| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ขุนช้างเป็นโทษ
loading picture
วันต่อมาขุนช้างเข้าเฝ้าสมเด็จพระพันวษา  ทูลว่าตนได้มาเป็นมหาดชามากว่าแปดปีแล้ว ไม่เคยต้องโทษแม้แต่น้อย แต่มาบัดนี้ จมื่นไวยได้ทำร้ายตน จนเกือบถึงชีวิต  สมเด็จพระพันวษาจึงให้ตำรวจใน ไปตามตัวจมื่นไวยมา  เมื่อมาถึงแล้ว พระองค์จึงสอบถาม พระไวยกราบทูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทรงทราบ พร้อมทั้งกราบทูลเรื่องแต่หนหลัง เมื่อตนอายุได้เจ็ดปี ถูกขุนช้างนำไปฆ่าในป่าเดชะบุญที่ไม่ตาย
...คราวนั้นพระองค์ดำรงภพ ฟังจบพระไวยให้การว่า
ข้างต้นความดูเห็นเป็นอาญา แต่ข้างปลายกลายมานครบาล
จำเลยแก้เป็นฉกรรจ์มหันตโทษ จำจะซักข้างโจทก์ให้แตกฉาน...
ขุนช้างได้ฟังความเก่าก็ตกใจ กลัวอาญาจึงแข็งใจกราบทูลว่า ที่พระไวยกราบทูลนั้นไม่จริง สมเด็จพระพันวษาจึงตรัสถามบรรดาขุนนาง ที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น ว่าความจริงเป็นอย่างไร อย่าได้เข้าใครออกใคร เหล่าขุนนางก็กราบทูลไปตามจริง สมเด็จพระพันวษาได้ฟังแล้ว จึงตรัสถามพระไวยว่า เมื่อตอนขุนช้างมันเอาไปฆ่า เหตุใดจึงไม่นิ่งไว้ไม่กล่าวหา เพิ่งมาบอกเมื่อเขาฟ้อง พระไวยก็กราบทูลว่า ตอนนั้นยังเด็กนัก เหตุเกิดกลางป่าไม่มีผู้รู้เห็น ไม่รู้ว่าจะไปฟ้องใคร เพราะไม่รู้จักโรงศาล เมื่อเป็นเช่นนี้จึงขอพิสูจน์ด้วยการดำน้ำ


loading picture

  พระไวยขอพิสูจน์

สมเด็จพระพันวษาจึงตรัสถามขุนช้างว่าจริงหรือไม่  ขุนช้างกราบทูลว่าไม่จริง และบรรดาขุนางต่างก็เข้ากับพระไวย ดังนั้นจึงยอมพิสูจน์ สมเด็จพระพันวษา ทรงพิจารณาเห็นว่าขุนช้างพูดเท็จ แต่เพื่อมิให้เป็น ที่ครหานินทา ว่าพระองค์เข้าข้างพระไวย จึงตรัสสั่งให้สี่พระครู ไปดูโจทย์จำเลย จัดหาเครื่องดำน้ำและกำกับดูแล โดยให้ปักหลักที่หน้าตำหนักแพ ผลการพิสูจน์ด้วยการดำน้ำ ขุนช้างแพ้ทั้งสองครั้ง  สมเด็จพระพันวษา จึงตรัสสั่งให้ประหารชีวิตขุนช้าง ด้วยการผ่าอก แล้วเอาไปเสียบประจานไว้ที่ป่าที่พระไวยถูกนำไปฆ่า  ขุนช้างแกล้งทำเป็นบ้า แต่ทำมรงรู้ทันใช้หวายเฆี่ยนให้หายบ้า แล้วนำไปเข้าคุก

  ขุนช้างเข้าคุก
....ทำมรงฉุดคร่าพาตัวไป เอาเข้าในคุกขึงจำตรึงตรา
คาไม้จริงยิงตะปูดูให้มั่น  โซ่ร้อยแหล่งแกล้งสรรให้แน่นหนา
เอาอิฐหนุนก้นโด่งโยงหัวคา ใส่ขื่อมือยื้อคร่าให้ตึงตัว
ฝ่ายนางวันทอง คอยฟังข่าวขุนช้างอยู่ที่สุพรรณ เมื่อรู้ข่าวว่าขุนช้างแพ้ความเข้า คุกและได้รับโทษถึงตายก็ตกใจ รีบไปไขกำปั่นเอาเงินตราและทอง พร้อมทั้งจัดของกำนัลให้บ่าวไพร่บรรทุกเรือ รีบเดินทางเข้ากรุง  นำของกำนัลไปให้พัศดี ขอเข้าพบขุนช้าง พัศดีก็ให้ทำมรงพาไปพบ เห็นสภาพในคุก
...วันทองแข็งใจเข้าในคุก  แลเห็นคนทนทุกข์สยดสยอง
น่าเกลียดน่ากลัวหนังหัวพอง ผอมกร่องร่างกายคล้ายสัตว์นรก...
 เมื่อพบขุนช้างแล้ว ทำมรงก็ให้ถอดขื่อคา มากินอาหารที่นางวันทองนำไปให้ ขุนช้างขอให้นางวันทอง ติดสินบนท่านข้างใน ให้ช่วยเพ็ดทูลขอพระราชทานโทษ  นางวันทองบอกว่า จะให้ใครช่วยคงไม่ได้ แต่จะอ้อนวอนพระไวยให้ช่วย จากนั้นก็ไปหาพระไวย อ้อนวอนให้ช่วยทูลขอชีวิตขุนช้างไว้ จนพระไวยใจอ่อนด้วยความสงสารมารดา

  พระไวยทูลขอโทษขุนช้าง
วันรุ่งขึ้นเมื่อสมเด็จพระพันวษาออกว่าราชการ พระไวยรอโอกาสเมื่อหมดเรื่องราชการแล้ว ทูลขอโทษให้ขุนช้าง ด้วยเหตุผลเพื่อสนองคุณมารดา  สมเด็จพระพันวษาทรงดำริเห็นว่า ถ้าไม่ไว้ชีวิตขุนช้าง  นางวันทองคงตรอมใจตาย ลูกชายคือพระไวยย่อมระคายเคือง จึงให้ถอดขุนช้างออกจากคุก แล้วส่งตัวให้พระไวย พระรองเมืองรับพระราชโองการแล้ว ก็รีบไปดำเนินการ
...ให้ทำมรงไปถอดขุนช้างนั้น  เข้าช่วยกันอึดอัดตัดตรวนพลาง
บ้างถอดคาหาไม้มาต่อยขื่อ  อึงอื้อโปกโป้งเสียงโก่งกร่าง...

loading picture

จากนั้นก็พาขุนช้างไปเรือนพระไวย พระไวยสั่งสร้อยฟ้าศรีมาลา ให้จัดอาหารเลี้ยงนางวันทอง และขุนช้าง ขุนช้างเอาเงินยี่สิบชั่งให้พระไวย หวังตอบแทนคุณ แต่พระไวยไม่รับ เพราะเหมือนกับเอาสินบนจากมารดาตน พอตกค่ำ นางวันทองกับขุนช้างก็ลาพระไวย ลงเรือกลับสุพรรณ แล้วนิมนต์พระมาสวดสะเดาะเคราะห์ อาบน้ำมนต์อยู่สามวัน

ขุนช้างถวายฏีกา
ฝ่ายพลายงาม เมื่อชนะความขุนช้างแล้ว ก็อยู่มาด้วยความสุข แต่มาคิดว่ายังขาดแต่มารดา เห็นว่าไม่ควรคู่กับขุนช้าง แล้วคิดว่าจะรับแม่กลับมาอยู่กับขุนแผน  พอตกค่ำจึงออกเดินทางไปบ้านขุนช้าง สะกดผู้คน ภูตพราย และแก้อาถรรพณ์ แล้วสะเดาะกลอน เข้าไปถึงชั้นสามห้องนอน ถอนสะกดนางวันทอง แล้วเจรจากัน พระไวยแจ้งว่าจะมารับนางวันทองกลับไปบ้าน นางวันทองแนะนำให้นำเรื่องขึ้นกราบทูลพระพันวษา
...จงเร่งกลับไปคิดกับบิดา  ฟ้องหากราบทูลพระทรงธรรม์
พระองค์คงจะโปรดประทานให้  จะปรากฎยศไกรเฉิดฉัน
อันจะมาลักพาไม่ว่ากัน เช่นนั้นใจแม่มิเต็มใจ ฯ
  พระไวยพานางวันทองมาบ้าน
พลายงามไม่เห็นด้วยและจะพาไปให้ได้ นางวันทองจนใจจึงยอมไปกับพระไวย  ขุนช้างตื่นขึ้นไม่พบนางวันทอง ให้บ่าวไพร่ค้นหาไม่พบ
ฝ่ายพลายงามได้คิดว่า ถ้าขุนช้างรู้ว่าลักนางวันทองมา ก็คงจะนำความขึ้นกราบทูลสมเด็จพระพันวษา มารดาก็จะต้องโทษ คิดแล้วจึงให้หมื่นวิเศษผล ไปหาขุนช้างที่บ้าน ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องราว อย่าให้ขุนช้างโกรธ ด้วยเป็นคนที่เคยชอบพอกัน โดยให้บอกขุนช้างว่า ตนจับไข้อยู่หลายวัน เกรงว่าแม่ไม่ทันจะเห็นหน้า จึงให้คนไปพาแม่มา พอให้ตนหายไข้แล้ว จะส่งมารดาคืนกลับไป    หมื่นวิเศษรับคำแล้วก็รีบไปบ้านขุนช้าง แจ้งเรื่องตามที่พระไวยสั่งมาทุกประการ ขุนช้างได้ฟังก็ทั้งโกรธและแค้น เมื่อข่มความโกรธแล้วก็ตอบไปว่า ไม่เป็นไรเรื่องการเจ็บไข้ ถ้าขัดสนสิ่งไรก็ขอให้มาเอาที่ตนได้ ว่าแล้วก็ปิดหน้าต่างใส่ ด้วยความเดือดดาลและแค้นใจ
...ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ  ฉวยได้กระดานชะนวนมา
ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย  ถ้อยคำถี่ถ้วนเป็นหนักหนา...
  ขุนช้างถวายฎีกา
ฝ่ายขุนช้างร่างฟ้องเสร็จแล้ว ก็มาที่วังใน รออยู่ที่ใต้ตำหนักน้ำ พอสมเด็จพระพันวษาเสด็จกลับวังทางเรือตอนจวนค่ำ ขุนช้างก็ลงลอยคอเข้าถวายฎีกา  สมเด็จพระพันวษาเห็นเข้า ก็ทรงพระพิโรธ ให้รับฎีกาไว้ แล้วเอาตัวไปเฆี่ยนสามสิบที จากนั้นให้ตั้งกฤษฎีกาว่า ตั้งแต่นี้ไป ถ้าใครปล่อยให้ใครเข้ามาในล้อมวง ต้องระวางโทษเจ็ดสถาน ถึงประหารชีวิต
ฝ่ายขุนแผนได้อยู่กับนางแก้วกิริยา และนางลาวทองมาด้วยความผาสุข ตกกลางคืนคิดถึงนางวันทอง จึงออกเดินมาที่ห้องนางวันทอง ที่เรือนพระไวย ปลุกนางขึ้นมาสนทนาด้วย ได้พร่ำรำพันถึงความหลัง ที่ตกทุกข์ได้ยากด้วยกันมา นางวันทองแนะนำขุนแผน ให้นำความขึ้นเพ็ดทูลพระพันวษา และไม่ยอมตกเป็นของขุนแผน พอตกดึกก็ฝันไปว่า ถูกพยัคฆ์ตะครุบ คาบตัวไปในป่า ตกใจตื่น แก้ฝันให้ขุนแผนฟัง ขุนแผนได้ฟังก็ใจหาย รู้ว่าฝันร้ายมีอันตราย
...ครั้งนี้น่าจะมีอันตราย ฝันร้ายสาหัสตัดตำรา
พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล  ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา
มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา  กอดเมียเมินหน้าน้ำตากระเด็น...
แต่ก็ปลอบใจนางวันทองว่า เป็นเพราะความวิตก  พรุ่งนี้จะแก้เสนียดฝันให้

  สมเด็จพระพันวษาชำระความเรื่องนางวันทอง
วันรุ่งขึ้น สมเด็จพระพันวษาเสด็จออกว่าราชการ เห็นขุนช้างเข้าเฝ้าอยู่ จึงตรัสว่า เรื่องนางวันทองไม่รู้จบ เมื่อครั้งก่อน เรื่องตกหนักที่นางศรีประจัน ก็ตัดสินไปอยู่กับขุนแผน แต่ทำไมกลับมาอยู่กับขุนช้าง แล้วให้หมื่นศรีไปเอาตัวนางวันทอง ขุนแผนและพระไวยมาเฝ้า ทั้งสามคนได้ฟังความก็ตกใจ ขุนแผนจึงจัดการช่วยเหลือนางวันทองด้วยเวทมนตร์ แล้วจึงพากันไปเข้าเฝ้า
...ขุนแผนเรียกวันทองเข้าห้องใน ไม่ไว้ใจจึงเสกด้วยเวทย์มนตร์
สีขี้ผึ้งสีปากกินหมากเวทย์  ซึ่งวิเศษสารพัดแก้ขัดสน
น้ำมันพรายน้ำมันจันทน์สรรเสกปน  เคยคุ้มขลังบังตนแต่ไรมา
แล้วทำผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์ คนเห็นคนทักรักทุกหน้า
เสกกระแจะจวงจันทน์น้ำมันทา เสร็จแล้วก็พาวันทองไป ฯ
สมเด็จพระพันวษาจึงตรัสถามนางวันทอง ถึงเรื่องราวแต่หนหลัง นางวันทองก็กราบทูลให้ทรงทราบ เมื่อทรงทราบแล้ว ก็กริ้วขุนช้างเป็นกำลัง แล้วตรัสถามนางวันทองต่อไปว่า เวลาล่วงไปแล้วถึงสิบแปดปี แต่ทำไมวันนี้จึงมาได้ นางวันทองก็กราบทูลว่า พระไวยไปรับเมื่อตอนกลางคืน สมเด็จพระพันวษาได้ฟัง ก็ทรงขุ่นเคืองพระไวย ที่ทำตามอำเภอใจ และว่าขุนแผนก็คงเป็นใจ ทรงตรัสว่า
...ถ้าอ้ายไวยจะอยากใคร่ได้แม่มา  ชวนพ่อฟ้องหาเอาเป็นไร
อัยการศาลโรงก็มีอยู่  ฤๅว่ากูตัดสินให้ไม่ได้
แล้วตรัสต่อไปว่าเหตุทั้งหมดนี้ เพราะแย่งชิงนางวันทองกัน จึงให้นางวันทองตัดสินใจว่า จะอยู่กับใคร หรือถ้าไม่อยากอยู่กับทั้งสองคน จะเลือกอยู่กับลูกก็ได้ นางวันทองเมื่อถึงคราวจะสิ้นอายุ ไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงกราบทูลเป็นกลางไป หวังจะให้สมเด็จพนะพันวษาตัดสินให้
...ความรักขุนแผนก็แสนรัก  ด้วยร่วมยากมานักไม่เดียดฉัน
สู้ลำบากบุกป่ามาด้วยกัน  สารพันอดออมถนอมใจ
ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมา  คำหนักหาได้ว่าให้เคืองไม่
เงินทองกองไว้มิให้ใคร  ข้าไทใช้สอยเหมือนของตัว
จมื่นไวยเล่าก็เลือดที่ในอก  ก็หยิบยกรักเท่ากันกับผัว...
  สมเด็จพระพันวษาให้ประหารวันทอง
สมเด็จพระพันวษาได้ทรงฟังแล้ว ก็พิโรธยิ่งนัก ตรัสประนามนางวันทองว่าเป็นหญิงหลายใจ อย่าอยู่ให้หนักแผ่นดิน ให้เอาตัวไปฆ่าเสีย
...เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี
อกเอาขวานผ่าอย่าปรานี  อย่าให้มีโลหิตติดดินกู
เอาใบตองรองไว้ให้หมากิน  ตกดินจะอัปรีย์กาลีอยู่...


| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |