| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา

            ฝ่ายบาทหลวงรู้เรื่องการสู้รบเห็นว่า ฝ่ายตนเสียท่วงทีตนจะอยู่เมืองลังกาต่อไปก็น่าจะมีภัย จึงคิดจุดไฟเผาเมืองให้ หัสไชยพาทัพกลับมาจากการรุกไล่ กองทัพของวลายุดา วายุพัฒน์ แล้วเที่ยวบอกเล่าเหล่าฝรั่งว่าใครถือพระ ให้มาช่วยสู้รบ พวกฝรั่งตามบาทหลวงมาเป็นจำนวนมาก บาทหลวงจึงสั่งว่า

แม้เกิดไฟไหม้วังคนทั้งหลาย จะตื่นแตกแยกย้ายพลัดพรายหนี
จับกษัตริย์หัสไชยพวกไพรี ผลาญชีวีเสียให้ได้อย่าไว้มือ
ฯลฯ
            แล้วเอาชุดจุดประทัดมัดใหญ่ เป็นลูกไฟติดต่อบินไปตกยังตึกรามบ้านช่อง พวกฝรั่งสังฆราชยังได้สาดปืนเข้าไปซ้ำ ทำให้ชาวเมืองวิ่งหนีกันแตกตื่น กระจัดพลัดพรายกันไป
            ท้าวทศวงศ์ พระมเหสี องค์สุวรรณมาลี กับสองพระธิดา ต่างพากันหลบหนีไฟ ท้าวทศวงศ์นำชาววังออกมานอกประตู พบฝรั่งเข้ารุมจับก็เข้ารบ ร่วมกับองค์สุวรรณมาลี พากันฟันฝ่าออกไป
            ฝ่ายพระหัสไชยเห็นไฟไหม้เวียงวัง จึงเรียกกองทัพกลับเข้าเมืองเห็นท้าวทศวงศ์ ทำการรบอยู่จึงเข้าไปช่วย
หน่อนราพาองค์พงศ์กษัตริย์ รีบรบตัดไปทางกลางสนาม
บาทหลวงเห็นเป็นเชิงละเลิงลาม ต้อนคนตามล้อมจับเธอรับรอง ฯ
            ฝ่ายวลายุดา วายุพัฒน์เห็นไฟไหม้เมืองและกองทัพพระหัสไชยหายไป จึงรวบรวมไพร่พลที่เหลือตายได้หลายพัน กลับมาเที่ยวตามหาพวกกษัตริย์หัสไชย มาพบพระสังฆราชได้ทราบเรื่องแล้ว จึงประกาศสั่ง
ฝ่ายฝรั่งสังฆราชประกาศสั่ง ชาวเมืองทั้งปวงด้วยช่วยทหาร
แล้วแยกคนค้นหาฝ่ายอาจารย์  กำกับหลานไล่ค้นเที่ยววนเวียน ฯ
            ฝ่ายพระหัสไชยเชิญสองท้าวขึ้นต่างเกวียน ออกเดินทางไปข้างป่า พบกับทัพวลายุดา วายุพัฒน์ เกิดรบกัน
พวกฝรั่งสังฆราชตายกลาดกลิ้ง ยิ่งฆ่ายิ่งเยียดยัดสกัดกั้น
ครั้นหักออกนอกได้มันไล่ทัน ต้องรบกับชาววังเป็นกังวล ฯ
            ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาตามวาโหมมาถึงเมืองลังกา เห็นไฟยังไหม้อยู่ เห็นหัสไชยกำลังรบรุกกับข้าศึก พวกวาหุโลมจึงเข้าล้อมไล่ฆ่าฟันจนฝรั่ง ล้มตายย่อยยับ
            ฝ่ายบาทหลวงขับเกวียนหนีเข้าไปในป่า หัสกันตามมาพบเห็นวลา วายุพัฒน์ หนีพระหัสไชยมาจึงรีบขับไพร่พลเข้าหนุช่วย องค์ละเวงกับองค์สุวรรณมาลี พร้อมสองพระบุตรี ก็ร่วมกันช่วยรบ
            ฝ่ายนางรำภากับนางยุพาลาลีวัน พร้อมทั้งพวกทมิฬต่างพากันฆ่าฟันพวกฝรั่งล้มตายลงหลายร้อย และแตกยับไปทั้งสามทัพ นางรำภากับสุลาลี เข้าไล่รบลูกชายของแต่ละคน จนทั้งสองต้องหนีเข้าไปในป่า
ต่างหลบเลี่ยงเพลี่ยงพลาดขยาดแม่ ไม่เหลียวแลหลบไปในไพรสัณฑ์
ต่างรวมได้ไพร่นายเหลือตายนั้น จวนสายัณห์เย็นพยับเลิกทัพไป ฯ
  นางโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสลด เมืองไหม้หมดมัวหมองไม่ผ่องใส
เสียเผ่าพงศ์วงศาเสนาใน เสียพระทัยให้สะอื้นกลืนน้ำตา
ฯลฯ
  สุมาลีพี่นางไม่ห่างน้อง เคืองประคองร้องไห้ฤทัยหาย
ปลอมวัณฬาว่าแม่คุณอย่าวุ่นวาย ตีตัวตายก่อนไข้ก็ไม่ควร
ฯลฯ
  สุมาลีพี่นางไม่ห่างน้อง เคืองประคองร้องไห้ฤทัยหาย
ปลอมวัณฬาว่าแม่คุณอย่าวุ่นวาย ตีตัวตายก่อนไข้ก็ไม่ควร
ฯลฯ
  นางฟังปลอบนอบน้อมสู้ออมอด เชิญท้าวทศวงศ์เหล่าพงศา
เข้าสู่วังตั้งประทับอยู่พลับพลา เกณฑ์โยธาซ่อมแปลงกำแพงวัง ฯ
            ส่วนวลายุดาวายุพัฒน์เมื่อพบกับหัสกันแล้วก็พากันรวบรวมทัพแล้วไปยังด่านเข้าเจ้าประจัญ เข้าเฝ้าพระมังคลา กราบทูล
เรื่องราวการสู้รบให้ทรงทราบ
            พระมังคลาได้ฟังแล้วจึงว่าศึกเห็นฮึกเหิม และยังจะเพิ่มเติมมาล้อมหน้าหลัง คิดแล้วให้ขยาดหวาดระวัง พอพระสังฆราชมาหาก็อุ่นอารมณ์ แล้วขอให้ช่วยคิดอ่าการศึกให้ด้วย สังฆราชจึงท้าวความเดิมว่าตนไม่รู้ว่าพระมังคลาไปจับวงศ์พงศาเขามาไว้ จึงเกิดศึกใหญ่ขึ้น
จะต้องสู้ดูสักครั้งเหมือนสั่งศึก ถ้าสมนึกก็จะเตียนที่เสี้ยนหนาม
จงหาคนปลอมพงศ์รูปวงศ์วาน มาสอนความมารยาให้พาที
ฯลฯ
            จะได้เอาไปลวงองค์ละเวงและข้างพระอภัยมณี ให้ฝ่ายข้าศึกมีความฉงน มีชื่อว่า กลกัน  พระมังคลาเห็นว่ากลวิธีดังกล่าวจะปราบข้าศึกได้ จึงให้พระอนุชากับพระนัดดาไปดำเนินการ โดยหาคนจากสามเมืองทั้งคนหนุ่มสาวมาปลอมแปลงตน
แล้วซ่อนไว้ให้คนปรนนิบัติ ตรวจเตรียมจัดแจงรับที่ขับขัน
เที่ยวซุ่มพลกลซบทำครบครัน เป็นหลายชั้นกันศึกตรองตรึกการ ฯ
  ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ยังซ่อนแปลงแต่งปราสาทราชฐาน
จึงเกณฑ์พลคนหมื่นพื้นชำนาญ จะไปด่านได้สมทบรบโอรส
ฯลฯ
            ท้าวทศวงศ์ก็เสด็จไปด้วยกันทั้งหมด
  ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเร่งทหาร เข้าดงดานเดินทางหว่างสิงขร
พอถึงเขาเจ้าประจัญตะวันรอน ให้หยุดหย่อนโยธาหน้ากำแพง
ฯลฯ
            ฝ่ายฝรั่งสังฆราชได้สั่งให้ลูกศิษย์ฝ่ายทหารเอารูปแปลงของพระอภัย ศรีสุวรรณ สินสมุทร สุดสาคร เสาวคนธ์ มาผูกมัดห้อยแขวนไว้แล้วส่งเสียงร้องครวญคราง เมื่อบรรดาเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์ออกไปดูเห็นเข้าก็เข้าใจว่าเป็นองค์จริงก็ตกใจจนเป็นลมล้มไปทั้งหมด เมื่อฟื้นขึ้นแล้วองค์สุวรรณมาลีคิดจะปลงพระชนม์พระองค์ แต่องค์วัณฬาห้ามไว้แล้วบอกว่าจะถอยทัพกลับไปตามฝ่ายพระมังคลาต้องการ
คอยดูที่ดีกว่าอย่าช้านัก สงสารองค์ทรงศักดิ์จะตักษัย
แม้วันนี้ชีวันไม่บรรลัย คิดแก้ไขให้พระองค์คงชีวา ฯ
            แล้วองค์ละเวงจึงร้องบอกคนในด่านให้ไปบอกสังฆราชกับพระมังคลาว่าอย่าเพิ่งฆ่าพระอภัยและญาติวงศ์ แล้วพระนางจะยกกองทัพกลับไป แต่ถ้ายังขืนให้ฆ่าแล้ว
ไม่งดอยู่กูจะกลับสัประยุทธ กว่าจะสุดสิ้นชาติเหมือนมาดหมาย
แล้วถอยทัพขับพหลพลนิกาย ไปอยู่ชายทุ่งกว้างหว่างกำแพง ฯ
  ฝ่ายบาทหลวงลวงลองพวกกองทัพ เห็นถอยกลับกลัวสิ้นไม่กินแหนง
จึงสั่งให้ไพร่พลพาคนแปลง ไปจัดแจงหน้าเขาเจ้าประจัญ
ฯลฯ
            ให้คอยดูพระอภัยที่ในค่ายด้วยเห็นเคยเดินตรวจพล ถ้าเห็นเข้ามาใกล้ให้เอารูปกลขึ้นควงรอกแขวนหลอกไว้ ฝ่ายพระอภัยออกหอรบที่ริมป้อมกับพระน้อง และสองโอรสคิดอ่านทำลายค่ายลังกา ได้เห็นคนบนรอกถูกผูกไม้กางเขนไว้เป็นองค์สุวรรณมาลีกับสองธิดา รวมทั้งวาโหม หัสไชย ท้าวทศวงศ์และนางพระยา ต่างก็ตกใจไม่สมประดี
            ฝ่ายรูปกลนั้นก็แกล้งร้องให้เลิกทัพกลับไป
 
พระมังคลาว่าจะส่งองค์กษัตริย์ ไปเวียงวังจังหวัดหาช้าไม่
แม้ทัพยังตั้งประชิดติดเวียงชัย เขาจะให้ฆ่าฟันเสียวันนี้
ฯลฯ
            พระอภัยไม่รู้ว่าเป็นคนปลอมก็อัดอั้นตันใจ จึงร้องตอบไปว่าอย่าเพิ่งให้ฆ่า
พรุ่งนี้เช้าเราจะกลับทัพทหาร ไม่คิดการราญณรงค์อย่าสงสัย
ฝรั่งว่าถ้าจริงไม่ชิงชัย ถอยทัพไปเสียทีเดียวประเดี๋ยวนี้ ฯ
  พระฟังคำสำคัญผิดอัดอั้น  ถึงอับจนเราจะเป่าปี่
จึงสั่งพระอนุชาอย่าช้าที  เร่งเอาขี้ผึ้งปั้นปิดกรรณไว้
สินสมุทสุดสาครอย่านอนหลับ ช่วยกันจับอ้ายสี่คนให้จนได้
ฝ่ายสามองค์ลงจากหอรบไป บอกนายไพร่ปิดหูให้รู้การ ฯ
            เมื่อใกล้ค่ำพระอภัยจึงเริ่มเป่าปี่ทำให้กองทัพข้าศึกทั้งสามกองทัพหลับไป แต่พระมังคลาได้คาดตราพระราหูเอาไว้จึงไม่หลับ รีบวิ่งไปหาครูบาทหลวง  บาทหลวงนั่งกินเหล้าอยู่ ได้ยินเสียงเป่าปี่จึงเอาทองมาบีบขยี้เข้าที่หู แล้วฉุดพระมังคลาให้รีบหนีไปด้วยกันทางประตูตะวันตก
            ฝ่ายศรีสุวรรณ สินสมุท สุดสาคร มังกร ยุขัน พระกฤษณา ต่างปิดหูกันหมด ครั้นกองทัพข้าศึกหลับหมดตอนพลบค่ำแล้วจึงเอาบันไดพาดขึ้นกำแพงเข้าไปเห็นหุ่นกล พิศดูก็รู้ว่าเป็นอุบายเป็นสายสน จึงเข้าเที่ยวค้นหาพระมังคลากับบาทหลวง พระอภัยสั่งพระน้องกับสองโอรสไปจับมังคลา ให้พระกฤษณาพาพราหมณ์ไปเที่ยวค้น สินสมุทขึ้นไปดูที่หอรบพบหัสกันมัดมือมา สุดสาครเห็นวายุพัฒน์ก็มัดตัวมาผูกไว้หน้าตึกขวางที่กลางลาน พระกฤษณาพบวลายุดาหลับอยู่ก็มัดมือมาที่หน้าฉาน พอรุ่งเช้าต่างก็เข้าไปกราบทูลความต่อพระอภัย
  สมเด็จพระอภัยวิไลลักษณ์ เสียดายศักดิ์กษัตรานราสวรรค์
จึงเอื้อนอรรถตรัสโปรดยกโทษทัณฑ์ อ้ายเหล่านี้ชีวันถึงบรรลัย
สุดแล้วแต่แม่เขาเหล่าฝรั่ง จะกักขังฆ่าตีตามวิสัย
เอาตรึงตราทารกรรมจองจำไว้ กว่าจะได้ไปปะนางละเวง
ฯลฯ
            แล้วเป่าปี่ปลุกไพร่พลให้ตื่นขึ้น พวกฝรั่งเห็นพระอภัยต่างก็เข้ามาอ่อนน้อม
แล้วถอดหมวกพวกฝรั่งต่างคำนับ เป็นลำดับน้อมประณตบทศรี
ขอเป็นข้ากว่าจะตายวายชีวี พระเปรมปรีดิ์ปราศรัยทั้งไพร่นาย
ฯลฯ

ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา


  ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาโยธาทัพ ต่างเคลิ้มหลับลืมอารมณ์เพราะลมปี่
เมื่อปลุกตื่นฟื้นสิ้นต่างยินดี รู้ว่าพระอภัยมณีเธอมีชัย
ฯลฯ
            เมื่อทั้งหมดมาพบกันแล้ว องค์ละเวงและยุพาผกาก็เชิญทั้งหมดเข้าไปในด่านปราการใหญ่ ท้าวทศวงศ์กับองค์พระมเหสี ทรงเล่าความแต่หนหลังให้ทราบ ตั้งแต่เสียเมือง
แม่วัณฬามารับไปกับหล่อน ค่อยวายร้อนหย่อนเย็นได้เป็นสุข
พ่อมาปราบรายที่เกลียด จะสิ้นทุกข์สุขเกษมได้เปรมปรีดิ์
            พระอภัยได้ฟังจึงทูลว่า พระองค์กับพระน้องไปเยี่ยมศพพระชนกชนนี ฝ่ายลูกหลานหาญฮึกเป็นศึกเสือ จนเสียว่านเครือเกิดฆ่าฟันกัน
การณรงค์คงจะดับให้สรรพเสร็จ เชิญเสด็จไปบำรุงชาวกรุงศรี
ประทานโทษโปรดข้าฝ่าธุลี อย่าราคีข้องขัดหัทยา ฯ
            ท้าวทศวงศ์ได้ฟังก็กล่าวสรรเสริญและว่าเป็นเพราะกรรมที่ทำมา
แม่วัณฬามาลีหล่อนดีนัก รู้จักรักกันเหลือเหมือนเชื้อไข
จบจังหวัดปัถพีไม่มีใคร จะเหมือนใจแม่วัณฬาสุมาลี ฯ
  พระอภัยพรายพริ้มเยื้อนยิ้มย่อง พลางผินพักตร์ทักส่องมเหสี
เหมือนเกิดใหม่ได้มาเห็นกันเช่นนี้ เหตุเพราะมีลูกเต้าผ่าเผ่าปราณ
            ทั้งสองนางต่างรับอภิวาท องค์วัณฬาทูลว่าครั้งนี้ถ้าไม่ได้พระหัสไชยคงจะไม่ได้มากราบบาทพระอภัย พระอภัยได้ฟังจึงตรัสเรียกพระหัสไชยมาหา แล้วตรัสไต่ถาม แล้วตรัสว่า
พ่อรักเจ้าเท่าบุตรสุจริต อย่าเคืองคิดอาจขนางแหนง
รักสิ่งไรไม่ขัดจะจัดแจง ช่วยตกแต่งอุปถัมภ์ให้จำเริญ ฯ
            พระหัสไชยได้ฟังรับสั่งถาม จะทูลความในใจก็ติดเขิน ก้มหน้าอยู่นาน แล้วจึงสนองด้วยว่า
แต่โปรดให้ได้ช่องสนองถ้อย ทูลค่อยค่อยจงโปรดโทษหม่อมฉาน
จะรองบาทมาดหมายจนวายปราณ ขอประทานสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ฯ
  พระฟังคำสำรวลด้วยควรคู่ แล้วก็รู้ว่ารักนั้นหนักหนา
จึงว่าน้องของเจ้าแต่เยาว์มา ชอบอัชฌาก็จะมอบให้ครอบครอง
ฯลฯ
ท้าวทศวงศ์ทรงพระศรวลว่าควรคู่ รู้ขอสู่รู้รักสมศักดิ์แสง
เห็นพร้อมวงศ์พงศ์กษัตริย์ช่วยจัดแจง คิดตกแต่งจัดงานการวิวาห์ ฯ
  ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช อภิวาทว่าฉันรักหล่อนหนักหนา
ขอจัดแจงแต่งตั้งไว้ลังกา กับธิดาทั้งสองครอบครองวัง
พระอภัยไม่ขัดจึงตรัสตอบ ที่จะมอบให้เป็นลูกจงปลูกฝัง
ช่วยตรองตรึกศึกเสือเหลือกำลัง ฝ่ายฝรั่งเป็นเจ้าเยาวมาลย์
อ้ายวลายุดาวายุพัฒน์ กับทั้งหัสกันนั้นมันก็หลาน
รับธุระจะส่งให้นงคราญ ช่วยว่าขานปราบปรามตามแต่ใจ ฯ
            แล้วพระอภัยได้ตรัสกับนางรำภาสะหรี ทั้งนางยุพาผกาสุลาลีว่า บรรดาลูกของนางนั้น
มันทำผิดคิดมิชอบจะมอบให้ จะเลี้ยงไว้หรือจะฆ่าให้อาสัญ
ตามแต่ใจไม่ว่าปรึกษากัน ด้วยอุ้มท้องครองครรภ์เลี้ยงกันมา ฯ
  ทั้งสามนางต่างคำนับอภิวาท ความเจ็บแค้นแสนชาติไม่ปรารถนา
อันลูกเต้าเจ้าฝรั่งเกาะลังกา เขาไม่ฆ่าแม่เลยไม่เคยมี
ฯลฯ
  ฝ่ายพ่อครัวหัวป่าก็พวกฝรั่ง ต่างแต่งตั้งโต๊ะเหล้าหวานคาวขนม
มาเรียบเรียงเคียงตั้งแล้วบังคม ถวายบรมกษัตริย์ขัตติยา
ฯลฯ
กับข้าวไข่ไก่พะแนงแกงเป็ดต้ม จอกน้ำส้มสายชูจิ้มหมูหัน
ช้อนมีดพับสำหรับทรงองค์ละคัน เหล้าบรั่นน้ำองุ่นเฉียวฉุนดี
ฯลฯ
               ฝ่ายฝรั่งทั้งสามมีความรู้เป็นผู้วิเศษถือเหมือนฤาษี เมื่อคราวพระมังคลาจะฆ่าได้หลบหนีไปอยู่ในป่า ครั้นรู้ว่าพระอภัยตีด่านได้ ก็สงสารศิษย์กลัวจะถึงชีวิต จึงลักวลายุดาวายุพัฒน์กับหัสกันจากด่านเขาเจ้าประจัญแยกกันไป ครั้นเช้าตรู่ผู้คุมออกค้นหาไม่พบจึงนำความไปกราบทูลพระอภัย พระองค์จึงตรัสใช้ให้ทหารด่านลังกา
เกณฑ์ทัพบกหกพันกับอำมาตย์ ไปจับบาทหลวงขบถโอรสา
หัวเมืองเล็กเอกโทตรีจัตวา ให้จับวลาวายุพัฒน์หัสกัน ฯ
  ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาวัณฬาฉลาด อภิวาทเชิญเสด็จไปเขตขัณฑ์
มอบสมบัติให้พระหัสไชยนั้น กับลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทรสุดา
ฯลฯ
            พระอภัยจัดแจงแต่งสารการวิวาห์ให้สุดสาครไปเชิญองค์พระอนุชาเมืองการะเวก ช่วยอภิเษกสุดสาครรับสั่งแล้วจัดเรือห้าสิบลำออกเดินทางไป แล้วทั้งหมดก็ออกเดินทางไปเมืองลังกา โดยให้ทัพฝรั่งลังกานำหน้าไป สินสมุทกำกับทัพผลึก พระหัสไชยกำกับกองทัพหลัง
            ฝ่ายองค์พระอภัยเสร็จศึกได้กลับมาอยู่ในปราสาท ไม่เห็นสองพระมเหสี
แต่สองมเหสีมิได้เห็น หรือเคืองเข็ญเคียดขึ้งหวงหึงสา
ดูท่วงทีดีกันไม่ฉันทา หยั่งปัญญายากยิ่งจริงจริงเจียว
กระต่ายแก่แต่ละคนล้วนกลมาก ทั้งฝีปากเปรื่องปราดฉลาดเฉลียว
ต้องง้องอนอ่อนจิตบิดเป็นเกลียว จะต้องเกี้ยวกันเหมือนสาวทุกคราวไป
ฯลฯ
            พอยามค่ำร่ำระฆัง พระอภัยได้เสด็จไปยังตึกขวาห้องขององค์สุวรรณมาลี แล้วไต่ถามทุกข์สุข พระนางทูลว่า ที่ต้องตกยากจากวังมาครั้งนี้ เพราะองค์วัณฬาช่วยชีวิตไว้จึงไม่ตาย จึงคิดขอบคุณนางอยู่ ไม่รู้หายขอให้พระอภัยไปหานาง อย่าให้ห่างเหินกัน
แม้อยู่วังลังกาข้าพระบาท ขอนอกราชการก่อนโปรดผ่อนผัน
แม้เลิกทัพกลับเสด็จไปเขตคัน จึงหม่อมฉันจะสนองรองบาทา ฯ
  พระนิ่งฟังคำคิดอ้ำอึ้ง  นึกเหมือนหึงหนึ่งเหมือนรักกันหนักหนา
เป็นเชิงชั้นกัลเม็ดเข็ดปัญญา จึงตรัสว่าน่าหัวเราะจำเพาะเป็น
ลูกก็เสียเมียก็หมดต้องอดรัก เปรียบเหมือนสักวาไปมิได้เล่น
รู้กระนี้วิบากต้องยากเย็น จะเกิดเป็นเช่นกระเทยชวดเชยชม ฯ
  นางฟังตรัสขัดเคืองว่าเยื้องยัก เจ็บเหมือนจักเจ็ดซักกระผีกผม
จึงว่าพระจะระแวงว่าแต่งลม ก็จะก้มหน้ารับอัประมาณ
ฯลฯ
ตั้งแต่นี้มิม้วยหายป่วยเจ็บ จึงจะเย็บปากตรึงให้ตึงติด
ไม่พูดจาว่าจะตายวายชีวิต ต้องเจียมตัวกลัวผิดเจ็บจิตใจ
  พระว่าพี่นี้ก็รู้อยู่ว่ายาก จะต้องตีฝีปากไม่อยากไหว
เคยสำทับรับแพ้มาแต่ไร เหมือนเต่าใหญ่ไข่กลบให้ลบเลือน
เมื่อครั้งสาวคราวหนีเป็นชีเล่า ต้องแหงนเปล่าเศร้าใจใครจะเหมือน
มีลูกเต้าเฒ่าแก่ยังแชเชือน  เคยรู้ฤทธิ์บิดเบือนไม่เคลื่อนคลาย
ขี้เกีบจเกี้ยวเคี่ยวขับข้ารับแพ้ กระต่ายแก่แม่ปลาช่อนงอนไม่หาย
ลงจากอาสน์คลาดคล้อยเดินลอยชาย เข้าตึกซ้ายเห็นวัณฬาเลือกมาลี
ฯลฯ
  นางเคารพนบนอบตอบสนอง พระคุณของทรงศักดิ์นั้นหนักหนา
ฉันชาตินี้มีกรรมได้ทำมา ขอเป็นข้ากว่าชีวันจะบรรลัย
ฯลฯ
สิบแปดปีนี่แล้วเป็นแม่ม่าย จนเหลืออายอัปยศต้องอดสู
มีลูกเต้าเล่าก็พลัดเป็นศัตรู คิดก็รู้อยู่ว่ากรรมให้จำเป็น
ฯลฯ
  พระฟังนางช่างพลอดกอดพระหัตถ์ เห็นข้องขัดตัดรักเสียหนักหนา
จึงว่าพี่นี้ไม่ได้เวียนไปมา เพราะธุระพระบิดานิคาลัย
มาพบเจ้าคราวนี้ศรีสวัสดิ์ ก็เคืองขัดตัดจิตพิสมัย
แต่ดาบตัดกัทลียังมีใย ไม่อาลัยพี่แล้วหรือแก้วตา
ถึงใจน้องหมองหมางไปอย่างนี้ แต่ใจพี่ยังรักนั้นหนักหนา
เหมือนแมงภู่อยู่ที่พุ่มปทุมา จะรอรายั้งหยุดนั้นสุดใจ
ฯลฯ
พระอุ้มขึ้นแท่นทองประคองถนอม นางไม่ยอมขึ้นสุวรรณบรรจถรณ์
กลับถอยหลังนั่งนิ่งแล้ววิงวอน จงหยุดหย่อนอย่าให้เมียถึงเสียตัว
ฯลฯ
          ฝ่ายพระศรีสุวรรณไม่เห็นนางรำภามาเฝ้า จึงไปหาได้พูดจาถึงเรื่องราวที่ผ่านมา จนลูกอายุได้สิบเก้าปี โดยไม่ได้พบกัน ถ้าไม่เกิดรบสมทบทัพครั้งนี้ ก็คงไม่ได้กลับมาพบ
จริงนะพระจะคิดสนิทถนอม น้องไม่ยอมแล้วเช่นอย่างแต่ปางหลัง
ไปนับปีมิใช่ของสำรองรัง จะมานั่งคลอเคลียเป็นเมียเดิน
ฯลฯ
  ชะรำภาสารพัดจะขัดขวาง ว่าทิ้งขว้างห่างเหเสน่หา
เมื่อจะกลับทัพไปไกลลังกา เกษราหล่อนก็รักเฝ้าชักชวน
ฯลฯ
ถึงลูกเต้าเจ้าสิเลี้ยงดูเยี่ยงเจ้า จึงผ่าเหล่าว่านเครือเหมือนเสือสิงห์
ลูกแม่อื่นสิเรามีดีจริงจริง ทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่ร้ายรอง
เจ้าเป็นเมียเสียตัวผัวมาหา ราวกับว่ามาแขกแปลกเจ้าของ
ไม่ยอมดีพี่ไม่ละดอกนะน้อง ไปร้องฟ้องเถิดว่าไม่ได้เป็นเมีย
ฯลฯ
  นางรำภาสามีคลุกคลีเคล้า  เหมือนถ่านเก่าเพลิงพลุ่งสิ้นสุ้งเสียว
เข้าอิงแอบแนบข้างอยู่กลางเตียง  เหมือนนกเอี้ยงเลี้ยงควายตะกายเลน
ฯลฯ
รำภาสะหรี่ศรีสุวรรณนั้นได้ชื่น ต่างเริงรื่นร่วมรักสมัครสมาน
แต่องค์พระอภัยไม่ได้การ คิดรำคาญค้างเติ่งเสียเชิงนาง ฯ
            ฝ่ายสินสมุทคิดถึงนางยุพาผกา จึงไปหาแล้วเข้าโลมนาง นางยุพา จึงว่า
แล้วว่าพระจะมาปล้ำทำเช่นนี้ ผัวหม่อมฉันมีอยู่ไม่รู้หรือ
ใช่ตัวเปล่าชาวเมืองก็เลื่องลือ ขืนต้องถือทำละเมิดจะเกิดความ ฯ
  พระเชื่อคำอ้ำอึ้งแล้วจึงว่า เมียของข้าใครหนอจะขอถาม
ทำไมเล่าเจ้าจึงหย่อนโอนอ่อนตาม  มีผัวสองต้องห้ามตามกระทรวง
เคยได้เสียเมียของข้าเจ้าอย่าดื้อ พลางฉุดมือมาบนตักทำหักหาญ
นางผลักผละพระขยำทำประจาน ประเดี๋ยวใจได้การสำราญเริง
ฯลฯ
ที่มีคู่อยู่ที่ไหนก็ไม่ทุกข์ เกิดสนุกสุขโขสโมสร
สามบุรีมีนักเลงโขนละคร เล่นรำฟ้อนวันคืนเสียงครื้นครึก ฯ

ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย

            กล่าวถึงสุดสาครคุมเรือราชสารของเมืองลังกาและเมืองผลึกไปถึงเมืองการะเวก เข้าเฝ้าพระบิตุเรศเจ้าเมือง ทูลเล่าความจริงทุกสิ่งอัน แล้วถวายบรรณาการกับสารตรา

  พระทราบข่าวราวเรื่องว่าลูกรัก สำราญรักพร้อมกันก็หรรษา
จึงตรัสสั่งพระศรีภูริปรีชา คลี่สาราเรื่องสารออกอ่านความ
ฯลฯ
            ในสารมีความว่า เจ้าเมืองผลึกไปปราบศึก พระหัสไชยได้ไปช่วยและได้ทูลขอน้องสองธิดา ฝ่ายองค์ละเวงขอให้จัดงานวิวาห์ที่เมืองลังกา
มอบประเทศเขตแคว้นแสนสมบัติ ให้พระหัสไชยครองกับสองศรี
มารวมล้อมพร้อมอยู่สามบุรี ด้วยเปรมปรีดิ์ปรารถนาวิวาห์การ
หนึ่งนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลมิ่ง ก็เป็นหญิงยากแค้นแสนสงสาร
ซึ่งบิดพลิ้วกริ้วโกรธจงโปรดปราน ขอประทานโทษธิดาได้ปรานี
ฯลฯ
            แล้วขอเชิญเจ้าพาราการะเวกไปช่วยอภิเษก บรรดาเหล่ากอทั้งหน่อนาถและราชบุตรีของสามเมืองร่วมใจกันเหมือนเป็นบิตุรงค์ พอจบสารแล้วเจ้าเมืองการะเวกก็ตรัสว่าจะไปช่วยเชิดชูพระเดชของพระเชษฐา จึงให้จัดเรือสิบห้าลำพาข้างหน้าข้างในไปด้วย แล้วไปบอกพระมเหสีให้ทราบเรื่อง
  นางนบนอบตอบว่าลูกฝาแฝด จะติดแปดเป็นบุตรีสุนีสา
แล้วสั่งเหล่าสาวสวรรค์ฝูงกัลยา ให้ตรวจตราเครื่องอ่านเตรียมการไว้ ฯ
            ออกเดินทางมาเดือนหนึ่งถึงฝั่งเกาะลังกา พระสุดสาครเชิญขึ้นเดินทางจากเมืองใหม่ตรงเข้าดงดอนเป็นเวลาเจ็ดวันถึงวังลังกา
  ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ กับสองอัครชายามารศรี
พระน้องหน่อวรนาถราชบุตรี ไปคอยรับประทับที่ทวารา
ฯลฯ
  ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาเกณฑ์ฝรั่ง แต่งโต๊ะตั้งเลี้ยงกษัตริย์ล้วนจัดสรร
กับข้าวแขกแทรกเนื้อแพะผัดน้ำมัน มัสมั่นข้าวบุหรี่ลู่ตี่โต
กับข้าวไทยใส่ต้มส้มแกงต้มขิง นกคั่วปิ้งยำมะม่วงด้วงโสน
แกงปลาไหลไก่พะแนงแกงเทโพ ผัดปลาแห้งแตงโมฉู่ฉี่มี
รมจักรนัคเรศวิเสทเจ๊ก ต้มตับเหล็กเกาเหลาเหล้าอาหนี
เป็ดไก่ทอดม้าอ้วนล้วนตัวดี แกงร้อนหมี่หมูต้มเค็มใส่เต็มจาน
ฯลฯ
อันเรื่องราวกล่าวสี่บุรีพร้อม มารวมรอมอยู่ลังกามหาสวรรค์
ฝ่ายทรงยศทศวงศ์จอมพงศ์พันธุ์ ปรึกษากันเสกสมสยมพร ฯ
  ฝ่ายองค์อัครชายาเมืองการะเวก ขออภิเษกเสาวคนธ์วิมลสมร
ด้วยเป็นที่พี่ยาให้ถาวร ครองนครเขตฝรั่งอยู่ลังกา
ให้หัสไชยไปลบำรุงการะเวก สองบุตรีอภิเษกเป็นซ้ายขวา
ต่างยินยอมพร้อมกันจำนรรจา ให้โหรหาฤกษ์ยามตามโบราณ
ฯลฯ
ครั้นจัดแจงแต่งทำแล้วสำเร็จ กำหนดเสร็จเจ็ดค่ำจะทำขวัญ
ฝ่ายกษัตริย์ขัตติย์วงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์  มาพร้อมกันอยู่ที่มณฑลพิธี ฯ
  ส่วนโอรสบิตุรงค์ช่วยทรงจัด ให้ทรงเครื่องเรืองจำรัสรัศมี
ฝ่ายสามองค์นงนุชพระบุตรี พระชนนีทรงเครื่องให้เรืองรอง
ฯลฯ
สุดสาครเสาวคนธ์วิมลสร้อย ให้เกี่ยวก้อยประหวัดพระหัตถา
พระหัสไชยให้พระน้องสองสุดา เกี่ยวก้อยขวาก้อยซ้ายฝ่ายละคร
ฝ่ายโยคีชีพราหมณ์รามราช สำรวมศาสตร์อิศโรสโมสร
สวดพิธีอภิรมย์สยมพร ให้ถาวรสืบกษัตริย์สวัสดี
ฯลฯ
ปุโรหิตติดแว่นวิเชียรเทียน จุดเพลิงเวียนวงซ้ายไปฝ่ายขวา
โหมพิณพาทย์ฆาตฆ้องก้องลังกา แตรฝรั่งบั้งกล่ากลองมลายู ฯ
  เป็นสำเร็จเสร็จภิเษกเอกกษัตริย์ ประดิพัทธ์ภิญโญสโมสร
เสาวคนธ์มณฑาสุดสาคร พ้นโทษกรณ์อยู่บำรุงกรุงลังกา
พระหัสไชยได้สองพระน้องนาฎ เป็นคู่ชมสมมาดปรารถนา
พาน้องน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ไปพาราการะเวกเป็นเอกองค์ ฯ

ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช


  ศรีสุวรรณนั้นคะนึงถึงนิเวศน์ ทูลลาเชษฐาตามความประสงค์
แล้วเชิญองค์ทรงยศท้าวทศวงศ์ ไปดำรงรมจักรนัครา
แต่องค์พระอภัยมิได้เสด็จ ด้วยไม่เสร็จศึกขบถโอรสา
ซ้ำสองนางต่างขัดพระอัชฌา แต่ตรึกตราอารมณ์ให้ตรมตรอม
ฯลฯ
  ฝ่ายสองนางว่าสงสารพระผ่านเกล้า ต่างเข้าเฝ้าทูลถามตามประสงค์
ทูลกระหม่อมผอมซูบทั้งรูปทรง ขอพระองค์จงประทานอาการประชวร ฯ
  พระฟังคำชำเลืองค้องเคืองขัด มิได้ตรัสตอบความทรามสงวน
ครั้นถามซ้ำทำว่าชะเจ้ากระบวน อย่ามากวนเซ้าซี้ที่นี่เลย
ฯลฯ
พระห็นนางข้างสุวรรณบรรจถรณ์ ชำเลืองค้อนโฉมฉายทั้งซ้ายขวา
ค่อยเคลื่อนคลายหายสั่นจึงบัญชา แม่นางมาลีนะนางละเวง
แกล้งเป็นหมอคอเดียวกันเจียวเจ้า ใครเชิญเล่าเข้ามารุมกันคุมเหง
สารพัดขัดคำไม่ยำเกรง วาสนาข้าเองมันอาภัพ
ฯลฯ
  ฝ่ายวัณฬามาลีศรีสวัสดิ์ เห็นกริ้วตรัสกราบยุคลบนบรรจถรณ์
อย่าปลดเปลื้องเคืองขัดถึงตัดรอน มีโทษกรณ์เป็นไฉนตรัสให้ฟัง
ธรรมดาข้ากับเจ้าเหมือนเขาว่า เมื่อเต็มขาแล้วจะได้รับใส่หลัง
ฉันโฉดเชลาเบาจิตแม้ผิดพลั้ง โปรดสักครั้งหนึ่งก่อนพอสอนใจ
ฯลฯ
  พระอภัยใจหวิวให้หิวโหย ทั้งแรงโรยร้อนโรคเศร้าโศกศัลย
จึงว่าน้อยหรือคำช่างรำพัน พูดกระนั้นกระนี้พิรี้พิไร
ลืมแล้วหรือถือตัวให้ผัวง้อ ช่างถูกคอคืนคำทำไถล
สารพัดขัดขวางจืดจางใจ เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าก็ไม่ได้เป็นเมีย
จริงนะจะตรวจน้ำคว่ำกระโหลก แม้หายโรคเจ็บปวดจะบวชเสีย
อย่าย้อนยอกหลอกล้อเฝ้าคลอเคลีย มิใช่เบี้ยพอปากจะมากความ ฯ
  นางฟังคำร่ำตรัสที่ขัดขวาง ทั้งสองนางต่างสะเทิ้นคิดเขินขาม
จึงว่าพระจะผนวชจะบวชตาม อย่าห้ามปรามโปรดข้าฝ่าละออง
ฯลฯ
ให้สาวใช้ไปเชิญสินสมุท พระราชบุตรทรงศักดิ์มารักษา
นางสาวใช้ไปแถลงแจ้งกิจจา พระรับมาหมอบเฝ้าสองเยาวมาลย์
ฯลฯ
  ฝ่ายองค์พระอภัยตื่นไสยาสน์ เห็นหน่อนาถราชบุตรสุดสงสาร
ตรัสบอกโรคโศกศัลย์สั่นสะท้าน  เบื่ออาหารหิวโหยให้โรยรา ฯ
            พระสินสมุทคอยปรนนิบัติพระบิดา จนอาการโรคโศกเศร้าค่อยเบาบาง คิดเคืององค์วัณฬา สุมาลี จะออกไปถือเป็นฤาษีพอสามเดือนผ่านไป ทั้งสองนางพากันมาเฝ้า พระองค์จึงตรัสกับทั้งสองนางว่า ทั้งสองนางต่างก็มีเมืองครอบครองแล้ว ทั้งเงินทองประยูรยศ ก็มีอยู่พร้อมจะปรารถนาสิ่งใดก็ได้หมด ตัวพระองค์นั้น จะไปอยู่ป่าเขาเพื่อบรรพชารักษาพรหมจรรย์
ด้วยชาตินี้วิบัติให้พลัดพราก เหลือวิบากยากแค้นนั้นแสนสา
จะสืบสร้างทางกุศลผลผลา เมื่อชาติหน้าอย่าให้เป็นเหมือนเช่นนี้ ฯ
  ทั้งสองนางต่างแถลงว่าแกล้งตรัส ไม่ทานทัดทูลสนองทั้งสองศรี
ขอตามติดคิดคุณพระมุนี  เป็นหลวงชีปรนนิบัติด้วยศรัทธา
ฯลฯ
  พระฟังนางพลางว่าแม่ปลาช่อน  งอนจริงจริงยิ่งกว่าช้อนกว่างอนไถ
หาหนังเสือเหลือยากลำบากใจ แล้วก็ไม่สู้ดีเหมือนชีเปลือย
พูดด้วยยากปากกล้าสมาบาป เป็นกิ่งกาบหลาบเข็ดเหลือเหน็ดเหนื่อย
ดูเลี้ยวลดคดคู้เหมือนงูเลื้อย พูดไม่เมื่อยลูกคางต้องกางกัน
ไม่รักของ้อผู้หญิงจริงจริงนะ สิ้นธุระก็จะสร้างทางสวรรค์
แล้วให้หาข้าเฝ้าเหล่าพงศ์พันธุ์ มาพร้อมกันสินสมุทสุดสาคร ฯ
            แล้วองค์พระอภัยก็ออกผนวชเป็นดาบส สมาทานศีลห้า และประทานเทศนาตามบาลี
จงหวังพระปรมาศิวาโมกข์ เป็นสิ้นโศกสิ้นสุดมนุษย์สวรรค์
เสวยสุขทุกเวลาทิวาวัน เหลือจะนับกัปกัลป์พุทธันดร
แต่บรรดามาฟังอยู่ทั้งสิ้น จงถือศีลภิญโญสโมสร
สินสมุทเจ้าจงพาพลากร ไปถิ่นฐานนันดรแต่ก่อนมา ฯ
  ฝ่ายนงลักษณ์อัคเรศครั้นเทศน์จบ เจียนสลบด้วยเห็นขาดวาสนา
พระทรงศีลสิ้นเสร็จไม่เมตตา ต่างโศกากอดบาทไม่คลาดคลาย
ต่างทูลว่าข้าขอบรรพชิต พอเป็นศิษปสาพิภักดิ์สมัครหมาย
แม้เลยละจะขอเชือดคอตาย สู้ถวายชีวาไม่อาลัย
ฯลฯ
            พระฤาษีได้ฟังก็มีจิตสงสาร จึงตรัสถามทั้งองค์วัณฬา สุมาลีว่า พระองค์ได้ตัดญาติขาดมิตรแล้ว ถ้าทั้งสองนางคิดจะสร้างพรตบวชเป็นดาบสนี ก็ขอให้อย่ายินดี พัวพันกับความเป็นผัวของพระองค์
ไปเที่ยวอยู่ภูเขาลำเนาถ้ำ ถือศีลธรรมบำเพ็ญเบญจขันธ์
สมมติเหมือนเพื่อนจงกรมพรหมจรรย์ ให้แม่นมั่นสัญญาจะพาไป ฯ
  ทั้งสองนางน้อมคำนับรับคำสั่ง เป็นสัจจังยังไม่เสื่อมที่เลื่อมใส
พระประโยชน์โพธิญาณประการใด จะตามใต้บาทาสารพัน
ฯลฯ
  พระฟังคำร่ำว่าสาพิภักดิ์ เห็นพร้อมพรักรักพระองค์ก็สงสาร
สิ้นแสนงอนอ่อนพยศจึงพจมาน โปรดประทานโทษให้เหมือนใจจง ฯ
            แล้วทั้งสองนางก็ลามาตึกประทับ ทรงเครื่องพรตของดาบสนีแล้ว ไปรับศีลห้าจากพระอภัย
  ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร สินสมุทสุดสาครโอรสา
ดูปิตุรงค์สงสารทั้งมารดา จะกลับไกลไปป่าเหลืออาลัย
ฯลฯ
  สินสมุทสุดเศร้าว่าเปล่าจิต  เคยตามติดปิตุเรศทุกเขตขัณฑ์
กำพร้าแม่เห็นแต่องค์พระทรงธรรม์ ทุกคืนวันเวลาไม่อาวรณ์
ฯลฯ
สุดสาครอ่อนแรงกันแสงสะอื้น สู้กล้ำกลืนกราบประณตบทศรี
ทูลกระหม่อมจอมจังหวัดปถพี เคยเป็นที่พึ่งลูกคิดผูกพัน
ฯลฯ
ทั้งนงเยาว์เสาวคนธ์ให้อ้นอั้น พลอยโศกศัลย์เศร้าหมองไม่ผ่องใส
สะอื้นร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย พระจะไปป่าหนามทั้งสามองค์
ฯลฯ
แล้วกราบลงตรงบาทพระปิตุเรศ ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
ฝ่ายฝูงนางข้างฝรั่งเมืองลังกา นางรำภายุพาสุลาลี
เคยพึ่งพาอาศัยใจจะขาด เข้ากอดบาทนางวัณฬามารศรี
เจ้าประคุณบุญญาบารมี เคยเป็นที่พึ่งฝรั้งทั้งลังกา
ฯลฯ
ข้าทั้งสามจะขอตามเสด็จด้วย จนมอดม้วยเหมือนหมายไม่หน่ายหนี
ขอบวชบ้างอย่างเช่นพระเป็นชี อยู่ข้างที่รับใช้เหมือนได้เคย
ฯลฯ
นางละเวงเกรงผัวกลัวจะกริ้ว จึงนบนิ้วทูลแจ้งแถลงไข
นางฝรั่งทั้งสามจะตามไป จงโปรดให้บวชบ้างเป็นนางชี
จึงตรัสว่านารีที่มีผัว จะบวชตัวก็ต้องเหมือนทาสี
แม้ผัวยอมพร้อมใจเป็นไรมี บวชเป็นชีก็จะได้ดังใจจง ฯ
  ยุพาฟังบังคลสมถวิล ทูลลาสินสมุทตามความประสงค์
จะบวชตามสามกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ ขอพระองค์อนุกูลอย่าสูญใจ
หน่อกษัตริย์ตรัสว่าจะลาบวช ข้ามิชวดแล้วหรือถือไฉน
อยู่ดีดีนี่จะมาขอลาไป ข้ามิให้บวชดอกบอกจริงจริง
ฯลฯ
  ฝ่ายลีวันนั้นทูลลาสุดสาคร ชลีกรวอนว่าอัชฌาสัย
อย่าข้องขัดทัดทานประการใด จงโปรดให้บวชตามสามพระองค์
ฯลฯ
สุดสาครวอนว่าลาลีเอ๋ย อย่าเพ่อเลยหลีกผัวเอาตัวหนี
ถ้าลูกมีทีหลังเป็นอย่างนี้  จึงเป็นชีเถิดไม่ห้ามตามใจนาง ฯ
  ฝ่ายรำภาสะหรีชลีสนอง ซึ่งพี่น้องสองกษัตริย์ยังขัดขวาง
ข้าน้อยนี้มีแต่ตัวลูกผัวร้าง ขอบวชบ้างทางกุศลผลผลา
พระอภัยได้ฟังว่ายังขัด ด้วยผัวเจ้าเขาไม่ตัดเสน่หา
ยังหวงแหนแม้นจะรับบรรพชา ไม่เป็นดาบสซ้ำเป็นกรรมไป ฯ
            พระอภัยตรัสว่า พรุ่งนี้จะออกไปอยู่ป่าตามบาลี สินสมุทกับสุดสาครขออาสาไปสร้างศาลา พระอาศรมให้เป็นที่พัก
  พระฟังว่ากล้าหาญการกุศล รับนิมนต์จึงว่าตามความประสงค์
เหมือนอินทรามานิมิตด้วยฤทธิรงค์ ที่เขาวงกตถวายก็คล้ายกัน
ฯลฯ
จึงปลูกบรรศาลาก่ออาศรม ที่รื่นร่มรุกโขรโหฐาน
โรงฉันที่สรงน้ำริมลำธาร เป็นชั้นชานชะวากเหมือนฉากบัง
ฯลฯ
  พอเดือนยี่สี่ค่ำนำพระบาท ทรงรถราชญาติวงศ์ตามส่งหมด
เป็นสิ้นความสามพระองค์อยู่ทรงพรต ที่บรรพตสิงคตรดุจนิมนต์
ยอดคีรีมีต้นโรทันใหญ่ น้ำปลายใบหยดย้อยเหมือนฝอยฝน
ครั้นแสงแดดแผดส่องต้องมณฑล เป็นหมอกมนมีอยู่แต่บุราณ
ด้วยคีรีนี้เป็นหลักลังกาทวีป ยอดเหมือนกลีบจงกรมมณฑลสถาน
ครั้นถึงสิบห้าวันก็บันดาล เป็นฝนซ่านโซมสาดไม่ขาดคราว
โซ่เหล็กล่ามสามสายฝ่ายเหนือใต้ ต่างกระไดปีนป่ายเหนี่ยวสายสาว
จึงนับถือลือเลื่องเป็นเรื่องราว มีรูปเจ้าสิงคุตร์สุดคิริน
เมื่อแรกตั้งลังกาลงมาเกิด กล่าวกำเนิดน่าฟังหวังถวิล
ว่ารูปทรงองค์สิงคตรบุตรพระอินทร์ ดำเหมือนนิลกินถั่วงากินสาคู
ครั้นสิ้นเหล่าชาวลังกาจึงฝรั่ง ยกมาตั้งทั้งเจ๊กจีนจึงกินหมู
แต่ก่อนเขาเล่ามาถึงเราจึงรู้ เท็จจริงอยู่กับผู้เฒ่าที่เล่ามา
  พระอภัยไปตั้งหลังบรรพต รักษาพรตพรหมจรรย์ด้วยหรรษา
รำภาสะหรีลีวันยุพาผกา คุมโยธาฝรั่งอยู่ทั้งพัน
เก็บส้มสูกลูกไม้เผือกมันมั่ง ถวายทั้งสามองค์ให้ทรงฉัน
เป็นป่ากว้างทางเดินเนินอรัญ ไปสามวันจึงถึงวังเมืองลังกา
สินสมุทไปบำรุงกรุงผลึก ไปปราบศึกสืบวงศ์เผ่าพงศา
สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา ครองลังกาผาสุกสนุกสบาย
พวกทมิฬกินปักษาชื่อวาโหม ไปพาราวาโหมส่งโสมถวาย
ทหารใหญ่อ้ายย่องตอดนั้นวอดวาย  นางสุนีหนีกายสูญหายไป ฯ

.........................................................

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |