| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
กล่าวถึงพระอภัยมณีอยู่กับนางผีเสื้อจนมีบุตรชาย หน้าตาเหมือนพระบิดา แต่ดวงตาดังสุรีย์ฉาย
มีกำลังดังพระยาคชาพลาย มีเขี้ยวคล้ายชนนีมีศักดา พระบิดามีความรักใคร่เลี้ยงดูมาจนอายุได้แปดปี
จึงให้ชื่อว่าสินสมุท
สอนวิชาเป่าปี่และเพลงอาวุธให้จนชำนาญ
วันหนึ่งนางผีเสื้อน้ำออกจากถ้ำไปหาภักษาหาร ฝ่ายสินสมุทซึ่งรักพ่อมากกว่าแม่
เห็นพระอภัยหลับสนิทก็หนีไปวิ่งเล่นในคูหาเห็นแผ่นผาพิงผนิดปิดหนทาง จึงเข้าลองผลักด้วยกำลัง
ก็พังออก เห็นหาดทรายงาม ทะเลกว้างและป่าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ออกวิ่งเล่นและว่ายน้ำด้วยความสนุกสนาน
ไปพบเงือกเข้าก็แปลกใจ เห็นเป็นครึ่งคนครึ่งปลา จับไปให้พระบิดาดู พระอภัยทราบว่าสินสมุทออกไปนอกถ้ำ
ก็ตกใจบอกว่าถ้าแม่ของสินสมุทู้ก็จะโกรธ ด้วยเกรงว่าจะพาพระบิดาหนี จะพากันตายหมด
สินสมุทได้ฟังจึงถามความหลังจากพระบิดา พระอภัยก็เล่าให้ฟังจนหมดสิ้น สินสมุทู้เรื่องแล้วก็เสียใจที่มีแม่เป็นยักษ์ร้าย
ฝ่ายเงือกน้ำฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง ก็ขออาสาพระอภัยที่ได้ช่วยชีวิตไว้ว่าจะใช้ตนทำอะไรก็จะรับใช้ทุกอย่าง
พระอภัยเห็นว่าเงือกพูดได้และได้ฟังเรื่องแล้วก็เกิดความสงสาร แล้วบอกว่าตนต้องการหนีนางผีเสื้อ
แต่ไม่รู้ว่าจะไปแห่งหนใด ขอให้เงือกผู้เจนทางกลางทะเลช่วยแนะนำด้วย เงือกน้ำจึงบอกว่า
ค ฝ่ายเงือกน้ำคำนับอภิวาท | ข้าพระบาททราบสิ้นทุกถิ่นฐาน |
อันน้ำนี้มีนามตามบุราณ | อโนมานเคียงกันสีทันดร |
เป็นเขตแคว้นแดนที่นางผีเสื้อ | ข้างฝ่ายเหนือถึงมหิงษะสิงขร |
ข้างทิศใต้ไปเกาะแก้วมังกร | หนทางจรเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา |
ไปกลางย่านบ้านเรือนหามีไม่ | สมุทรไทซึ้งซึกลึกหนักหนา |
แต่สำเภาชาวเกาะเมืองลังกา | เขาแล่นมามีบ้างอยู่ลางปี |
ถ้าเสียเรือเหลือคนแล้วนางเงือก | ขึ้นมาเลือกเอาไปชมประสมศรี |
เหมือนพวกพ้องของข้ารู้พาที | ด้วยเดิมทีปู่ย่าเป็นมานุษย์ |
อายุข้าห้าร้อยแปดสิบเศษ | จึงแจ้งเหตุแถวทางกลางสมุทร |
แม้นจะหนีผีเสื้อด้วยแรงรุทร | เห็นไม่สุดสิ้นแดนด้วยแสนไกล |
แต่โยคีมีมนต์อยู่ตนหนึ่ง | อายุถึงพันเศษถือเพศไสย |
อยู่เกาะแก้วพิสดารสำราญใจ | กินลูกไม้เผือกมันเป็นพรรณผลา |
พวกเรือแตกแขกฝรั่งแลอังกฤษ | ขึ้นเป็นศิษย์อยู่สำนักนั้นหนักหนา |
ด้วยโยคีมีมนต์ดลวิชา | ปราบบรรดาภูติพรายไม่กรายไป |
แม้นพระองค์ทรงฤทธิ์จะคิดหนี | ถึงโยคีเข้าสำนักไม่ตักษัย |
เผื่อสำเภาเขาซัดพลัดเข้าไป | ก็จะได้โดยสารไปบ้านเมือง |
แต่ทางไกลไม่น้อยถึงร้อยโยชน์ | ล้วนเขาโขดคีรีรัตน์ขนัดเนื่อง |
ค พระอภัยใจหายไม่วายเหลียว | ให้เปล่าเปลี่ยวนัยนาเพียงอาสัญ |
แต่มานะกษัตริย์สู้กัดฟัน | อุตสาห์กลั้นกลืนน้ำตาแล้วพาที |
จะไปไหนไม่พ้นผีเสื้อน้ำ | วิบากกรรมก็จะสู้อยู่เป็นผี |
ท่านส่งเราเข้าที่เกาะละเมาะนี้ | แล้วรีบหนีไปในน้ำแต่ลำพัง |
แล้วว่าแก่สินสมุทสุดที่รัก | แม้นนางยักษ์จะมารับจงกลับหลัง |
อันตัวพ่อขอตายวายชีวัน | กันแสงสั่งลูกยาด้วยอาลัย ฯ |
ค นางเงือกน้ำบอกสำคัญว่านั่นแล้ว | คือเกาะแก้วพิสดารเป็นชานเขา |
พระฟังนางสว่างโศกค่อยบรรเทา | จึงว่าเราเห็นจะรอดไม่วอดวาย |
แล้วพิศดูภูผาศิลาเลื่อม | ชะโงกเงื้อมน้ำวนชลสาย |
แลลิบ ๆ หลังคาศาลาราย | มีเสาหงส์ธงปลายปลิวระยับ |
ค ฝ่ายโยคีที่อยู่บนภูเขา | กับคนเหล่าเหลือตายหลายภาษา |
ทั้งจีนจามพราหมณ์แขกไทยชวา | วิลันดาฝรั่งพรั่งพร้อมมกัน |
พอบ่ายเบี่ยงเสียงคลื่นดังครื้นครึก | อึกทึกมาข้างหน้าคีรีศรี |
ครั้นดูลมก็ไม่พัดสงัดดี | พระโยคีจับยามตามตำรา |
แล้วบอกศิษย์ซึ่งนั่งอยู่ทั้งหลาย | วันนี้ชายมีศักดิ์จักมาหา |
ผีเสื้อน้ำทำฤทธิ์ติดตามา | เสียวชลาเลื่อนลั่นสนั่นดัง |
ค พระโยคีมีญาณว่าหลานรัก | จงสำนักอยู่ให้สมอารมณ์หมาย |
อันยักษีผีสางสมุทรพราย | มาถูกทรายชายหาดก็ขาดใจ |
เราลงเลขเสกทำไว้สำเร็จ | ดังเขื่อนเพชรภูตปีศาจไม่อาจใกล้ |
มันอยู่แต่ห่างห่างช่างเป็นไร | ทำไม่ได้นัดดาเจ้าอย่ากลัว ฯ |
ค พระอภัยใจอ่อนถอนสะอื้น | อุตสาห์ฝืนพักตร์ว่านิจจาเอ๋ย |
แม่ผีเสื้อเมื่อไม่เห็นในใจเลย | พี่ไม่เคยอยู่ในถ้ำให้รำคาญ |
คิดถึงน้องสองชนกที่ปกเกล้า | จะสร้อยเศร้าโศกาน่าสงสาร |
ด้วยพลัดพรากจากมาเป็นช้านาน | ไม่แจ้งการว่าข้างหลังเป็นอย่างไร |
จึงจำร้างห่างพ้องให้น้องโกรธ | จงลดโทษพี่ยาอัชฌาสัย |
แม้นไปได้ก็จะพาแก้วตาไป | นี่จนใจเสียด้วยนางต่างตระกูล |
พี่มนุษย์สุดสวาทเป็นชาติยักษ์ | จงคิดหักความสวาทให้ขาดสูญ |
กลับไปอยู่คูหาอย่าอาดูร | จงเพิ่มพูนภาวนารักษาธรรม์ |
อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตพิษฐาน | หมายสมานเมืองแมนแดนสวรรค์ |
จะเกิดไหนขอให้พบประสบกัน | อย่าโศกศัลย์แคล้วคลาดเหมือนชาตินี้ |
พี่ขอบุตรสุดใจเอาไปด้วย | เป็นเพื่อนม้วยเหมือนสุดามารศรี |
ขอลาแก้วแววตาไปธานี | อย่าราคีขุ่นข้องให้หมองมัว ฯ |
ซึ่งรักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก | มิใช่จักลืมคุณกรุณา |
ถึงตัวไปใจลูกยังผูกคิด | พอปลดปลิดเรื่องธุระจะมาหา |
อย่ากริ้วโกรธโปรดปรานเถิดมารดา | ไปไสยาอยู่ในถ้ำให้สำราญ ฯ |
ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
เจ้าโฉมงามทรามสงวนนวลละออง | อย่าขัดข้องคิดหมางระคางใจ |
ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ | ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย |
นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย | สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน ฯ |
ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
ค จะกล่าวเรื่องเมืองผลึกราชฐาน | ป้อมปราการเชิงเทินล้วนเนินผา |
ซุ้มทวารบานบังใบเสมา | ล้วนศิลาเลื่อมลายดูพรายพราว |
มีปราสาทสูงเยี่ยมขึ้นเทียมเมฆ | อดิเรกรุ้งฟ้าเวหาหาว |
นภศูลแสงแก้วดูแวววาว | ดังดวงดาวเด่นกระจ่างอยู่กลางวัน |
พระโรงธารชานพักตำหนักแก้ว | แต่ล้วนแล้วด้วยมุกดาฝาผนัง |
ทั้งเสื้อผ้าเงินทองสิบสองคลัง | ก็มั่งคั่งยิ่งกว่าทุกธานี |
อันไพร่ฟ้าประชาชนออกล้นหลาม | นิคมคามประเทศล้วนเศรษฐี |
ทั้งโหราพฤฒามาตย์ราชกวี | ชาวบุรีเริงรื่นทุกคืนวัน |
พระนามท้าวเจ้าบุรินทร์สิลราช | พระนางนาฎนามมิ่งมณฑาสวรรค์ |
มีบุตรีศรีนลาฎดังดวงจันทร์ | ชื่อสุวรรณมาลีนีรมล |
เจ้าลังกามาขอให้โอรส | ได้กำหนดนัดวิวาห์สถาผล |
ถึงเดือนเก้าเขาจะแต่งการมงคล | แต่กุศลสองไม่เคยได้เชยชม ฯ |
ต่างยุดเสาสำเภาใส่ทั้งใบผ้า | เลือกล้าต้าต้นหนล้วนคนแข็ง |
ปืนฝรั่งกังก้าทั้งหน้าท้าย | มีปืนรายรอบข้างสล้างสลับ |
แล้วลอยเลื่อนเคลื่อนคลามาประทับ | คอยเรียงรับอยู่ที่ท่าหน้าธานี |
พระทรงนั่งยังแท่นท้ายบาหลี | ฝูงนารีแซ่ซ้องอยู่ห้องกั้น |
เหล่าล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น | เร่งให้ขันกว้านโห้โล้สำเภา |
ทั้งหน้าหลังดั้งกันลั่นม้าล่อ | แล้วขันช่อชักใบขึ้นใส่เสา |
พอออกอ่าวลมอุตรามาเพลาเพลา | แล่นสำเภาผางผางมากลางชล |
ชมมัจฉาสารพัดพวกสัตว์ร้าย | เห็นคล้ายคล้ายว่ายเคล้าสำเภาจร |
ฝูงกระโห้โลมาขึ้นคลาคล่ำ | บ้างผุดดำเคลื่อนคล้อยลอยสลอน |
ทั้งกริงกรางเต่าปลาในสาคร | เที่ยวสัญจรหากินในสินธู |
ฝูงฉลามล้วนฉลามมาตามคลื่น | ฉนากตื่นชมฉนากไม่จากคู่ |
ปลาวาฬวนพ่นฟองขึ้นฟ่องฟู | ทั้งราหูเหราสารพัน ฯ |
ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
กล่าวถึงพระอภัยมณีกับสินสมุทอยู่กับพระโยคี ก็ได้หัดภาษาฝรั่ง ทั้งจีน จาม
จนพูดคล่องทั้งสองคน อยู่ต่อมาเกิดศรัทธาในธรรม จึงขอบวชกับพระโยคี พร้อมกับสินสมุท
กล่าวถึงสำเภาท้าวสิลราช ถูกลมพัดลอยน้ำไปถึงสิบห้าคืน ก็มาถึงเกาะแก้วพิสดาร
จึงพากันไปพบพระโยคี ได้ไต่ถามทุกข์สุขกันแล้ว พระโยคีก็เล่าเรื่องของพระอภัยกับสินสมุทที่ได้มาอยู่ที่เกาะนี้
ท้าวสิลราชได้ไต่ถามพระอภัยมณี ถึงเรื่องหนหลัง พระอภัยก็แจ้งให้ทราบทุกประการ
ท้าวสิลราชทราบเรื่องวิชาเป่าปี่ของพระอภัยแล้ว ก็อยากฟัง พระอภัยจึงให้สินสมุทลาสิกขา
แล้วเป่าปี่ให้ฟังแทน
จึงลาศีลทรงภูษาผ้าสไบ | ถือปี่ไปยังสาลาหน้าคีรี |
ประณตนั่งบังคลบรมนาถ | อยู่ริมอาสน์อัยกาตาฤาษี |
ภาวนาอาคมให้ลมดี | แล้วเป่าปี่แปลงเพลงวังเวงใจ |
ทำแหบหวนครวญว่าสาลิกาแก้ว | ค่ำลงแล้วขวัญอ่อนจะนอนไหน |
หนาวน้ำค้างพร่างพรมพนมไพร | จะหนาวใจสาลิกาทุกราตรี ฯ |
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |