| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

วัดมงคลจินดาราม(ไร่ขิง)

            ถ้าบอกว่าไปวัดมงคลจินดาราม คนฟังคงจะ ๙๙.๙ เปอร์เซนต์บอกว่าไม่รู้จัก แต่ในทางกลับกันหากบอกว่าไปวัดไร่ขิง น้อยคนที่จะไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย วัดไร่ขิง (ชื่อทางราชการ) เป็นวัดโบราณเก่าแก่มานานแล้ว หากจะไปวัดไร่ขิงโดยไปจากกรุงเทพ ฯ ก็ไปตามถนนบรมราชชนนีซึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพระปิ่นเกล้า แล้วขึ้นถนนยกระดับบรมราชชนนี วิ่งรวดเดียวไปลงพุทธมณฑลสาย ๒ รวดเร็วมาก ถนนสายนี้เกิดขึ้นและสำเร็จได้ก็ด้วย พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชดำรัสให้สร้างขึ้น จึงขอพระราชทานนามว่าพระบรมราชชนนี จากถนนบรมราชชนนีวิ่งต่อไปตามถนนสายพุทธมณฑล - นครชัยศรี จนถึงถนนพุทธมณฑลสาย ๕ ก็เลี้ยวซ้ายวิ่งไปสัก ๒ กิโลเมตรเศษ จะมีถนนแยกขวามีป้ายปักปากทางว่าไปวัดดอนหวาย ไปวัดไร่ขิงเลี้ยวขวาตรงนี้ ถ้าวิ่งตรงไปเรื่อยจนไปพบกับถนนพุทธมณฑลสาย ๖ หากเลี้ยวซ้ายจะไปวัดไร่ขิง หากข้ามถนนตรงต่อไปวิ่งกันสุดทางก็ไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงริมแม่น้ำนครชัยศรี ซึ่งมีลานสนามบาสเกตบอลของโรงเรียนวัดดอนหวาย เป็นที่จอดรถได้อย่างสะดวกในวันหยุดราชการ ตั้งแต่ข้ามถนนมาแล้วก็จะเข้ามาอยู่ในบริเวณวัดดอนหวาย ซึ่งเมื่อไปวัดไร่ขิงแล้วผมจะพากลับมาหาของอร่อยกินกันที่ตลาดหลังวัดดอนหวาย ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ ขอให้ท่านจำทางเข้าตลาดหลังวัดดอนหวายไว้ให้ดี ๆ ก่อนก็แล้วกัน
            วัดไร่ขิง อยู่ริมฝั่งแม่น้ำนครชัยศรี อยู่ในเขตท้องที่ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม มีพื้นที่มากถึง ๒๔๔ ไร่
            เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๖ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญานวโรรส ได้เสด็จไปที่วัดไร่ขิง และได้ตั้งชื่อวัดเสียใหม่ว่า วัดมงคลจินดาราม แต่ได้ทรงให้วงเล็บต่อท้ายไว้ว่า "ไร่ขิง" จึงกลายเป็นวัดมงคลจินดาราม (ไร่ขิง) แต่ในทางราชการยังคงใช้ชื่อว่า "ไร่ขิง"
            วัดไร่ขิง มีอุโบสถลักษณะเป็นทรงโรง ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีขนาดกว้าง ๔ วา ๒ ศอก ยาว ๑๒ วา สูง ๘ วาเศษ ฝาผนังก่ออิฐถือปูน หน้าบันแกะสลักเป็นลายพุดตาลติดช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสลับสีงดงามนัก ซุ้มประตูเป็นลายปูนปั้นเครือเถา บานประตูด้านนอกเป็นลายรดน้ำรูปท้าวจตุโลกบาล ด้านในเป็นรูปสี่ศุรเขี้ยวกางและอื่น ๆ ติดพันด้วยสัตว์ประหลาดตามจินตนาการของช่างเขียนในสมัยนั้น บานหน้าต่างเป็นลายรดน้ำรูปต้นไม้พร้อมด้วยสิงสาราสัตว์ ด้านในเป็นภาพเขียนสีดอกไม้ ส่วนซุ้มหน้าต่างเป็นรูปปูนปั้นลายเครือเถาเช่นเดียวกับซุ้มประตู
            ภายในอุโบสถมีพระประธานองค์สำคัญ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ที่ไปนมัสการหรือชาวบ้านจะเรียกกันว่า หลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์ ประทับนั่งปางมารวิชัย แบบประยุกต์ พระพุทธรูปมีลักษณะผึ่งผายคล้ายพระเชียงแสน พระหัตถ์เรียวงามตามแบบสุโขทัย แต่เฉพาะพระพักตร์กลับไปดูคล้ายรัตนโกสินทร์ ประดิษฐานเหนือฐานชุกชี มีขนาดหน้าตักกว้าง ๔ ศอก ๒ นิ้ว สูง ๔ ศอก ๑๖ นิ้วเศษ
            หลวงพ่อวัดไร่ขิงถูกอัญเชิญมาจากวัดที่กรุงเก่า (พระนครศรีอยุธยา) มาประดิษฐานในอุโบสถวัดไร่ขิง และในตอนที่ทำพิธีอัญเชิญหลวงพ่อให้ขึ้นมาจากแพ ที่ล่องมาจากกรุงเก่านั้นได้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ และการเชิญช่วงนี้ เป็นการเชิญเข้าสู่ปรำพิธี สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นคือ บังเกิดมีเมฆดำทมึน ฟ้าคนองก้องเกิดฝนตกลงมาทันทีเป็นสายฝนบาง ๆ โปรยลงมาให้เห็นความมหัศจรรย์ และโปรยลงมาเพียงให้บังเกิดความร่มเย็นชุ่มฉ่ำ ทำให้พุทธศานิกชนที่ไปร่วมพิธี ได้รับความเย็นชุ่มฉ่ำโดยทั่วหน้า จึงมีความเชื่อกันว่าเกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และอำนาจพระพุทธคุณของหลวงพ่อวัดไร่ขิง ดลบันดาลให้เกิดขึ้น จากนั้นจึงมีการอัญเชิญเข้าสู่อุโบสถ
            ดังนั้น ใครที่ไปวัดไร่ขิงต้องเข้าไปนมัสการหลวงพ่อ (ถ้าเป็นพุทธศาสนิกชน) ขอพรท่านแต่ขอแล้วเราเองต้องประกอบคุณความดีด้วย ยึดมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนแล้วจะอธิษฐานขอสิ่งใดที่ไม่เกินกว่าที่จะสมควรได้รับแล้วก็มักจะสมปรารถนา อย่าไปถึงขนาดทำบุญหยอดตู้ ๑๐ บาท แล้วขอให้หลวงพ่อช่วยให้ถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ ๑ ก็แล้วกัน
            ที่หน้าโบสถ์มีตู้วัตถุมงคลให้เช่าบูชา มีพระพุทธรูปจำลองของหลวงพ่อให้บูชา ดอกไม้ธูปเทียนเป็นของวัด และทางด้านซ้ายของโบสถ์ก็มีแผงขายสลากกินแบ่งจำหน่ายในราคาเกินมากมายหลายเจ้า ใครอธิษฐานแล้วตั้งใจทำความดี ก็ไปซื้อเสี่ยงโชคได้เลย ส่วนทางขวาของอุโบสถจะมีพระสงฆ์มานั่งคอยรับสังฆทานซึ่งมีผู้ถวายกันมาก จนต้องถวายรวมทีละหลาย ๆ คน แล้วท่านก็ให้พรพร้อม ๆ กันไปเลยทีเดียว ถังสังฆทานมีขายอยู่ข้าง ๆ อุโบสถนั่นแหละ
            ภายในบริเวณวัดนอกเหนือไปจากแผงขายสลากกินแบ่งมากมายแล้ว ก็ยังมีแผงและร้านขายผลไม้ เพราะนครปฐมนั้นเป็นเมืองผลไม้ ยิ่งส้มโอยิ่งมีชื่อเสียงมากยิ่งกว่าจังหวัดใด ๆ ร้านขายส้มโอ แตงโม จึงมีมากมาย เรียกว่าในบริเวณวัดนั้นร้านโรงต่าง ๆ เต็มไปหมด ร้าน ลานจอดรถ เจอเข้า ๒ รายการนี้ก็แทบจะเต็มบริเวณวัด ห้องสุขาก็อยู่ใกล้ ๆ อุโบสถนั่นเอง พอใช้ได้
            ถนนที่เป็นทางเดินคอนกรีต ไปสู่ท่าน้ำด้านขวาของถนนจะเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวทุกร้านมีทั้งก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ทุกเจ้าจะมีของหวานเป็นไอศกรีมกะทิทั้งนั้น เดิมเขาไม่ได้มีทุกร้านผมไปเขียนเชียร์เข้าร้านหนึ่ง เลยทุกร้านมีไอศกรีมหมดก็ดีเหมือนกัน ร้านที่ผมเขียนเชียร์ไปแล้วอยู่ริมแม่น้ำเลยทีเดียว คือต้องเดินไปตามทางคอนกรีตนี้จนสุดทางก็จะลงไปยังแพเพื่อดูปลา ดงมัจฉาของวัดอยู่ที่นี่ หากไม่ลงแพดูปลาร้านทางขวามือไม่มีชื่อ ดูเหมือนเขาจะขึ้นป้ายตามที่ผมเรียกเขาเอาไว้ คือ "ร้านนี้ไม่มีชื่อ" ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อยมาก ต้มยำของเขานี่ซดน้ำชื่นใจ หมูบะช่อที่วางมาโตเท่าฝ่ามือเด็กอายุสัก ๘ ขวบ คิดดูแล้วกันว่าโตแค่ไหน จะแห้งหรือน้ำอร่อยหมด พอเขียนชมเขาไปเขากลัวการบริการไม่ดี เขาก็เพิ่มบริการ เพิ่มแพในน้ำ เพราะร้านของเขาสุดทางขยายไม่ออกแล้ว เขาจึงขยายลงน้ำ ตั้งโต๊ะในแพที่ลอยในแม่น้ำนครชัยศรี เท่านั้นยังไม่พอ เอาน้ำฉีดขึ้นบนหลังคาดับความร้อนโดยไม่ต้องใช้พัดลม เลยกลายเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำตก (ตกใส่หลังคา) ไปเลย พอขายดีหนักเข้าไปคราวหลังนี่ (เจ้าของร้านไม่รู้จักผม) เห็นมีทอดมัน สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ ฯ เพิ่มขึ้นมาพอใช้ได้ ส่วนก๋วยเตี๋ยวนั้นไม่ช้า ไม่ต้องรอนานหากกลัวช้าก็ลองท้องเสียด้วยข้าวเกรียบปากหม้อ จบคาวแล้วปิดท้ายเสียด้วยไอศครีมกะทิ
            ก่อนมาถึงวัดไร่ขิง ผมได้เกริ่นถึงวัดดอนหวายไว้ก่อนแล้ว และถึงวัดดอนหวายก่อนซึ่งจะเข้าทางถนนพุทธมณฑลสาย ๕ หรือ สาย ๖ จะผ่านหน้าวัด สาย ๕ ก็ต้องเลี้ยวขวาตรงเข้าวัดไปเลย ไปจนสุดทางจะถึงริมแม่น้ำ วันหยุดลานสนามบาสเกตบอลของเขากว้างขวาง อาศัยจอดรถได้สบาย และในวัดศุกร์จะมีตลาดนัดในตอนเช้า ผมเคยไปเจอตลาดนัดเขานัดกันพอดี อาหารการกินแยะทีเดียว วันที่ไปเจอเอาไข่เต่า ไม่ใช่เต่าทะเล เรียกว่าเต่านาก็แล้วกัน ไม่ทราบว่าสงวนพันธุ์ห้ามขายไข่หรือจับเต่ามากินกันหรือยัง แต่ที่แน่ ๆ คือจังเต่ามาขายเพื่อปล่อยเต่ากันตามวัดนั้นมีอยู่ทั่วไป ใกล้ ๆ บ้านผมก็มีอยู่วัดหนึ่งคือวัดลาดพร้าว มีทั้ง หอยขม เต่า ปลาไหล และปลาให้ซื้อปล่อยกัน คนซื้อ ๆ แล้วก็ต้องปล่อยที่ลำคลองข้าง ๆ วัดนั่นเอง ไม่ทราบว่าคนขายมีวิธีการจับคืนกลับมาหรือเปล่า เมื่อก่อนนี้เคยเจอที่วัดพนัญเชิงแทบจะโดนนักเลงใหญ่แถวนั้นเล่นงานเอา แต่ตัวผมก็โตเหมือนกัน คนสูง ๖ ฟุตนั้นหาไม่ได้ง่ายนักในหมู่ชายไทยเลยรอดตัวไป สาเหตุผมไปนมัสการหลวงพ่อวัดพนัญเชิงอยุธยา ซึ่งเมื่อก่อนนี้ขอทานแน่นวัด แต่เดี๋ยวนี้ทางการจะเอาจริงหรือเอาจริงรับมือเมสซิ่งไทยแลนด์ก็ไม่ทราบ ผมจะหาขอทานให้ได้ ๑๙ คนในวันเดียวกัน ผมทำไม่สำเร็จ หาได้แค่ ๓ คน ที่วัดลาดพร้าวนั่นแหละ หาขอทานไปทำไม ท่านผู้อ่านอาจสงสัยคือ ท่านอาจารย์ท่านหนึ่งวัดของท่านสร้างสวยมาก อยู่ในหุบเขาของถนนสายอำเภอหางดง - กับอำเภอสเมิง ที่จังหวัดเชียงใหม่โน่น ท่านบอกว่าให้ผมสะเดาะเคราะห์ ซึ่งต้องทำหลายวิธีด้วยกัน แต่วิธีหนึ่งคือต้องให้ทานแก่ขอทานภายในวันเดียวให้ได้ ๑๙ คน ๆ ละ ๑๐ บาท ส่วนภรรยาของผมต้องให้ ๑๖ คน ภายในวันเดียวเช่นกัน ผมเริ่มต้นที่วัดลาดพร้าวได้มา ๓ คน วิ่งไปวัดพระพุทธบาทสระบุรีนึกว่าแค่วัดเดียวก็พอ ไม่เจอสักคนเจอแต่ป้ายห้ามขอทานเข้าวัด เข้ามาจะจับ วิ่งไปวัดต้นสนที่อ่างทอง เจอแต่ป้ายเช่นกัน ไปอีกลงมาวัดหลวงพ่อมงคลบพิตร ไม่มีสักคน ไปวัดพนัญเชิงไม่เจอวิ่งกลับกรุงเทพ ฯ ไปตลาดนัดสวนจตุจักรที่กำลังมีนัดไม่มีอีก หากทำได้จริงบ้านเมืองก็คงเป็นสุขขึ้นแยะ และขอทานเหล่านี้มักจะไม่ใช่คนไทยด้วย เป็นพม่า เป็นเขมร รายได้ดีกว่ารายได้รายวันของกรรมกรไทยเสียอีก เลยบอกท่านอาจารย์ว่ายอมแพ้ครับ เรื่องให้ทานขอทานให้ผมทำบุญทางอื่นดีกว่า วัดพนัญเชิงเมื่อก่อนขอทานแยะ และใครจะปล่อยเต่า ปล่อยปลาอะไรก็ซื้อได้ในวัด ซื้อแล้วคนขายจะขู่ให้ปล่อยที่ท่าน้ำของวัด ผมไม่ชอบให้ใครมาขู่ผมก็เลยบอกว่าจะไปปล่อยกลางทุ่งนาไกล ๆ เพราะมีรถมา อ้ายคนขายก็เดินตามตื้อให้ปล่อยที่ท่าน้ำ ผมก็เดินขึ้นรถขับออกไป มันจะทำหน้าตาถมึงทึงอย่างไรก็ช่างหัวมัน เดี๋ยวนี้วัดพนัญเชิงไร้ขอทาน ไร้คนขายปลา ขายเต่า เขามีขายเหมือนกันแต่อยู่ริมถนนก่อนถึงวัดพนัญเชิง ใครซื้อตรงนี้แล้วไปปล่อยที่ท่าน้ำวัดพนัญเชิงก็ไม่มีใครตามมารังควานแล้ว
            ตลาดนัดลานโรงเรียนวัดดอนหวายนั้นสนุก  ของขายแยะราคาถูกมีทั้งของกิน ของใช้ห้องน้ำก็มีอาศัยของโรงเรียน แต่ตอนที่ผมไปครั้งแรก ๆ นั้น ไม่มีขันตักน้ำทั้ง ๆ ที่มีน้ำให้เต็มอ่าง ซึ่งจะเป็นต้นเหตุของความสกปรก คนไทยเราเดี๋ยวนี้ศิวิไลย์มากแล้ว ขอให้มีเครื่องทำความสะอาดให้เขา เขาก็จะช่วยกันทำ มีขันน้ำ มีน้ำเป็นสะอาดแน่ บริการสาธารณะต้องคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ตอนนั้นผมกลับมาจากเที่ยวตลาดนัดของเขาแล้วก็เอามาเขียนไว้ในไทยรัฐ บอกว่าใครไปเที่ยวหาขันน้ำไปฝากห้องสุขา โรงเรียนวัดดอนหวายด้วย เข้าใจว่าป่านนี้โรงเรียนคงต้องตามเก็บขันน้ำเอาไปเก็บไว้แล้ว เพราะขนาดตลาดยังคึกคัก ร้านรวงแน่น ร้านอาหารเพิ่ม อาหารประเภทตามสั่งเปิดร้านขายที่ริมแม่น้ำ อาจจะเป็นผลของการไปเชียร์เข้าก็ได้เพราะทำสำเร็จมาหลายแห่งแล้ว และวันที่ตลาดนัดก็ซื้อไข่เต่าเอาไปยำในตอนเย็น ซื้อหมูแดดเดียวที่มีขายอร่อยทีเดียว วันนั้นมีอยู่เจ้าเดียว ตอนนี้ไม่ทราบว่าเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า เจอข้าวเม่าคลุกเข้าเจ้านึ่งหอม นุ่มเหลือประมาณ ถามไถ่ได้ความว่าใช้น้ำมะพร้าวพรมให้ข้าวเม่านุ่ม จึงไม่นุ่มเปล่า ทั้งนุ่ม ทั้งหอม อาหารสด ปลาสดมีมากมาย และตั้งแต่ไปวันนั้นแล้ว ยังไม่มีโอกาสไปตลาดนัดที่ลานบาสเกตบอล โรงเรียนวัดดอนหวายอีกเลย แต่ที่ไปครั้งหลังเห็นแต่ลานบาส ฯ กลายเป็นลานจอดรถเต็ม เพราะท่านที่ไปตามรายการของผม ท่านเชื่อดีแท้ ท่านไปจอดรถกันที่ลานนั้นเข้าตลาดทางนี้ ไม่ไปเข้าอีกทางหนึ่ง ส่วนทางไหนจะเรียกหัวเรียกท้ายตลาดผมไม่ทราบ ผมเอาทางลานบาสเกตบอลโรงเรียนเป็นทางหัวตลาดก็แล้วกัน
            ตลาดหลังวัดดอนหวายนี้กำลังหายากแล้ว เพราะจะถูกรื้อทิ้งปลูกสร้างเป็นตลาดแบบใหม่คือเป็นตึกแถว ที่ล้อมตลาดสดเอาไว้ แต่ดอนหวายยังเป็นตลาดเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ปีก็แล้วกัน คือต้องเป็นตลาดหลังคาสูงมากแล้วมีร้านเป็นเรือนแถวไม้ อยู่อาศัยเสร็จ อยู่ใต้หลังคาสูงและมีหลังคาของร้านเองทับอีกที มีสองฟากของทางเดิน ถึงบอกว่าลักษณะตลาดแบบนี้หายากแล้ว และมักจะต้องเป็นตลาดริมแม่น้ำด้วย
            ไปครั้งสุดท้ายเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง พบว่าชาวตลาดชักรู้จักผมแยะ เพราะจำเป็นต้องไปแสดงตัวครั้งหนึ่ง สาเหตุที่ผมเขียนชวนชิมเป็ดพะโล้ร้านนายหนับ แต่อีกด้านของตลาดเขามีเป็ดพะโล้ร้าน "นายโอ" ร้านนายโอคงสนิทกับช่างภาพไทยรัฐ แต่เขาว่าสนิทกับเมียกำนัน กำนันอะไรผมไม่ทราบ จึงให้ช่างภาพที่จะถ่ายภาพมาลงไทยรัฐไปถ่ายเป็ดร้านนายโอ ติดชื่อร้านเลยทีเดียว ส่วนในเรื่องที่เขียนลงนั้นผมเขียนเป็ดพะโล้ร้านนายหนับ แฟนของผมท่านก็ดีใจหาย ท่านก็เดินไปตามทางที่ผมบอกครั้งแรก ไม่ใช่เข้าทางลานจอดรถเหมือนที่บอกวันนี้ ก็จะต้องเดินผ่านร้านนายโอไปก่อน นายโอนั้นเขียนป้ายปักทั่วไปหมดว่าเป็นร้านที่ลงไทยรัฐ ส่วนร้านนายหนับไม่เขียนป้ายอะไรทั้งนั้น เพราะคนอ่านถือหนังสือพิมพ์เดินผ่านร้านนายโอ ไปซื้อนายหนับกันมาก นายหนับเลยไม่ต้องปักป้ายอะไร นายหนับนั้นตายไปนานแล้วเหลือแต่ลูกสาวนายหนับ เขาก็หาทางติดต่อผมขอเชิญไปปรากฏตัวอีกสักครั้ง และผมเขียนพาดพิงถึงไว้หลายร้าน พอไปเข้าจริงผมและคณะก็จัดการซื้อเป็ดกันให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วจึงมีอาจารย์ที่ร่วมคณะท่านหนึ่ง ใช้วิธีแบบ ๒๐ คำถาม จนลูกสาวนายหนับร้องฮ้อ แล้วบอกว่าท่านคนนี้แน่แล้วคือ พลเอก โอภาส เลยรู้จักกัน แกก็เที่ยววิ่งป่าวร้องว่าผมมาแล้ว ร้านค้าทั้งหลายทั้งที่เขียนถึง หรือไม่ได้เขียนถึงเขาก็ดีใจกันใหญ่ที่เจอดาราตัวจริงเข้าแล้ว กลายเป็นอย่างนั้นไป ส่วนที่ซื้อเขาผมไม่ยอมรับฟรีจ่ายเงินไป แต่เขาก็พยายามยัดเยียดให้ของฝากกัน ยิ่งไปครั้งหลังยิ่งอาการหนัก แต่ก็ขอร้องกันว่าอย่าให้ฟรีให้ลดราคาพอสมควรได้ ไม่งั้นผมหาของอร่อยกินไม่ได้ ไปเชียร์ว่าของเขาอร่อยพอเขารู้จักเรา ไปครั้งหลังเขาก็จะไม่เอาสตางค์ เท่ากับตัดการติดต่อผมก็ก็ไม่ไปอีก ร้านนายหนับเขาก็โดนมาแล้ว ว่ามาอ้างเป็นผมแล้วขอเป็ดเขาไปตัวหนึ่ง เขาก็ให้ทานไปและรู้ว่าไม่ใช่ผมแน่นอน พลเอกอะไรไปขอเป็ดเขากิน
            พอเข้าตลาดทางด้านที่ผมว่า จะผ่านไปตามลำดับเอาที่เคยชิมแล้ว เพราะตอนนี้ได้บอกแล้วว่าร้านเพิ่มมากขึ้นมากมาย คนเที่ยวก็มากด้วย
            เข้าไปขวามือ มะพร้าวน้ำหอม แช่เย็นชื่นใจ หวานเจี๊ยบ ซื้อขากลับออกมาแหละดี จะได้หิ้วถุงมาดื่มที่รถ หวานเย็น ชื่นใจ
            ขนมตาล แม่ไข่ อยู่ใกล้ ๆ กัน แขวนป้ายชื่อเอาไว้ หวานหอม ได้กลิ่นขนมตาลแท้ซื้อตอนกลับออกมา
            เป็ดพะโล้นายหนับ อยู่ขวามือ เดี๋ยวนี้มีป้ายชื่อร้านป้ายโต และเอาบทความที่ผมเขียนรวมทั้งนามบัตรที่ให้เขาไว้ใบหนึ่ง ไปขยายติดไว้ที่หน้าร้านให้รู้ว่าร้านนี้ของแท้แน่นอนที่ผมไปชิมเป็ดของเขานั้นเนื้อนุ่มเหลือประมาณ รสเข้าเนื้อเคี้ยวกำซาบเข้าในลิ้น น้ำจิ้มรสดี น้ำราดเป็ดราดให้ชุ่มฉ่ำ ร้านของเขาไม่มีโต๊ะให้นั่งกิน ต้องซื้อกลับมาบ้าน ผมซื้อวันแรกถือไปเปิดห่อกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เพราะรอกลับถึงบ้านไม่ไหว และหาซื้อกลับบ้านก็ขนซื้อให้ครบ เป็ดพะโล้ตัวละ ๑๕๐ - ๑๗๐ บาท เป็ดตุ๋นฟักสักถุงหนึ่ง เครื่องในอีกถุง มีอะไรใส่ถุงไว้ซื้อหมด ยิ่งเลือดเป็ดพะโล้ยิ่งวิเศษ ของดีราคาถูกถุงละ ๑๐ บาท กินกันทั้งครอบครัว และตอนหลังได้ความว่าเฉพาะวันอังคาร กับวันศุกร์มาเปิดขายอยู่ข้างธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ตรงข้ามสวนจตุจักร แต่ยังไม่ได้ไปซื้อสักที แต่เขายืนยันแล้วว่านายหนับแน่นอน
            ข้าวเม่าคลุกแม่เส่ย ข้าวเม่าเจ้านี้คือเจ้าที่ไปขายในตลาดนัดวันศุกร์ ชื่อแม่เส่ย อยู่เลยร้านเป็ดเข้าไปหน่อยทางซ้ายมือ มีข้าวเม่าคลุก ขนมต้มขาวอร่อยที่สุด ไส้ของเขาหวานหอม พอขบต้มขาวแตกถึงไส้กลิ่นของความหอมจะพุ่งขึ้นมา พอเคี้ยวความหวานหอมจะตามมาทันที และยังมีขนมอื่นอีกเช่น วุ้น ขนมเจ้นีย์ จริง ๆ แล้วชื่อเขาไพเราะชื่อ  อัฐนีย์ ขนมหวานมากมาย ทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ฟักทอง สังขยา สารพัดขนมก็แล้วกัน แต่วันที่ไปครั้งหลังนี้มีขนมตามฤดูกาล คือ ดอกโสนคลุกแบบข้าวเม่าคลุก ซื้อมาชิมอร่อยดีเหมือนกัน ขนมของเขาอร่อยและราคายังคงระดับถูกกันเอาไว้ทุกร้าน ผมก็เลยเตือนเขาไปว่าขายดีมากแล้วอย่าฉวยโอกาสรักษาความดีเอาไว้ เปิดตลาดให้แล้วรักษาลูกค้าเอาไว้ แค่ร้านเป็ดพะโล้ยอดขายเขาเพิ่มจากวันละประมาณ ๑๕๐ ตัว เป็นวันละ ๔๐๐ ตัว และ ๖ - ๗๐๐ ตัว ในวันหยุด แค่นี้ก็รวยตายแล้ว รู้ข่าวผมทอดกฐินทอดผ้าป่าช่วยผมทำบุญบ้างก็แล้วกัน เราทำเพิ่มช่วยสังคม พระดี วัดดี คนรอบวัดจะดี แล้วเขาก็จะมุ่งอาชีพที่ดี เกิดการ "อยู่ดี กินดี มีสุข" ผมทำบุญเพื่ออย่างนี้ครับ เข้าหลักยุทธศาสตร์พระราชทาน
            ห่อหมกแม่ประทิน เป็นร้านสุดท้ายที่เคยชิมไว้ในตลาดดอนหวายนี้ ห่อหมกแม่ประทินนั้นเป็นเลิศ แต่ดูเหมือนจะขึ้นราคาไป ๒๕ บาทแล้ว แต่ของเขาก็อร่อยจริง ๆ และต้องไปเช้าหน่อย เพราะสาย ๆ ก็หมดแล้ว ตั้งเตานึ่งห่อหมกอยู่เยื้อง ๆ กับร้านขนมเจ้นีย์นั่นแหละ
            จึงขอเชิญชวนไปนมัสการหลวงพ่อวัดไร่ขิง และหากเรามั่นใจว่าเราทำความดีแล้ว ไม่มีชั่วชนิดที่ซ่อนไว้แต่ใจเรารู้อยู่ ไปนมัสการท่านแล้วลองขอพรท่านดูจะสำเร็จสมดังที่ตั้งจิตอธิษฐานในเร็ววัน
------------------------

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |