| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
ฝ่ายบาทหลวงรู้เรื่องการสู้รบเห็นว่า ฝ่ายตนเสียท่วงทีตนจะอยู่เมืองลังกาต่อไปก็น่าจะมีภัย จึงคิดจุดไฟเผาเมืองให้ หัสไชยพาทัพกลับมาจากการรุกไล่ กองทัพของวลายุดา วายุพัฒน์ แล้วเที่ยวบอกเล่าเหล่าฝรั่งว่าใครถือพระ ให้มาช่วยสู้รบ พวกฝรั่งตามบาทหลวงมาเป็นจำนวนมาก บาทหลวงจึงสั่งว่า
แม้เกิดไฟไหม้วังคนทั้งหลาย | จะตื่นแตกแยกย้ายพลัดพรายหนี |
จับกษัตริย์หัสไชยพวกไพรี | ผลาญชีวีเสียให้ได้อย่าไว้มือ |
หน่อนราพาองค์พงศ์กษัตริย์ | รีบรบตัดไปทางกลางสนาม |
บาทหลวงเห็นเป็นเชิงละเลิงลาม | ต้อนคนตามล้อมจับเธอรับรอง ฯ |
ฝ่ายฝรั่งสังฆราชประกาศสั่ง | ชาวเมืองทั้งปวงด้วยช่วยทหาร |
แล้วแยกคนค้นหาฝ่ายอาจารย์ | กำกับหลานไล่ค้นเที่ยววนเวียน ฯ |
พวกฝรั่งสังฆราชตายกลาดกลิ้ง | ยิ่งฆ่ายิ่งเยียดยัดสกัดกั้น |
ครั้นหักออกนอกได้มันไล่ทัน | ต้องรบกับชาววังเป็นกังวล ฯ |
ต่างหลบเลี่ยงเพลี่ยงพลาดขยาดแม่ | ไม่เหลียวแลหลบไปในไพรสัณฑ์ |
ต่างรวมได้ไพร่นายเหลือตายนั้น | จวนสายัณห์เย็นพยับเลิกทัพไป ฯ |
ค นางโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสลด | เมืองไหม้หมดมัวหมองไม่ผ่องใส |
เสียเผ่าพงศ์วงศาเสนาใน | เสียพระทัยให้สะอื้นกลืนน้ำตา |
ค สุมาลีพี่นางไม่ห่างน้อง | เคืองประคองร้องไห้ฤทัยหาย |
ปลอมวัณฬาว่าแม่คุณอย่าวุ่นวาย | ตีตัวตายก่อนไข้ก็ไม่ควร |
ค สุมาลีพี่นางไม่ห่างน้อง | เคืองประคองร้องไห้ฤทัยหาย |
ปลอมวัณฬาว่าแม่คุณอย่าวุ่นวาย | ตีตัวตายก่อนไข้ก็ไม่ควร |
ค นางฟังปลอบนอบน้อมสู้ออมอด | เชิญท้าวทศวงศ์เหล่าพงศา |
เข้าสู่วังตั้งประทับอยู่พลับพลา | เกณฑ์โยธาซ่อมแปลงกำแพงวัง ฯ |
จะต้องสู้ดูสักครั้งเหมือนสั่งศึก | ถ้าสมนึกก็จะเตียนที่เสี้ยนหนาม |
จงหาคนปลอมพงศ์รูปวงศ์วาน | มาสอนความมารยาให้พาที |
แล้วซ่อนไว้ให้คนปรนนิบัติ | ตรวจเตรียมจัดแจงรับที่ขับขัน |
เที่ยวซุ่มพลกลซบทำครบครัน | เป็นหลายชั้นกันศึกตรองตรึกการ ฯ |
ค ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช | ยังซ่อนแปลงแต่งปราสาทราชฐาน |
จึงเกณฑ์พลคนหมื่นพื้นชำนาญ | จะไปด่านได้สมทบรบโอรส |
ค ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเร่งทหาร | เข้าดงดานเดินทางหว่างสิงขร |
พอถึงเขาเจ้าประจัญตะวันรอน | ให้หยุดหย่อนโยธาหน้ากำแพง |
คอยดูที่ดีกว่าอย่าช้านัก | สงสารองค์ทรงศักดิ์จะตักษัย |
แม้วันนี้ชีวันไม่บรรลัย | คิดแก้ไขให้พระองค์คงชีวา ฯ |
ไม่งดอยู่กูจะกลับสัประยุทธ | กว่าจะสุดสิ้นชาติเหมือนมาดหมาย |
แล้วถอยทัพขับพหลพลนิกาย | ไปอยู่ชายทุ่งกว้างหว่างกำแพง ฯ |
ค ฝ่ายบาทหลวงลวงลองพวกกองทัพ | เห็นถอยกลับกลัวสิ้นไม่กินแหนง |
จึงสั่งให้ไพร่พลพาคนแปลง | ไปจัดแจงหน้าเขาเจ้าประจัญ |
พระมังคลาว่าจะส่งองค์กษัตริย์ | ไปเวียงวังจังหวัดหาช้าไม่ |
แม้ทัพยังตั้งประชิดติดเวียงชัย | เขาจะให้ฆ่าฟันเสียวันนี้ |
พรุ่งนี้เช้าเราจะกลับทัพทหาร | ไม่คิดการราญณรงค์อย่าสงสัย |
ฝรั่งว่าถ้าจริงไม่ชิงชัย | ถอยทัพไปเสียทีเดียวประเดี๋ยวนี้ ฯ |
ค พระฟังคำสำคัญผิดอัดอั้น | ถึงอับจนเราจะเป่าปี่ |
จึงสั่งพระอนุชาอย่าช้าที | เร่งเอาขี้ผึ้งปั้นปิดกรรณไว้ |
สินสมุทสุดสาครอย่านอนหลับ | ช่วยกันจับอ้ายสี่คนให้จนได้ |
ฝ่ายสามองค์ลงจากหอรบไป | บอกนายไพร่ปิดหูให้รู้การ ฯ |
ค สมเด็จพระอภัยวิไลลักษณ์ | เสียดายศักดิ์กษัตรานราสวรรค์ |
จึงเอื้อนอรรถตรัสโปรดยกโทษทัณฑ์ | อ้ายเหล่านี้ชีวันถึงบรรลัย |
สุดแล้วแต่แม่เขาเหล่าฝรั่ง | จะกักขังฆ่าตีตามวิสัย |
เอาตรึงตราทารกรรมจองจำไว้ | กว่าจะได้ไปปะนางละเวง |
แล้วถอดหมวกพวกฝรั่งต่างคำนับ | เป็นลำดับน้อมประณตบทศรี |
ขอเป็นข้ากว่าจะตายวายชีวี | พระเปรมปรีดิ์ปราศรัยทั้งไพร่นาย |
ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
ค ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาโยธาทัพ | ต่างเคลิ้มหลับลืมอารมณ์เพราะลมปี่ |
เมื่อปลุกตื่นฟื้นสิ้นต่างยินดี | รู้ว่าพระอภัยมณีเธอมีชัย |
แม่วัณฬามารับไปกับหล่อน | ค่อยวายร้อนหย่อนเย็นได้เป็นสุข |
พ่อมาปราบรายที่เกลียด | จะสิ้นทุกข์สุขเกษมได้เปรมปรีดิ์ |
การณรงค์คงจะดับให้สรรพเสร็จ | เชิญเสด็จไปบำรุงชาวกรุงศรี |
ประทานโทษโปรดข้าฝ่าธุลี | อย่าราคีข้องขัดหัทยา ฯ |
แม่วัณฬามาลีหล่อนดีนัก | รู้จักรักกันเหลือเหมือนเชื้อไข |
จบจังหวัดปัถพีไม่มีใคร | จะเหมือนใจแม่วัณฬาสุมาลี ฯ |
ค พระอภัยพรายพริ้มเยื้อนยิ้มย่อง | พลางผินพักตร์ทักส่องมเหสี |
เหมือนเกิดใหม่ได้มาเห็นกันเช่นนี้ | เหตุเพราะมีลูกเต้าผ่าเผ่าปราณ ฯ |
พ่อรักเจ้าเท่าบุตรสุจริต | อย่าเคืองคิดอาจขนางแหนง |
รักสิ่งไรไม่ขัดจะจัดแจง | ช่วยตกแต่งอุปถัมภ์ให้จำเริญ ฯ |
แต่โปรดให้ได้ช่องสนองถ้อย | ทูลค่อยค่อยจงโปรดโทษหม่อมฉาน |
จะรองบาทมาดหมายจนวายปราณ | ขอประทานสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ฯ |
ค พระฟังคำสำรวลด้วยควรคู่ | แล้วก็รู้ว่ารักนั้นหนักหนา |
จึงว่าน้องของเจ้าแต่เยาว์มา | ชอบอัชฌาก็จะมอบให้ครอบครอง |
ท้าวทศวงศ์ทรงพระศรวลว่าควรคู่ | รู้ขอสู่รู้รักสมศักดิ์แสง |
เห็นพร้อมวงศ์พงศ์กษัตริย์ช่วยจัดแจง | คิดตกแต่งจัดงานการวิวาห์ ฯ |
ค ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช | อภิวาทว่าฉันรักหล่อนหนักหนา |
ขอจัดแจงแต่งตั้งไว้ลังกา | กับธิดาทั้งสองครอบครองวัง |
พระอภัยไม่ขัดจึงตรัสตอบ | ที่จะมอบให้เป็นลูกจงปลูกฝัง |
ช่วยตรองตรึกศึกเสือเหลือกำลัง | ฝ่ายฝรั่งเป็นเจ้าเยาวมาลย์ |
อ้ายวลายุดาวายุพัฒน์ | กับทั้งหัสกันนั้นมันก็หลาน |
รับธุระจะส่งให้นงคราญ | ช่วยว่าขานปราบปรามตามแต่ใจ ฯ |
มันทำผิดคิดมิชอบจะมอบให้ | จะเลี้ยงไว้หรือจะฆ่าให้อาสัญ |
ตามแต่ใจไม่ว่าปรึกษากัน | ด้วยอุ้มท้องครองครรภ์เลี้ยงกันมา ฯ |
ค ทั้งสามนางต่างคำนับอภิวาท | ความเจ็บแค้นแสนชาติไม่ปรารถนา |
อันลูกเต้าเจ้าฝรั่งเกาะลังกา | เขาไม่ฆ่าแม่เลยไม่เคยมี |
ค ฝ่ายพ่อครัวหัวป่าก็พวกฝรั่ง | ต่างแต่งตั้งโต๊ะเหล้าหวานคาวขนม |
มาเรียบเรียงเคียงตั้งแล้วบังคม | ถวายบรมกษัตริย์ขัตติยา |
กับข้าวไข่ไก่พะแนงแกงเป็ดต้ม | จอกน้ำส้มสายชูจิ้มหมูหัน |
ช้อนมีดพับสำหรับทรงองค์ละคัน | เหล้าบรั่นน้ำองุ่นเฉียวฉุนดี |
เกณฑ์ทัพบกหกพันกับอำมาตย์ | ไปจับบาทหลวงขบถโอรสา |
หัวเมืองเล็กเอกโทตรีจัตวา | ให้จับวลาวายุพัฒน์หัสกัน ฯ |
ค ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาวัณฬาฉลาด | อภิวาทเชิญเสด็จไปเขตขัณฑ์ |
มอบสมบัติให้พระหัสไชยนั้น | กับลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทรสุดา |
แต่สองมเหสีมิได้เห็น | หรือเคืองเข็ญเคียดขึ้งหวงหึงสา |
ดูท่วงทีดีกันไม่ฉันทา | หยั่งปัญญายากยิ่งจริงจริงเจียว |
กระต่ายแก่แต่ละคนล้วนกลมาก | ทั้งฝีปากเปรื่องปราดฉลาดเฉลียว |
ต้องง้องอนอ่อนจิตบิดเป็นเกลียว | จะต้องเกี้ยวกันเหมือนสาวทุกคราวไป |
แม้อยู่วังลังกาข้าพระบาท | ขอนอกราชการก่อนโปรดผ่อนผัน |
แม้เลิกทัพกลับเสด็จไปเขตคัน | จึงหม่อมฉันจะสนองรองบาทา ฯ |
ค พระนิ่งฟังคำคิดอ้ำอึ้ง | นึกเหมือนหึงหนึ่งเหมือนรักกันหนักหนา |
เป็นเชิงชั้นกัลเม็ดเข็ดปัญญา | จึงตรัสว่าน่าหัวเราะจำเพาะเป็น |
ลูกก็เสียเมียก็หมดต้องอดรัก | เปรียบเหมือนสักวาไปมิได้เล่น |
รู้กระนี้วิบากต้องยากเย็น | จะเกิดเป็นเช่นกระเทยชวดเชยชม ฯ |
ค นางฟังตรัสขัดเคืองว่าเยื้องยัก | เจ็บเหมือนจักเจ็ดซักกระผีกผม |
จึงว่าพระจะระแวงว่าแต่งลม | ก็จะก้มหน้ารับอัประมาณ |
ตั้งแต่นี้มิม้วยหายป่วยเจ็บ | จึงจะเย็บปากตรึงให้ตึงติด |
ไม่พูดจาว่าจะตายวายชีวิต | ต้องเจียมตัวกลัวผิดเจ็บจิตใจ |
ค พระว่าพี่นี้ก็รู้อยู่ว่ายาก | จะต้องตีฝีปากไม่อยากไหว |
เคยสำทับรับแพ้มาแต่ไร | เหมือนเต่าใหญ่ไข่กลบให้ลบเลือน |
เมื่อครั้งสาวคราวหนีเป็นชีเล่า | ต้องแหงนเปล่าเศร้าใจใครจะเหมือน |
มีลูกเต้าเฒ่าแก่ยังแชเชือน | เคยรู้ฤทธิ์บิดเบือนไม่เคลื่อนคลาย |
ขี้เกีบจเกี้ยวเคี่ยวขับข้ารับแพ้ | กระต่ายแก่แม่ปลาช่อนงอนไม่หาย |
ลงจากอาสน์คลาดคล้อยเดินลอยชาย | เข้าตึกซ้ายเห็นวัณฬาเลือกมาลี |
ค นางเคารพนบนอบตอบสนอง | พระคุณของทรงศักดิ์นั้นหนักหนา |
ฉันชาตินี้มีกรรมได้ทำมา | ขอเป็นข้ากว่าชีวันจะบรรลัย |
สิบแปดปีนี่แล้วเป็นแม่ม่าย | จนเหลืออายอัปยศต้องอดสู |
มีลูกเต้าเล่าก็พลัดเป็นศัตรู | คิดก็รู้อยู่ว่ากรรมให้จำเป็น |
ค พระฟังนางช่างพลอดกอดพระหัตถ์ | เห็นข้องขัดตัดรักเสียหนักหนา |
จึงว่าพี่นี้ไม่ได้เวียนไปมา | เพราะธุระพระบิดานิคาลัย |
มาพบเจ้าคราวนี้ศรีสวัสดิ์ | ก็เคืองขัดตัดจิตพิสมัย |
แต่ดาบตัดกัทลียังมีใย | ไม่อาลัยพี่แล้วหรือแก้วตา |
ถึงใจน้องหมองหมางไปอย่างนี้ | แต่ใจพี่ยังรักนั้นหนักหนา |
เหมือนแมงภู่อยู่ที่พุ่มปทุมา | จะรอรายั้งหยุดนั้นสุดใจ |
พระอุ้มขึ้นแท่นทองประคองถนอม | นางไม่ยอมขึ้นสุวรรณบรรจถรณ์ |
กลับถอยหลังนั่งนิ่งแล้ววิงวอน | จงหยุดหย่อนอย่าให้เมียถึงเสียตัว |
จริงนะพระจะคิดสนิทถนอม | น้องไม่ยอมแล้วเช่นอย่างแต่ปางหลัง |
ไปนับปีมิใช่ของสำรองรัง | จะมานั่งคลอเคลียเป็นเมียเดิน |
ค ชะรำภาสารพัดจะขัดขวาง | ว่าทิ้งขว้างห่างเหเสน่หา |
เมื่อจะกลับทัพไปไกลลังกา | เกษราหล่อนก็รักเฝ้าชักชวน |
ถึงลูกเต้าเจ้าสิเลี้ยงดูเยี่ยงเจ้า | จึงผ่าเหล่าว่านเครือเหมือนเสือสิงห์ |
ลูกแม่อื่นสิเรามีดีจริงจริง | ทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่ร้ายรอง |
เจ้าเป็นเมียเสียตัวผัวมาหา | ราวกับว่ามาแขกแปลกเจ้าของ |
ไม่ยอมดีพี่ไม่ละดอกนะน้อง | ไปร้องฟ้องเถิดว่าไม่ได้เป็นเมีย |
ค นางรำภาสามีคลุกคลีเคล้า | เหมือนถ่านเก่าเพลิงพลุ่งสิ้นสุ้งเสียว |
เข้าอิงแอบแนบข้างอยู่กลางเตียง | เหมือนนกเอี้ยงเลี้ยงควายตะกายเลน |
รำภาสะหรี่ศรีสุวรรณนั้นได้ชื่น | ต่างเริงรื่นร่วมรักสมัครสมาน |
แต่องค์พระอภัยไม่ได้การ | คิดรำคาญค้างเติ่งเสียเชิงนาง ฯ |
แล้วว่าพระจะมาปล้ำทำเช่นนี้ | ผัวหม่อมฉันมีอยู่ไม่รู้หรือ |
ใช่ตัวเปล่าชาวเมืองก็เลื่องลือ | ขืนต้องถือทำละเมิดจะเกิดความ ฯ |
ค พระเชื่อคำอ้ำอึ้งแล้วจึงว่า | เมียของข้าใครหนอจะขอถาม |
ทำไมเล่าเจ้าจึงหย่อนโอนอ่อนตาม | มีผัวสองต้องห้ามตามกระทรวง |
เคยได้เสียเมียของข้าเจ้าอย่าดื้อ | พลางฉุดมือมาบนตักทำหักหาญ |
นางผลักผละพระขยำทำประจาน | ประเดี๋ยวใจได้การสำราญเริง |
ที่มีคู่อยู่ที่ไหนก็ไม่ทุกข์ | เกิดสนุกสุขโขสโมสร |
สามบุรีมีนักเลงโขนละคร | เล่นรำฟ้อนวันคืนเสียงครื้นครึก ฯ |
ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
กล่าวถึงสุดสาครคุมเรือราชสารของเมืองลังกาและเมืองผลึกไปถึงเมืองการะเวก เข้าเฝ้าพระบิตุเรศเจ้าเมือง ทูลเล่าความจริงทุกสิ่งอัน แล้วถวายบรรณาการกับสารตรา
ค พระทราบข่าวราวเรื่องว่าลูกรัก | สำราญรักพร้อมกันก็หรรษา |
จึงตรัสสั่งพระศรีภูริปรีชา | คลี่สาราเรื่องสารออกอ่านความ |
มอบประเทศเขตแคว้นแสนสมบัติ | ให้พระหัสไชยครองกับสองศรี |
มารวมล้อมพร้อมอยู่สามบุรี | ด้วยเปรมปรีดิ์ปรารถนาวิวาห์การ |
หนึ่งนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลมิ่ง | ก็เป็นหญิงยากแค้นแสนสงสาร |
ซึ่งบิดพลิ้วกริ้วโกรธจงโปรดปราน | ขอประทานโทษธิดาได้ปรานี |
ค นางนบนอบตอบว่าลูกฝาแฝด | จะติดแปดเป็นบุตรีสุนีสา |
แล้วสั่งเหล่าสาวสวรรค์ฝูงกัลยา | ให้ตรวจตราเครื่องอ่านเตรียมการไว้ ฯ |
ค ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ | กับสองอัครชายามารศรี |
พระน้องหน่อวรนาถราชบุตรี | ไปคอยรับประทับที่ทวารา |
ค ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาเกณฑ์ฝรั่ง | แต่งโต๊ะตั้งเลี้ยงกษัตริย์ล้วนจัดสรร |
กับข้าวแขกแทรกเนื้อแพะผัดน้ำมัน | มัสมั่นข้าวบุหรี่ลู่ตี่โต |
กับข้าวไทยใส่ต้มส้มแกงต้มขิง | นกคั่วปิ้งยำมะม่วงด้วงโสน |
แกงปลาไหลไก่พะแนงแกงเทโพ | ผัดปลาแห้งแตงโมฉู่ฉี่มี |
รมจักรนัคเรศวิเสทเจ๊ก | ต้มตับเหล็กเกาเหลาเหล้าอาหนี |
เป็ดไก่ทอดม้าอ้วนล้วนตัวดี | แกงร้อนหมี่หมูต้มเค็มใส่เต็มจาน |
อันเรื่องราวกล่าวสี่บุรีพร้อม | มารวมรอมอยู่ลังกามหาสวรรค์ |
ฝ่ายทรงยศทศวงศ์จอมพงศ์พันธุ์ | ปรึกษากันเสกสมสยมพร ฯ |
ค ฝ่ายองค์อัครชายาเมืองการะเวก | ขออภิเษกเสาวคนธ์วิมลสมร |
ด้วยเป็นที่พี่ยาให้ถาวร | ครองนครเขตฝรั่งอยู่ลังกา |
ให้หัสไชยไปลบำรุงการะเวก | สองบุตรีอภิเษกเป็นซ้ายขวา |
ต่างยินยอมพร้อมกันจำนรรจา | ให้โหรหาฤกษ์ยามตามโบราณ |
ครั้นจัดแจงแต่งทำแล้วสำเร็จ | กำหนดเสร็จเจ็ดค่ำจะทำขวัญ |
ฝ่ายกษัตริย์ขัตติย์วงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ | มาพร้อมกันอยู่ที่มณฑลพิธี ฯ |
ค ส่วนโอรสบิตุรงค์ช่วยทรงจัด | ให้ทรงเครื่องเรืองจำรัสรัศมี |
ฝ่ายสามองค์นงนุชพระบุตรี | พระชนนีทรงเครื่องให้เรืองรอง |
สุดสาครเสาวคนธ์วิมลสร้อย | ให้เกี่ยวก้อยประหวัดพระหัตถา |
พระหัสไชยให้พระน้องสองสุดา | เกี่ยวก้อยขวาก้อยซ้ายฝ่ายละคร |
ฝ่ายโยคีชีพราหมณ์รามราช | สำรวมศาสตร์อิศโรสโมสร |
สวดพิธีอภิรมย์สยมพร | ให้ถาวรสืบกษัตริย์สวัสดี |
ปุโรหิตติดแว่นวิเชียรเทียน | จุดเพลิงเวียนวงซ้ายไปฝ่ายขวา |
โหมพิณพาทย์ฆาตฆ้องก้องลังกา | แตรฝรั่งบั้งกล่ากลองมลายู ฯ |
ค เป็นสำเร็จเสร็จภิเษกเอกกษัตริย์ | ประดิพัทธ์ภิญโญสโมสร |
เสาวคนธ์มณฑาสุดสาคร | พ้นโทษกรณ์อยู่บำรุงกรุงลังกา |
พระหัสไชยได้สองพระน้องนาฎ | เป็นคู่ชมสมมาดปรารถนา |
พาน้องน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา | ไปพาราการะเวกเป็นเอกองค์ ฯ |
ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
ค ศรีสุวรรณนั้นคะนึงถึงนิเวศน์ | ทูลลาเชษฐาตามความประสงค์ |
แล้วเชิญองค์ทรงยศท้าวทศวงศ์ | ไปดำรงรมจักรนัครา |
แต่องค์พระอภัยมิได้เสด็จ | ด้วยไม่เสร็จศึกขบถโอรสา |
ซ้ำสองนางต่างขัดพระอัชฌา | แต่ตรึกตราอารมณ์ให้ตรมตรอม |
ค ฝ่ายสองนางว่าสงสารพระผ่านเกล้า | ต่างเข้าเฝ้าทูลถามตามประสงค์ |
ทูลกระหม่อมผอมซูบทั้งรูปทรง | ขอพระองค์จงประทานอาการประชวร ฯ |
ค พระฟังคำชำเลืองค้องเคืองขัด | มิได้ตรัสตอบความทรามสงวน |
ครั้นถามซ้ำทำว่าชะเจ้ากระบวน | อย่ามากวนเซ้าซี้ที่นี่เลย |
พระห็นนางข้างสุวรรณบรรจถรณ์ | ชำเลืองค้อนโฉมฉายทั้งซ้ายขวา |
ค่อยเคลื่อนคลายหายสั่นจึงบัญชา | แม่นางมาลีนะนางละเวง |
แกล้งเป็นหมอคอเดียวกันเจียวเจ้า | ใครเชิญเล่าเข้ามารุมกันคุมเหง |
สารพัดขัดคำไม่ยำเกรง | วาสนาข้าเองมันอาภัพ |
ค ฝ่ายวัณฬามาลีศรีสวัสดิ์ | เห็นกริ้วตรัสกราบยุคลบนบรรจถรณ์ |
อย่าปลดเปลื้องเคืองขัดถึงตัดรอน | มีโทษกรณ์เป็นไฉนตรัสให้ฟัง |
ธรรมดาข้ากับเจ้าเหมือนเขาว่า | เมื่อเต็มขาแล้วจะได้รับใส่หลัง |
ฉันโฉดเชลาเบาจิตแม้ผิดพลั้ง | โปรดสักครั้งหนึ่งก่อนพอสอนใจ |
ค พระอภัยใจหวิวให้หิวโหย | ทั้งแรงโรยร้อนโรคเศร้าโศกศัลย |
จึงว่าน้อยหรือคำช่างรำพัน | พูดกระนั้นกระนี้พิรี้พิไร |
ลืมแล้วหรือถือตัวให้ผัวง้อ | ช่างถูกคอคืนคำทำไถล |
สารพัดขัดขวางจืดจางใจ | เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าก็ไม่ได้เป็นเมีย |
จริงนะจะตรวจน้ำคว่ำกระโหลก | แม้หายโรคเจ็บปวดจะบวชเสีย |
อย่าย้อนยอกหลอกล้อเฝ้าคลอเคลีย | มิใช่เบี้ยพอปากจะมากความ ฯ |
ค นางฟังคำร่ำตรัสที่ขัดขวาง | ทั้งสองนางต่างสะเทิ้นคิดเขินขาม |
จึงว่าพระจะผนวชจะบวชตาม | อย่าห้ามปรามโปรดข้าฝ่าละออง |
ให้สาวใช้ไปเชิญสินสมุท | พระราชบุตรทรงศักดิ์มารักษา |
นางสาวใช้ไปแถลงแจ้งกิจจา | พระรับมาหมอบเฝ้าสองเยาวมาลย์ |
ค ฝ่ายองค์พระอภัยตื่นไสยาสน์ | เห็นหน่อนาถราชบุตรสุดสงสาร |
ตรัสบอกโรคโศกศัลย์สั่นสะท้าน | เบื่ออาหารหิวโหยให้โรยรา ฯ |
ด้วยชาตินี้วิบัติให้พลัดพราก | เหลือวิบากยากแค้นนั้นแสนสา |
จะสืบสร้างทางกุศลผลผลา | เมื่อชาติหน้าอย่าให้เป็นเหมือนเช่นนี้ ฯ |
ค ทั้งสองนางต่างแถลงว่าแกล้งตรัส | ไม่ทานทัดทูลสนองทั้งสองศรี |
ขอตามติดคิดคุณพระมุนี | เป็นหลวงชีปรนนิบัติด้วยศรัทธา |
ค พระฟังนางพลางว่าแม่ปลาช่อน | งอนจริงจริงยิ่งกว่าช้อนกว่างอนไถ |
หาหนังเสือเหลือยากลำบากใจ | แล้วก็ไม่สู้ดีเหมือนชีเปลือย |
พูดด้วยยากปากกล้าสมาบาป | เป็นกิ่งกาบหลาบเข็ดเหลือเหน็ดเหนื่อย |
ดูเลี้ยวลดคดคู้เหมือนงูเลื้อย | พูดไม่เมื่อยลูกคางต้องกางกัน |
ไม่รักของ้อผู้หญิงจริงจริงนะ | สิ้นธุระก็จะสร้างทางสวรรค์ |
แล้วให้หาข้าเฝ้าเหล่าพงศ์พันธุ์ | มาพร้อมกันสินสมุทสุดสาคร ฯ |
จงหวังพระปรมาศิวาโมกข์ | เป็นสิ้นโศกสิ้นสุดมนุษย์สวรรค์ |
เสวยสุขทุกเวลาทิวาวัน | เหลือจะนับกัปกัลป์พุทธันดร |
แต่บรรดามาฟังอยู่ทั้งสิ้น | จงถือศีลภิญโญสโมสร |
สินสมุทเจ้าจงพาพลากร | ไปถิ่นฐานนันดรแต่ก่อนมา ฯ |
ค ฝ่ายนงลักษณ์อัคเรศครั้นเทศน์จบ | เจียนสลบด้วยเห็นขาดวาสนา |
พระทรงศีลสิ้นเสร็จไม่เมตตา | ต่างโศกากอดบาทไม่คลาดคลาย |
ต่างทูลว่าข้าขอบรรพชิต | พอเป็นศิษปสาพิภักดิ์สมัครหมาย |
แม้เลยละจะขอเชือดคอตาย | สู้ถวายชีวาไม่อาลัย |
ไปเที่ยวอยู่ภูเขาลำเนาถ้ำ | ถือศีลธรรมบำเพ็ญเบญจขันธ์ |
สมมติเหมือนเพื่อนจงกรมพรหมจรรย์ | ให้แม่นมั่นสัญญาจะพาไป ฯ |
ค ทั้งสองนางน้อมคำนับรับคำสั่ง | เป็นสัจจังยังไม่เสื่อมที่เลื่อมใส |
พระประโยชน์โพธิญาณประการใด | จะตามใต้บาทาสารพัน |
ค พระฟังคำร่ำว่าสาพิภักดิ์ | เห็นพร้อมพรักรักพระองค์ก็สงสาร |
สิ้นแสนงอนอ่อนพยศจึงพจมาน | โปรดประทานโทษให้เหมือนใจจง ฯ |
ค ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร | สินสมุทสุดสาครโอรสา |
ดูปิตุรงค์สงสารทั้งมารดา | จะกลับไกลไปป่าเหลืออาลัย |
ค สินสมุทสุดเศร้าว่าเปล่าจิต | เคยตามติดปิตุเรศทุกเขตขัณฑ์ |
กำพร้าแม่เห็นแต่องค์พระทรงธรรม์ | ทุกคืนวันเวลาไม่อาวรณ์ |
สุดสาครอ่อนแรงกันแสงสะอื้น | สู้กล้ำกลืนกราบประณตบทศรี |
ทูลกระหม่อมจอมจังหวัดปถพี | เคยเป็นที่พึ่งลูกคิดผูกพัน |
ทั้งนงเยาว์เสาวคนธ์ให้อ้นอั้น | พลอยโศกศัลย์เศร้าหมองไม่ผ่องใส |
สะอื้นร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย | พระจะไปป่าหนามทั้งสามองค์ |
แล้วกราบลงตรงบาทพระปิตุเรศ | ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา |
ฝ่ายฝูงนางข้างฝรั่งเมืองลังกา | นางรำภายุพาสุลาลี |
เคยพึ่งพาอาศัยใจจะขาด | เข้ากอดบาทนางวัณฬามารศรี |
เจ้าประคุณบุญญาบารมี | เคยเป็นที่พึ่งฝรั้งทั้งลังกา |
ข้าทั้งสามจะขอตามเสด็จด้วย | จนมอดม้วยเหมือนหมายไม่หน่ายหนี |
ขอบวชบ้างอย่างเช่นพระเป็นชี | อยู่ข้างที่รับใช้เหมือนได้เคย |
นางละเวงเกรงผัวกลัวจะกริ้ว | จึงนบนิ้วทูลแจ้งแถลงไข |
นางฝรั่งทั้งสามจะตามไป | จงโปรดให้บวชบ้างเป็นนางชี |
จึงตรัสว่านารีที่มีผัว | จะบวชตัวก็ต้องเหมือนทาสี |
แม้ผัวยอมพร้อมใจเป็นไรมี | บวชเป็นชีก็จะได้ดังใจจง ฯ |
ค ยุพาฟังบังคลสมถวิล | ทูลลาสินสมุทตามความประสงค์ |
จะบวชตามสามกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ | ขอพระองค์อนุกูลอย่าสูญใจ |
หน่อกษัตริย์ตรัสว่าจะลาบวช | ข้ามิชวดแล้วหรือถือไฉน |
อยู่ดีดีนี่จะมาขอลาไป | ข้ามิให้บวชดอกบอกจริงจริง |
ค ฝ่ายลีวันนั้นทูลลาสุดสาคร | ชลีกรวอนว่าอัชฌาสัย |
อย่าข้องขัดทัดทานประการใด | จงโปรดให้บวชตามสามพระองค์ |
สุดสาครวอนว่าลาลีเอ๋ย | อย่าเพ่อเลยหลีกผัวเอาตัวหนี |
ถ้าลูกมีทีหลังเป็นอย่างนี้ | จึงเป็นชีเถิดไม่ห้ามตามใจนาง ฯ |
ค ฝ่ายรำภาสะหรีชลีสนอง | ซึ่งพี่น้องสองกษัตริย์ยังขัดขวาง |
ข้าน้อยนี้มีแต่ตัวลูกผัวร้าง | ขอบวชบ้างทางกุศลผลผลา |
พระอภัยได้ฟังว่ายังขัด | ด้วยผัวเจ้าเขาไม่ตัดเสน่หา |
ยังหวงแหนแม้นจะรับบรรพชา | ไม่เป็นดาบสซ้ำเป็นกรรมไป ฯ |
ค พระฟังว่ากล้าหาญการกุศล | รับนิมนต์จึงว่าตามความประสงค์ |
เหมือนอินทรามานิมิตด้วยฤทธิรงค์ | ที่เขาวงกตถวายก็คล้ายกัน |
จึงปลูกบรรศาลาก่ออาศรม | ที่รื่นร่มรุกโขรโหฐาน |
โรงฉันที่สรงน้ำริมลำธาร | เป็นชั้นชานชะวากเหมือนฉากบัง |
ค พอเดือนยี่สี่ค่ำนำพระบาท | ทรงรถราชญาติวงศ์ตามส่งหมด |
เป็นสิ้นความสามพระองค์อยู่ทรงพรต | ที่บรรพตสิงคตรดุจนิมนต์ |
ยอดคีรีมีต้นโรทันใหญ่ | น้ำปลายใบหยดย้อยเหมือนฝอยฝน |
ครั้นแสงแดดแผดส่องต้องมณฑล | เป็นหมอกมนมีอยู่แต่บุราณ |
ด้วยคีรีนี้เป็นหลักลังกาทวีป | ยอดเหมือนกลีบจงกรมมณฑลสถาน |
ครั้นถึงสิบห้าวันก็บันดาล | เป็นฝนซ่านโซมสาดไม่ขาดคราว |
โซ่เหล็กล่ามสามสายฝ่ายเหนือใต้ | ต่างกระไดปีนป่ายเหนี่ยวสายสาว |
จึงนับถือลือเลื่องเป็นเรื่องราว | มีรูปเจ้าสิงคุตร์สุดคิริน |
เมื่อแรกตั้งลังกาลงมาเกิด | กล่าวกำเนิดน่าฟังหวังถวิล |
ว่ารูปทรงองค์สิงคตรบุตรพระอินทร์ | ดำเหมือนนิลกินถั่วงากินสาคู |
ครั้นสิ้นเหล่าชาวลังกาจึงฝรั่ง | ยกมาตั้งทั้งเจ๊กจีนจึงกินหมู |
แต่ก่อนเขาเล่ามาถึงเราจึงรู้ | เท็จจริงอยู่กับผู้เฒ่าที่เล่ามา |
ค พระอภัยไปตั้งหลังบรรพต | รักษาพรตพรหมจรรย์ด้วยหรรษา |
รำภาสะหรีลีวันยุพาผกา | คุมโยธาฝรั่งอยู่ทั้งพัน |
เก็บส้มสูกลูกไม้เผือกมันมั่ง | ถวายทั้งสามองค์ให้ทรงฉัน |
เป็นป่ากว้างทางเดินเนินอรัญ | ไปสามวันจึงถึงวังเมืองลังกา |
สินสมุทไปบำรุงกรุงผลึก | ไปปราบศึกสืบวงศ์เผ่าพงศา |
สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา | ครองลังกาผาสุกสนุกสบาย |
พวกทมิฬกินปักษาชื่อวาโหม | ไปพาราวาโหมส่งโสมถวาย |
ทหารใหญ่อ้ายย่องตอดนั้นวอดวาย | นางสุนีหนีกายสูญหายไป ฯ |
.........................................................
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |