| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ

            เจ้าพราหมณ์ทั้งสามทัพมารอรับแล้ว ทูลเชิญพระมเหสีขึ้นพลับพลาโถงท้องพระโรงริมกรุงลังกา พระมเหสีจึงตรัสปรึกษาพระพี่เลี้ยงว่า จะพูดจาคิดอ่านประการใด

เจ้าพราหมณ์พร้อมน้อมนอบตอบสนอง แล้วแต่ต้องพระปัญญาอัชฌาสัย
ด้วยเผ่าพงศ์วงศ์วานการข้างใน อันพวกไพร่พรั่นพระราชอาชญา
            พระมเหสีจึงเขียนสารขึ้นสี่ฉบับ ถึงพระภัสดา องค์ละเวง พระอนุชา และพระโอรส
เลือกแต่งนางช่างพูดเป็นทูตถือ นำหนังสือศุภสารไปขานไข
มีเครื่องยศงดงามตามข้างใน พวกสาวใช้เชิญตามให้งามยศ ฯ
            พระอภัยทราบเรื่องว่า พระมเหสีกับโอรสและบุตรี เสด็จมาถึงลังกาแล้ว แต่งสารมาก็ปรึกษากับน้องกับโอรส รวมทั้งองค์วัณฬา แล้วขอให้พระอนุชาออกไปช่วยห้ามปรามให้ยกทัพกลับไป ศรีสุวรรณทูลบ่ายเบี่ยงเกี่ยงให้สินสมุทไปพูดจา สินสมุทก็บ่ายเบี่ยงบอกไม่สบาย พระอภัยได้ฟังสินสมุทกับพระน้องบ่ายเบี่ยง บอกไม่สบายพระองค์จึงทำเป็นประชวรบ้าง นางวัณฬาเห็นดังนั้น จึงตัดพ้อต่อว่าด้วยประการต่าง ๆ
เป็นอันขาดชาตินี้ถึงชีวิต ไม่ขอคิดสักเท่าซีกกระผีกผม
แต่เจ็บใจได้ทะนงเพราะหลงลม นางซบก้มพักตราโศกาลัย ฯ
            พระอภัยปลอบประโลมองค์ละเวงด้วยประการต่าง ๆ ชี้ให้นางเห็นว่าพระองค์ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว
จึงสู้นิ่งชิงชังไม่ฟังสาร เพราะขี้คร้านพบปะสละหนี
ยังโกรธเกรี้ยวเคี่ยวเข็ญไม่เห็นดี จะให้พี่คิดอ่านประการใด ฯ
            องค์ละเวงให้คนไปรับสารตามคำสั่งพระอภัย เถ้าแก่เรียกข้าหลวงออกไปรับสาร
เห็นรถทรงราชสารทหารแห่ อยู่เซ็งแซ่ซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง
จึงบอกทูตพูดเสียงสำเนียงดัง มีรับสั่งให้มาถามตามโบราณ
ว่าสารามาเดี๋ยวนี้กี่ฉบับ โปรดให้รับไปปราสาทราชฐาน
ท่านอยู่ทิมริมวังคอยฟังการ ส่งแต่สารมาให้เราจะเอาไป ฯ
  ฝ่ายนารีที่เป็นทูตเห็นพูดผิด จึงแกล้งคิดเอาให้เก้อเออไฉน
ส่วนสารเจ้าเราแห่มาแต่ไกล ตามวิสัยกษัตราทุกธานี
ควรหรือใช้ให้ขี้ข้าออกมารับ ไม่มีเครื่องสำหรับรับสารศรี
ไม่ยำเยงเกรงอาญาฝ่าธุลี หรือชั่วดีที่ว่าได้ไว้ในมือ
ฯลฯ
ไม่แห่รับนับถือหนังสือสาร ราชการกูเป็นสูญจะทูลเฉลย
หยิบหนังสือเอาไปกูไม่เคย อย่าช้าเลยไปแถลงให้แจ้งความ ฯ
            นางฝรั่งเถ้าแก่ได้ฟังก็โกรธ จึงกลับเข้าวังไปทูลความแก่องค์ละเวง นางจึงตรัสสั่งให้ขรัวนายจัดการให้ชอบที
จัดพานทองรองสารใส่คานหาม ให้สมตามยศพระมเหสี
ไม่เคยแห่แต่โบราณสารสตรี แม้นมันมิให้รับขับมันไป
ฯลฯ
แล้วเลือกเหล่าสาวสำอางที่คางเพชร ไปแก้เผ็ดนางพวกทูตพูดจองหอง
ให้โขลนหามคานแห่มาแซ่ซ้อง ครั้งถึงร้องเรียกทูตพูดสำทับ
ฯลฯ
            ทั้งสองฝ่ายประคารมกันหลายประการ เพื่อเกียรติยศของเจ้านายตน ในที่สุดก็ตกลงกันได้
แล้วเชิญสารใส่พานทองประคองตั้ง พวกฝรั่งบังคมก้มเกศา
รับขึ้นวางกลางวอแล้วรอรา ต่างตอบว่าฝรั่งนี้ยังมีอาย
           แล้วทั้งสองฝ่ายก็ประคารมกันอีก เพื่อปกป้องเจ้านายของตน ฝ่ายเมืองผลึกจึงว่า
ใครชิงชู้สู้ตามไม่ขามเข็ด คงแก้เผ็ดมันให้สาเลือดตาไหล
ถึงเสียทองเท่าตัวเสียหัวไป แต่มิให้เสียผัวสู้ตัวตาย
            แล้วเถ้าแก่นางฝรั่งก็เชิญสารกลับเข้าไปในวังเข้าเฝ้าองค์ละเวงทูลความให้ทรงทราบทุกประการ นางหยิบสารบนพานให้โอรสกับอนุชากับองค์พระอภัย ส่วนสารที่มีถึงนางนั้นยังไม่อ่าน พระอภัยทรงอ่านสารที่มีมาถึงพระองค์ มีความว่าพระมเหสีได้คอยองค์กษัตริย์มาเจ็ดปีแล้ว เหตุใดพระองค์จึงยังไม่กลับ
พระศาสนาสามัญในวันนี้ ก็ไม่มีใครบำรุงให้รุ่งเรือง
พฤฒามาตย์ราษฎรเดือดร้อนสิ้น อกแผ่นดินจะเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ฯลฯ
แม้ชีวีมีอยู่เป็นผู้หญิง สุดจะทิ้งทูลเกศพระเชษฐา
ถ้าตัวตายหมายจะฝังไว้ลังกา แม้เมตตาแล้วจงกลับกองทัพไป ฯ
            พระอภัยอ่านสารแล้วก็เกิดการพะว้าพะวัง ยังไม่รู้ที่จะทำประการใด
            ฝ่ายศรีสุวรรณอ่านสารมีความว่าไม่ควรที่จะมาหลงอยู่ที่นี่ ไม่คิดสงสารนางเกษราเลยหรือไร เมื่อแรกก็หมายจะมาช่วยพระเชษฐา แล้วยังให้พระนัดดามาหลงใหลนางฝรั่งอีก แล้วถามว่า
จะอยู่จริงทิ้งเพศประเทศถิ่น ไม่ถือศีลเสียแล้วหรือมาถือไสย
ขอทราบความตามประสงค์จำนงใน จะบอกไปรมจักรนัครา ฯ
  พอจบคำรำลึกนึกขึ้นได้ ตกพระทัยกลัวจะขาดพระศาสนา
นึกประเดี๋ยวเฉียวฉุนด้วยคุณยา รักรำภาพูดแก้ที่แผลเป็น
            แล้วบอกว่าพี่สะใภ้นี้ขี้หึง นางรำภาก็ว่านางคงจะข่มขู่ให้ช้ำระกำตรม ศรีสุวรรณก็ตอบว่าจะไม่ยอมให้มาข่มชาวลังกา
            ฝ่ายสินสมุทคลี่สารออกอ่านมีความว่า พระแม่ตั้งแต่คอยหาอยู่ จึงพาน้องน้อยทั้งสองติดตามมาด้วย หมายว่าจะได้พบกัน
เห็นแต่พ่อหน่อนาถแล้วชาตินี้ จะเผาผีมารดาเมื่ออาสัญ
จะปลูกฝังตั้งจิตคิดทุกวัน ให้สืบพันธุ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี
ฯลฯ
            สินสมุทอ่านสารแล้วก็สุดเสียใจ สงสารน้องน้อยต้องมาพลอยเหนื่อยยาก กลับรู้สึกสำนึกผิดคิดกลับใจจะกลับไป  นางยุพาเข้ามายึดหัตถ์ไว้ พอเห็นหน้านางก็ต้องมนต์เข้าดลใจให้กลับคิดรักใคร่นางอีก
            องค์ละเวงอยากทราบความในสารจึงเอามาอ่านมีความว่า
ถึงโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช กษัตริย์ชาติเชื้อหญิงในสิงหล
เหมือนจามรีที่รู้จักรักษาสกนธ์ ไม่แปดปนต่างภาษาเป็นราคี
ฯลฯ
ธรรมดานารีผู้ดีไพร่ เมียน้อยไหว้กราบเท้าเจ้าของผัว
นี่เห็นถูกหยูกยาหูตามัว จึงตั้งตัวสูงเสริมเหินเหิมฮึก
อันเป็นหญิงชิงชู้เขาชูชื่น เหมือนกล้ำกลืนของสำลักมักสะอึก
ช่วยเตือนใจให้จำรู้สำนึก จงตรองตรึกรับพระเสาวนีย์
แม้คิดทราบบาปบุญที่คุณโทษ อย่าตอบโกรธกราบประณตบทศรี
จะไว้หน้าตามประสาเป็นนารี ถ้าเกินดีก็จะได้ผิดใจกัน ฯ
            องค์ละเวงได้ทราบความในสารแล้วก็เคืองคำยิ่งนัก เข้าไปเฝ้าแล้วทูลความแก่พระอภัย บอกว่า
จะตอบต่อข้อความให้งามหน้า ให้เลือดตาตกเผาะเหยาะเหยาะหยด
น้อยหรือชะจะให้ไปไหว้ประณต  มาไว้ยศยังกะว่าเป็นข้าไท
นี่เนื้อเคราะห์เพราะพระองค์จึงหลงถ้อย ต้องเป็นน้อยนึกว่าน้ำตาไหล
จะออกโอษฐ์โปรดปรานประการใด จะกลับไปหรือจะอยู่พระภูธร ฯ
            พระอภัยตรัสตอบว่าพระองค์จะไม่ไปเข้ากับพระมเหสี แล้วสั่งพระอนุชาให้ช่วยกันคิดแก้ไขตอบสารพระมเหสีไป
            ฝ่ายองค์ละเวงไม่เคยถูกใครเจรจาว่ากล่าวมาก่อน มีความเจ็บแสบและอัดอั้นตันใจยิ่งนัก คิดรำพึงถึงตนว่า
เมื่อคราวชื่นกลืนฉ่ำดังน้ำวุ้น คราวเฉียวฉุนเช่นกับยามหาหิงคุ์
เจ็บคารมคมปากเหมือนทากปลิง เขาว่าชิงผัวเขาให้เราอาย
แต่ความในใจจริงก็ชิงเขา เนื้อความเรามันจึงเสียเหมือนเบี้ยหงาย
จะเกลื่อนกลบทบทับให้กลับกลาย พอแก้อายหมู่อำมาตย์ราษฎร
ฯลฯ
            แล้วขอให้พระอภัยเขียนสารตอบพระมเหสี พระอภัยก็ทรงเขียนตามคำขอ
ประดิษฐ์คำทำร่างให้นางชอบ เป็นความตอบตัดรักหักประหาร
นางแต่งแต้มแซมซ้ำคำประจาน พระโปรดปรานเขียนความให้ตามใจ
ฯลฯ
            ฝ่ายพระอนุชาพอตกค่ำ นางรำภาสะหรีก็เฝ้าวอนให้เขียนสารให้ตัดขาดทั้งญาติมิตร พระอนุชาก็เขียนความตามคำของนาง
            ฝ่ายสินสมุทหลงรักนางยุพา พอตกกลางคืนก็เขียนสารตามที่นางยุพาชอบใจ เป็นความตัดเผ่าพงศ์วงศา
            วันรุ่งขึ้นนางรำภาสะหรีก็เอาสารของสองพระองค์มาถวายองค์วัณฬา นางจึงให้ม้าใช้เอาสารไปให้กองทัพเมืองผลึก พระมเหสีได้รับสารทั้งสี่ฉบับ แล้วจึงให้อาลักษณ์อ่านสารของสินสมุทมีความว่า ได้มาอยู่เมืองลังกาแล้วได้คู่รักสมประสงค์
อันพงศ์เผ่าที่อยู่ชมพูทวีป  จนสิ้นชีพสิ้นชาติเป็นขาดสูญ
ไม่นับเนื้อเชื้อวงศ์พงศ์ประยูร จึงจำทูลเสียให้เสร็จสำเร็จการ
ฯลฯ
  พอจบคำช้ำจิตผิดสังเกต น้ำพระเนตรหลั่งไหลพระทัยหาย
สินสมุทสุดสุภาพไม่หยาบคาย นี่ดีร้ายอีฝรั่งสิ้นทั้งนั้น
ฯลฯ
            พระมเหสีให้อ่านสารพระอนุชามีความว่า ชาวชมพูทั้งเมืองไม่มีสัตย์ แต่ฝ่ายฝรั่งถือศีลทุกคน มีผัวเดียวเมียเดียว จึงมาอยู่อย่างเป็นสุขทุกคน ไม่กังวลถึงวงศ์ญาติ ขอให้ขาดกัน
เขาจะตรงลงนรกที่หมกไหม้ ฉันจะไปสู่สถานพิมานสวรรค์
จึงตัดเมียเสียลูกไม่ผูกพัน เป็นขาดกันแล้วอย่าอ้างเหมือนอย่างเคย ฯ
        พระมเหสีได้ฟังสารแล้วสงสารนางเกษรากับอรุณรัศมี จะเก็บสารไว้ให้สองนางได้อ่าน แล้วให้อ่านสารขององค์วัณฬา มีความอ้างความหลังถึงองค์อุศเรนพี่ของนาง ที่มาขอพราะเหสีไว้ แต่พระมเหสีกลับไปมีชู้ มาฆ่าผัวจนเกิดสงครามใหญ่
แพศยาฆ่าคู่เขารู้ทั่ว ไปลักผัวนางผีเสื้อลงเรือหนี
ส่วนตัวแสนแค้นว่าข้าชิงสามี ส่วนฆ่าพี่เขาสิไม่ให้เขาแค้น
ฯลฯ
จงมาขุดอุศเรนไปเป็นคู่ พระนี้ชู้มิใช่ผัวอย่ามัวหมาย
สงสารเจ้าเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย แม้เป็นชายจะช่วยโลมนางโฉมงาม
ฯลฯ
เหมือนหยั่งน้ำเห็นปลิงจริงนะเจ้า นัยน์ตาเขาลืมได้มิใช่หลับ
พี่มาลีศรีผลึกกินลึกลับ อย่าให้น้องต้องขับจงกลับไป ฯ
            อ่านสารจนพระมเหสี รู้สึกเจ็บแค้นยิ่งนัก แล้วให้อ่านสารองค์กษัตริย์
พนักงานอ่านเนื้อความออกตามเรื่อง พระมิ่งเมืองจอมลังกามหาสวรรค์
ด้วยทราบตามความขำที่สำคัญ นางสุวรรณมาลีนี้มีคาว
เหมือนเต่าใหญ่ไข่ปิดให้มิดหลุม จะคุ้ยขุมขุดรื้อออกอื้อฉาว
ยังมิหนำซ้ำแล่นข้ามแดนดาว มาว่ากล่าวนางละเวงไม่เกรงกลัว
จะกรวดน้ำคว่ำขันไม่พลันคบ มิขอพบขอเห็นไม่เป็นผัว
มีลูกเต้าเฒ่าแก่ก็แต่ตัว ใจยังมั่วเหมือนหนึ่งว่าสิบห้าปี
ข้ารับแพ้แต่เมื่ออยู่ชมพูภพ ยังตามรบกวนอีกต้องหลีกหนี
เป็นขาดเด็ดเสร็จสั่งเสียครั้งนี้ เดือนแปดปีวอกวันจันทร์ข้างแรม
เรื่องสารศรีนี้แหละคือหนังสือหย่า อย่ามาว่าปรายเปรียบพูดเฉียบเแหลม
ถ้ารักตัวกลัวเจ็บอย่าเหน็บแนม ขืนลอมแลมแล้วจะอายเมื่อปลายมือ
ฯลฯ
            แล้วบอกว่า พระมเหสีครองกรุงอันเป็นเมืองเอก จะอภิเษกตัวใหม่ไม่ได้หรือ พระมเหสีได้ฟังสารทั้งหมดแล้ว ก็ช้ำใจจนล้มสลบไป เมื่อได้รับการแก้ไขจนฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็มีความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ เหมือนอยู่องค์เดียว แล้วคิดแค้นคิดจะเข้าไปยังเมืองลังกา เพื่อพบองค์พระอภัย
  ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครขัตติยาอัชฌาสัย
ทูลทัดทานมารดาด้วยอาลัย พระอย่าไปปนกับกาที่สาธารณ์
เหมือนทองคำชัมพูรู่กระเบื้อง จะลือเลื่องชั่วกัลปาวสาน
จงรอรั้งฟังกิจค่อยคิดการ พรุ่งนี้ฉานจะขอเข้าไปเฝ้าฟัง
            แล้วบอกว่า ถ้าเกี่ยวข้องกับการต้องเสน่ห์ ก็จะปัดเป่าด้วยมนต์ สารที่ส่งมาดีร้ายฝ่ายฝรั่งคงจะยุยง ส่งเสริมให้เขียนมาเช่นนั้น จึงยังไม่ควรฟัง และอย่าถือโกรธ แล้วขอโทษแทนพระบิดาและพระเชษฐา
  นางฟังสุดสาครค่อยอ่อนจิต พ่อช่วยคิดผันแปรช่วยแก้ไข
แต่แม่นี้วิตกในอกใจ กลัวจะไปเข้าที่เป็นสี่องค์ ฯ
            สุดสาคร ทูลตอบว่าตนจะไม่ยอมหลงไหลผู้หญิง ไม่ว่าจะงามเพียงไร พระมเหสีก็ยังหวั่นใจ เตือนว่าสุดสาครก็มีเวทวิชา ให้คิดรักษาตนให้จงดี
            ฝ่ายบุตรีพี่น้องกับสองโอรส อยู่ใกล้ชิดกัน หัสไชยนึกรักสร้อยสุวรรณผู้เป็นน้อง
คิดใคร่รู้ว่าผู้ใหญ่เขาได้เสีย เป็นผัวเมียกันอย่างไรที่ไหนหนอ
ไม่เข้าใจในที่ต้องรีรอ แต่เฝ้าคลอคิดกริ่มใคร่ชิมเชย ฯ
            ตกกลางคืนทั้งสี่องค์นอนอยู่ด้วยกัน หัสไชยยังไม่หลับ เห็นนางนอนอยู่ใกล้
พินิจน้องสองนางกระจ่างแจ่ม งามแฉล้มอะเหลาะเฉาะล้วนเหมาะเหมง
อันโลกีย์มิต้องสอนเหมือนกลอนเพลง  มันเป็นเองในอารมณ์ใคร่ชมชิม
ฯลฯ

ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์

             พอรุ่งสายสุดสาครก็มาลาพระมารดา ทูลว่าตนกับน้องจะลาไปเฝ้าพระบิดา เพื่อดูแลคิดแก้ไข พระมเหสีก็ตรัสกำชับให้ระวังตนทั้งสองคน และให้ไปช่วยทูลพระบิดาว่า ถ้าไม่กลับไปครองเมืองก็ขอให้มาฆ่าฟัน เสียให้ตาย จะได้สิ้นเรื่อง

แม้รู้เห็นเป็นคนทนไม่ได้ จะเข้าไปตามเสด็จไม่เข็ดขาม
จะเคืองขัดตัดคอเสียก็ตาม มิขอข้ามคงคาไปธานี ฯ
            พระโอรสรับรับสั่งแล้ว ก็ชวนพระอนุชามาแต่งองค์ทรงเครื่อง แล้วออกมาจัดไพร่พลจากหนุ่มน้อยสองร้อยคน ที่เป็นคู่หัดมาแต่เมืองการะเวก แล้วพาควบม้าเข้าเมืองลังกา ไปจนถึงวังลังกานอกปราการ หยุดทหารแล้วสั่งความ
  นายประตูรู้ว่าหน่อวรนาถ นึกขยาดยำเยงด้วยเกรงขาม
ไม่รู้จักซักไซ้ได้พระนาม ไปแจ้งความกับท้าวนางที่ข้างใน ฯ
            ฝ่ายท้าวนางจึงนำความไปทูลว่า สุดสาครกับหัสไชยได้ทราบว่า พระบิดาประชวรจึงรีบมาเฝ้าพระองค์ พระอาและพระเจ้าพี่ทั้งสี่องค์
            ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกานึกประหลาดใจจึงทูลถาม ความเป็นมาของโอรสว่าเกิดด้วยอัศเรศประเทศใด องค์กษัตริย์ก็เล่าความแต่หนหลังให้นางฟัง นางแกล้งถามถึงฤทธิ์วิทยาของพระโอรส พระก็เล่าให้รู้ว่ามีไม้เท้าของดาบส ทรงหนังเสือเหลือง ถือศีลห้า อายุสิบแปดปี
  นางคาดถูกลูกจะมารักษาพ่อ จำจะล่อไว้บำรุงซึ่งกรุงศรี
จึงเสแสร้งว่าเหมือนปราณี บุตรพระพี่มัจฉาน่าเอ็นดู
ฯลฯ
โปรดประทานฉันใคร่ได้เป็นลูก แล้วจะปลูกฝังรักให้หนักหนา
พลางสอพลอพ้อตัดพระภัสดา นี่หรือว่าโปรดเกล้าตรัสเปล่าไป
ฯลฯ
อันโอรสยศไกรพี่ให้เจ้า โฉมเฉลาจงช่วยชุบอุปถัมภ์
สุดสาครสอนสั่งรู้ฟังคำ ให้เป็นกรรมสิทธิวนิดา ฯ
            องค์ละเวงวัณฬาได้สมใจ นึกคิดจะปราบศึกด้วยเลห์เสน่ห์ จึงไปยังห้องนางสุวาลีวันบอกว่า องค์กษัตริย์ขอนางให้กับโอรส ตนก็พร้อมใจยกให้ขอให้นางล่อให้อยู่ในลังกาจะได้ครบทั้งสี่องค์ เพื่อเป็นการรักษาเมือง
  ฝ่ายสุลาลีวันนั้นก็รุ่น เห็นเขาอุ่นแอบผัวแต่ตัวเหงา
ด้วยอยู่ใกล้ได้เห็นทุกเย็นเช้า จึงพลอดเมาเหมือนหนึ่งฝิ่นได้กลิ่นอาย
พระมารดาพาทีให้มีผัว  หน้าเหมือนบัวบังร่มให้สมหมาย
แต่ซ่อนเงื่อนเหมือนรังเกียจเกลียดผู้ชาย กราบถวายวันทาแล้วพาที
ฯลฯ
            องค์ละเวงก็ปลอบบุตรีด้วยประการต่าง ๆ ว่าไม่ต้องกลัวมีผัวไม่ใช่เรื่องลำบาก
ไม่ว่าเล่นเป็นผู้หญิงจริงจริงนะ ถ้าเจ้าจะเล่นเพื่อนไม่เหมือนผัว
เขาชวนเชยเคยเองอย่าเกรงกลัว จงแต่งตัวตามตำหรับให้จับตา
ฯลฯ
  ฝ่ายสุลาลีวันลงยันต์เลข นั่งปลุกเสกสารพัดไม่ขัดขวาง
แล้วว่าองค์สรงน้ำทรงสำอาง สยายสางผบเผ้าพลางเกล้ามวย
กระหมวดมุ่นรุมปิ่นฝังนิลปัก ข้องจำหลักแซมดอกไม้ไหวสลวย
ลูบสุคนธ์มนตรามหาละลวย ให้รื่นรวยรสสุคนธ์วิมลมาลย์
            เมื่อแต่งองค์ทรงเครื่องแล้ว ลงจากปรางค์มายังริมปราการวัง เห็นพี่น้องสององค์มีความงามละมุนน่ารัก เห็นแล้วให้ไหวหวั่นใจสะเทินอาย แล้วขืนอารมณ์เข้าไปเชิญสองกษัตริย์เข้าไปในปราสาทราชวัง
  สุดสาครค้อนเคืองชำเลืองพิศ ระรื่นฤทธิ์รสสุคนธ์ด้วยมนขลัง
ให้เสียวซาบปลาบปลื้มจนลืมชัง เห็นเปล่งปลั่งพรั่งพร้อมละม่อมละไม
ดำริรักสักครู่ก็รู้สึก อนาถนึกวิปลาสให้หวาดไหว
มิเสียทีอีฝรั่งช่างกระไร มนต์มันใส่ฉุนเฉียวให้เสียวรัก
นี่หรือชะพระบิดาพระอาพี่ จึงเสียทีจำเป็นเห็นประจักษ์
พลางนึกภาวนาในพระไตรลักษณ์ พอกันรักรู้พระองค์ไม่หลงเลย
            แล้วชวนพระอนุชาลงจากม้าและสิงห์ ไม่ยอมแลดูผู้หญิง ถามนางสุลาลีวันว่าไปทางไหน นางก็บอกให้ท้าวนางเดินนำ เข้าไปในวัง พระสองพี่น้องเดินนำหน้า นางสุลาลีวันเดินตามหลัง พวกบรรดาสาวเหล่าชาววังพากันออกมานั่งคอยดูทั้งสององค์ เมื่อเห็นทั้งสององคยุรยาตรย่างอย่างไกรสร ก็นึกรักรัญจวนใจอาลัยแล
พระหัสไชยให้สติลัทธิว่า ภาวนาไว้ให้มั่นกันผู้หญิง
มันตามดูพรูพรั่งน่าชังชิง พระพี่นิ่งเดินมาชลาลาน
พอถึงปรางค์นางวัณฬาออกมารับ พระคำนับน้อมองค์น่าสงสาร
นางเชิญนั่งตั่งที่พระศรีประทาน อยู่นอกม่านหมายจะดูให้รู้ที
            นางเรียกธิดามาไหว้คำนับ แล้วตรัสกับทั้งสองพี่น้องว่า นางมีความยินดีที่พระโอรสมาถึงเมือง ถามสุดสาครว่าทำไมจึงนุ่งหนังเสือเหลือง ไม่ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ ไม่คิดหาคู่ครอง คิดจะไปสวรรค์หรือฉันใด บอกว่าพระบิดาได้ยกให้เป็นลูกของนางแล้ว ขอให้อยู่เมืองลังกาต่อไป
  สุดสาครอ่อนความตามรับสั่ง พระคุณดังดินฟ้าไม่หาเหมือน
แม่ชุบเลี้ยงเที่ยงแท้ไม่แชเชือน  จะเยี่ยมเยือนเหมือนพระบาทมาตุรงค์
            แต่ตนไม่รักที่จะอยู่เมืองชอบอยู่ในป่า เที่ยวธุดงค์ไปจึงทรงหนังเสือเหลืองเป็นเครื่องสิทธา ทราบว่ากพระบิดาประชวรจึงมาช่วยรักษา เมื่อหายแล้วก็จะลาไปอยู่ป่า ถ้าบ้านเมืองมีศึกก็จะมาช่วยรับรบศึก แล้วถามถึงพระอาการของพระบิดา
  นางรู้ว่ายาหยูกไม่ถูกต้อง ด้วยมีของคุ้มองค์ไม่หลงไหล
จะยอกย้อนผ่อนปรนด้วยกลใด ให้เอาไม้เท้าวางไว้ห่างองค์
            แล้วให้ผู้หญิงเข้าอิงแอบ ก็จะเกิดความรักใคร่ไหลหลง นางคิดแล้วจึงบอกว่า พระบิดาฟื้นองค์แล้ว คงจะไม่เป็นอะไร แล้วนางก็เข้าไปเฝ้าพระอภัย ทูลว่าพระโอรสหลีกเลี่ยงไม่ใยดี แล้วขอให้พระอภัยกักตัวไว้ก่อน อย่าเพิ่งให้กลับไปหาพระมเหสี พอตกค่ำจะให้ธิดาสุมาลีคุมไว้ที่ห้อง เพื่อให้ครองรักกัน
  พระชื่นชอบปลอบนางว่าอย่างเอก อภิเษกเสียในห้องให้ผ่องใส
บอกให้มาหาพี่ที่ข้างใน จะสอนให้รู้รักรู้จักดี ฯ
            องค์ละเวงกลับไปตรัสบอก พระพี่น้องทั้งสองให้ไปเฝ้าพระบิดา ทั้งสององค์เห็นพระบิดาไม่เห็นเป็นโรคภัยอะไร เพียงแต่พระรูปซูบซิดลงเล็กน้อย พระพักตรหมองด้วยต้องผี จึงเข้าไปกอดบาทพระบิดา แล้วทูลว่าพระมารดามาตามด้วยความทุกข์ เพราะพระบิดาถูกยาต้องอาคม เป็นที่ทุกข์ระทมทวีไปทั้งไพร่นาย จึงได้โปรดให้ตนมาช่วยแก้ไขให้หาย
จึงโปรดให้ไปหาลูกมาด้วย จะได้ช่วยแก้ไขเสียให้หาย
แล้วกราบทูลมูลความตามอุบาย อันผู้ชายต้องเสน่ห์ลมเพลมพัด
เอาไม้เท้าดาบสจดอุระ จึงร่ายพระคาถาถามหากำจัด
ปีศาจตายคลายมนต์กลชะงัด จะรับรัดเร่งรักษาฝ่าธุลี
แต่ตัวเขาเจ้าตำราทำยาหยูก อย่าให้ถูกองค์อีกเร่งหลีกหนี
จงโปรดให้ได้รักษาเวลานี้ อย่าให้มีผีผู้หญิงเข้าสิงองค์ ฯ
พระอภัยใจเหิมเคลิ้มเหมือนบ้า เธอหมายว่าเธอไม่ถูกพระลูกหลง
สำรวจพลางทางว่าเจ้าเง่าโง่งง เขายุยงพลอยเห็นว่าเป็นจริง
ฯลฯ
            แล้วบอกว่านางสุวรรณมาลีนั้นขี้หึง หาว่าพระองค์ต้องยาหญิง ทำให้พระองค์พลอยแคลงใจไปด้วย องค์ละเวงเขารักพระลูกเท่ากับบุตร จนให้พระธิดาสุลาลีเป็นคู่ครอง พี่กับอาก็เห็นดีและมีคู่ครองกันแล้วทั้งสองคน สตรีที่ไหนก็ไม่เหมือนหญิงชาวสิงหล การที่พระลูกได้จะได้นางอย่างนี้เป็นการดี จะได้ปลูกฝังให้ทันตาเห็น จึงขอให้อยู่เป็นเขยขวัญองค์วัณฬา
            สุดสาครร้อนใจเห็นผิดสังเกตจึงทูลอ้อนวอนพระบิดาว่า
โอ้พระคุณทูลกระหม่อมจอมมนุษย์ จะละพุทธแล้วละหรือมาถือไสย
จะขวางขัดทันทานประการใด เล่าก็ไม่ควรตัวกลัวพระองค์
ฯลฯ
ลูกเกิดมาอาภัพอัปภาคย์ พบแต่ยากดังชีวาจะอาสัญ
ให้เปลี่ยวใจไร้วงศ์ทั้งพงศ์พันธุ์ สุดจะผันผินหน้าไปหาใคร
ฯลฯ
มาพี่งบุญทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ ได้สืบขัตติยราชพระศาสนา
เดี๋ยวนี้พระจะบำรุงกรุงลังกา กลับเป็นฝาหรั่งกลายเมื่อปลายมือ
ฯลฯ
เป็นอันขาดชาตินี้ไม่มีคู่ จะไปอยู่ปรนนิบัติแม่มัจฉา
แต่แม่ตายหมายโตเป็นสิทธา เดี๋ยวนี้มาเลื่อนลอยพลอยรำคาญ
ฯลฯ
  พระฟังคำรำลึกรู้สึกบ้าง คิดถึงนางมัจฉาน่าสงสาร
สักประเดี๋ยวเสียวมนต์ดลบันดาล รื้อสำราญสำรวลชวนโอรส
ฯลฯ
อร่อยจริงยิ่งกว่ากินลูกลิ้นจี่ จะหานางอย่างนี้หาที่ไหน
เขมรลาวชาวละครทั้งมอญไทย พ่อก็ได้ลองแล้วนะแก้วตา
ฯลฯ
พอนึกได้ไม่ทันพักพยักหน้า ทั้งวงศาสุจริตสนิทสนม
ล้วนท่วงทีดีเหลือไม่เบื่อชม เขามักคมในฝักชักออกวาว
ถึงยามร้อนผ่อนสบายให้หายร้อน ยามหนาวนอนแนบกายให้หายหนาว
อันหญิงอื่นหมื่นแสนในแดนดาว ไม่สู้ชาวลังกาสัจจาจริง
ฯลฯ
                ฝ่ายสองนางนั่งฟังอยู่ริมฉากชมฝีปากหน่อนาถที่ฉลาดเฉลียว ไม่รู้จักรักผู้หญิงจึงเด็ดเดี่ยวไม่ถูกมนต์ เห็นว่ามีไม้เท้านั้น ถ้าผู้หญิงจับแล้วคงจะเสื่อมมนต์คาถา จึงคิดชิงไม้เท้า
            ฝ่ายพระอภัยสอนลูกสุดสาครไม่ได้อย่างใจ จึงแกล้งทำเป็นโกรธ จึงตรัสเรียกธิดาสุลาลีมาให้คุมสุดสาครไว้ ส่วนหัสไชยพระองค์จะรับไว้ให้นอนด้วย
  สุดสาครอ่อนหวานประทานโทษ แม้ไม่โปรดให้ไปก็ไม่หนี
ถวายชีวิตสิทธิขาดแล้วชาตินี้ ตามแต่ที่บุญกรรมได้ทำมา
ถึงเนื้อเลือดเชือดถวายเหมือนหมายมาด ขอแต่อย่าให้ขาดพระศาสนา
ถ้าเดี๋ยวนี้มิสงสารพระมารดา ลูกจะฆ่าตัวถวายให้หายแคลง
ฯลฯ
               นางสุลาลีวันพาสุดสาครไปห้องนอนแล้วเฝ้าปรนนิบัติ สุดสาครกลัวผู้หญิง เอาไม้เท้าอิงไว้ข้างกาย นางจะพูดอย่างไรก็ไม่เงยหน้าดู คิดถึงน้องที่ต้องอยู่ไกลกัน คิดถึงพระบิดาที่หลงใหลให้ตนต้องอึดอัด กลัดกลุ้มที่ให้นางคุมอยู่ นางสุลาลีวันกล่าวตัดพ้อและเอ่ยไปถึงนางเสาวคนธ์ ทำให้สุดสาครทนไม่ได้ ต้องออกปากว่านางด้วยประการต่าง ๆ
จนดึกดื่นขืนเฝ้าแต่เซ้าซี้ จะไม่มีผัวนี้ไม่ดีหรือ
พระเคืองค้อนค่อนขอดนั่งกอดมือ นางไม่ถือคิดว่าผัวเฝ้ายั่วเย้า ฯ
            นางสุลาลีวันขอไม้เท้าสุดสาครไม่ให้ เกิดแย่งชิงกัน ไม้เท้านั้นเมื่อผู้หญิงเข้าใกล้ก็กลายเป็นงูไล่ผู้หญิง นางตกใจวิ่งหนีงูนั้นก็หายไป สุดสาครโกรธมากจนเป็นลมไป เมื่อฟื้นขึ้นมาเห็นไม้เท้าหายไป จึงออกตามหาไปถึงห้องพระเชษฐา เห็นนั่งแอบอิงอยู่กับผู้หญิงฝรั่ง ดูน่าเกลียดจึงเลยไปยังห้องพระอา เห็นทรงสะกาอยู่กับนางรำภา จึงให้เสียงและนั่งลง พระอาเห็นพระหลานก็เรียกให้มานั่งด้วยกัน สุดสาครทูลว่าไม้เท้าหาย จึงออกเที่ยวตามหา แล้วทูลความว่า พระบิดาให้สุลาลีวันขังไว้ที่วังใน
  ศรีสุวรรณนั้นหัวเราะว่าเคราะห์เจ้า เมื่อไม้เท้าอยู่กับกายให้หายได้
จงมีเมียเสียเถิดหลานสำราญใจ นึกเหมือนไพร่มันว่าตำราบุราณ
มีเมียเคล้ามีข้าวกินแล้วสิ้นทุกข์ อยู่ไหนไหนได้เป็นสุขสนุกสนาน
แล้วลืมองค์หลงเสี้ยวพูดเกี้ยวพาน สามกระดานแล้วหนาจำนางรำภา ฯ
            สุดสาครร้อนรุ่มกลุ้มใจ เหมือนตกอยู่กลางทะเลแห่งความรัก จะพึ่งที่พึ่งอาก็ไม่ได้
โอ้เหมือนอย่างช้างเถื่อนที่เพื่อนเบียด เข้าเพนียดแดดิ้นจนสิ้นโขลง
เหมือนตัวเราเล่าจะถูกเข้าผูกโรง เพราะญาติโยงยั่วเย้าให้เข้าซอง
            ขี้เกียจนั่งฟังให้รำคาญใจ สุดสาครคิดถึงแต่ไม้เท้าจึงทูลลาไปหาไม้เท้าต่อไป
            ฝ่ายนางสุลาลีวันสะกดรอยคอยฟังความอยู่ เห็นสุดสาครโศกศัลย์ฟั่นเฟือน ก็รู้ว่าของแก้ฤทธิ์มนต์ไม่อยู่ติดตัว จึงแกล้งเข้าไปกอดไว้แล้วเป่ามนต์สนจิตให้เสียวสวาทประดิพัทธ์ จากนั้นก็จูงมายังห้องนอนอยู่กันสองต่อสอง
นึกหอมกรุ่นฉุนเฉียวเสียวแสยง พระพัตรแดงดูก่ำดังน้ำฝาง
ลืมความรู้ครูสอนแต่ก่อนปาง ให้รักนางบุตรีลาลีวัน
            สุดสาครออกปากเกี้ยวพาราสีนางสุลาลีวัน นางรู้ว่าผีเข้าสิงสู่แล้วจึงคิดแก้เผ็ด สุดสาครงอนง้อ สุดสาครผ่อนแก้ แล้วเข้าประโลมนาง
ประคองอุ้มจุมพิตเชยชิดโฉม เสียบประโลมลูบต้องของสงวน
นางผลักพลิกหลีกเลื่อนเบือนกระบวน แกล้งหยิกข่วนแก้เผ็ดให้เข็ดมือ
ฯลฯ
หนังเสือเหลืองเครื่องพรตจงปลดเสีย จึงมีเมียจะได้ขาดพระศาสนา
แม้ทำตามความฉันจำนรรจา จะเห็นว่ารักจริงไม่กริ่งใจ ฯ
ฯลฯ
แล้วสาพรตปลดเปลื้องเครื่องหนังเสือ ทรงใส่เสื้อเส้นทองดูผ่องใส
ด้วยโลกีย์นี้มันปลื้มให้ลืมไตร เหมือนสึกใหม่มีเมียเฝ้าเคลียคลอ
ฯลฯ
พลางกอดเกี้ยวเกลียวกลมภิรมย์รื่น ถนอมชื่นเชยชิมไม่อิ่มหนำ
นางว่าเมื่อเหลือเข็ญเข้าเคล้นคลำ จะชอกช้ำไปเสียแล้วไม่แคล้วเลย
ห้ามเท่าไรไม่ยั้งไม่ฟังห้าม ตามเกิดตามบุญกรรมแกล้งทำเฉย
พระกอดช้อนกรต้องประคองเชย ต่างไม่เคยขามเขินเผอิญเป็น
ฯลฯ
  อันเรื่องราวคราวสุดสาครคลั่ง  ด้วยกำลังโลกีย์เป็นวิสัย
ถึงนักสิทธิฤทธิรงค์ทั้งทรงไตร เข้าเคียงใกล้โลกีย์แล้วมิพ้น
ฯลฯ
            พอรุ่งแจ้ง หน่อกษัตริญ์หัสไชยบรรทมตื่น แล้วคิดถึงพระพี่จึงมายังห้องนางสุลาลีวัน เห็นพระเชษฐานอนอิงแอบกอดผู้หญิงอยู่ เปลื้องหนังเสือออกใส่แต่เสื้อก็เกิดความสมเพช จึงเข้าไปปลุก สุดสาครรู้สึกตัวก็นึกสังเวชตนเอง บอกว่า ที่ผิดพลั้งครั้งนี้เพราะผีพลอย
วิปริตจิตใจให้ไหลเลื่อน อยู่ก็เชือนเผือนพั่นเหมือนฝันเห็น
แล้วตรัสกับอนุชาเวลาเย็น ไม้เท้าเป็นงูหายเสียดายนัก
ฯลฯ
  อนุชาว่าพระพี่หนีเถิดจ๊ะ ขืนอยู่นะคิดเห็นไม่เป็นผล
เรารีบออกนอกห้องทั้งสองคน  ข้างพระชนนีคงจะหลงตอย ฯ
            นางสุลาลีวัน เห็นดังนั้นจึงเข้ามานั่งข้างเคียง สุดสาครเห็นนางเลยวางน้อง แล้วกลับไปหลงไหลในตัวนาง หัสไชยเห็นดังนั้นก็คิดแค้นนางสุลาลีวัน
จะนั่งดูอยู่ก็แสนจะแค้นคั่ง สุชลหลั่งคลอเนตรดูเชษฐา
เหลือเจ็บช้ำน้ำใจอาลัยลา กลับมาห้องกลางที่ปรางค์ใน ฯ
            แล้วหัสไชยก็กราบบังคมลาพระบิดาและองค์ละเวงทรงนั่งสิงห์แล้วขับไปพลับพลา

| ย้อนกลับ | บน | หน้าต่อไป |