวน์ขาวยิ่งอยากลิ้มลอง ชมโรงงานแล้ว ชมสวนที่สะพรั่งไปด้วยไม่ผล ไปชมแปลงปลูกกระชายดำซึ่งพอถึงฤดูหนาวก็จะพัก ถึงเวลาขุดเอาขึ้นมาทำไวน์ได้ ธรรมชาติภายในสวนเจ้าคุณ งดงามมีน้ำ และน้ำที่จะมาทำไวน์เป็นน้ำบาดาลจากในบ่อในสวน และสกัดเอาแร่เหล็กออกก่อนมาทำไวน์ ชอบใจอีกอย่างคือขวดไวน์นั้นคือขวดระบบรีไซเคิล คือรับซื้อขวดไวน์ที่เขาดื่มหมดแล้ว และมีขนาดเก่ากับที่ต้องการบรรจุเอามารีไซเคิล จนสะอาด เรียบร้อย ก็บรรจุไวน์ใหม่ลงไปปิดสลากเก็บเข้าห้องลั่นกุญแจ ๒ ดอก สรรพสามิตถือดอกหนึ่ง โรงงานถือดอกหนึ่ง จะเอาไปขายต้องเปิดพร้อมกัน เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษี
            ชมโรงงาน และชิมไวน์จนอิ่มแล้ว ผมก็เดินทางต่อไปยังอำเภอแม่สรวย ที่อยู่ห่างออกไปอีกประมาณ ๑๐ กิโลเมตร เมื่อถึงกิโลเมตร ๑๓๐ ทางขวามือคืออุทยานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่เคยมาพักทัพที่ตรงนี้ จึงสร้างศาลเอาไว้ สถานที่กว้างขวางแต่ไม่งดงามรกไปหน่อย
            เลยจากศาลไปนิดเดียวก็จะถึงอำเภอแม่สรวย มีทางแยกซ้ายไปยังอำเภอฝางที่อยู่ห่างออกไปเพียง ๕๓ กิโลเมตร ผมเลี้ยวไปตามถนนที่จะไปฝาง เลี้ยวไปได้ ๓ กิโลเมตร ทางขวามือจะมีรีสอร์ทที่น่าพัก บรรยากาศแจ่มแจ๋ว ราคาถูก บ้านหลังโตหากพักหลายคนเฉลี่ยออกมาแล้วจะถูกมาก ชื่อเชียงราย คันทรี ฮิลล์รีสอร์ท ที่นี่มีร้านอาหารด้วย โดยเฉพาะอาหารพื้นเมืองเหนือทำอร่อยทีเดียวเคยมาชิม มาพักและเล่าให้ฟังไปแล้ว วันนี้อยากชิมไวน์ กับไข่เจียวหมูสับเร็ว ๆ และก็เย็นแล้วด้วยจึงตกลงพักที่นี่ ก่อนที่ผมจะลืมขอบอกเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ก่อน เชียงราย คันทรี ฮิลล์รีสอร์ท โทร ๐๕๓ ๗๘๖๐๘๐ โทรในกรุงก็ได้ (แต่เอาแน่ไม่ค่อยได้) ๐๒ ๖๙๑๔๑๒๓  ส่วนโรงงานไวน์ติดต่อได้ ๒ แห่ง คือที่โรงงานที่แม่สรวย ๐๑ ๙๑๔๙๑๖๕ และในกรุงเทพ ฯ ๐๑ ๘๕๔๘๒๔๑ ซึ่งเขามีบริษัท ไนโอ แนชเชอรัล เบเวอรริจ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายอยู่แถวดอนเมือง ถนนสรงประภา หลังสถานีรถไฟ ๐ ๒๕๖๖๑๖๐๑ - ๒,๐๑ ๖๔๑๓๑๖๑ เขาขายยกลังหรือขายปลีกไม่เคยไป แต่ไวน์สมุนไพรมีขายแน่ที่จัสโก้ และฟู๊ดแลนด์
            ที่เชียงราย คันทรี ฯ มีห้องอาหาร ศาลากว้างขวาง วันที่พักกำลังอากาศเย็นด้วย จึงสนุกด้วยการดื่มไวน์ที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น รีบสั่งอาหารมาดังนี้.-
            ปลาทับทิม ทอดกระเทียมพริกไทย ทอดสีเหลืองโรยกระเทียมหอมฟุ้ง จะเอามากินกับไวน์ขาวโด่ไม่รู้ล้ม
            สั่งไข่เจียวหมูสับ เดินเข้าไปสั่งถึงในครัว ต้องให้ได้ไข่ทอดสมใจในแบบที่ชอบ กรอบนอกนิด ๆ ร้อน ฟู กินไข่เจียวหมูสับแล้ว ดื่มไวน์แดง กระชายดำ สลับกับไวน์แดง กระท้อน อร่อยสนุกพิลึก เข้ากันจริง ๆ
            แหนมฝีมือแม่ครัวเอกของโรงงานไวน์กับไส้อั่วของเขาใช้ได้ ผัดผักรวม ฤดูหนาวผักงามนัก
            และต้มยำเห็ดเอามาซดร้อน ๆ แล้วดื่มไวน์ตาม ยังไม่หายอยาก ยำหมูยอเอามาอีกจาน แล้วกินข้าสวยร้อน ๆ ซดต้มยำ ตามด้วยไวน์โด่ไม่รู้ล้ม เป็นจบรายการมื้อค่ำวันนี้ ขืนกินอย่างนี้สัก ๓ มื้อพุงก็โตขึ้นอีก ๓ กิโลกรัม

------------------------

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |