| ย้อนกลับ |

พระแท่นศิลาอาสน์

            พระแท่นศิลาอาสน์เป็นพุทธเจดีย์ เช่นเดียวกับพระแท่นดงรัง เป็นที่เชื่อกันมาแต่โบราณว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งห้าพระองค์ในภัทรกัปนี้  ได้เสด็จและจะได้เสด็จมาประทับนั่งบนพระแท่นแห่งนี้  เพื่อเจริญภาวนา และได้ประทับยับยั้งในเวลาที่ตรัสรู้แล้ว  เพื่อโปรดสัตว์  ซึ่งแสดงว่าพระแท่นศิลาอาสน์นี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างต่อเนื่อง  ในพระพุทธศาสนามายาวนาน  ตัวพระแท่นเป็นศิลาแลง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 8 ฟุต  ยาวประมาณ 10 ฟุต สูง 3 ฟุต  ที่ฐานพระแท่นประดับด้วยลายกลีบบัวโดยรอบ มีพระมณฑปครอบ อยู่ภายในพระวิหารวัดพระแท่นศิลาอาสน์
            วัดพระแท่นศิลาอาสน์  ตั้งอยู่บนเนินเขาเต่า  ตำบลทุ่งยั้ง  อำเภอลับแล  จังหวัดอุตรดิตถ์  ติดกับวัดพระยืนพุทธบาทยุคล ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก  ซึ่งอยู่บนเนินเขาลูกเดียวกันแต่คนละยอด วัดพระแท่นศิลาอาสน์ เป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าผู้ใดสร้าง และสร้างแต่เมื่อใด  ในศิลาจารึกครั้งกรุงสุโขทัยไม่ได้มีข้อความกล่าวถึงพระแท่นศิลาอาสน์ เพิ่งมีปรากฎในหนังสือพระราชพงศาวดาร ในรัชสมัยพระเจ้าบรมโกศ  พระองค์ได้เสด็จนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ เมื่อปี พ.ศ. 2283  ได้แสดงว่า พระแท่นศิลาอาสน์ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว  จนเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง  จนพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จไปนมัสการ

            สมเด็จ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า  พระแท่นศิลาอาสน์ อาจมีมาก่อนแล้วช้านาน  ก่อนที่พระเจ้าบรมโกศเสด็จไปบูชา เพราะพระแท่นศิลาอาสน์อยู่ริมเมืองทุ่งยั้งซึ่งตั้งมาแต่ครั้งสมัยสุโขทัย และบางทีชื่อทุ่งยั้งนั้นเอง จะเป็นนิมิตให้เกิดมีพระแท่น  เป็นที่พระพุทธเจ้าประทับยับยั้ง เมื่อเสด็จผ่านมาทางนั้น ในทางตำนานมีคติที่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จยังประเทศต่าง ๆ ภายนอกอินเดียด้วยอิทธิฤทธิ์ฌานสมาบัติ และได้ประดิษฐานเจดีย์ หรือตรัสพยากรณ์อะไรไว้ในประเทศเหล่านั้น  เป็นคติที่เกิดในลังกาทวีป และประเทศอื่นได้รับเอาไปเชื่อถือด้วย จึงเกิดมีเจดีย์วัตถุและพุทธพยาการณ์  ที่อ้างว่าพระพุทธองค์ได้ทรงประดิษฐานเจดีย์ไว้ มากบ้าง น้อยบ้างทุกประเทศ  เฉพาะเมืองไทย มีปรากฎในพงศาวดารโดยลำดับมาว่า พบรอยพระพุทธบาท ณ ไหล่เขาสุวรรณบรรพต เมื่อรัชกาลพระเจ้าทรงธรรม  รัชกาลพระเจ้าเสือได้เสด็จไปบูชาพระพุทธฉาย ณ เขาปัถวี  และพระเจ้าบรมโกศ เสด็จไปบูชาพระแท่นศิลาอาสน์

            มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า นายช่างที่สร้างวิหาร วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระฝาง และวัดสุทัศน์ เป็นนายช่างคนเดียวกัน  บานประตูเก่าของพระวิหารเป็นไม้แกะสลักฝีมือดี แกะไม้ออกมาเด่น เป็นลายซ้อนกันหลายชั้น แม่ลายเป็นก้านขด ปลายเป็นรูปภาพต่าง ๆ เป็นลายเดียวกับลายบานมุขที่วิหารพระพุทธชินราช อาจสร้างแต่ครั้ง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ  พระเจ้าบรมโกศ ทรงพระราชศรัทธา  ให้ทำประตูมุขตามลายเดิมถวายแทน  แล้วโปรดให้เอาบานเดิมนั้น ไปใช้เป็นบานวิหารวัดพระแท่นศิลาอาสน์  ประตูวิหารเก่าบานดังกล่าวได้ถูกไฟไหม้ไปเมื่อ วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2451  เป็นไฟป่าลุกลามไหม้เข้ามาถึงวัด ไฟไหม้ครั้งนั้น เหลือกุฎิซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อธรรมจักรอยู่เพียงหลังเดียว  ต่อมาพระยาวโรดมภักดี เจ้าเมืองอุตรดิตถ์ ได้เรี่ยไรเงินสร้างและซ่อมแซมวิหาร  ภายในวิหารมีซุ้มมณฑปครอบพระแท่นศิลาอาสน์ไว้

           ประเพณี ทำบุญไหว้พระแท่นศิลาอาสน์มีมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว  มีผู้มาสักการะบูชาทั้งในเทศกาลและนอกเทศกาลตลอดปี  พุทธศาสนิกชนมีความเชื่อว่า  การได้มาสักการะบูชาพระแท่นศิลาอาสน์ จะได้รับอานิสงส์สูงสุด  และเช่นเดียวกับพระพุทธบาทสระบุรี  พุทธศาสนิกชนผู้มีความศรัทธา จะขวนขวายมานมัสการให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต  ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ตอนเหนือจังหวัดอุตรดิตถ์  จะพยายามเดินทางมานมัสการ พระแท่นศิลาอาสน์  แม้ว่าหนทางจะทุรกันดารเพียงใดก็ไม่ย่อท้อถอย และเห็นว่า เป็นการได้สร้างบุญกุศลที่มีค่าควร  การมานมัสการ จะกระทำทุกครั้งที่เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันมาฆบูชา ณ วันเพ็ญ เดือน สาม
            งานเทศกาลนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ ณ วันเพ็ญ เดือนสาม อันเป็นวันมาฆบูชา  จะเริ่มตั้งแต่ วันขึ้น 8 ค่ำ ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน สาม  บรรดาพระภิกษุสงฆ์จะธุดงค์มาปักกลดพักแรมที่บริเวณใกล้วัด  เมื่อถึงวันมาฆบูชา เวลาประมาณ 19.30 น.  พระภิกษุสงฆ์จะเข้าไปในพระวิหาร แล้วสวดพระพุทธมนต์ มีพระธรรมจักรกัปปวัตตสูตร เป็นต้น  เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ก็ออกมาให้ศีลให้พรแก่ผู้ที่มานมัสการพระแท่นศิลาอาสน์  ในตอนเช้าของทุกวันในระหว่างเทศกาล  บรรดาพระสงฆ์ที่ธุดงค์มานมัสการ พระแท่นศิลาอาสน์ จะเดินทางเข้าไปบิณฑบาตรตามหมู่บ้าน  และบรรดาชาวบ้านจะนำอาหารมาถวายที่วัดอีกเป็นจำนวนมาก  เมื่อพระฉันอาหารเสร็จแล้ว  ชาวบ้านก็จะแบ่งปันอาหารร่วมรับประทานด้วยกัน  รวมทั้งผู้ที่เดินทางมานมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ด้วย  นับว่าเป็นการทำบุญกลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี

            เนื่องจากพระบรมธาตุทุ่งยั้ง และวัดพระยืนพุทธบาทยุคล  มีอาณาบริเวณอยู่ติดต่อกัน จึงจัดงานประจำปีพร้อมกันกับวัดพระแท่นศิลาอาสน์ เป็นเวลา 8 วัน 8 คืน  ทำให้พุทธศาสนิกชนที่มาในงานเทศกาลนี้ได้ นมัสการพระบรมธาตุ และพระพุทธบาทด้วย เป็นการได้นมัสการพระพุทธเจดียสถาน อันเป็นที่เคารพสักการะ ได้ครบถ้วนในโอกาสเดียวกัน  ยากจะหาที่ใดเสมอเหมือน

 

| ย้อนกลับ | บน |