| | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ตอนที่ ๑๓ พระอภัยโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
ฝ่ายพระโยคีได้เขียนเวทวิทยาให้พระอภัย และไพร่พลทั้งสิ้น เพื่อใช้ป้องกันตนในกลางสมุทร พอตกค่ำพระอภัยให้คิดถึงนางเงือกน้อยยิ่งนัก จึงไปหาแจ้งว่าจะต้องออกเดินทางจากไปสักครึ่งปีแล้วจะกลับมารับนาง นางเงือกได้ฟังก็มีความเศร้ากำสรด ดังถูกปลิดชีวิตจะทัดทานไว้ก็จนปัญญา จึงบอกว่าตนตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว และจากถิ่นที่อยู่มาจึงไร้ญาติ หวังพึ่งแต่องค์พระอภัยแต่ผู้เดียวเท่านั้น พระอภัยจึงปลอบโยนว่า จะฝากนางไว้กับพระฤาษี แล้วมอบธำมรงค์ครุฑบุษรากับจุฑามณีรัตน์ ให้นางไว้เมื่อคลอดกุมารแล้ว จะได้ผูกให้ลูกไว้ แล้วลานางกลับไป จากนั้นได้ไปหาพระฤาษี ออกปากฝากนางเงือกไว้ให้ช่วยดูแลป้องกันอันตราย พระฤาษีก็รับปาก แล้วพระอภัย ท้าวสิลราชและบริวารกับบรรดาแขกฝรั่งทั้งหมด ที่เรือแตกแล้วได้มาอาศัยพระฤาษีอยู่บนเกาะ ก็ได้ร่ำลาพระฤาษีเพื่อจะได้ออกเดินทางกลับบ้านเมือง
| พิไรร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย | พระอภัยว่าพระองค์จงอยู่ดี |
| ได้พึ่งบุญอุ่นเกล้าทุกเช้าค่ำ | มิทันทำแทนทดบทศรี |
| จะจำลาพากันไปวันนี้ | เหมือนไม่มีความรักพระนักธรรม์ |
| แขกฝรั่งตั้งร้อยพลอยร้องไห้ | ร่ำพิไรกล่าวความตามภาษา |
| พระโยคีมีจิตคิดเมตตา | จึงว่าอย่าห่วงหลังเป็นกังวล |
| ประเพณีชีไพรใจสันโดษ | ด้วยประโยชน์ไพธิญาณการมรรคผล |
| ไม่พอใจให้มนุษย์ปุถุชน | อยู่ปะปนคลาคล่ำให้รำคาญ |
| ซึ่งชาวเจ้าเข้ามาอยู่อาศัย | เสียมิได้จึงช่วยด้วยสงสาร |
| กษัตราว่าองค์พระทรงญาณ | จงประทานโทษทั่วทุกตัวคน |
| ได้เดินลัดวัดวาสมาบาป | ทั้งกินอาบน้ำท่าผลาผล |
| อย่าให้เป็นเวรไปแก่ไพร่พล | จะต้องทนเวทนาไปช้านาน ฯ |
| ครั้นเสร็จจัดตรัสสั่งพวกเสนา | ให้ตีม้าล่อดังเป็นกังวาน |
| พวกพหลพลนิกรถอนสมอ | บ้างขันช่อชวนกันเข้าขันกว้าน |
| ฝ่ายฝรั่งตั้งเข็มเต็มชำนาญ | หมายอีสานสำคัญเป็นมั่นคง |
| ออกจากที่คลี่ใบขึ้นใส่เสา | ถึงหว่างเขาคอยลมสมประสงค์ |
| ให้นายท้ายบ่ายหน้าเภตราตรง | สำเภาทรงแล่นมาในสาคร |
| พระเอนเอกเขนกขึงรำพึงคิด | ไม่แจ้งจิตเลยว่าเขามาขอ |
| เหมือนตามไต้ในน้ำมาตำตอ | ถึงแค้นคอคงจะกลืนไม่คืนคาย |
| แล้วคิดจำคำครูดูวันนั้น | ที่หมายมั่นว่าจะสมอารมณ์หมาย |
| จะหาไหนได้เหมือนนุชสุดเสียดาย | ลูกผู้ชายชิงชู้ดูสักที |
| จะเล้าโลมโฉมยงให้ปลงจิต | แม้นสมคิดก็จะพาสุดาหนี |
| เหมือนอิเหนาเผาเมืองเรื่องยังมี | เรายังดีกว่าอิเหนาเป็นเท่าไร |
| แล้วตรัสเรียกลูกยาเข้ามาบอก | เจ้าจงหลอกลวงแม่พูดแก้ไข |
| เข้าไปถึงจึงทำเป็นรำไร | ว่าอาลัยถึงบิดาจะลาตาย |
| เพราะเทวีศรีสวัสดิ์ตัดสวาท | ที่มุ่งมาดมิได้สมอารมณ์หมาย |
ตอนที่ ๑๔ พระอภัยเรือแตก
ฝ่ายนางผีเสื้อกลับคูหาที่อาศัย กะเฝ้าอยู่ที่เขาขวางกลางคงคา ด้วยกลัวลูกและสามีจะหนีไป
ในวันที่เรือแล่นออกจากเกาะ ไม่เห็นเพราะโยคีมีคาถา ท่านอ่านมนต์ดลจิตปิดนัยน์ตา
จนเภตราล่วงไปได้หลายคืน ต่อผีพรายชายด่านอยู่ชั้นนอก เข้ามาบอกเหตุให้จึงได้ตื่น
นางผีเสื้อจึงได้ติดตามไป
เรือสำเภาของท้าวสิลราชแล่นไปได้สิบห้าราตรี ก็เห็นเขาใหญ่ในทะเลเหมือนเมฆอยู่ไกลลิบ
พอตกเย็นก็เกิดพายุหนักซัดสำเภาจนจวนล่มตลอดคืนไปจนสว่าง เรือจึงแตก องค์ท้าวเจ้าเมืองผลีกดับสังขาร
สินสมุทเอาพระธิดาใส่บ่าพาว่ายน้ำไป พระอภัยได้เกาะไม้กระดานบานประตูลอยน้ำไป
นางผีเสื้อจะเข้าจับพระอภัยก็กลัวมนต์ ได้แต่ไล่ตามมากลางคืน ด้วยเดชพระอภัยจะไม่ม้วย
พอถึงเวลาเช้าก็ลอยมาถึงหาดตื้นตีนเขา นางผีเสื้อติดตามมา แต่ขึ้นเขาไม่ได้เนื่องจากลื่น
จึงวิงวอนพระอภัยให้ลงมาหา บรรดาพวกไพร่ไทยแขกฝรั่งจีน เมื่อว่ายน้ำมาถึงตีนเขา
นางยักษ์ก็จะเข้ามาจับแต่ต้องถอยกลับไปด้วยกลัวฤทธิ์ศิษย์ฤาษี ไพร่พลเหล่านั้นก็ขึ้นไปถึงที่พระอภัยอยู่ได้ทั้งร้อย
นางผีเสื้อและพระอภัยต่างตัดพ้อต่อว่ากัน
| จงฟังธรรมคำนับดับโมโห | ให้โทโสสร่างเสื่อมค่อยเลื่อมใส |
| แล้วทรงเดชเทศนาภาษาไทย | ด้วยความในโลกีย์สี่ประการ |
| คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส | ที่คฤหัสถ์หวงแหนไม่แก่นสาร |
| ครั้นระงับดับขันธ์สันดาน | ย่อมสาธารณ์เปื่อยเน่าเสียเปล่าดาย |
| อย่าลุ่มหลงจงอุตสาห์รักษาศีล | ให้เพิ่มภิญโญไปดังใจหมาย |
| อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตคิดอุบาย | จะว่าตายตกนรกอเวจี |
| สงสารนักภัคินีเจ้าพี่เอ๋ย | เป็นคู่เชยเคียงชิดพิสมัย |
| ถึงรูปชั่วตัวดำแต่น้ำใจ | จะหาไหนได้เหมือนเจ้าเยาวมาลย์ |
| ตั้งแต่นี้มีแต่จะเลยลับ | จนสิ้นดับกาลาปาวสาน |
| จนม้วยดินสิ้นฟ้าแลบาดาล | มิได้พาลพบสมรแต่ก่อนมา |
| พี่แบ่งบุญบรรพชิตอุทิศให้ | เจ้าจงไปสู่สวรรค์ให้หรรษา |
| อันชาตินี้มีกรรมจำนิรา | เพื่อชาติหน้าขอให้พบประสบกัน |
| เป็นมนุษย์ครุฑาเทวาธิราช | อย่ารู้ขาดเสนหาจนอาสัญ |
| ให้สมวงศ์พงศ์ประยูรตระกูลกัน | อย่าต่างพันธุ์ผิดเพือนเหมือนเช่นนี้ |
ตอนที่ ๑๕ สินสมุทโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
สินสมุทแบกพระธิดามาในน้ำได้เจ็ดคืน มาถึงเกาะใหญ่แห่งหนึ่ง พอขึ้นถึงฝั่งก็หมดแรงสลบไป นางได้เฝ้าพยาบาลอยู่นาน ก็ยังไม่ฟื้นจึงไหว้วอนไทเทวาให้ช่วย
| นางยอกรวอนไหว้ไทเทวัญ | ทุกช่องชั้นฉกามาวจร |
| ที่ขึ้นล่องท่องทะเลทุกเทเวศร์ | รุกขาเขตเขาเขินเนินสิงขร |
| แม้นพระหน่อบดินทร์นรินทร | จะม้วยมรณ์มรณานิคาลัย |
| ชีวิตข้าอย่าได้รอดจงมอดม้วย | ขอตายด้วยลูกรักที่ตักษัย |
| แม้นบุญหลังยังจะรอดตลอดไป | ขอจงให้ลูกน้อยข้าค่อยคลาย |
| พอขาดคำรำพันพิษฐาน | พระกุมารฟื้นสมอารมณ์หมาย |
| จะกล่าวฝ่ายนายโจรใจฉกาจ | เป็นเชื้อชาติอังกฤษริษยา |
| คุมสลัดอัศตันวิลันดา | เป็นโจรห้าหมื่นฟื้นทมิฬ |
| มีกำปั่นนั้นยาวยี่สิบเส้น | กระทำเป็นตึกกว้านสถานถิ่น |
| หมากมะพร้าวส้มสูกปลูกไว้กิน | ไม่รู้สิ้นเอมโอชโภชนา |
| เลี้ยงทั้งแพะแกะไก่สุกห่าน | คชสารม้ามิ่งมหิงสา |
| มีกำปั่นห้าร้อยลอยล้อมมา | เครื่องศัสตราสำหรับรบครบทุกลำ |
| คอยตีเรือเหนือใต้ได้สิ่งของ | เที่ยวแล่นล่องตามคลื่นทุกคืนค่ำ |
| ค สินสมุทพูดจากประสาแขก | นัยน์ตาแตกใครอย่าแลดูแม่ข้า |
| เราเสียเรือเชื้อกษัตริย์พลัดพารา | นี่ท่านมาแต่ข้างไหนได้เอ็นดู |
| โดยสารด้วยช่วยส่งให้ถึงฝั่ง | จะไปยังรัตนาพาราปู่ |
| จะรับได้หรือมิได้จะใคร่รู้ | เฝ้าแลดูมารดาเราว่าไร ฯ |
| ค กุมาราว่าการจะราญรบ | ลูกรู้จบการศึกได้ฝึกฝน |
| พระโยคีวิเศษให้เวทมนตร์ | ทั้งคงทนแทงกันไม่บรรลัย |
| แม่ผีเสื้อเมื่ออยู่ในคูหา | ให้มนตร์ข้าที่มนุษย์ยุดไม่ไหว |
| สิ้นทั้งลำกำปั่นไม่พรั่นใคร | ลูกจะไปถองทุบให้ยุบยับ |
| แล้ววิ่งผลุนหนุนออกมานอกห้อง | นางรื้อร้องเรียกไว้ก็ไม่กลับ |
| เห็นนายโจรโผนจับสัประยุทธ์ | ทะยานหยุดเหยียบอกผงกหงาย |
| กระชากฉีกซึกโครงครากทลาย | เอาศพนายตีไพร่ไล่กระพือ |
| แขกฝรั่งอังกฤษไม่คิดรบ | ถลาหลบล้มกลิ้งบ้างวิ่งตื๋อ |
| บ้างหมอบราบกราบก้มประนมมือ | เสียงอึงอื้ออ่อนน้อมไม่ยอมตาย ฯ |
| ค อังกุหร่าฝรั่งได้ฟังถาม | จึงทูลความจริงแจ้งแถลงไข |
| อันสุหรั่งอังกฤษที่บรรลัย | เป็นโจรใหญ่ในนทีที่ตีเรือ |
| ข้าชาวเมืองสำปะหลังฝรั่งเศส | เอาโหมดเทศขึ้นไปขายข้างฝ่ายเหนือ |
| เขาจับได้ไว้ชีวิตใช้ชิดเชื้อ | เที่ยวตีเรือกับสุหรั่งตั้งเป็นนาย |
| แล้วสั่งให้ต้นหนไปค้นหา | เอาผืนผ้าแผนที่มาคลี่ถวาย |
| ถิ่นประเทศเขตแขกฝรั่งราย | มีจุดหมายปากน้ำเป็นสำคัญ |
| เมืองโสฬัสแหลมชวาพาราสุหรัด | โรมพัฒน์กว้างใหญ่ไอศวรรย์ |
| บังกะหล่ามลายูอยู่ด้วยกัน | ถนนคั่นข้ามฝั่งไปลังกา |
| อันขอบคุ้งกรุงผลึกจารึกไว้ | ตะวันตกวกออกไปไกลหนักหนา |
ตอนที่ ๑๖ สินสมุทพบศรีสุวรรณ
กล่าวถึงศรีสุวรรณกับแก้วเกษรา ครองนครรมจักร จนมีธิดาอายุได้แปดปีชื่อ อรุณรัศมี
เมื่อศรีสุวรรณจะได้พบหลาน ก็ได้ฝันว่าไฟไหม้ป่า ติดหลังคาบ้านช่องท้องสนาม
ตนได้ออกไปดับไฟ แล้วกลับลามมาติดตามเนื้อตัว แล้วว่าพระเชษฐามาช่วยดับไฟได้
แล้วประทานดวงแก้วให้ โหรทำนายว่า ที่สุบินว่าไฟไหม้นั้น จะเกิดภัยรบพุ่งถึงกรุงศรี
ส่วนที่พระเชษฐามาดับไฟ และประทานแก้วมณีนั้น แสดงว่าจะสิ้นเคราะห์ และจะได้ข่าวพระเชษฐา
เป็นเรื่องที่ต้นร้ายปลายดี
ศรีสุวรรณฟังคำทำนายแล้ว ก็เห็นว่าท้าวอุเทนคงจะคิดอ่านยกทัพมาตีเมืองรมจักร
จึงได้หารือกับสามพราหมณ์เตรียมการรับมือกับศัตรู โดยให้โมราไปอยู่ ณ ตำบลทางทิศตะวันออก
ให้วิเชียรไปอยู่เมืองปราการเป็นฝ่ายเหนือ ส่วนเมืองทางตะวันตกเป็นทางบกให้สานนรักษาเมืองสายัณห์
ให้คุมพลคนละหมื่น วิเชียรกับนางจงกล โมรากับนางประภาวดี สานนกับนางอุบลต่างพากันไปตั้งอยู่
ณ เมืองทั้งสาม ซ่อมป้อมปราการ ฝึกทหารและวางกำลังคนไว้ตามด่าน
กล่าวถึงกำปั่นสินสมุทแล่นไปกลางสมุทร ตัดถนนพระรามข้ามแหลมเสี้ยว ก็ยังไม่ได้ข่าวเจ้ากรุงผลึก
เดินทางค้นหาอยู่สามเดือนก็สิ้นเสบียง เหลืออยู่อีกไม่ถึงเดือน อังกุหร่าจึงทูลถามสองกษัตริย์ว่าจะทำประการใด
นางสุวรรณมาลีจึงถามว่าแต่ก่อนนี้หาข้าวปลามาได้อย่างไร อังกุหร่าทูลว่าแต่ก่อนก็ได้ปล้นชาวบุรี
และเที่ยวตีเรือจนมีเงินทองข้าวของเหลือเฟือ แต่เมื่อได้สั่งห้ามไม่ให้จับเรือแพเหมือนแต่ก่อน
จึงได้เกิดขัดสน นางจึงบอกว่าเงินทองของสุหรั่งยังมีอยู่มาก จะเอาไปซื้อหาของที่ต้องการไม่ได้หรือ
อังกุหร่าทูลตอบว่า อันพวกพ้องโจรเรือเหมือนเสือกล้า ทุกถิ่นฐานบ้านเขตไม่เมตตา
จะซื้อหาเห็นไม่ได้ดังใจจง
สินสมุทใคร่จะหักหาญคึกจึงกราบทูลมารดาว่า ถ้าเมืองไหนใหญ่กว้างมีฉางข้าว
ให้พวกเราขึ้นไปว่าซื้ออาหาร แม้นไม่ให้ไล่ขับให้อัประมาณ จึงรุกรานรบเร้าเอาธานี
แล้วสั่งอังกุหร่าให้สังเกตดูทุกเมือง ถ้าเมืองใดใหญ่กว้างยุ้งฉางมี ก็ให้เข้าทอดสมอเรือที่ปากน้ำ
อังกุหร่าทูลว่าเรือของเราต้องตัดเข้าคุ้งค้อมอ้อมออกมา เป็นเมืองใหญ่แว่นแคว้นแดนเมืองรมจักรมีไพร่พลมาก
แวะไม่ได้เพราะจะมีภัย แต่สินสมุทนึกสนุกบอกว่า ถึงเราจะมีกำลังน้อยก็ไม่ถอยหนี
ถ้าขัดขวางก็จะเข้าตีชิงเมืองริบเอาข้าวปลา
| ค ฝ่ายฝรั่งรับรสพจนารถ | เที่ยวประกาศไพร่นายทั้งซ้ายขวา |
| แล้วยิงปืนครื้นครั่นเป็นสัญญา | บ่ายเภตราตรงเข้าอ่าวบุรี |
| จึงทอดกำปั่นใหญ่ไว้แต่ห่าง | ประมาณทางโยชน์หนึ่งถึงกรุงศรี |
| อังกุหร่าฝรั่งสั่งโยธี | จะเข้าตีปากน้ำทำอุบาย |
| เกณฑ์เภตราห้าสิบรีบไปก่อน | เข้านครเหมือนหนึ่งมาจะค้าขาย |
| ตั้งปลัดหัศเกนให้เป็นนาย | คิดอุบายแก้ไขให้ได้การ |
| กำปั่นน้อยร้อยลำสำหรับรบ | บรรจุครบเครื่องสาตราโยธาหาญ |
| ตั้งอังกฤษจิตุเวนเจนชำนาญ | ดูคิดอ่านกองหนุนเป็นขุนพล |
| เรือสำรองสองร้อยจะคอยซ้ำ | ถึงเพลี่ยงพล้ำเปลี่ยนผลัดไม่ขัดสน |
| อังกุหร่ากล้าหาญการประจญ | เป็นนายพลกองหลังระวังภัย |
| พอย่ำฆ้องกองหน้าทั้งห้าสิบ | ออกแล่นลิบลับทางสว่างไสว |
| ถึงยามสองกองกลางก็กางใบ | ค่อยแล่นไปช้าช้าในสาคร |
| ครั้นรุ่งสายฝ่ายฝรั่งอังกุหร่า | ออกเภตราสองร้อยลอยสลอน |
| คอยระวังฟังการจะรานรอน | เป็นสามตอนตามทางห่างห่างมา |
| ค ฝ่ายเรือเหล่าชาวด่านบ้านปากน้ำ | ห้าสิบลำแล่นรายทั้งซ้ายขวา |
| ตระเวนเวียนเปลี่ยนผลัดอยู่อัตรา | คอยรักษาปากน้ำทุกค่ำคืน |
| พอยามสองกองตระเวนเห็นกำปั่น | ดูเรียงรันรายทางมากลางคลื่น |
| สักเท่าไรไม่แน่แลกลางคืน | จึงยิงปืนสัญญาให้ราใบ |
| ค ฝ่ายปลัดหัศเกนเจนสมุทร | เห็นเรือหยุดปากอ่าวเสาไสว |
| รู้ว่าเหล่าชาวด่านออกต้านไว้ | จะลดใบพูดจาจะช้าที |
| จึงยิงปืนเป็นสำเหนียกเรียกทหาร | ให้หักด่านรบพุ่งชาวกรุงศรี |
| พวกโจรพร้อมล้อมยิงทิ้งอัคคี | ชาวบุรีเรือจมล่มทลาย |
| เป็นโจรไล่ใกล้กลับรับราวี | แกว่งอัคคีขว้างทิ้งแล้วยิงปืน |
| ทหารโจรโยนโซ่เอาขอสับ | ชาวด่านรับรบพลางมากลางคลื่น |
| ให้ตีกลองร้องเร่งทหารรบ | มาสมทบถือพื้นแต่ปืนผา |
| ลงเรือน้อยร้อยยี่สิบรีบออกมา | พอเพลาสุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณ |
| นายด่านไปไล่คนขึ้นบนป้อม | สะพรั่งพร้อมโยธาทั้งหน้าหลัง |
| พอข้างหลังอังกุหร่าก็มาถึง | สั่งให้ขึงตารางเหล็กลำละผืน |
| พอคลุมลำกำปั่นกันลูกปืน | ทหารยืมตามช่องคอยมองยิง |
| พอลมแปรเข้าฝั่งอังกุหร่า | ให้โยธาเทียบสำเภาเข้าตลิ่ง |
| ข้างชาวด่านให้ทหารเอาหินทิ้ง | พวกโจรยิงปืนปีนตีนกำแพง |
| พวกบนป้อมหลอมตะกั่วคั่วทรายสาด | จนถึงฟาดฟันกันด้วยขันแข็ง |
| พอมืดมนสนธยาเป็นราตรี | พวกโจรตีด่านได้พอใกล้พลบ |
| ขึ้นริบทรัพย์จับคนบนตลิ่ง | เห็นผู้หญิงอยากได้ไล่ตลบ |
| แล้วโฉมยงสั่งสอนสินสมุท | ทรงเครื่องยุทธ์อย่างกษัตริย์รัดกระสัน |
| ใส่เสื้อเกราะโพกผ้าเช็ดหน้าพลัน | เหน็บกั้นหยั่นกริชเล็กล้วนเหล็กดี |
| ถือดาบด้ำคร่ำทองของฝรั่ง | ถวายบังคมลามารศรี |
| แล้วทรงเครื่องเคยประจญรณรงค์ | มาขึ้นทรงพาชีให้คลี่คลาย |
| ทหารแห่แลล้วนถืออาวุธ | ปืนคาบชุดหอกดาบกำซาบสาย |
| ทั้งปืนล้อก็ให้ลากมามากมาย | ออกทางท้ายเมืองมาริมสาคร |
| ถึงทุ่งกว้างหาว่าป้อมยี่สิบเส้น | พอแลเห็นแขกฝรั่งนั่งสลอน |
| ให้หหยุดยั้งฟังการจะราญรอน | พลนิกรตั้งปีกกาหน้ากระดาน ฯ |
| ค สินสมุทพูดจาภาษาเด็ก | ถึงทั้งเล็กก็ไม่พรั่นประหวั่นไหว |
| เราชื่อว่าสินสมุทวุฒิไกร | พระอภัยบพิตรเป็นบิดา |
| ล้วนเหล่ากอหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ | ผ่านสมบัติบำรุงราษฎร์ศาสนา |
| จะแล่นไปในทางกลางคงคา | ชาวพารารบเราจึงเข้าตี |
| ท่านชื่อไรจงบอกออกมาบ้าง | เป็นขุนนางหรือบำรุงซึ่งกรุงศรี |
| แม้นรักตัวกลัวตายวายชีวี | อัญชลีแล้วจะกลับกองทัพไป ฯ |
| | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |