| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ

            กล่าวถึงพระอภัยมณีอยู่กับนางผีเสื้อจนมีบุตรชาย หน้าตาเหมือนพระบิดา แต่ดวงตาดังสุรีย์ฉาย มีกำลังดังพระยาคชาพลาย มีเขี้ยวคล้ายชนนีมีศักดา  พระบิดามีความรักใคร่เลี้ยงดูมาจนอายุได้แปดปี จึงให้ชื่อว่าสินสมุท  สอนวิชาเป่าปี่และเพลงอาวุธให้จนชำนาญ
            วันหนึ่งนางผีเสื้อน้ำออกจากถ้ำไปหาภักษาหาร  ฝ่ายสินสมุทซึ่งรักพ่อมากกว่าแม่ เห็นพระอภัยหลับสนิทก็หนีไปวิ่งเล่นในคูหาเห็นแผ่นผาพิงผนิดปิดหนทาง จึงเข้าลองผลักด้วยกำลัง ก็พังออก เห็นหาดทรายงาม ทะเลกว้างและป่าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ออกวิ่งเล่นและว่ายน้ำด้วยความสนุกสนาน ไปพบเงือกเข้าก็แปลกใจ เห็นเป็นครึ่งคนครึ่งปลา จับไปให้พระบิดาดู พระอภัยทราบว่าสินสมุทออกไปนอกถ้ำ ก็ตกใจบอกว่าถ้าแม่ของสินสมุทู้ก็จะโกรธ ด้วยเกรงว่าจะพาพระบิดาหนี จะพากันตายหมด
            สินสมุทได้ฟังจึงถามความหลังจากพระบิดา พระอภัยก็เล่าให้ฟังจนหมดสิ้น สินสมุทู้เรื่องแล้วก็เสียใจที่มีแม่เป็นยักษ์ร้าย
            ฝ่ายเงือกน้ำฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง ก็ขออาสาพระอภัยที่ได้ช่วยชีวิตไว้ว่าจะใช้ตนทำอะไรก็จะรับใช้ทุกอย่าง
            พระอภัยเห็นว่าเงือกพูดได้และได้ฟังเรื่องแล้วก็เกิดความสงสาร  แล้วบอกว่าตนต้องการหนีนางผีเสื้อ แต่ไม่รู้ว่าจะไปแห่งหนใด ขอให้เงือกผู้เจนทางกลางทะเลช่วยแนะนำด้วย เงือกน้ำจึงบอกว่า

  ฝ่ายเงือกน้ำคำนับอภิวาท ข้าพระบาททราบสิ้นทุกถิ่นฐาน
อันน้ำนี้มีนามตามบุราณ อโนมานเคียงกันสีทันดร
เป็นเขตแคว้นแดนที่นางผีเสื้อ ข้างฝ่ายเหนือถึงมหิงษะสิงขร
ข้างทิศใต้ไปเกาะแก้วมังกร หนทางจรเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา
ไปกลางย่านบ้านเรือนหามีไม่ สมุทรไทซึ้งซึกลึกหนักหนา
แต่สำเภาชาวเกาะเมืองลังกา เขาแล่นมามีบ้างอยู่ลางปี
ถ้าเสียเรือเหลือคนแล้วนางเงือก ขึ้นมาเลือกเอาไปชมประสมศรี
เหมือนพวกพ้องของข้ารู้พาที ด้วยเดิมทีปู่ย่าเป็นมานุษย์
อายุข้าห้าร้อยแปดสิบเศษ จึงแจ้งเหตุแถวทางกลางสมุทร
แม้นจะหนีผีเสื้อด้วยแรงรุทร เห็นไม่สุดสิ้นแดนด้วยแสนไกล
แต่โยคีมีมนต์อยู่ตนหนึ่ง อายุถึงพันเศษถือเพศไสย
อยู่เกาะแก้วพิสดารสำราญใจ กินลูกไม้เผือกมันเป็นพรรณผลา
พวกเรือแตกแขกฝรั่งแลอังกฤษ ขึ้นเป็นศิษย์อยู่สำนักนั้นหนักหนา
ด้วยโยคีมีมนต์ดลวิชา ปราบบรรดาภูติพรายไม่กรายไป
แม้นพระองค์ทรงฤทธิ์จะคิดหนี ถึงโยคีเข้าสำนักไม่ตักษัย
เผื่อสำเภาเขาซัดพลัดเข้าไป ก็จะได้โดยสารไปบ้านเมือง
แต่ทางไกลไม่น้อยถึงร้อยโยชน์ ล้วนเขาโขดคีรีรัตน์ขนัดเนื่อง
ฯลฯ
            แล้วเงือกก็บอกว่า ด้วยกำลังของตนจะพาหนีก็ต้องใช้เวลาถึงเจ็ดราตรี  แต่นางผีเสื้อน้ำมีกำลัง ถ้าติดตามไปเพียงสามวันก็จะตามทัน ถ้าจะแก้ไขให้นางผีเสื้อน้ำไปอยู่ป่าล่วงหน้าก็จะค่อยยังชั่วบ้าง
            พระอภัยได้ฟังความแล้วก็ค่อยคลายทุกข์ แล้วให้เงือกกับสินสมุทช่วยกันไปปิดปากถ้ำไว้อย่างเดิม อย่าให้เป็นที่สงสัยของนางผีเสื้อน้ำได้
            เมื่อนางผีเสื้อกลับมายังถ้ำก็แปลงตนเป็นมนุษย์เอาผลไม้มาให้พระอภัย เมื่อค่ำลงก็พากันหลับไป  ฝ่ายนางผีเสื้อเมื่อจะพรากจากลูกผัว ได้นิมิตฝันว่า เทวดาที่อยู่เกาะนั้นมาทำลายถ้ำ แล้วเอาพะเนินทุบตนจนแทบถึงชีวิต จากนั้นได้ควักเอาดวงตาไปด้วย เมื่อนางตื่นขึ้นจึงเล่าความฝันให้พระอภัยฟัง แล้วขอให้ทำนายฝันให้ด้วย
            พระอภัยได้ฟังแล้วก็เห็นว่าตนจะหนีนางผีเสื้อไปได้ แต่นางผีเสื้อจะเป็นอันตราย  จึงแกล้งทำนายฝันว่าเป็นฝันร้ายนัก ต้องตำราว่าเทวดานั้นคือ มัจจุราชหมายเอาชีวิต แล้วแกล้งทำโศกเศร้าแนะนำให้นางผีเสื้อสะเดาะเคราะห์ นางผีเสื้อก็ขอคำแนะนำว่าจะให้นางสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีการอย่างใด พระอภัยจึงบอกให้นางไปอยู่ผู้เดียวที่ตีนเขา แล้วอดข้าวอดปลาให้ครบสามวัน นางผีเสื้อก็เชื่อแล้วออกไปอยู่ที่เขาใหญ่ สินสมุทสงสารแม่ พระบิดาจึงห้ามไม่ให้สินสมุทตามแม่ไป
            เมื่อนางผีเสื้อไปแล้ว พระอภัยก็ให้สินสมุทผลักแผ่นศิลาปิดปากถ้ำออกไปแล้วพากันไปที่หาดทราย ฝ่ายเงือกน้ำก็พาลูกเมียไปรอแล้วก็พาพระอภัยขึ้นบ่าพาไป ส่วนสินสมุทก็ขี่เมียเงือก บรรดาสัตว์น้ำทั้งหลายไม่กล้ากล้ำกราย ด้วยกลิ่นอายของสินสมุทคล้ายผีเสื้อผู้เป็นมารดา ส่วนลูกสาวเงือกก็ว่ายน้ำตามไปโดยไม่ยอมหยุดพัก ด้วยเกรงนางผีเสื้อจะตามมาทัน
            ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทร อดปลาอดนอนได้สามวันก็อ่อนกำลังจวนเจียนถึงชีวิต เมื่อครบกำหนดแล้วก็หาผลไม้มากิน แล้วกลับมายังถ้ำ เห็นประตูคูหาเปิดอยู่ เข้าไปดูในถ้ำไม่พบใครก็ตกใจ แลดูปี่ที่เป่าก็หายไปด้วยก็รู้ว่าพากันหนีนางไปแล้ว มีความเสียใจที่ทั้งลูกและผัวหนีจากไป แล้วก็เกิดความโกรธ ออกติดตามดูร่องรอยในมหาสมุทรก็ไม่พบ จึงเรียกโยธาหาญของตนที่เป็นปีศาจ ราชทูตภูติพรายมาซักถาม พวกผีที่อยู่ทิศทักษิณแจ้งว่า เห็นเงือกพามนุษย์ไปทางทิศใต้เมื่อคืนวานซืน ตนจะตามไปก็เกรงขามเด็กตัวเล็กแต่ไม่กลัวผี
            นางผีเสื้อรู้ความแล้วก็รีบติดตามไปอย่างรีบร้อนและเหลือโกรธ ทำลายสิ่งที่กีดขวางทางไปตลอดทาง
            ฝ่ายพระอภัยมณี หนียักษ์มาได้ห้าคืน เห็นทะมื่นมาข้างหลังดังสะเทือน จึงถามเงือก ฝ่ายเงือกรู้ว่าสิ่งนั้นคือ ฤทธิ์ของยักษ์จึงตอบพระอภัยไปว่า นางยักษ์กำลังตามมา คงจะทันกันในวันนี้ หนีไม่พ้น เห็นสุดจนจะม้วยลงด้วยยกัน
  พระอภัยใจหายไม่วายเหลียว ให้เปล่าเปลี่ยวนัยนาเพียงอาสัญ
แต่มานะกษัตริย์สู้กัดฟัน อุตสาห์กลั้นกลืนน้ำตาแล้วพาที
จะไปไหนไม่พ้นผีเสื้อน้ำ วิบากกรรมก็จะสู้อยู่เป็นผี
ท่านส่งเราเข้าที่เกาะละเมาะนี้ แล้วรีบหนีไปในน้ำแต่ลำพัง
แล้วว่าแก่สินสมุทสุดที่รัก แม้นนางยักษ์จะมารับจงกลับหลัง
อันตัวพ่อขอตายวายชีวัน กันแสงสั่งลูกยาด้วยอาลัย ฯ
            สินสมุทตอบว่า จะไม่ทิ้งพระบิดา ถ้าแม้ตามมาจะห้ามไว้ แล้วให้พระบิดารีบหนีไปก่อน
            ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทรตามมาได้สามวันก็ตามทันผัวกับลูกน้อย
            ฝ่ายเงือกน้ำสิ้นกำลังที่จะพาพระอภัยหนีต่อไป จึงเรียกลูกสาวให้ช่วยพาพระอภัยหนีต่อไป
            สินสมุทเห็นมารดาในร่างเดิม ไม่ใช่ร่างนิมิตที่ตนเคยเห็น ก็สงสัยออกขวางกลางน้ำ แล้วร้องถามว่าเป็นสัตว์บกหรือสัตว์น้ำ ที่ตามมานั้นต้องประสงค์อะไร นางผีเสื้อน้ำได้ยินคำพูดของลูกก็ให้นึกอดสู จึงตอบไปว่าตนไม่ใช่ชาติยักษ์ เมื่ออยู่ในถ้ำไม่ได้จำแลง แต่ออกเดินทางอย่างนี้ต้องนิมิต รูปจึงผิดไปกว่าเก่าจนเป็นที่สงสัย แล้วถามพ่อไปอยู่ที่ไหน สินสมุทได้ฟังสำเนียงก็รู้ว่าเป็นแม่ แต่ดูรูปร่างแล้วน่าสมเพช ด้วยเหตุนี้พระบิดาจึงหนี จึงแกล้งบอกว่าตนไม่เชื่อ ถ้าหากเป็นแม่จริงก็อย่าตามมา ด้วยแม่เป็นผีเสื้อ แต่พระบิดาเป็นมนุษย์จึงขอให้ปล่อยพระบิดาไป ส่วนตนนั้นจะขอลาไปเที่ยวสักหนึ่งปี ถ้าได้พบ อา ย่า ปู่ อยู่เป็นสุขแล้วก็จะชวนพระบิดามาหามารดาต่อไป
            นางผีเสื้อรู้ทันสินสมุท เมื่อเจรจาหว่านล้อมไม่เป็นผลแล้วนางจึงเข้าโจนจับสินสมุท แต่สินสมุทก็หลบหลีกไปได้ แล้วหนีล่อให้มารดาตามตนไปต้นทาง หมายให้ห่างพระบิดาได้คลาไคล นางผีเสื้อหาลูกและผัวไม่พบ จึงอ่านพระเวท มองหาพระอภัย เมื่อเห็นแล้วก็ติดตามไปปพบเงือกยายตา ที่อ่อนกำลังว่ายน้ำอยู่จึงเข้าไปจับแล้วซักถาม สองเงือกก็หลอกนางผีเสื้อว่า พระอภัยอยู่บนเขาขวางริมทางที่ผ่านมา ตนจะพาไปจับตัว ถ้าไม่เหมือนคำที่สัญญา ก็ขอให้ฆ่าตนทั้งสองเสียนางผีเสื้อก็เชื่อ เงือกพานางผีเสื้อมาได้ครึ่งวันแล้วก็พูดล่อให้ต่อไป แต่นางผีเสื้อรู้ทันจึงว่าสองเงือกตอแหล จึงหักขาฉีกสองแขน แล้วเคี้ยวกินเงือกทั้งสองนั้นเสีย จากนั้นก็ออกติดตามพระอภัยต่อไป
            นางเงือกพาพระอภัยมาถึงเกาะแก้วพิสดารพร้อมกับสินสมุท
  นางเงือกน้ำบอกสำคัญว่านั่นแล้ว คือเกาะแก้วพิสดารเป็นชานเขา
พระฟังนางสว่างโศกค่อยบรรเทา จึงว่าเราเห็นจะรอดไม่วอดวาย
แล้วพิศดูภูผาศิลาเลื่อม ชะโงกเงื้อมน้ำวนชลสาย
แลลิบ ๆ หลังคาศาลาราย มีเสาหงส์ธงปลายปลิวระยับ
ฯลฯ
  ฝ่ายโยคีที่อยู่บนภูเขา กับคนเหล่าเหลือตายหลายภาษา
ทั้งจีนจามพราหมณ์แขกไทยชวา วิลันดาฝรั่งพรั่งพร้อมมกัน
ฯลฯ
พอบ่ายเบี่ยงเสียงคลื่นดังครื้นครึก อึกทึกมาข้างหน้าคีรีศรี
ครั้นดูลมก็ไม่พัดสงัดดี พระโยคีจับยามตามตำรา
แล้วบอกศิษย์ซึ่งนั่งอยู่ทั้งหลาย วันนี้ชายมีศักดิ์จักมาหา
ผีเสื้อน้ำทำฤทธิ์ติดตามา เสียวชลาเลื่อนลั่นสนั่นดัง
ฯลฯ
            พระอภัยหนีผีเสื้อสมุทรมาถึงฝั่งผีเสื้อตามมาทัน แต่พระโยคีช่วยไว้ได้
  พระโยคีมีญาณว่าหลานรัก จงสำนักอยู่ให้สมอารมณ์หมาย
อันยักษีผีสางสมุทรพราย มาถูกทรายชายหาดก็ขาดใจ
เราลงเลขเสกทำไว้สำเร็จ ดังเขื่อนเพชรภูตปีศาจไม่อาจใกล้
มันอยู่แต่ห่างห่างช่างเป็นไร ทำไม่ได้นัดดาเจ้าอย่ากลัว ฯ
            นางผีเสื้อวิงวอนพระอภัยขอติดตามไปด้วยจนตลอดชีวิต ขอให้อภัยอย่าได้ตัดรอนความรักของตนเลย พระอภัยได้ฟังก็สงสาร และได้ชีแจงนางไปถึงความจำเป็น และเหตุผลที่ต้องหนีมา
  พระอภัยใจอ่อนถอนสะอื้น อุตสาห์ฝืนพักตร์ว่านิจจาเอ๋ย
แม่ผีเสื้อเมื่อไม่เห็นในใจเลย พี่ไม่เคยอยู่ในถ้ำให้รำคาญ
คิดถึงน้องสองชนกที่ปกเกล้า จะสร้อยเศร้าโศกาน่าสงสาร
ด้วยพลัดพรากจากมาเป็นช้านาน ไม่แจ้งการว่าข้างหลังเป็นอย่างไร
จึงจำร้างห่างพ้องให้น้องโกรธ จงลดโทษพี่ยาอัชฌาสัย
แม้นไปได้ก็จะพาแก้วตาไป นี่จนใจเสียด้วยนางต่างตระกูล
พี่มนุษย์สุดสวาทเป็นชาติยักษ์ จงคิดหักความสวาทให้ขาดสูญ
กลับไปอยู่คูหาอย่าอาดูร จงเพิ่มพูนภาวนารักษาธรรม์
อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตพิษฐาน หมายสมานเมืองแมนแดนสวรรค์
จะเกิดไหนขอให้พบประสบกัน อย่าโศกศัลย์แคล้วคลาดเหมือนชาตินี้
พี่ขอบุตรสุดใจเอาไปด้วย เป็นเพื่อนม้วยเหมือนสุดามารศรี
ขอลาแก้วแววตาไปธานี อย่าราคีขุ่นข้องให้หมองมัว ฯ
            นางผีเสื้อพยายามอ้อนวอนให้พระอภัยและสินสมุทไปหา บอกว่าจะให้มนต์เวทวิเศษ  สินสมุทสงสารแม่แล้วบอกว่า
ซึ่งรักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก มิใช่จักลืมคุณกรุณา
ถึงตัวไปใจลูกยังผูกคิด พอปลดปลิดเรื่องธุระจะมาหา
อย่ากริ้วโกรธโปรดปรานเถิดมารดา ไปไสยาอยู่ในถ้ำให้สำราญ ฯ
            ฝ่ายพระโยคีก็พูดจาปลอบโยนและให้โอวาทนางผีเสื้อ  แต่นางผีเสื้อไม่ฟัง และโกรธต่อว่าพระโยคีด้วยประการต่าง ๆ จนพระโยคีโกรธเสกทรายขว้างไป นางผีเสื้อกลัวจึงหลบออกไป


/a>

ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก


            ฝ่ายเงือกน้ำเมื่อรู้ว่าพ่อแม่ถูกนางผีเสื้อฆ่าตายก็เศร้าโศกเสียใจ เข้ามาลาพระอภัย ขอตายตามพ่อแม่ของตน พระอภัยจึงปลอบโยน และรับว่าจะอุปถัมภ์ และขออยู่พึ่งบุญบารมีของพระโยคี  นางเงือกน้ำจึงค่อยคลายใจ พระอภัยจึงขอให้พระโยคีให้นางได้อาศัยอยู่ด้วย พระโยคีก็ยินดีแล้ว เสกด้ายสายสิญจน์ให้นางสวมไว้ป้องกันภัย พระอภัยกับโอรสก็ได้อาศัยอยู่กับพระโยคี ให้โอรสได้เรียนวิชาไสยเพทพระเวทมนต์จากพระโยคี
            ฝ่ายพระอภัยเมื่อค่อยสร่างโศกแล้วก็คิดถึงนางเงือกน้ำ จึงไปหา ณ ที่อยู่ บอกว่าคิดถึงบุญคุณของนางเงือกที่พาหนีรอดมาได้ ในที่สุดทั้งสองก็ได้เสียกัน
เจ้าโฉมงามทรามสงวนนวลละออง อย่าขัดข้องคิดหมางระคางใจ
ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย
นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน ฯ


ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล


  จะกล่าวเรื่องเมืองผลึกราชฐาน  ป้อมปราการเชิงเทินล้วนเนินผา
ซุ้มทวารบานบังใบเสมา ล้วนศิลาเลื่อมลายดูพรายพราว
มีปราสาทสูงเยี่ยมขึ้นเทียมเมฆ อดิเรกรุ้งฟ้าเวหาหาว
นภศูลแสงแก้วดูแวววาว ดังดวงดาวเด่นกระจ่างอยู่กลางวัน
พระโรงธารชานพักตำหนักแก้ว แต่ล้วนแล้วด้วยมุกดาฝาผนัง
ทั้งเสื้อผ้าเงินทองสิบสองคลัง ก็มั่งคั่งยิ่งกว่าทุกธานี
อันไพร่ฟ้าประชาชนออกล้นหลาม นิคมคามประเทศล้วนเศรษฐี
ทั้งโหราพฤฒามาตย์ราชกวี ชาวบุรีเริงรื่นทุกคืนวัน
พระนามท้าวเจ้าบุรินทร์สิลราช พระนางนาฎนามมิ่งมณฑาสวรรค์
มีบุตรีศรีนลาฎดังดวงจันทร์ ชื่อสุวรรณมาลีนีรมล
เจ้าลังกามาขอให้โอรส ได้กำหนดนัดวิวาห์สถาผล
ถึงเดือนเก้าเขาจะแต่งการมงคล แต่กุศลสองไม่เคยได้เชยชม ฯ
            ฝ่ายพระบุตรีฝันว่าได้ไปชมชลาลัย เห็นดวงแก้วแววสว่างอยู่กลางเกาะ นางก็เหาะลอยลิบไปหยิบได้ เมื่อตื่นขึ้นก็เสียใจ ไม่แต่งองค์สรงเสวยและไสยาสน์ พี่เลี้ยงจึงนำความไปทูลพระบิดา ท้าวสิลราชได้ทราบความแล้วจึงให้โหรทำนาย โหรทำนายว่าดีร้ายพอกึ่งกัน จะจากไกลไอศวรรย์ จะลือลั่นโลกาทั้งธานี จะได้คู่สร้างแล้วได้ครองเมือง ท้าวสิลราชจึงให้จัดเรือ เพื่อพาพระธิดาไปชมเขาลำเนาเกาะ จะได้สิ้นเคราะห์เนื่องจากว่าได้จากเมืองไปตามคำทำนาย ฝ่ายมนตรีกรมท่าในก็ไปเตรียมเรือออกเดินทาง
ต่างยุดเสาสำเภาใส่ทั้งใบผ้า  เลือกล้าต้าต้นหนล้วนคนแข็ง
ปืนฝรั่งกังก้าทั้งหน้าท้าย มีปืนรายรอบข้างสล้างสลับ
 แล้วลอยเลื่อนเคลื่อนคลามาประทับ คอยเรียงรับอยู่ที่ท่าหน้าธานี
ฯลฯ
พระทรงนั่งยังแท่นท้ายบาหลี ฝูงนารีแซ่ซ้องอยู่ห้องกั้น
เหล่าล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น  เร่งให้ขันกว้านโห้โล้สำเภา
ทั้งหน้าหลังดั้งกันลั่นม้าล่อ แล้วขันช่อชักใบขึ้นใส่เสา
พอออกอ่าวลมอุตรามาเพลาเพลา แล่นสำเภาผางผางมากลางชล
ฯลฯ
ชมมัจฉาสารพัดพวกสัตว์ร้าย เห็นคล้ายคล้ายว่ายเคล้าสำเภาจร
ฝูงกระโห้โลมาขึ้นคลาคล่ำ บ้างผุดดำเคลื่อนคล้อยลอยสลอน
ทั้งกริงกรางเต่าปลาในสาคร เที่ยวสัญจรหากินในสินธู
ฝูงฉลามล้วนฉลามมาตามคลื่น ฉนากตื่นชมฉนากไม่จากคู่
ปลาวาฬวนพ่นฟองขึ้นฟ่องฟู ทั้งราหูเหราสารพัน ฯ
            เป็นกองกรรมจำเพาะจะจากกัน เกิดลมสลาตันพัดมาตั้งแต่เย็นจนเที่ยงคืนก็ยังไม่สงบ เรือผจญคลื่นอยู่ในทะเลถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน พวกล้าต้าต้นหนก็ทูลท้าวสิลราช ให้ทั้งบายศรีเพื่อบวงผีถามทางกลางคงคา ท้าวสิลราชก็โปรดให้ทำตามที่เสนอก็ได้ความว่า ให้เดินเรือไปทางทิศอีสาน ก็จะพบผู้วิเศษข้างเพทไสย แล้วให้ถามหนทางต่อไป
            ฝ่ายสำเภาของพวกตามเสด็จก็กลับเข้ากรุงแล้วไปทูลความให้อัครเทวีทราบ พระอัครเทวีจึงให้โหรพยากรณ์ โหรจับยามดูแล้วก็รู้ว่า ชายจะวายชีวี แต่สตรีจะได้มาแต่ช้านาน แต่จะทำนายไปตามจริงก็เกรงว่า ทางอัครเทวีจะเศร้าโศรกเสียใจ จึงทายดีเข้าไว้ว่า อีกสองปีจึงจะกลับมา พระนางได้ฟังจึงคลายโศก แล้วหารือกับเสนีที่จะคิดอ่านต่อไป มหาอำมาตย์ทูลว่าขอให้เกณฑ์เรือสักห้าร้อย ไปเที่ยวปักธงทุกเกาะ เขียนหนังสือแจ้งไว้ว่า ทุกแห่งบอกหนทางไปยังเมืองผลึก
            ฝ่ายท้าวลังกาซึ่งมานัดวันวิวาห์จึงสั่งใหอุศเรน ผู้เป็นบุตร ยกกำลังทางเรือมาห้าพัน เมื่อมาถึงอ่าวเมืองผลึก ก็ยิงปืนเป็นสัญญา แล้วจอดทอดสมอคอยฟังข่าวจากชาวบุรี
            ฝ่ายอัครชายาทราบความแล้ว ก็ให้เสนาผู้ใหญ่ไปแจ้งความให้ท้าวเจ้าเกาะลังกาว่า ท้าวสิลราชไม่ได้อยู่ในเมือง ขอให้องค์อุศเรนคอยพระธิดาอยู่ธานี ท้าวเจ้าลังกาได้รับแจ้งเหตุ จึงตรัสบอกอุศเรนให้ตรึกตรองดูว่า ควรจะทำอย่างไรต่อไป อุศเรนมีความเสียดายนางสุวรรณมาลียิ่งนัก แล้วคิดเห็นว่าถ้าจะกลับลังกาก็น่าอดสู ครั้นจะอยู่ก็อายหน้า จึงคิดที่จะไปตามนาง โดยให้พระบิดากลับไปกรุงลังกา แล้วอุศเรนก็ยกกองเรือออกทะเลไป ตั้งใจว่าหากไม่พบนางก็จะไม่เดินทางกลับ


ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี


            กล่าวถึงพระอภัยมณีกับสินสมุทอยู่กับพระโยคี ก็ได้หัดภาษาฝรั่ง ทั้งจีน จาม จนพูดคล่องทั้งสองคน อยู่ต่อมาเกิดศรัทธาในธรรม จึงขอบวชกับพระโยคี พร้อมกับสินสมุท
            กล่าวถึงสำเภาท้าวสิลราช ถูกลมพัดลอยน้ำไปถึงสิบห้าคืน ก็มาถึงเกาะแก้วพิสดาร จึงพากันไปพบพระโยคี ได้ไต่ถามทุกข์สุขกันแล้ว พระโยคีก็เล่าเรื่องของพระอภัยกับสินสมุทที่ได้มาอยู่ที่เกาะนี้ ท้าวสิลราชได้ไต่ถามพระอภัยมณี ถึงเรื่องหนหลัง พระอภัยก็แจ้งให้ทราบทุกประการ ท้าวสิลราชทราบเรื่องวิชาเป่าปี่ของพระอภัยแล้ว ก็อยากฟัง พระอภัยจึงให้สินสมุทลาสิกขา แล้วเป่าปี่ให้ฟังแทน

จึงลาศีลทรงภูษาผ้าสไบ ถือปี่ไปยังสาลาหน้าคีรี
ประณตนั่งบังคลบรมนาถ อยู่ริมอาสน์อัยกาตาฤาษี
ภาวนาอาคมให้ลมดี แล้วเป่าปี่แปลงเพลงวังเวงใจ
ทำแหบหวนครวญว่าสาลิกาแก้ว ค่ำลงแล้วขวัญอ่อนจะนอนไหน
หนาวน้ำค้างพร่างพรมพนมไพร จะหนาวใจสาลิกาทุกราตรี ฯ
            บรรดาผู้ที่ได้ฟังเพลงปี่ต่างก็หลับกันหมด พระอภัยได้เข้าไปชมพระธิดาอย่างใกล้ชิด ก็เกิดความรักแล้วให้สินสมุทหยุดเป่าปี่ จากนั้นจึงไปตีระฆังปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้น พระโยคีบอกให้สินสมุทไปขอเป็นบุตรพระธิดา สินสมุทก็มีความยินดี พระธิดาก็รับไว้ จากนั้น ท้าวสิลราชก็ถามทางกลับเมืองจากพระโยคี พระโยคีพิเคราะห์ตามสังเกตุข้างเพทไสย ก็รู้ว่าพระอภัยจะได้คู่ ส่วนท้าวสิลราชและไพร่พลทั้งหลายจะวอดวาย เพราะกรรมตามมาทัน จึงกล่าวคำเป็นท่ามกลางว่า กรุงผลึกนั้นอยู่ทางทิศอีสาน เส้นทางที่ไปนั้นกันดารมาก ให้เอาเสบียงจากเกาะแก้วพิสดารเตรียมไปใช้
            ฝ่ายพระอภัยได้ไปขออนุญาตพระโยคี ขอเดินทางกลับไปพร้อมกับพระธิดาและสินสมุท พระโยคีจึงฝากพวกแขกฝรั่ง ที่ค้างอยู่บนเกาะไปด้วย โดยพระโยคีฝากไปกับท้าวสิลราช โดยที่พระอภัยยังอยู่ในเพศโยคี

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |