| | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
นางสุวรรณมาลี เมื่อสุดสาครเข้าไปเมืองลังกาแล้วก็เฝ้าคอยหา พอเห็นหัสไชยกลับมา ทูลความให้ทรงทราบว่า สุดสาครไปสมสู่อยู่กับนางสุลาลีวัน ก็เสียใจยิ่งนัก รำพันว่าถ้าไม่ห่วงพระธิดาก็จะกลืนยาพิษเสียให้บรรลัยวาญ
| อยู่เป็นคนทนอายนั้นหลายอย่าง | อุราพ่างเพียงระบมด้วยคมขวาน |
| ยิ่งคิดแค้นแม้นกายจะวายปราณ | คำโบราณว่าเอาชื่อให้ลือชา |
| แม้ไม่เลี้ยงเที่ยงแท้แล้วแม่นี้ | ถวายชีวีตามความประสงค์ |
| จะเชือดคอให้ตายทำลายลง | จำเพาะตรงพักตราพระสามี ฯ |
| ค แล้วสั่งพราหมณ์สามนายอยู่ค่ายใหญ่ | เราจะไปรบพุ่งชาวกรุงศรี |
| ทหารเราชาวผลึกล้วนฝึกดี | ช่วยกันตีชาวลังกาค่าอย่าช้านาน |
| ให้ทหารเดินทัพขับพลโห่ | ทหารโล่เขนดั้งหน้าหลังสลอน |
| ประโคมฆ้องกลองแห่สังข์แตรงอน | เสียงสะท้อนสะท้านทุ่งมากรุงไกร ฯ |
| พระอภัยใหลหลงทรงพระสรวล | เฝ้ารบกวนเกรงมเหสี |
| ให้พวกเราเข้าสู้ดูสักที | ไหนจะตีเข้าได้ในประตู ฯ |
| ค นางละเวงเกรงศึกทีฮึกหึง | จะอื้ออึงอัปยศให้อดสู |
| คิดผ่อนปรนกลศึกฝึกต่อครู | จะลองสู้ศึกรักให้หักทบ |
| แม้จะรักครองสัตย์จงตัดเขา | มิโปรดเกล้ายั่งยืนจงคืนกลับ |
| จะตามไปให้เห็นกายนางนายทัพ | ได้ยินกับสองหูดูกับตา |
| หรือว่าพระจะไม่ไปอย่างไรเล่า | พลางหยิกเพลาเป่ามนต์ดลคาถา |
| พระโอนอ่อนผ่อนผันตามวัณฬา | ไปสิพากันไปล้อให้พอการ ฯ |
| ล้วนเครื่องดำสำคัญวันอาทิตย์ | ตามจริตศักราชพระศาสนา |
| อร่ามเรืองเครื่องสำหรับประดับประดา | พระมาลาสวมสอดใส่ยอดเพชร |
| ทรงรองบาทชาติฝรั่งนวมหนังนุ่ม | พระชงฆ์หุ้มคลุมสนับแล้วสรรพเสร็จ |
| กระบี่พระองค์ทรงกุดั่นกัลเม็ด | แล้วเสด็จนำนางจากปรางค์ทอง |
| เห็นกองทัพนับหมื่นดูดื่นดาษ | วรนาฎนางกษัตริย์ทรงรถา |
| เห็นลูกน้อยสร้อยสุวรรณ จันทรสุดา | ชลนาแนวนองจะร้องทัก |
| กลับเคลิ้มองค์หลงลืมพระลูกแก้ว | รู้จักแล้วก็ดูไม่รู้จัก |
| นางเสแสร้งแกล้งเมียงเข้าเคียงพักตร | ทำชวนชักชี้ให้ดูหมู่โยธา |
| ค ฝ่ายโฉมยงนงลักษณ์อัคเรศ | ทอดพระเนตรบนพลับพลาหลังคาสี |
| ไม่รู้จักพักตรพระอภัยมณี | ด้วยภูมีเหมือนฝรั่งเมืองลังกา |
| นีกว่าใครไหนหนอมาคลอหญิง | ดูเย่อหยิ่งกั้นกลดมียศถา |
| สองนงเยาว์เข้าชิดทูลกิจจา | พระบิดานะพุคะพระชนนี |
| ยิ่งแสนแค้นแน่นอัดตรัสไม่ออก | เหมือนเสี้ยนยอกเนตรสลายทั้งซ้ายขวา |
| สุดจะขืนกลืนกลั้นตันอุรา | ทรงโศกากรรมเอ๋ยไม่เคยเป็น |
| ค พระอภัยได้เห็นพักตร์อัคเรศ | ยังชื่นเนตรนึกคิดสนิทสนม |
| พอลูกสาวเจ้าลังกาเป่าอาคม | เคลิ้มอารมณ์รื้อค้อนว่างอนเกิน |
| กระต่ายแก่แร่ข้ามมาตามติด | ช่างไม่คิดขวยอายระคายเขิน |
| เขาเบื่อใจไม่อยู่จนสู้เมิน | มาก้ำเกินดูเบาเพราะเมามัว |
| ได้เริดร้างต่างคนก็ต่างอยู่ | ยังไม่รู้สึกตัวมามัวหึง |
| ชะร้องไห้ไม่ฟื้นสะอื้นอึง | ชาติหน้าจึงจะช่วยปลอบให้ชอบใจ |
| ค มเหสีตีทรวงเข้าฮักฮัก | อกมิหักแล้วหรือกรรมจะทำไฉน |
| นางแสนแค้นแสนละห้อยน้อยพระทัย | สลบไปแล้วเป็นครู่จึงรู้องค์ |
| ไม่มีโทษโกรธตรัสถึงตัดขาด | เหมือนพระบาทฟาดฟันบั่นเกศา |
| แต่ลูกน้อยสร้อยสุวรรณ จันทร์สุดา | มาวันทาพระไม่ทักเลยสักคำ |
| อันฝรั่งลังกาเป็นข้าศึก | ไม่เคยนึกว่าพระองค์จะหลงไหล |
| แม้พวกอื่นหมื่นแสนทั้งแดนไตร | น้องมิได้ข้องขัดพระอัชฌา |
| นี่ศัตรูงูพิษมันคิดคด | ให้เสียยศเสียชาติพระศาสนา |
| เสียโอรสหมดทั้งพระอนุชา | แต่ธิดาเด็กนิดยังคิดชัง ฯ |
| ประเดี๋ยวนี้ดีแตกแหลกแล้วค่ะ | เขาไม่ละลดดอกจะบอกให้ |
| พระตัดขาดศาสนาไม่อาลัย | อย่าร่ำไรสำออยตะบอยวอน |
| ค นางฟังคำซ้ำแค้นยิ่งแสนแสบ | ความเจ็บแทบถึงกระดูกดังถูกศร |
| น้อยหรือเสียงเปรี้ยงแปร้นมันแสนงอน | กลับมาค่อนขอดขุดถึงอุศเรน |
| แต่รุ่นราวสาวแส้จนแก่เฒ่า | ไม่เหมือนเจ้าองค์เอกภิเษกดิบ |
| ได้สุคนธ์มนต์เจือดังเนื้อทิพย์ | ขึ้นจนลิบลอยเหลิงกว่าเชิงเทิน |
| มาแต้มเติมเสริมความตามพระโอษฐ | นางตัวโปรดเปรื่องประสิทธิ์ด้วยฤทธิ์ผี |
| แต่กระดาษวาดรูปจูปเป็นปี | ประเดี๋ยวนี้องค์เธอบำเรอเอง |
| แต่เพียงพี่แล้วมิหนำยังซ้ำน้อง | โอรสสองแทรกเจือเหลือขยัน |
| เหมือนไหมย้อมปลอมเส้นเบญจพรรณ | จึงต้องฟั่นเผือผดุงบำรุงบำเรอ |
| มิเมตตาฆ่าเมียเสียให้ม้วย | แต่อย่าช่วยเสริมซ้ำมาปรำปรัก |
| เสียแรงน้องรองบาทสามิภักดิ์ | พระเหมือนหลักโลกเที่ยงไม่เอียงเอน ฯ |
| ด้วยทุกข์ร้อนซ้อนซมระดมทับ | จนลมจับนงลักษณ์พักตร์สลด |
| ล้มสลบทบทับอยู่กับรถ | เจียนจะปลดชีวานิคาลัย ฯ |
| อันโศกอื่นหมื่นแสนในแดนโลก | มันไม่โศกลึกซึ้งเหมือนหึงผัว |
| ถึงเสียทองของรักสักเท่าตัว | ค่อยยังชั่วไม่เสียดายเท่าชายเชือน |
| ถึงสมบัติวัตถาบรรดาศักดิ์ | ลูกที่รักร่วมใจก็ไม่เหมือน |
| ทั้งแสนแค้นแสนรักคอยตักเตือน | จนฟั่นเฟือนใฝ่ฝันถึงวัณฬา |
| ข้างครอบครัวตัวไพร่ที่ไปทัพ | ผัวหากลับมาไม่ก็ใจหาย |
| จะนั่งนอนร้อนรนกระวนกระวาย | ต้องขวนขวายเช้าค่ำด้วยจำเป็น |
| ที่หญิงดีมีศักดิ์รู้รักผัว | ก็ซ่อนตัวมิให้ชายทั้งหลายเห็น |
| ถึงยามนอนหมอนฟูกกระดูกเย็น | น้ำตากระเด็นดังหนึ่งกายจะวายวาง |
| ที่เช่นชั่วผัวต้องไปกองทัพ | พอผัวลับแล้วก็เต้นออกเล่นหาง |
| ที่กินลึกฝึกลูกเลี้ยงไว้เคียงข้าง | ถึงผัวร้างสามปีไม่มีชู้ |
| ด้วยผัวเมียทั่วโลกที่โศกถึง | เปรียบเหมือนหนึ่งเรือร้างค้างมรสุม |
| ถึงตัวไปในใจอยู่เป็นคู่คุม | ถึงแก่หนุ่มนึกเห็นก็เช่นกัน |
| ค อ่านแถลงแจ้งความสามกษัตริย์ | ซึ่งข้องขัดเข้าเชิงระเริงหลง |
| เหมือนเรื่องหลังทั้งหมดท้าวทศวงศ์ | หยิบสารตรงขึ้นปราสาทนั่งอาสน์ทอง |
| แม่มาลีพี่สะใภ้หล่อนไปแล้ว | พาลูกแก้วไปกับแม่ได้แก้ผัว |
| แล้วทูลท้าวคราวนี้มันตีครัว | ลูกเขยมัวเมียฝรั่งคิดอย่างไร ฯ |
| ทอดประจำลำทรงตรงฉนวน | ตั้งกระบวนแบบหัดไม่ขัดขวาง |
| เป็นทัพหงส์สองอาจผาดนภางค์ | มีปีกหางครบถ้วนกระบวนบิน ฯ |
| พอพลบค่ำคล้ำมัวทั่วทุกทิศ | ยิ่งมืดมิดมิ่งขวัญประหวั่นไหว |
| น้ำกระจายพรายแดงดั่งแสงไฟ | แล่นมาในแนวคลื่นทุกคืนวัน ฯ |
| เมื่อหนุ่มสาวราวกับไฟใกล้ดินหู | สุดจะสู้ศึกรักนั้นหนักหนา |
| พระตรัสพลางทางถามขุนโหรา | ให้ชำระชะตาสุดสาคร ฯ |
| แต่นงลักษณ์อัคเรศอยู่เขตค่าย | เราเป็นชายไปถึงพระมเหสี |
| จะพูดจาปราศรัยก็ไม่ดี | ครั้นจะมิเจรจาก็น่าชัง |
| ซึ่งดีชีวาทั่วโลกไม่เล็งเห็น | เกลือกจะเป็นรอยร้ายไปภายหลัง |
| จะแต่งให้ใครข้ามตามไปฟัง | ก็คิดยังไม่เห็นใครจะไปเลย ฯ |
| แล้วเป็นครูสืบวงศ์พงศ์กษัตริย์ | จนกัดถัดมาถึงเราเล่าหนังสือ |
| อายุยืนตื้นลึกใด้ฝึกปรือ | ทั้งสัตย์ซื่อไม่สอพลอพูดล่อลวง |
| จะไปหามาเหมือนเหล่าเขาทั้งปวง | เป็นที่ล่วงเกินครูรู้วิชา |
| จะวอนวานท่านปาโมกข์โลกเชษฐ์ | ผู้วิเศษไสยศาสตร์ฉลาดเฉลียว |
| ไปด้วยเจ้าคราวนี้ก็ดีเจียว | ลงลำเดียวจะได้ถามความโบราณ |
| คฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ | เป็นพราหมณ์เทศเทวฤทธิ์อิศยมภุ์ |
| มีสมบัติพัสถานพานอุดม | แต่อารมณ์ไม่สู้รักด้วยมักน้อย |
| ค ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ | ทรงไตรเพทพิทยาภาษาไสย |
| สังเกตยามตามนรางค์เป็นทางใน | เห็นจะได้คืนคงสืบพงศ์พันธุ์ |
| แต่ฝรั่งครั้งนี้ใช้ผีหญิง | เข้าแทรกสิงเสียทีเดียวให้เฉียวฉุน |
| ลงลึกซึ้งถึงกระดูกดังถูกคุณ | นี่หากบุญของพระหน่อไม่มรณา |
| อยู่ในวังรังควานประมาณมาก | เห็นแสนยากยิ่งนักจะรักษา |
| แก้ไม่หายฝ่ายหมอจะมรณา | จะอุตส่าห์สามิภักดิ์ไปสักครั้ง |
ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
กล่าวถึงเรื่องในวัง วัณฬาได้ครองคู่กับพระอภัยมณีตั้งแต่เดือนยี่ถึงเดือนกลางเดือนห้า องค์วัณฬาก็ตั้งครรภ์แล้วฝันว่า กลืนดาวจรเข้ในท้องฟ้า แล้วมีเทวดาเหาะมาถือสายฟ้าฟาดนาง แล้วควักจักษุนางออกทั้งสองข้างมองอะไรไม่เห็น เมื่อตื่นขึ้นจึงทูลพระอภัยถึงความฝัน พระอภัยบอกว่านางมีท้องแล้ว แล้วตรัสอวดว่า
| เห็นแล้วหรือมือเก่านะเจ้าพี่ | ไม่ถึงปีก็ได้เชื้อเหลือขยัน |
| ไม่นับถือหรือว่าจะเล่นพนัน | คนละปีมิให้คั่นจนวันตาย ฯ |
| นางยุพาผกาทูลแถลง | จะต้องแต่งบัตรพลีคัมภีร์ไสย |
| ประตูทั้งแปดทิศให้ปิดไว้ | อย่าให้ใครเข้าออกบอกกิจจา |
| ในเจ็ดวันนั้นพระองค์จงทรงศีล | ตัดให้สิ้นพยาบาทปรารถนา |
| สังเวยไหว้ไทเทวโลกา | ให้รักษาสะเดาะพระเคราะห์นาม |
| เมื่อคราวมัวผัวเหมือนหนึ่งขี้ผึ้งเคล้น | จะปั้นเป็นรูปอะไรก็ไม่ขัด |
| ปูว่าหอยพลอยว่าด้วยสารพัด | เพราะรู้กลปรนนิบัติช่างดัดแปลง ฯ |
| แขกฝรั่งทั้งหลายพวกนายไพร่ | ก็พร้อมใจกันให้ขาดพระศาสนา |
| ยิ่งแค้นขัดอัดอั้นตันอุรา | ดังเลือดตาแกจะตกตีอกตึง |
| บาทหลวงดูรู้การว่าศาลนี้ | ชื่อพลีโลกาบูชาขยัน |
| นางวัณฬาน่าที่จะมีครรภ์ | คงพบกันแล้วสินะกูจะคอย |
| ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาบูชาศาล | ทุกทวารถวายของที่สองสาม |
| อร่ามเรืองเครื่องบูชาสง่างาม | แล้วเลียบตามเชิงเทินดำเนินมา ฯ |
| พลอยขายหน้าฝรั่งทั้งประเทศ | เสียประเภทพวกหญิงชาวสิงหล |
| ยิ่งฉุนคิดแม้ว่ากายถวายชนม์ | จะให้คนเลื่องชื่อออกอืออึง ฯ |
| ยังลวงหลอกกลอกกลับไปรับชู้ | มาเป็นคู่หลู่ขาดพระศาสนา |
| มึงผ่าเหล่าเผ่าพันธุ์อีวัณฬา | คบขี่ข้ามาเขาเลี้ยงไว้เคียงตัว |
| มึงลวงกูรู้ทันทำผันผ่อน | เหมือนหนึ่งหนอนบ่อนไส้กินไตตับ |
| จนด่านแตกแยกย้ายล้มตายยับ | เพราะมึงกลับกลายแกล้งไปแปลงความ |
| จนฝรั่งลังกาเป็นข้าเขา | เพราะมึงเข้าเพศภาษาสยาม |
| เป็นเมียน้อยช้อยชดช่างงดงาม | เมียหลวงตามเข้ามาหึงถึงประตู |
| กูรักใคร่ให้วิชาสารพัด | ไม่ซื่อสัตย์ซ้ำปดให้อดสู |
| แกล้งคิดอ่านพาลโกรธยกโทษกู | เมื่อจืดแล้วจึงรู้จักคุณเกลือ |
| ประทานโทษโปรดเกล้าเถิดเจ้าคะ | ไม่ทิ้งพระศาสนาหามิได้ |
| เจ้าคุณมาธานีฉันดีใจ | นิมนต์ไปวัดวาให้ถาวร ฯ |
| ค นางทูลว่าอาการนั้นพานเคลิ้ม | แต่ความเดิมจำได้ไม่ใหลหลง |
| แม้ทราบว่าฝ่าพระบาทญาติวงศ์ | มาถึงคงจะออกมาเฝ้าฝ่าธุลี |
| ค ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เห็นกลศึก | นางนิ่งนึกตรึกตราแล้วว่าขาน |
| ถ้าละไว้ให้เสร็จสำเร็จการ | จะเชี่ยวชาญเชิงมนต์กลวิชา |
| ค พราหมณ์พฤฒาว่ากระนั้นวันพรุ่งนี้ | จะแก้ผีภูติพรายให้หายหลง |
| แล้วพราหมณ์เอาทองคำทำเป็นธง | มาเขียนลงอักขระพระศุลี |
| แล้วลงยันต์พระพิเนกเสกสะกด | ดังจักรกรดพระนารายณ์ทำลายผี |
| ให้น้องนางพลางสอนซ่อนให้ดี | ไปให้พี่เผ่าพงศ์องค์ละคัน |
| แล้วลงเลขเสกข้าวตอกเป็นดอกฟ้า | ล้ำบุปผาในแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย |
| ยื่นดอกไม้ให้กุมารเหมือนหลานชาย | สอนอุบายที่จะให้เข้าในวัง ฯ |
| แม้ปิดบังของหลวงให้ร่วงหล่น | ตัวจะพ้นความตายฉิบหายหรือ |
| เป็นขุนนางช่างโง่เหมือนโคกระบือ | ดีแต่ดื้อไม่รู้จักที่หนักเบา |
| ค ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงไม่เกรงกริ่ง | คิดว่าจริงจะใคร่ดูดอกบุหงา |
| หลงอุบายหมายจิตว่าเทวา | เอาดอกฟ้ามาให้คุ้มภัยพาล |
| นางวัณฬาแอบมองตามช่องฉาก | พอเห็นหลากจิตพรั่นประหวั่นไหว |
| เข้าชิงธงที่องค์พระอภัย | มาหักให้ย่อยยับสำทับความ |
| ค ฝ่ายอรุณรัศมีเป็นพี่น้อง | บังคมสองพี่ชายสายสมร |
| จอมกษัตริย์ตรัสว่าสุดสาคร | อายุอ่อนแต่เป็นที่พระพี่ยา |
| แม้ไม่เลี้ยงเคียงองค์พระทรงศักดิ์ | จะสมัครอยู่เป็นข้าเหมือนทาสี |
| วิบากกรรมถึงรำภาจะด่าตี | ก็ตามทีเกิดสู้ทนไปจนตาย |
| สนองคุณมลิกาฝ่าพระบาท | จนสิ้นชาติชาตินี้ไม่หนีหาย |
| ถึงชาติอื่นหมื่นชาติไม่คลาดคลาย | พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย |
| ซึ่งพี่น้องสองออกมานอกได้ | มันจะใช้ผีทับให้กลับหลัง |
| ภาวนาอย่าประมาทให้พลาดพลั้ง | ด้วยเคราะห์ยังอีกสิบห้าทิวาวัน |
| มิห่วงน้องสองชนกที่ปกเกล้า | พี่จะเผาตัวตายเพราะขายหน้า |
| ถึงอยู่ไปก็ไม่พ้นคนนินทา | จนม้วยฟ้าสูญดินไม่สิ้นอาย |
| | ย้อนกลับ | บน | หน้าต่อไป | |