| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ถวายนางสร้อยทองสร้อยฟ้า
เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยาแล้วก็ให้จอดเรือที่ท่าคั่น พร้อมกับเรือเจ้าเชียงใหม่  ส่วนเรือประเทียบของสร้อยฟ้า สร้อยทอง เข้าไปจอดที่ท่าวาสุกรี  สั่งให้ขุนหมื่นพนักงาน เข้าประจำชานพระฉนวน  เสร็จแล้วก็เข้าไปพบเจ้าพระยาจักรี แจ้งเรื่องให้ทราบ  เจ้าพระยาจักรีได้ทราบเรื่องแล้ว ก็มีความยินดี ชมเชยสองพ่อลูกที่ทำความชอบ แล้วจึงเรียกนครบาล ให้จำเจ้าเชียงใหม่ไว้ก่อน  เนื่องด้วยเป็นโทษอยู่ จนกว่าจะมีรับสั่งของสมเด็จพระพันวษา
...ครานั้นเจ้ากรมยมราช  ก็จัดแจงเพชฌฆาตที่เข้มขัน
โจมใจอาจฟาดใจกล้าทะลวงฟัน  ราชมัลยิ่งยวดตำรวจใน
ถือหวายอ้ายถนัดมัดเท่าแขน  คาดราตคคแน่นทั้งนายไพร่
เอาโซ่ตรวนขื่อคาถามาทันใด  ตำแหน่งใครใครก็ไปไม่รอรั้ง
เอาเครื่องจำจำจองเจ้าเชียงใหม่  นายไพร่นั่งห้อมล้อมหน้าหลัง
งำเมืองเพชรปาณีเสียงมี่ดัง ราชศักดิ์ปลัดวังเกณฑ์กันมา
เมื่อตกสายได้เวลา เจ้าพระยาราชสีห์ เจ้าพระยามหาเสนาบดี จตุสดมภ์ ข้าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน พร้อมกันเข้าเฝ้า เจ้าพระยาจักรีสั่งให้ขุนแผนกับพลายงาม คอยท่าอยู่ที่หน้าท้องพระโรง เพื่อรอให้ตนกราบทูลเรื่องราวก่อน แล้วจึงจะเบิกตัวทั้งสองคนเข้าเฝ้าภายหลัง
เมื่อได้เวลาสมเด็จพระพันวษาออกว่าราชการ  เจ้าพระยาจักรีก็ได้กราบทูล เรื่องขุนแผนกับพลายงามไปราชการทัพ ได้ชัยชนะกลับมา  ได้นำเจ้าเชียงใหม่ กับเงินทองอีกเจ็ดสิบกำปั่น พร้อมทั้งครัวลาวอีกห้าพัน  ปืนใหญ่สองร้อยกระบอก ปืนเล็กสามพันกระบอก ทวนหนึ่งพัน ดาบพันสอง ดาบโรงแสงต้นห้าร้อย ช้างสามร้อยเชือก  ม้าแปดร้อยตัว  และโคกระบืออีกเป็นอันมาก

   ขุนแผนพลายงามเข้าเฝ้า
loading picture

สมเด็จพระพันวษาได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็พอพระทัย  รับสั่งให้พาขุนแผน  พลายงาม  พร้อมทั้งเจ้าเชียงใหม่ และพระท้ายน้ำ เข้ามาเฝ้า  แล้วตรัสถามขุนแผน ถึงเรื่องการดำเนินการรบ  ขุนแผนก็กราบทูลให้ทรงทราบ ทุกขั้นตอนโดยย่อ
สมเด็จพันวษาทรงทราบเรื่องโดยตลอดจากขุนแผนแล้ว จึงให้ขุนแผนไปรั้งเมืองกาญจนบุรี เป็นที่ พระสุรินทฎาไชยมไหสูรย์ภักดี พระราชทานเงินตราสิบห้าชั่งเป็นรางวัล พร้อมทั้งเครื่องยศ  ส่วนพลายงามให้เป็นจมื่นไวยวรนารถ หัวหมื่นมหาดเล็กเวรข้างฝ่ายขวา พร้อมทั้งพระราชทานเครื่องยศและเงินตรา กับให้เจ้ากรมยมราชปลูกบ้านให้อยู่ใกล้วัง จำนวนห้าหลังให้หมื่นไวยอยู่  พระท้ายน้ำนั้นมีโทษให้ ถอดเป็นไพร่ ใช้เฝ้าประตู  สำหรับเจ้าเชียงใหม่เนื่องจากรู้ตัวสารภาพผิด ขอถวายราชสมบัติล้านนา และขอมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร จึงโปรดยกโทษให้ และให้กลับไปครองเมืองเชียงใหม่ ตามเยี่ยงอย่างเจ้าประเทศเขตธานี  ให้นำตัวไปถือน้ำทำสัจจา   ส่วนบรรดาพวกไพร่พลทั้งสามสิบห้าคน และไพร่พลอื่น ๆ  ก็พระราชทานเงินตรากับผ้าเป็นรางวัล พร้อมทั้ง ให้สิทธิพิเศษและมอบหน้าที่ให้ดังนี้
...แล้วให้ยกราชการงานเมือง ปลดเปลื้องหน้าที่ทุกสิ่งสรรพ์
สังกัดไว้ในอาทมาตนั้น ต่อมีทัพขับขันจึงเรียกใช้
ให้มันมีตราภูมิคุ้มห้ามขาด ทั้งอากรขนอนตลาดอย่าเก็บได้
ทำบาญชีมีนายหมวดกองไว้  ให้ขึ้นแก่จมื่นไวยสิ้นทั้งนั้น...
   นางสร้อยทองสร้อยฟ้าขึ้นเฝ้า
เสร็จการด้านฝ่ายนอกแล้ว  สมเด็จพระพันวษา ก็ทรงปรึกษากับเจ้านายฝ่ายใน เรื่องนางสร้อยทองกับสร้อยฟ้า  ตกลงให้นางสร้อยทองเป็นพระสนม  และพระราชทานนางสร้อยฟ้าให้หมื่นไวย
...แล้วหันมาปราศัยนางสร้อยทอง  อย่างหม่นหมองจะเลี้ยงให้งามหน้า
สมเป็นราชบุตรีศรีสัตนา  ซึ่งบิดายกให้ด้วยไมตรี
จึงตรัสสั่งคลังในพนักงาน  ให้จัดของพระราชทานตามที่
หีบหมากทองลงยาราชาวดี  เงินยี่สิบชั่งทั้งขันทอง
แหวนเรือนรังแตนและแหวนงู  ตุ้มหูระย้าเพชรเก็จก่อง
ผ้ายกทองยกไหมสะไบกรอง  ทั้งสิ่งของส่วนพี่เลี้ยงกัลยา
จัดตำหนักให้อยู่ตึกหมู่ใหญ่  ข้าไทยเป็นสุขถ้วนหน้า...
วันรุ่งขึ้นสมเด็จพระพันวษาออกท้องพระโรง ทรงมีพระราชบัญชาให้เจ้าเมืองเชียงใหม่ กลับไปครองเมืองดังเดิมพร้อมทั้งบ่าวไพร่บริวาร
...ไปรักษาพระนิเวศน์เขตขัณฑ์  ป้องกันศึกเสือเหนือใต้
ถ้าแม้นมีปัจจามิตรมาทิศใด เหลือกำลังก็ให้บอกลงมา ฯ 

loading picture

 แล้วออกพระโอษฐ์ ขอนางสร้อยฟ้าให้พระไวย  เจ้าเชียงใหม่ แม้จะรันทดและเสียดายศักดิ์ของลูกสาว ที่ต้องแต่งงานกับหมื่นไวย แต่ก็จำใจทูลว่า ได้ยกนางสร้อยฟ้าให้สมเด็จพระพันวษาแล้ว ก็สุดแต่พระองค์จะทรงโปรดให้เป็นไป  เมื่อนางสร้อยฟ้ารู้ว่า ตนต้องจากบิดามารดามาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา และให้เป็นเมียพระหมื่นไวย ก็เศร้าโศกอาลัย  เจ้าเชียงใหม่จึงให้ เถรขวาด พร้อมทั้งเพี้ยกวานขนานอ้ายอยู่เป็นเพื่อน  นางอัปสรก็สอนลูกสาว ถึงการมีครอบครัวด้วยประการต่าง ๆ เป็นอันมาก

 

 

...อันเป็นหญิงสุดแต่สิ่งปรนนิบัติ  ใครสันทัดผัวก็รักเป็นหนักหนา
แม้นเจ้าทำเหมือนคำของมารดา  ดีกว่ายาแฝดฝังทั้งตาปี ฯ
   พระเจ้าเชียงใหม่ออกเรือจากกรุง
วันรุ่งขึ้นบรรดากลาโหม  มหาดไทย  กรมแสง คลังใน  ต่างนำเอาบรรดาสิ่งของที่ริบไว้ มาคืนเจ้าเชียงใหม่  พร้อมทั้งบอกว่ามีพระราชโองการให้คืน รวมทั้งที่คงค้างอยู่ที่เมืองพิจิตร  มีการนำบัญชีมาตรวจนับรับมอบกลับไป  เมื่อบรรทุกของลงเรือแล้ว วันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทางแต่เช้า  ผ่านแขวงเมืองอินทร์พรหม  ชัยนาท  มโนรมย์  นครสวรรค์  แล้วเข้า แควใหญ่  เข้าปากน้ำเกยชัย บางคลาน  จนถึงเมืองพิจิตร
เมื่อผู้รั้งกรมการเมืองพิจิตรทราบสารตราแล้ว ก็มารับของมอบบรรดาสิ่งของต่าง ๆ ตามบาญชีให้คืนกลับไป จากนั้นเจ้าเมืองเชียงใหม่จึงให้จัดการเดินทาง โดยให้พวกหนึ่งเดินทางบกอีกพวกไปทางเรือ
ฝ่ายข้างเจ้าเชียงใหม่ให้จัดกัน พวกหนึ่งนั้นเดินบกยกล่วงหน้า
ให้คุมครัววัวต่างแลช้างม้า  ไปคอยท่าหน้าเมืองสัชนาลัย
กระบวนเรือน้อยใหญ่ก็ไคลคลา  เข้าคลองพิงค์มาหาช้าไม่
ตกท่ากงลงทางน้ำยมไป  พ้นบ้านใหม่ไม่ช้าถึงท่าเรือ

loading picture

ฝ่ายผู้รั้งเมืองสังคโลก ซึ่งรักษาพระนครทางตอนเหนือ ก็จัดเสบียงอาหารมาแจกจ่าย พร้อมทั้งตรวจสอบบัญชีสิ่งของที่จะนำไป พร้อมทั้งไพร่พล ช้างม้า เครื่องอาวุธต่างๆ ให้ หลวงพลสงคราม ตามไปส่งถึงปากดงพงแดน และแต่งม้าใช้ไปบอก เมืองเถินให้ทราบ  เจ้าเชียงใหม่เดินทางได้เจ็ดวันก็ถึงนครลำปาง ท้าวพระยาผู้รักษาเมืองลำปางก็ออกมาต้อนรับ

   เจ้าเมืองเชียงใหม่เข้าเมืองเชียงใหม่
 
loading picture
ฝ่ายชาวเชียงใหม่ทราบข่าว ต่างก็ดีใจกันทั่วหน้า  จัดการต้อนรับอยู่ที่เมืองลำพูน
...จัดกระบวนแหนแห่แลประเทือง  ธงเที่ยวเขี่ยวเหลืองบรรดามี
ทั้งราชยานคานหามแลวอทอง ฆ้องกลองเครื่องสังคีตดีดสี
แล้วป่าวร้องบอกลาวชาวบุรี มาคอยรับอยู่ที่เมืองลำพูน...
แห่จากเมืองลำพูนเข้าเมืองเชียงใหม่  มีการต้อนรับอย่างใหญ่โต
...แห่ออกนอกเมืองลำพูนไชย ไปยังเวียงเชียงใหม่ในวันนั้น
ทั้งสองข้างทางแห่ให้ปักฉัตร ผูกแผงราชวัตรขึ้นกางกั้น
เจ้าของบ้านนั่งรียงอยู่เคียงกัน พอเจ้านายถึงนั่นก็อวยพร
พลางโปรยบุบผามาลัย ยกมือกราบไหว้อยู่สลอน...
เมื่อเข้าวังหลวงแล้วก็มีพิธีสงฆ์
...พระสังฆราชเชิญองค์เจ้าเชียงใหม่  เข้านั่งในซุ้มกล้วยเป็นกรวยเกราะ
มเหสีก็มีซุ้มจำเพาะ  แล้วพระสงฆ์สวดเสดาะขึ้นพร้อมกัน
สวดเสร็จสังฆราชเอาบาตรน้ำ  เสกซ้ำด้วยพระมนต์ดลขยัน
รดเสดาะเคราะห์ร้ายให้หายพลัน เสียงประโคมครื้นครั่นสนั่นดัง
พอตกบ่ายก็มี พิธีบายศรี ที่ท้องพระโรง
...ตั้งบายศรีเครื่องกระยาสารพัด  ประจงจัดหลายอย่างต่างต่างกัน
ให้พระยาจ่าบ้านเป็นผู้ใหญ่  อวยชัยจำเริญเชิญพระขวัญ
แล้วผูกหัตถ์รัดด้ายถวายพลัน  ตามเยี่ยงอย่างปางบรรพ์ประเพณี
สมโภชเสร็จเสด็จออกพลับพลา  ราษฎรเข้ามาอยู่อึงมี่...
แต่งงานพระไวยพลายงาม
loading picture loading picture
สมเด็จพระพันวษาได้ตรัสกับขุนแผน ในที่ประชุมขุนนางในวันต่อมาว่า พระองค์มีพระราชประสงค์ จะประทานนางสร้อยฟ้าให้แก่พระไวย ให้สมกับที่มีความดีความชอบ  ขุนแผนได้ฟังจึงกราบทูลไปว่า เมื่อตอนไปทัพนั้น พระไวยได้กับศรีมาลาลูกสาวพระพิจิตร  กำลังจะแต่งงานในเดือนสี่นี้ และได้หมั้นกันแล้วตามประเพณี สมเด็จพระพันวษาได้ฟังก็ตรัสว่า หมื่นไวยจะมีเมียสักกี่คนก็ได้ แล้วจึงสั่งพระยาราชสีห์ ให้มีตราหาตัวพระพิจิตร และลูกสาว เพื่อจะให้มาแต่งงานกับพระไวย
เมื่อพระพิจิตรได้รับตราราชสีห์ ทราบความแล้ว จึงพาบุตรภรรยาลงเรือมากรุงศรีอยุธยา เข้าพบเจ้าพระยาราชสีห์แล้วไปพบขุนแผน ขุนแผนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง จากนั้นก็ไปเตรียมงานแต่งงาน มีการเลือกเพื่อนเจ้าสาวสิบคน  เพื่อนเจ้าบ่าวเก้าคน  เตรียมสถานที่และพิธีสงฆ์

   นางวันทองมาช่วยแต่งงาน
ฝ่ายนางวันทองอยู่กับขุนช้างที่สุพรรณ ได้ข่าวว่าพลายงามลูกชายมีความชอบ ได้รับประทานนางสร้อยฟ้า และจะแต่งงานกับนางศรีมาลา ในคราวเดียวกัน จึงไปลาขุนช้าง บอกว่าจะไปงานแต่งงานพลายงาม แล้วเตรียมของไปให้
...เลือกทองลิ่มเอามาสี่ห้าอัน  ทองนั้นจะได้ให้พระหมื่นไวย
ผ้ายกอย่างดีสีชมพู  แหวนงูแหวนประดับไปรับไหว้
ตามมีตามจนคนละใบ  อย่าให้ลูกสะใภ้เขาเย้ยเยาะ...
แล้วให้บ่าวไพร่ขนของลงเรือ เดินทางเข้ากรุง
 ...เข้าลัดตัดทางบางยี่หน ประเดี๋ยวด้นออกบ้านเจ้าเจ็ดได้
ถึงกรุงจอดตะพานบ้านวัดตะไกร  ให้บ่าวไพร่ขนของขึ้นฉับพลัน
ในวันงานตกเวลาบ่าย พระพิจิตร นางบุษบา พร้อมนางศรีมาลา และเพื่อนเจ้าสาวมาเข้าพิธี
...ครั้นถึงน้อมนั่งฟังพระธรรม พระสดำจับมงคลคู่ใส่
สายสิญจน์โยงศรีมาลามาพระไวย พร้อมฆ้องใหญ่หึ่งดังตั้งชยันโต
หนุ่มสาวเคียงคั่งนั่งอัด  พระสงฆ์เปิดตาละปัตรซัดน้ำโร่...
เสร็จพิธีสงฆ์แล้ว พวกผู้หญิงต่างลุกเข้าเรือนไป พวกเจ้าบ่าวเข้าไปที่หอนั่งเลี้ยงอาหารกัน ตกเย็นก็จุดประทีป มีมโหรีบรรเลง วันรุ่งขึ้นก็เตรียมเลี้ยงพระ
ฝ่ายสมเด็จพระพันวษาทรงดำริว่า ควรจะแต่งนางสร้อยทองกับพระไวยในวันเดียวกันกับแต่งนางศรีมาลา จึงมีพระดำรัสสั่งให้ดำเนินการ
...ดำรัสสั่งคลังไปในทันที ให้เบิกผ้ามายี่สิบสำรับ
หวีกระจกเครื่องแป้งแต่งให้ครบ  แหวนมรกตปนพเก้างูประดับ
พานหมากนากทองสองสำรับ  กับเงินห้าชั่งทั้งโต๊ะพาน
มันจะไปให้ขี่วอม่านลาย เจ้าขรัวนายช่วยไปส่งให้ถึงบ้าน...
เมื่อไปถึง พระกาญจน์บุรีออกมารับ แล้วต่างก็ช่วยกันจัดงานเลี้ยงพระเพลจนเสร็จ

   ขุนช้างวิวาทกับพระไวย
ฝ่ายขุนช้างพอรุ่งขึ้น ก็ขึ้นช้างพร้อมบ่าวไพร่ เดินทางเข้ากรุง  เมื่อถึงแล้วก็ขึ้นไปหอกลาง อยู่ร่วมกินเลี้ยง  แล้วเมาทำอาการวิปริตต่าง ๆ เป็นที่น่าอับอาย    เกิดทะเลาะกับพระไวย ขุนช้างถูกทำร้ายจนสลบ  นางวันทองคิดว่าขุนช้างตาย จึงรำพันถึงความดีของขุนช้าง
...อันจะหาน้ำใจในบุรี  เห็นสิ้นดีอยู่เพียงพ่อโพธิ์ทอง
แต่อยู่มาเป็นสิบห้าสิบหกปี  คำน้อยหนึ่งไม่มีให้เมียหมอง
เมื่อคลอดลูกหนุนหลังนั่งประคอง เห็นเมียร้องพ่อก็ร่ำพิไรวอน
เมื่อคราวเมียจับไข้ไม่กินข้าว  พ่อนั่งเฝ้าเคียงคอยตะบอยป้อน...
...อันชายใดในพื้นปัถพี  การรักเมียแล้วไม่มีเสมอเหมือน...
เมื่อขุนช้างฟื้นขึ้นมาก็กล่าวคำอาฆาต แล้วให้เมียกลับสุพรรณ ส่วนตนเองมุ่งเข้าวัง เพื่อฟ้องสมเด็จพระวันวษา
ฝ่ายพระไวยเมื่อหมดเรื่องวิวาทแล้ว ก็จัดแต่งเรือนให้สร้อยฟ้าอยู่ แบ่งกันคนละครึ่งเรือนกับนางศรีมาลา ทำฝารอบขอบชิดไม่ให้กล้ำกลายกัน
เมื่อเสร็จงานแล้ว พระพิจิตรกับนางบุษบาก็ลากลับเมืองพิจิตร ได้ฝากฝังศรีมาลากับพลายงาม โดยเตือนในเรื่องมีเมียสอง ขอให้ระวังดั้งตนเป็นตราชูให้ดี
ตกดึกคืนนั้น พระไวยก็เข้าห้องนางศรีมาลา


| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |