| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ค พอเดือนยี่มีผู้ถือหนังสือบอก | ชาวด่านนอกนครพณาสัณฑ์ |
ทั้งเหนือใต้ฝ่ายปัจฉิมมาพร้อมกัน | บังคมคัลทูลท้าวเจ้าพารา |
ว่าบัดนี้ท้าวอุเทนเกณฑ์ทหาร | เป็นสามด่านข้าศึกฮึกหนักหนา |
ข้างฝ่ายเหนือบอกว่าปัจจามิตร | พวกฝรั่งอังกฤษกับมักกะสัน |
ล้วนขี่ม้าห้าหมื่นพื้นฉกรรจ์ | เข้าบุกบั่นตีบ้านด่านดงมา |
อันโยธามาทางตะวันตก | กระบวนบกแบกพื้นล้วนปืนผา |
มลายูสุระตันวิลันดา | ตีเข้ามาในด่านชานบุรี |
ไปรบรับทัพแขกให้แตกไป | อย่าให้ไพรีรุกบุกเข้ามา |
ที่ปากน้ำสำคัญอยู่แห่งหนึ่ง | เอาโซ่ขึงค่ายคูดูรักษา |
ให้ลากปืนป้อมฝรั่งขึ้นจังกา | คอยยิงข้าศึกให้บรรลัยลาญ |
ถึงสุดคิดปิตุรงค์จะส่งลูก | จะไปผูกคอตายให้หายสูญ |
ไม่ขอพบคนแขกแปลกประยูร | แล้วนางพูนเทวษร่ำระกำใจ |
ค ศรีสุดา หน้าม่อยชม้อยชม้าย | ทำเอียงอายอ่อนคอแล้วพ้อให้ |
น่าหัวเราะทั้งทุกข์สนุกใจ | พระจะไปเป็นทหารสงสารจริง |
อันศึกเสือเหนือใต้มิใช่ง่าย | ไม่สบายเหมือนหนึ่งเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง |
จะกล่าวฝ่ายทัพอุเทนราช | พบอำมาตย์รมจักรเข้าหักหาญ |
ทั้งยิงแย้งแทงฟันประจัญบาน | ไทยไม่ทานมือแขกก็แตกยับ |
พลชวามลายูทั้งมูหงิด | ก็ตามติดหักโหมเข้าโจมจับ |
ชาวบุรีหนีหลบไม่รบรับ | จนกองทัพโอบอ้อมเข้าล้อมเมือง ฯ |
ค สงสารท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ | โทมนัสทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง |
เที่ยวตรวจไตรไพร่พหลพลโยธา | ให้รักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ |
แม้นข้าศึกฮึกฮักมาหักหาญ | จะต่อตีปีนสะพานขึ้นด้านไหน |
หลอมตะกั่วคั่วทรายปรายลงไป | ยิงปืนใหญ่แย้งรับให้ยับเยิน |
แล้วเกณฑ์ไพร่ในบุรีไว้สี่หมื่น | ฉายค่ำคืนการชุกจะฉุกเฉิน |
จะได้เพิ่มเติมคนบนเชิงเทิน | เสด็จเดินช้างตรวจทุกหมวดมา ฯ |
ค ฝ่ายทหารท่านท้าวอุเทนราช | สี่อำมาตย์ตัวนายทั้งซ้ายขวา |
เข้าตั้งค่ายรายกำแพงแย่งปีกกา | แล้วปรึกษาคิดอ่านการณรงค์ |
ว่าจะให้ทูตถือหนังสือสาร | ไปว่าขานข้อความตามประสงค์ |
แม้นเจ้าเมืองรมจักรยังรักองค์ | ให้เร่งส่งพระธิดาอย่าช้านาน |
เห็นพร้อมใจให้เสมียนเขียนหนังสือ | ให้ผู้ถือสาราที่กล้าหาญ |
ขึ้นขี่ม้าโบกธงตรงทวาร | ชูแต่สารไว้ให้เห็นเป็นสำคัญ |
บัดนี้เราเข้ามาล้อมป้อมปราการ | ชีวิตท่านเหมือนลูกไก่อยู่ในมือ |
แม้นบีบเข้าก็จะตายคลายก็รอด | จะคิดลอดหลบหลีกไปอีกหรือ |
มิอ่อนน้อมยอมยิงจะชิงชัย | ก็เห็นไม่พ้นอาญาปัจจามิตร |
แม้นทรงธรรม์กรุณาประชาราษฎร์ | อนุญาตยอมถวายให้หายผิด |
อันชาตินี้พี่ไม่ขอเป็นข้าแขก | ถึงเมืองแตกจะไปตายอยู่ปลายสวน |
ค หน่อกษัตริย์ว่าถ้าเช่นนั้น | จะพากันไปเฝ้าเจ้ากรุงศรี |
เราเดินทางหว่างค่ายพวกไพรี | ให้โยธีกองทัพออกจับตัว |
จึงฝ่าฟันข้าศึกสะอึกไล่ | เอาหัวไอ้พวกชาวพลไปคนละหัว |
แทนธูปเทียนดอกไม้ถวายตัว | ให้เห็นทั่วจะได้ลือฝีมือเรา ฯ |
ค ฝ่ายฝรั่งอังกฤษคิดประหลาด | พราหมณ์ยังอาจเดินมุ่งเข้ากรุงศรี |
จะจับไว้ไต่ถามความบุรี | พวกโยธีพรูพร้อมออกล้อมพราหมณ์ |
พระโฉมยงทรงกระบองของวิเศษ | สำแดงเดชชิงชัยในสนาม |
ตัดศีรษะโยธาที่ฆ่าตาย | ทั้งสามนายหัวมาหน้าประตู |
พวกรักษาหน้าที่ก็มี่ฉาว | ทั้งนายบ่าวบอกกันสนั่นหู |
เห็นพราหมณ์หิ้วหัวแขกแดกกันดู | เปิดประตูให้เจ้าเข้าในเมือง |
นี่แน่เจ้าเผ่าพราหมณ์นามไฉน | จะชิงชัยช่วยสังหารผลาญปรปักษ์ |
ซึ่งฝ่าฟันเข้ามาได้ขอบใจนัก | แต่จะหักศึกเสือเห็นเหลือมือ |
ด้วยตัวเจ้าเยาว์ยังกำลังน้อย | เหมือนไก่ต้อยจะไปสู้อ้ายอูหรือ |
แม้นเจ้าออกชิงชัยไม่ชนะ | ก็เห็นจะชุลมุนวุ่นหนักหนา |
ซึ่งจะปราบศัตรูกู้พารา | ด้วยวิชาความรู้หรือสู้รบ |
ค เจ้าพราหมณ์ฟังบังคมบรมนารถ | ข้าพระบาทพากเพียรเรียนจนจบ |
ชำนาญในไตรเพทวิเศษครบ | จะรุกรบราวีให้มีชัย |
ซึ่งจะส่งองค์พระบุตรีนั้น | ทมิฬมันจะประมาทพระบาทได้ |
แล้วโปรดให้ไปนัดนายกองทัพ | ให้ออกรับรบสู้เป็นคู่ขัน |
จะสังหารผลาญนายวายชีวัน | แล้วไล่ฟันพวกไพร่ให้เป็นเบือ ฯ |
ค สมเด็จท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นประเทศ | ทอดพระเนตรโยธาที่หน้าฉาน |
เห็นพร้อมกันบันเทิงเริงสำราญ | พระเบิกบานเบือนพักตร์มาทักพราหมณ์ |
ค ศรีสุวรรณกับสามเจ้าพราหมณ์พร้อม | ประณตน้อมนบปิ่นบดินทร์สูร |
พอสบเนตรเกษรายิ่งอาดูร | ต้องจำทูลลามาขึ้นพาชี |
ให้ทหารขานโห่ขึ้นสามหน | ดำเนินพลออกทวารอิสานศรี |
เสียงฆ้องกลองก้องสะเทือนธรณี | พวกโยธีเดินกระบวนล้วนทวนธง |
พวกนายทัพขับม้าพยศย่าง | ดูเหมือนอย่างหุ่นเชิดระเหิดระหง |
แกล้งชักน้อยซอยเต้นเผ่นผจง | ผ่านมาตรงหน้าพลับพลาสง่างาม |
เหล่าทหารราญรณผจญศึก | กระหึ่มฮึกโห่ร้องก้องสนาม |
ให้หยุดยั้งตั้งที่สีหนาม | เรียงไปตามรัถยาหน้ากำแพง ฯ |
ค ฝ่ายฝรั่งปังกลิมาวิชาเยนทร์ | สุรเหนมูรตานชาญกำแหง |
เห็นชาวเมืองออกมาตั้งอยู่กลางแปลง | ล้วนเสื้อแดงสักหลาดดาษดา |
นายทั้งสี่มีสัปทนกั้น | แต่ไกลกันไม่ตระหนักรู้จักหน้า |
ทั้งสี่ค่ายนายหมวดตรวจโยธา | ปังกลิมากองแขกแทรกสมทบ |
วิชาเยนทร์เกณฑ์ฝรั่งฝ่ายอังกฤษ | มุรหวิดแข็งขันเข้าบรรจบ |
สุรเหนเกณฑ์ชวาล้วนกล้ารบ | เข้าสมทบกับปิตันวิลันดา |
มลายูมูรตานเป็นนายทัพ | สมทบกับกองฝรั่งบังกุล่า |
เป็นโยธีสี่หมู่ผู้ศักดา | ถือศัสตรากริชตรีกระบี่ยาว |
ฝ่ายทหารฝรั่งทั้งห้าหมื่น | ถือแต่พื้นทวนคู่ใส่ภู่ขาว |
บ้างถือหอกดาบสั้นกั้นหยั่นยาว | เสียงเกรียวกราวเข้าสมทบบรรจบกัน |
ฝ่ายนายทัพทั้งสี่เสนีใหญ่ | ต่างสอดใส่เสื้อแดงดูแข็งขัน |
คาดเข็มขัดรัดผ้าเช็ดหน้าพลัน | สวมเกราะกันอาวุธยุทธนา |
ใส่หมวกดำกำมะหยี่ล้วนมียอด | ขนนกสอดแซมใส่ทั้งซ้ายขวา |
ครั้นเสร็จสรรพจับกระบี่ขึ้นขี่ม้า | ให้โยธาเดินธงตรงออกไป |
หน่อกษัตริย์กวัดแกว่งพระแสงกระบอง | เข้าตีต้องปังกลิมาชีวาวาย |
เจ้าโมราอานุภาพเอาดาบฉะ | ตัดศีรษะสุรเหนกระเด็นหาย |
วิเชียรนั้นฟันมุรตานุตาย | สานนุนายพราหมณ์ฆ่าวิชาเยนทร์ |
พวกฝรั่ง อังกฤษมุรหงิดแตก | บ้างตื่นแตกต่างวิ่งทิ้งโล่เขน |
ค สมเด็จท้าวทศวงศ์ตรงเข้าใกล้ | จึงปราศรัยว่าเจ้าแรงแข็งขยัน |
ช่วยรบแขกแตกตายวายชีวัน | ขอเชิญขวัญนัยนาเข้าธานี |
ค สมเด็จท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ | พูนสวัสดิ์วายวิโยคที่โศกศัลย์ |
ครั้นรุ่งแสงสุริย์ฉายพรายพรรณ | จะรางวัลโยธาที่ราวี |
แล้วพระองค์ทรงตรัสกับข้าเฝ้า | บุรีเราราบเตียนที่เสี้ยนหนาม |
จะรางวัลฉันใดให้เจ้าพราหมณ์ | จะสมตามความชอบประกอบการ ฯ |
ค ฝ่ายอำมาตย์เสนาพฤฒามาตย์ | เฝ้าพระบาทดาษดาอยู่หน้าฉาน |
ทูลฉลองต้องความตามโบราณ | พระอวตารพูนบำเหน็จเมื่อเสร็จทัพ |
ให้เสนาพานรินทร์ไปกินเมือง | ได้เจียดทองรองเรืองเครื่องประดับ |
ซึ่งเจ้าพราหมณ์รบแขกให้แตกยับ | ก็ต้องกับมีในพระอัยการ |
ควรจะให้รักษาอาณาเขต | ครองประเทศธาณินทร์ถิ่นฐาน |
ทั้งเครื่องทรงมงกุฎสร้อยสังวาล | ควรประทานให้เจ้าพราหมณ์ตามทำนอง ฯ |
พวกในวังฟังข่าวก็เปล่าหมด | เห็นจะปดแต่หากว่าปากหวาน |
จะลักแก้วเกษรายุพาพาล | ไปสำราญแรมป่าพนาลัย |
พี่จัดแจงแต่งผูกสำเภาน้อย | พาล่องลอยไปตามแม่น้ำไหล |
เจ้าพราหมณ์ปลอบตอบน้องให้ต้องใจ | ถึงจะไปก็ให้งามตามธรรมเนียม |
ด้วยชนกชนนีเป็นที่รัก | ทำหาญหักโฉมฉายจะอายเหนียม |
ผิดเพลงยาวน้าวโน้มประโลมเลียม | ว่ากรมเกรียมตรอมอุราจะลาจร |
โอ้อนาถวาสนาพี่หาไม่ | จึงมิได้ชิดเชื้อแม่เนื้อหอม |
เหมือนมดแดงแฝงพวงมะม่วงงอม | เที่ยวไต่ตอมเต็มอยู่ไม่รู้รส |
พี่รักเจ้าเอาชีวาเข้ามาแลก | ช่วยรบแขกแตกทัพกลับไปหมด |
ค ฝ่ายทั้งสี่พี่เลี้ยงเคียงบรรจกรณ์ | ต่างว่าวอนทรงฤทธิ์ด้วยคิดขาม |
เข้าฟูมฟักรักษาชะล่าลาม | ท้าวทราบความเคืองขุ่นจะวุ่นวาย |
คำโบราณท่านว่าอย่าละโมภ | ถ้าหลงโลภลาภน้อยจะพลอยหาย |
พวกแสนสาวท้าวนางเจ้าขรัวนาย | รู้ระคายเขาจะว่าน่ารำคาญ ฯ |
ด้วยแสนสาวท้าวนางในปรางค์มาศ | จะประหลาดหลากจิตคิดถวิล |
ถึงมิชั่วก็เหมือนชั่วมั่วมลทิน | เขาจะนินทาทำให้รำคาญ |
ถึงชนกชนนีจะมิว่า | เห็นแก่หน้าน้องรักไม่หักหาญ |
คำผู้ใหญ่ย่อมว่าช้าเป็นการ | ยิ่งเนิ่นนานก็ยิ่งเห็นจะเป็นคุณ |
พระรักน้องน้องก็รู้อยู่ว่ารัก | แต่คิดหักหน่วงเหนี่ยวอย่างเฉียวฉุน |
ยังมิดมิดอยู่ก็ปิดไว้ก่อนเถิด | อย่าเพ่อเปิดให้เขาเห็นว่าเป็นแผล |
ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
ฝ่ายศรีสุวรรณได้หารือกับเจ้าพราหมณ์ทั้งสามว่า
เราเปลี่ยนพายสายน้ำค่ำวันนี้ | อย่าให้มีกีดขวางระคางขาม |
อันตัวน้องจะไปหาพะงางาม | พี่เชิญสามพี่เลี้ยงมาเคียงเรา |
ธรรมเนียมหมอรักษาโรคาไข | พอเดินได้ก็เรียกขวัญข้าวเขา |
ไม่ตรึกตราปรารภทำซบเซา | ถ้าฉวยเปล่าแล้วสิอดเหมือนมดแดง |
ค พระยิ้มพลางทางตอบสุนทรสนอง | น้อยหรือน้องห้ามรักหักประหาร |
การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ | ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดลงกรีดหิน |
พี่อาสามาสู้กู้แผ่นดิน | เขารู้สิ้นแล้วว่ารักภักคินี |
ค ฝ่ายขุนนางต่างทำทุกตำแหน่ง | ให้ตกแต่งปราสาททองอันผ่องใส |
พระที่นั่งตั้งแท่นทองประไพ | เอาหนังไกรสรราชมาลาดทับ |
ราชวัตฉัตรสุวรรณเป็นหลั่นลด | พระเต้าสังข์กลศเตรียมสำหรับ |
บายศรีแก้วบายศรีทองสองสำรับ | เครื่องคำนับเทวาบูชายัญ |
มีพานทองรองพระแสงสำหรับยุทธ์ | อัษฎาอาวุธทุกสิงสรรพ์ |
ทั้งแก้วกองทองเรียงเคียงกัน | แล้วปักกั้นเศวตฉัตรจำรัสเรือง |
ที่ริมขอบรอบปราสาทราชฐาน | ล้วนธงฉานราชวัตขนัดเนื่อง |
ละครโขนหุ่นหนังตั้งกลางเมือง | ให้ครบเครื่องเสกกษัตริย์ขัตติยา |
ถึงวันดีสี่คำเป็นกำหนด | มาพร้อมหมดเหมือนหมายทั้งซ้ายขวา |
พวกเสนีชีพราหมณ์ก็ตามมา | คอยอยู่ท่าหน้าปราสาทราชวัง ฯ |
ปุโรหิตติดเทียนแว่นสุวรรณ | บังคลคัลส่งกษัตริย์ขัตติยา |
ท้าวทศวงศ์ส่งให้มเหสี | นางชลีแล้วก็ส่งให้วงศา |
ต่างคำนับรับเทียนเวียนออกมา | พวกเสนารับส่งเป็นวงไป |
กลองประโคมแตรสังข์ประดังเสียง | เสนาะสำเนียงดนตรีปี่ไฉน |
มโหรทึกกึกก้องทั้งฆ้องชัย | เสียงหวั่นไหวแว่นแคว้นทุกแดนดาว |
ฝ่ายละครมอญรำ พวกโรงนอก | ต่างก็ออกโรงประชันสนั่นฉาว |
ทั้งโขนเต้นชุลมุนหุ่นออกราว | กระทุ้งส้าวเสียงลั่นสนั่นไป |
ครั้นเวียนเทียนสำเร็จได้เจ็ดรอบ | ตามระบอบประเพณีพิธีไสย |
โหรารวบแว่นวิเชียรที่เวียนไว้ | แล้วดับไฟโบกควันด้วยทันที |
พระปิตุรงค์ทรงเจิมเฉลิมพักตร์ | ให้ลูกรักทั้งสองอย่าหมองศรี |
ทั้งสององค์ลงจากแท่นมณี | พระบุตรีกราบกรานเข้าม่านทอง ฯ |
ค สมเด็จท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ | มอบสมบัติในพระคลังทั้งสิบสอง |
ทั้งอำมาตย์เสนาข้าทูลละออง | สำหรับครองรมจักรนัครา |
ค จะแกล้งกล่าวชาวเมืองมาดูเล่น | ด้วยว่าเป็นการสนุกทุกภาษา |
เที่ยวดูงานการสมโภชในพารา | บ้างยืนนั่งตั้งม้าทุกหน้าโรง |
พวกขี้เมาเหล่านักเลงเสียงเครงครื้น | ห่มแต่พื้นขาวม้านุ่งตาโถง |
ชิงเบี้ยเจ๊กเด็กแย่งแทงอีโปง | ออกเดินโคลงโคลนเลอะเทอะทั้งตัว |
นางบ้านนอกคอกนาหน้าตาตื่น | จะนั่งยืนเคียงข้างไม่ห่างผัว |
ห่มแพรสีสองชั้นดูพันพัว | ต่างแต่งตัวเต็มประดาทุกนารี |
ข้าหลวงเหล่าชาววังยังกำดัด | นุ่งสุหรัดซัดแต่ล้วนแพรสี |
หนุ่มหนุ่มเหล่าเจ้าชู้ลูกผู้ดี | เห็นนารีรูปงามตามเป็นพรวน |
พวกบัญฑิตศิษย์วัดซัดลายอย่าง | เที่ยวลากหางเดินข้ามตามฉนวน |
เขาจับได้ให้แพรแสสีนวล | ออกเดินด่วนเลี้ยวลัดเข้าวัดวา |
พวกผู้ชายรายเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง | เข้าพาดพิงพูดผลอขอสลา |
บ้างจับคู่อยู่จนสนธยา | ผู้ชายพาหญิงเพลินเที่ยวเดินคลอ |
ครั้นโพล้เพ้ลเพลาพอพลบค่ำ | พวกหนังร่ำกลองประดังทั้งม้าล่อ |
บ้างเชิดหนังตั้งแขนทำแหงนคอ | ที่มุมจอคนเจรจาออกมายืน |
พวกดูหนังนั่งหลามตามถนน | ออกเกลื่อนกล่นกลุ้มกลาดดูดาษดื่น |
บ้างลองจุดประทัดดังเหมือนอย่างปืน | ให้คนตื่นแตกพลัดกระจัดกระจาย |
พอกลองหยุดจุดดอกไม้ไฟสว่าง | แสงกระจ่างแจ่มเหมือนดังเดือนหงาย |
ดอกไม้กลคนชิงกันวิ่งควาย | พวกผู้ชายสรวลเสเสียงเฮฮา |
ไฟพะเนียงเสียงซู่ขึ้นฟูฟุ้ง | ทั้งพลุพลุ่งโพลงสว่างกลางเวหา |
ต่างเพลิดเพลินเดินไขว่กันไปมา | ชาวพาราเริงรื่นชื่นอารมณ์ ฯ |
แล้วลูบหลังสั่งสอนประสาหญิง | แม่งามยิ่งยอดสตรีไม่มีสอง |
จะจำไกลไปอยู่ด้วยคู่ครอง | อย่าให้ข้องเคืองอัชฌาพระสามี |
อย่าถือองค์นงลักษณ์ว่าอัคเรศ | แม่ดวงเนตรนึกว่าเป็นทาสี |
ต้องซื่อตรงจงรักด้วยภักดี | ถึงราตรีกราบบาทอย่าขาดวัน |
ถ้าเธอกริ้วแม่อย่าโกรธพิโรธตอบ | ประณตนอบโอนอ่อนด้วยผ่อนผัน |
อนึ่งเหล่าสาวสวรรค์นางกำนัล | อย่าป้องกันหึงหวงให้ล่วงเกิน |
เมื่อคราวทุกข์ปลุกให้พระทัยชื่น | อย่าเริงรื่นเริศร้างทำห่างเหิน |
ราชการภารธุระอย่าละเมิน | จึงเจริญราศรีไม่มีมัว |
อันหญิงดีเพราะผลปรนนิบัติ | รักษาสัตย์สู้ม้วยอยู่ด้วยผัว |
ผัวยิ่งรักหนักหญิงก็ยิ่งกลัว | อย่าถือตัวต่อชายจะหน่ายใจ |
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |