| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

สระแก้ว (๒)

            จากตัวเมืองสระแก้วเดินทางต่อไปตามถนนสุวรรณศร หรือ ทางหลวงแผ่นดินสาย ๓๓ ก็จะไปถึงอำเภอวัฒนานคร ซึ่งตรงสี่แยกที่จะเข้าอำเภอนี้ หากเลี้ยวขวาจะมายังวัดนครธรรม ซึ่งหน้าวัดติดกับที่ว่าการอำเภอวัฒนานคร ห่างจากสถานีรถไฟและถนนสุวรรณศรประมาณ ๑ กิโลเมตร วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่จะวิ่งเข้าหน้าวัดไปทะลุหลังวัดก็ได้ หรือจะวิ่งอ้อมวัดไปทางหลังวัดก็ได้ วิ่งอ้อมไปทำไม เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง ส่วนภายในวัดทางขวามือ มีวิหารหลวงพ่อขาว เป็นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ สร้างด้วยปูนมีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือของชาวเมืองและทั่วไป และยังมีพระบรมสารีริกธาตุ ที่อัญเชิญมาจากวัดเปมะดุลลาชะมหาวิหาร เมืองรัตนปุระ ประเทศศรีลังกา
            ที่ผมบอกว่าทะลุออกหลังวัดนครธรรมไปแล้วมีอะไรจะเล่าให้ฟัง "มีข้าวหลาม" โดยที่เข้าหน้าวัดนครธรรมไปแล้ว ผ่านวิหารหลวงพ่อขาวทางซ้าย ผ่านสระน้ำโบราณ ทะลุออกประตูหลังวัดหรือจะอ้อมมาตามถนนข้างวัดก็ได้ เมื่อออกหลังวัดแล้ววิ่งไปตามถนนจะโค้งซ้าย พอถนนโค้งขวาก็ตรงมุมนั่นแหละ คือข้าวหลามเจ้าอร่อยที่ลือชื่อเลยทีเดียว ชื่อข้าวหลามป้าบาง ไปครั้งหลังนี้ผมเห็นยกป้ายว่า "ผู้ว่าชวนชิม" เมื่อก่อนหน้านี้ประมาณปี ๒๕๔๓ หรือต้นปี ๒๕๔๔ ผมตระเวนหาป้าบางจนพบแล้วนำมาเขียนเล่าให้ฟัง ว่าป้าบางเขานำข้าวหลามออกมาขายข้างนอกถนนด้วย ตรงร้านเซเว่น ฯ มีแผงตั้งขายแต่วันที่ผมไปที่แผงไม่มีขายแล้ว ก็เที่ยวสอบถามเขาว่าป้าบางแกเผาข้าวหลามอยู่ตรงที่ไหน ก็ทราบว่าให้ทะลุวัดนครธรรมออกไป ก็ตามไปจนพบ ไปคราวนี้ปรากฎว่า ข้าวหลามไม่ทราบว่าป้าอะไรบ้าง ออกมาตั้งขายกันริมถนนของวัฒนานครหลายเจ้า นอกจากป้าบางผู้ว่าชวนชิมแล้ว ยังมีกลุ่มข้าวหลามบ้านพร้าว ตั้งขายกันเต็มไปหมด ซื้อได้จากแผงที่ตั้งขายกันที่ริมถนนสุวรรณศร ส่วนผมยังรักที่จะชิมป้าบางอยู่ จึงตามไปซื้อที่บ้านแกเลย กำลังเผาร้อน ๆ ซื้อแล้วต้องผ่ากินตอนร้อน ๆ เสียสักกระบอกหนึ่ง ราคาขาย ๓ กระบอก ๑๐๐ บาท ข้าวหลามวัฒนานครนั้นมีชื่อเสียงและทำไม่เหมือนใคร อร่อยใกล้เคียงกับข้าวหลามหนองมน แต่ไม่เหมือนกัน วัฒนานคร จะมีไส้สังขยาแทรกอยู่ในเนื้อข้าวหลาม กระบอกจะใช้มือฉีกได้เลย กินพร้อมกันทั้งไส้และข้าวเหนียวอร่อยนักแล และยังมีแบบไม่มีไส้ มัดละ ๒๕ บาท ใครไม่ชอบหวานจัด ชอบมันอย่างเดียวก็ซื้อแบบไม่มีไส้
            วัฒนานคร ยังมีของอร่อยอีกหากกลับจากอรัญประเทศ มาผ่านสี่แยกวัฒนานคร ที่เลี้ยวซ้ายมาวัดนครธรรม หากไม่เลี้ยวตรงมาทางจะมา อำเภอเมือง ฯ ประมาณ ๑ กิโลเมตร ทางซ้ายมือจะมีก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น เป็ดตุ๋น "ผู้ว่าชวนชิม" ก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้น้ำซุบเด็ดนัก ซดแล้วหยุดไม่ได้
            วัฒนานครยังมีอีกของอร่อยหรือของฝากคือไวท์กระชายดำ มีเพิงขายอยู่ข้างทางมากมายหลายเพิง ราคาไม่แพง แต่ผมยังไม่เคยชิม จึงไม่รับรองความอร่อยของไวท์ ท่านต้องลองชิมดูเอง
           สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน  ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองหมากฝ้าย มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ ๔๐๐ ไร่เศษ จากสี่แยกวัฒนานครให้เลี้ยวซ้ายไป (มาจากอำเภอเมือง ฯ) มีป้ายบอกทาง ไปเส้นทางเดียวกับไปอุทยานแห่งชาติปางสีดา จะผ่านอ่างเก็บน้ำท่ากระบากไปประมาณ ๕๐๐ เมตร แล้วจะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก ๓ กิโลเมตร ถนนดีไปสะดวก เมื่อไปถึงจะมีลำธารน้อย ๆ ที่ตอนผ่านถนนจะทำเป็นคอนกรีตให้น้ำผ่าน รถวิ่งข้ามไปได้ สถานีแห่งนี้เป็นหน่วยงานของส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ ตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเป็นแหล่งเพาะเลี้ยง ขยายพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งหายาก และใกล้จะสูญพันธุ์ เป็นสถานีวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ป่า เป็นการเลี้ยงสัตว์ป่าที่ให้อยู่ใกล้เคียงกับการอยู่ตามธรรมชาติให้มากที่สุด ส่วนมากสัตว์ที่ไม่ดุร้ายจะปล่อยให้หากินตามธรรมชาติ บางส่วนจะจัดทำเป็นสวนสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม มีสุนัขจิ้งจอก ละอง ละมั่ง วัวแดง กวางป่า จะอยู่ในกรงใหญ่บริเวณใกล้เคียงกัน ส่วนนกก็จะมีนกแก๊ก นกกก นกเงือกกรามช้าง นกเงือกปากย่น นกขุนทอง นกขุนแผน และสัตว์ปีกที่สำคัญที่สุดหายากมากคือ "เป็ดก่า" ที่ชาวสระแก้วถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของสระแก้วเลยทีเดียว ค่าเข้าชมคนละ ๒๐ บาท และที่ผมชอบมาก ๆ อีกอย่างคือ สุขาสะอาด และสร้างยังกับบ้านพักในป่า
            พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประดิษฐานบริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งหากเลี้ยวไปทางวัดนครธรรม จะผ่านสวนสาธารณะแห่งนี้ เมื่อ พ.ศ.๒๑๓๖ สมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปตีเขมร เพื่อจับพระยาละแวก ที่ชอบมาลอบตีกรุงศรีอยุธยา หรือชายแดนด้านตะวันออกนี้ในเวลาที่ไทยเกิดศึกกับพม่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงยกทัพไปตีได้เมืองละแวก และจับพระยาละแวกทำพิธีปฐมกรรมเสีย คือการตัดศีรษะเอาเลือดมาล้างพระบาท ซึ่งผมไม่ขอวิจารณ์ว่ากันมาอย่างไรก็เล่าไปตามนั้น จริงเท็จท่านต้องวิเคราะห์กันเอาเอง แต่ที่แน่ ๆ คือนับจากนั้นเป็นต้นมา เมืองละแวกก็ไม่มีโอกาสกลับเป็นราชธานีของเขมรอีกเลย เมืองละแวกอยู่เหนือขึ้นไปจากเมืองเสียมราฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครวัด และนครธม
            พระบรมรูปที่พระราชานุสาวรีย์แห่งนี้ประทับยืน ชูดาบ เหนือพระเศียร เป็นการประกาศชัยชนะและแสดงพระราชอำนาจในการปกป้องคุ้มครองแผ่นดินไทย มีความสูง ๒.๘๐ เมตร ส่วนที่ผมอัญเชิญพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ออกมาจากใต้ฐานพระบรมธาตุเจดีย์ที่เขาค้อ เพชรบูรณ์นั้น พระบรมรูปประทับนั่ง ซึ่งจะอัญเชิญออกมาไว้ยังศาล ๓ มหาราช ที่กำลังก่อสร้างที่เขาค้อ นำมาบอกกล่าวอีกครั้ง หากใครไปเที่ยวที่เขาค้อ ที่อากาศจะเย็นหรือหนาวตลอดปี เมื่อไปนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ที่องค์พระบรมธาตุ ได้รับพระราชทานมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๙ องค์ และนำมาบรรจุไว้ ณ พระบรมธาตุแห่งนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์จนผู้คนที่มานมัสการบนบานต่าง ๆ ได้รับความสำเร็จ ก็นำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ มาถวายไว้จนเต็มห้องพระบรมธาตุ จนผมซึ่งได้เสนอแนะการก่อสร้างมาตั้งแต่ต้นคือ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๔ ต้องหารือกับท่านเจ้าอาวาส สร้างศาลเพื่ออัญเชิญพระบรมรูปที่มีผู้นำมาถวายไว้ขนาดเท่าองค์จริง มีทั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก็ตั้งใจกันว่าจะทอดผ้าป่า เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๖ เพื่อสร้างศาลถวาย พอเริ่มแค่คิดเท่านั้น ก็มีผู้นำสมเด็จพระปิยมหาราชมาถวายอีก เลยต้องสร้างศาล ๓ มหาราช ด้วยเงินทุนที่ผมได้มาจากการทอดผ้าป่าเมื่อ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๖ เป็นเงินมากกว่าหกแสนบาท และยังทยอยบริจาคกันมาอีกเรื่อย ๆ ทั้งนี้เพราะศาลเดียวไม่งาม ปี ๒๕๔๗ ต้องสร้างอีก ๒ ศาล จึงจะอัญเชิญออกมาได้หมด ได้แก่ เทพจีนเช่น เจ้าแม่กวนอิม ฮก ลก ซิ่ว เป็นต้น และยังมีเทพฝ่ายอินเดียเช่น พระพรหม พระนารายณ์ จึงต้องตั้งอีกศาลหนึ่ง สร้างศาลมหาราชให้ใหญ่โตสมเกียรติแล้วสร้างอีก ๒ ศาล ให้มีขนาดเล็กกว่าแต่ต้องสอดคล้องกันให้งดงาม ถือโอกาสเอามาเล่าให้ฟัง พอเขียนเรื่องสระแก้วจบ ผมก็เดินทางไปเขาค้อไปตรวจการก่อสร้าง กลับมาคงมีร้านอาหารอร่อย ๆ รายทางมาฝากท่านผู้อ่านอีก ขออภัยที่เขียนเรื่องอำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว อยู่ดี ๆ เพ้อไปถึงเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์เรียกว่าถือเป็นโอกาสเขียน เพื่อชักชวนให้ท่านไปเที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ เขาบอกว่า "นอนเขาค้อหนึ่งคืนอายุยืนไปอีหนึ่งปี" คงจะแท้แน่นอน ไปเที่ยวเขาค้อ ไปนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก และอีกไม่กี่เดือนก็คงพาท่านไปกราบพระบรมรูปในศาล ๓ มหาราช หากไปศาลยังไม่เสร็จก็คงต้องกราบไหว้ท่านในห้องใต้พระบรมธาตุไปก่อน แต่ปีหน้าก่อนทอดผ้าป่าเพื่อการกุศลในเดือนเกิดคือเดือนกันยายนทุกปี รับรองว่าศาล ๓ มหาราช เสร็จแน่นอน
            ที่วัฒนานครนี้ยังมีเกี่ยวข้องกับประวัติตระกูลของผมอีกคือ บิดาของผมเมื่อยังรับราชการเป็นผู้บังคับหมวดช่าง ของกองบิน ๔ ซึ่งขณะนั้นกองบิน ๔ ยังตั้งอยู่ที่โคกกะเทียม ลพบุรี ไม่ใช่ตั้งอยู่ที่อำเภอตาคลี เช่นทุกวันนี้ ก่อนเกิดสงครามอินโดจีนเล็กน้อย บิดาได้รับคำสั่งให้นำกำลังไปสร้างสนามบินที่วัฒนานคร ผมยังสงสัยไม่ได้ซักถามรายละเอียดจากท่านไว้ ว่าสร้างได้อย่างไรไม่มีเครื่องจักรกลหนักเลย ซึ่งท่านพลอากาศโท อุตสาห์  ชัยนาม (น่าจะเป็นผู้บังคับฝูงบิน) ได้เขียนเล่าไว้ในหนังสือต่วยตูนรายปักษ์ว่า "ร.ต.สิน โพธิแพทย์ นำกำลังไปก่อสร้างสนามบิน จนเครื่องบินขึ้นลงได้" ก็เลยถือโอกาสบันทึกเอาไว้ด้วย
            สถานที่ท่องเที่ยวของวัฒนานคร คงจะมีเท่านี้
            อำเภอวังน้ำเย็น  อำเภอนี้ผมได้แนะนำเส้นทางไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าหากเรามาจากแปดริ้ว มาผ่านพนมสารคม ซึ่งมีทางแยกขวาไปยังสนามชัยเขต และจะไปบรรจบกับถนนสายสระแก้ว - จันทบุรี ได้เช่นกัน แต่ถนนเส้นนี้ยังไม่ได้พัฒนาขรุขระไปทั้งสาย ให้ไปเส้นใหม่คือจากพนมสารคาม วิ่งต่อมายังสี่แยกกบินทร์บุรี แต่พอมาได้สักพักเลยเขาหินซ้อนมาแล้ว จะเห็นป้ายยกไว้ใหญ่โตกว่าไปสระแก้ว ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสายใหม่ ๒ เลน แต่กว้างขวาง รถน้อย ถนนพึ่งสร้างเสร็จ เส้นนี้สร้างไปจนบรรจบกับถนนสายสระแก้ว - จันทบุรี เมื่อบรรจบแล้ว หากเราเลี้ยวซ้ายก็จะไปยังสระแก้ว เลี้ยวขวาจะมายังอำเภอเขาฉกรรจ์ อำเภอวังน้ำเย็น และกิ่งอำเภอวังสมบูรณ์ ไปโป่งน้ำร้อนและจันทบุรีได้เลย
            อำเภอวังน้ำเย็น จะมีหมู่บ้านหัตถกรรมจักรสานล้อมเซรามิค เช่น ให้เขาสานล้อมแจกัน ซึ่งที่หมู่บ้านจะมีการรวมกลุ่มของแม่บ้านผลิตจำหน่าย การจักสานด้วยไม้ไผ่ห่อหุ้มเซรามิค (หากที่อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง จะสานด้วยสวะหรือผักตบชวา) หมู่บ้านหัตถกรรมจักสานล้อมเซรามิค อยู่ที่หมู่ ๑๓ ตำบลทุ่งมหาเจริญ ไปตามทางหลวงแผ่นดิน ๓๑๗ พอถึงหลักกิโลเมตรที่ ๑๒๑ เลี้ยวขวาเข้าถนนตาหลังใน - คลองตาศูนย์ ไปประมาณ ๑๙ กิโลเมตร ก็จะถึงหมู่บ้านหัตถกรรม มีการสาธิตให้ชมด้วย
            โรงพยาบาลวังน้ำเย็น เป็นโรงพยาบาลต้นแบบทางด้านการบำบัดสุขภาพด้วยสมุนไพร และมีการปลูกสมุนไพรน่าจะมากที่สุด ปลูกเพื่อนำมาบำบัดโรค ส่วนแหล่งผลิตยา หรือเครื่องสำอางค์จากสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุด ต้องที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์ อำเภอเมืองปราจีนบุรี และเมื่อก่อนนี้ อำเภอวังน้ำเย็น และอำเภอเมืองปราจีนบุรี ก็ต้องขึ้นอยู่กับจังหวัดเดียวกันคือ จังหวัดปราจีนบุรี วังน้ำเย็นน่าจะเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบให้ก็ได้
            โรงพยาบาลวังน้ำเย็น อยู่ริมทางหลวงหมายเลข ๓๑๗ ประมาณกิโลเมตร ๑๐๕ มีบริการนวด ประคบและอบสมุนไพร จำหน่ายยาสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีบริการฝังเข็มเพื่อคลายกล้ามเนื้อ รักษาโรคไมเกรนและลดไขมันอีกด้วย
            กิ่งอำเภอวังสมบูรณ์  อยู่ในเส้นทางเดียวกัน เลออำเภอวังน้ำเย็นออกไป ติดต่อกับอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ที่อำเภอนี้เป้นแหล่งผลิตน้ำนมที่ใหญ่เป็นอันดับ ๒ ของประเทศ มีสมาชิกมากกว่า ๑,๐๐๐ ราย และมีโคนมมานับหมื่นตัว ผลิตน้ำนมได้มากกว่าวันละ ๗๐ ตัน มีระบบการจัดการที่ดี จนได้รับการคัดเลือกเป็นสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ในประเภทสหกรณ์การเกตร
            อำเภอคลองหาด  มีถ้ำน้ำ ถ้ำแห่งนี้ผมยังไม่เคยเข้าไปเที่ยว และหากผมจะไปตอนนี้อายุของผมอาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญ ผมเคยรับราชการที่ปราจีนบุรี เมื่อ ๔๐ ปี กว่ามาแล้ว สมัยนั้นอำเภอคลองหาด วังน้ำเย็นไม่มี เขาฉกรรจ์คือแหล่งล่าสัตว์แหล่งใหญ่ ถนนราดยางไปอรัญประเทศไม่มีแม้แต่เมตรเดียว มีแต่ถนนลูกรังบดอัดแน่น เดินทางไปอรัญประเทศต้องไปด้วยจิ๊บทหาร รถเก๋งพวกผมไม่รู้จัก เพราะไม่มีปัญญาจะซื้อมาขี่ มีจักรยานขี่ก็เก่งแล้ว ทหารที่โก้คือ ได้อยู่ในตำแหน่งที่มีรถจิ๊บขี่จะโก้มาก เช่น ผมเป็นนายทหารยุทธการของกองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒ ตั้งแต่มียศร้อยโท จึงมีรถจิ๊บประจำตัวคันหนึ่ง โก้อย่าบอกใครเลยทีเดียว แถมยังหนุ่มโสดทั้งแท่งด้วย สมัยนั้นจึงยังไม่มีใครรู้จักถ้ำน้ำ เดี่ยวนี้เขามีรายการท่องเที่ยวถ้ำน้ำแล้ว ผมขอลอกเอามาให้ทราบ ถ้ำน้ำตั้งอยู่บริเวณบ้านเขาจันทร์แดง ระหว่างเทือกเขาตาง๊อก และเทือกเขากกมะม่วง ถ้ำลึกประมาณ ๕๐๐ เมตร ระดับน้ำในถ้ำสูงตั้งแต่ ๑๐ - ๒๒๐ เซนติเมตร ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อยงดงามมาก บางบริเวณมีลักษณะคล้ายม่าน มีน้ำตกเล็ก ๆ ภายในถ้ำ การจะไปเที่ยวในถ้ำนี้ต้องติดต่อที่ว่าการอำเภอคลองหาด เพื่อให้หาผู้นำทางให้อย่าไปกันเอง หรือติดต่อประชาสัมพันธ์สระแก้ว ๐๓๗ ๔๒๑ ๐๑๙ เส้นทางไปถ้ำน้ำ จากอำเภอวังน้ำเย็น ๔๗ กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตรงทางแยกเข้าอำเภอคลองหาด ไปทางบ้านเขาจันทร์แดงอีก ๑๗ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าเขาตาง๊อกไปอีก ๑๘ กิโลเมตร จึงจะถึงปากถ้ำ
            อำเภอเขาฉกรรจ์  อำเภอนี้อยู่ห่างจากอำเภอเมืองเพียง ๑๗ กิโลเมตร ผมไล่อำเภอหลงทิศไป หากมาจากตัวเมืองสระแก้ว แล้วเลี้ยวขวามาตามถนน ๓๑๗ ที่ไปจันทบุรี ๑๗ กิโลเมตร จะมาถึงอำเภอเขาฉกรรจ์ ต่อจากนั้นจึงจะไปถึงอำเภอวังน้ำเย็น ซึ่งมีทางแยกขวาไปตามถนนสาย ๓๐๖๗ ไป อำเภอคลองหาด ไปถ้ำน้ำ วิ่งต่อไปอีกตามสาย ๓๑๗ จะไปถึงอำเภอวังสมบูรณ์ ต่อจากนั้นก็จะเข้าไปในเขตจันทบุรี อำเภอสอยดาว และโป่งน้ำร้อน
            สวนรุกขชาติเขาฉกรรจ์  ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาฉกรรจ์ ริมทางหลวงสาย ๓๑๗ ประมาณกิโลเมตร ๑๓๑ - ๑๓๒ แล้วแยกซ้ายไปหน่อยเดียว เป็นเขาหินปูน ยอดเขาสูงสุด สูง ๒๔๐ เมตร มีเขา ๓ ลูกเรียงกันอยู่ เขาฉกรรจ์อยู่กลางใหญ่กว่าเพื่อน ภูเขามิ่งอยู่ด้านซ้าย เขาฝาละมีอยู่ทางด้านขวา เขาทั้ง ๓ ลูก จัดเป็นสวนรุกขชาติของกรมป่าไม้ และเป็นที่อยู่ของลิงป่า และฝูงค้างคาวนับล้านที่จะบินออกมาเป็นทางยาว ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. เชิงเขาเป็นที่ตั้งของวัดฉกรรจ์ มีบันไดขึ้นไปยังยอดเขา เขาฉกรรจ์มีถ้ำเล็ก ถ้ำใหญ่มากถึง ๗๒ ถ้ำ ถ้ำที่สวยที่สุดควรแก่การเข้าชมคือ "ถ้ำทลุ" มีรอยพระพุทธบาทจำลอง และจุดชมวิวที่มองได้ไกล
            อ่างเก็บน้ำเขาสามสิบ  ตำบลเขาสามสิบ มาตามทางสาย ๓๑๗ ถึงกิโลเมตร ๑๓๘ แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามป้ายไปอีกประมาณ ๑๐ กิโลเมตร มีบ้านรับรอง และสถานที่กางเต๊นท์นอน ไปนอนดูดาว เดินป่า เช้าขึ้นมาดูนกมีเจ้าหน้าที่และชาวบ้านนำทางให้ ๐๑ ๙๘๓ ๕๙๘๗

            อำเภออรัญประเทศ  อำเภอใหญ่ เป็นอำเภอสำคัญที่สุดทางชายแดนด้านตะวันออกนี้ แทบจะเรียกว่าเมืองได้ สมัยก่อนมีเจ้าเมือง คือ พระอรัญประเทศ รายละเอียดในการท่องเที่ยวอำเภอนี้และอีก ๒ อำเภอต้องขอผลัดไปคราวหน้า คราวนี้มากินอาหารกลางวันกับผมก่อน อาหารเวียตนามที่อรัญประเทศนั้นอร่อยมาก ไม่แพ้ แถว ๆ หนองคายเลยทีเดียว เพราะเมื่อสัก ๕๐ ปีมาแล้ว  ชาวเวียตนามอพยพกันเข้ามาอยู่ในอำเภอนี้มากมายจนชั้นลูกหลานที่เกิดมากลายเป็นคนไทย ได้สัญชาติไทยเพราะเกิดในแผ่นดินไทยไปหมดแล้ว ถือสัญชาติไทย หน้าตายังเป็นญวนอยู่ และอาหารที่เขาทำก็เป็นอาหารญวนแท้แน่นอน ร้านอาหารญวนในอรัญประเทศนั้น ถึงขั้นที่เรียกถนนสายนี้ว่าถนนญวน ความจริงชื่อว่า ถนนมิตรสัมพันธ์
            เมื่อเรามาจากวัฒนานคร มุ่งหน้ามายังอรัญประเทศตรงเรื่อยมาอย่าเพิ่งเลี้ยวไปเที่ยวชายแดนจะพบสี่แยกหอนาฬิกา ตรงต่อไปเข้าถนนจิตรสุวรรณ วิ่งไปสัก ๕๐๐ เมตร จะพบธนาคารกรุงไทยทางซ้ายถนนที่ติดกับธนาคารคือ ถนนมิตรสัมพันธ์ หรือถนนบ้านญวน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนมิตรสัมพันธ์เลี้ยวข้างธนาคารกรุงไทย พอเลี้ยวมาสัก ๒๐ เมตร ทางขวามือคือ ร้านอาหารเวียตนาม ชื่อ "แอมซัน" ร้านนี้ขายตั้งแต่ ๐๙.๐๐ ไปจนถึง ๑๙.๐๐ มีห้องแอร์ให้นั่งด้วย เมื่อก่อนผมมาชิมยังไม่มี ไปเที่ยวนี้เห็นมีห้องแอร์ให้นั่งสบาย แอมซัน ๐๓๗ ๒๓๑ ๗๙๑ เป็นร้านอาหารญวนสูตรดั้งเดิมจากไซ่ง่อน
            ปอเปี๊ยะทอด ชิ้นใหญ่ ตัดมาคำใหญ่ ไส้มีวุ้นเส้น หมูสับ กรอบนอก แป้งดีมาก ทิ้งไว้นานก็ยังกรอบ
            บั่นหอยสามชั้น เส้นหมี่ลวก หมูสามชั้นลวกสุก เอาเส้นหมี่พัน ใส่แตงกวา สัปปะรด ถั่วงอก ความอร่อยจะอยู่ที่น้ำจิ้มที่ราดให้ชุ่ม กินอาหารญวนจำน้ำจิ้มให้ดี ๆ เพราะอาหารมาอย่างหนึ่งน้ำจิ้มอย่างหนึ่ง ถามเขาดูก็ได้ว่าถ้วยไหนน้ำจิ้มเอนกประสงค์ได้หมดไม่ว่าจะยกกอะไรมา
            ข้าวเกรียบปากหม้อ ไส้มีถั่วงอก ผัก มีหมูยอวางข้างหน้า เห็ดหูหนู ต้นหอมสับ โรยหอมเจียว
            แหนมเนือง  แป้งชุบน้ำมาให้เสร็จแห้งนุ่ม เหนียว หมูปิ้ง ผักกุ่ยช่าย แตงกวา สัปปะรด กล้วยดิบ กระเทียมโทน พริกขี้หนูสับ หมูปิ้งแน่นเหนียวหนุบ เคี้ยวสนุก
            ขนมเบื้องญวน สีเหลืองอ่อนชวนลิ้มลอง
            ข้าวผัดเวียดนาม หมู - กุ้ง มีสัปปะรด กุนเชียง มีมะนาว น้ำพริกยกมาให้ด้วย ในจานมีแตงกวาเขียวสด ผัดข้าวมากับถั่วงอก หอมใหญ่ มะเขือเทศ ต้นหอมซอย ใส่ไข่ บีบมะนาวสักนิด ตามด้วยน้ำพริก หมดจานไม่รู้ตัว
            น้ำจิ้มเอนกประสงค์ คือ ถ้วยที่ใส่ถั่ว พริกตำ ตะกร้าผักมีทั้ง ผักสลัด โหระพา ผักชีฝรั่ง ผักไผ่ ต้นหอม เห็นตะกร้าผักยกมาตั้งก็อร่อยแล้ว
            ถนนสายนี้มีร้านอาหารเวียตนามหลายเจ้า เช่น ยายต๊าม ขายเป็นเจ้าแรกในถนนสายนี้ แต่ผมชอบชิมของร้านแอมซัน มากกว่าร้านอื่น

................................................................................................


| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |