| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

พลายชุมพลจับเสน่ห์
ฝ่ายนางสร้อยฟ้ารู้ว่า เรื่องราวที่ตนทำเสน่ห์พระไวย ยังไม่จบสิ้น ก็มีความวิตก  เมื่อรู้ข่าวว่านางศรีมาลา จะออกไปรับขุนแผนกลับมา เรื่องของตนก็จะปรากฏ จึงลอบสั่งให้ขนานอ้ายบ่าวของตน คุมคนไปดักฆ่านางศรีมาลา ที่เกาะมหาพราหมณ์  พรายที่คอยรักษานางศรีมาลารู้เหตุ จึงให้เรือนางศรีมาลาลัดออกทางบางโผงเผง ใกล้รุ่งถึง บางกระทิง พอสว่างก็ถึงท่าตาลาน   เมื่อพบขุนแผนกับพลายชุมพลแล้ว ก็แจ้งเรื่องเรื่องให้ทราบ  ขุนแผนจึงแก้มนตร์พลหุ่น แล้วลงเรือเข้ากรุง พร้อมพลายชุมพลและนางศรีมาลา  เข้าเฝ้าสมเด็จพระพันวษา ทรงตรัสถามสาเหตุ ขุนแผนก็กราบทูลให้ทรงทราบทุกประการ  เมื่อทราบความแล้ว สมเด็จพระพันวษาจึงตรัสว่า พระองค์เชื่อว่า ขุนแผนไม่เป็นกบฏ  แล้วตำหนิพระไวย และมีพระราชดำริว่า ต้องไปเอาตัวคนทำเสน่ห์มาให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่มีข้อสงสัย
...คิดให้ได้ตัวคนทำมนตร์มา รูปรอยให้รู้ว่าอยู่แห่งไร
ถ้าหากจับได้ไอ้คนคด  ความก็จะปรากฏไม่สงสัย
ใครผิดกูจะทำให้หนำใจ มิให้เป็นสินไหมพินัยกรรม์ ฯ
  พลายชุมพลอาสาจับเสน่ห์
loading picture
พลายชุมพลทูลอาสาไปจับผู้ทำเสน่ห์ และขอให้มีพยานไปด้วย พระองค์จึงให้จมื่นศรีไปเป็นสักขีพยาน ทั้งสองคนรับรับสั่งแล้ว ก็แต่งตนเป็นแขกชวามลายู พร้อมทั้งบ่าวไพร่ที่แต่งตัวเป็นแขกทั้งหมด ทำทีเป็นกะลาสี    เมื่อเดินทางไปถึงวัดพระยาแมน พรายกุมารก็บอกรายละเอียดของ เถรขวาดกับเณรจิ๋วให้ทราบทุกประการ   พลายชุมพลจึงอ่านพระคาถา ขับไล่ผีพรายของเณรขวาดและเณรจิ๋วหนีไป  แล้วขึ้นไปหาบนกุฏีถวายของที่นำมา มีกัญชา ฝิ่น และเหล้า ให้ลองสูบและฉัน จนทั้งเถรขวาดและเณรจิ๋วเมามาย แล้วถามว่าที่มาหานั้นต้องการอะไร    ทั้งสองคนก็บอกว่า ตนได้เมียเป็นคนไทย มอบเงินทองให้ทั้งสำเภา  อยู่มาไม่ถึงปีพ่อตาแม่ยายและเมีย ก็พากันขับไล่  ด่าว่าเป็นแขกนอกศาสนา  จึงขอให้เถรขวาดช่วยแก้ไขให้ ถ้าสำเร็จจะเถวายเงินทองทำกุฏิเก้าห้อง ส่งข้าวปลา และยอมเป็นข้าทั้งสองคน
เถรขวาดได้ฟังก็หัวเราะชอบใจ ว่าเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้อย่าได้กังวลใจ  จมื่นไวยกับนางสร้อยฟ้า ตนยังทำได้สำเร็จไม่ทันพริบตา เณรจิ๋วได้ยินก็ตกใจ แกล้งร้องเตือนให้ฉันเพล แต่เถรขวาดไม่สนใจ
ฝ่ายพลายชุมพลเห็นความเป็นไปทั้งหมดแล้ว จึงบอกให้ไพร่ที่มาด้วยเข้าล้อมจับเถรขวาดไว้

  พลายชุมพลจับเถรขวาดเณรจิ๋ว
เถรขวาดเห็นดังนั้นจึงให้ปิดประตู ให้เณรจิ๋วกอดบั้นเอวแล้วหายตัวไปทั้งคู่  พลายชุมพลก็สั่งให้ปิดประตูไว้ให้แน่น ก่อกองไฟไว้ที่ใต้ถุน แล้วเผาพริกให้ควันกรุ่นขึ้นมารม  จนทั้งคู่ทนไม่ได้ต้องปรากฏตัวออกมา   พลายชุมพลจับตัวได้ แล้วซักถามว่าได้ฝังรูปเลขยันต์ไว้ที่ใด   เถรขวาดจึงนำมาที่ป่าช้าของวัด ขุดลงไปก็พบรูปศรีมาลากับพระไวย ถูกหนามเสียบไว้ทั้งตัว แล้วคุมตัวมาบ้านพระไวย โหงพรายก็กระซิบบอกว่าอยู่ใต้ที่นอน เมื่อขุดลงไปก็พบรูปพระไวยกับสร้อยฟ้า หันหน้ากอดกันอยู่ ทั้งขุนแผน นางทองประศรี และพระไวยต่างก็เห็นกันพร้อมหน้า  นางสร้อยฟ้าเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจหลบเข้าห้องไป
ฝ่ายนางทองประศรี พอคุณไสยเสื่อมคลายก็หายตามัว ลุกขึ้นด่านางสร้อยฟ้าและจะเข้าทำร้ายนางสร้อยฟ้า จนพระไวยต้องห้ามไว้  พระหมื่นศรีจึงนำตัวเถรขวาดและเณรจิ๋ว ไปส่งฝากไว้ที่ทิมตำรวจใหญ่  ผู้คุมก็ให้จำทั้งคู่ ไว้ครบห้าประการ เณรจิ๋วต่อว่าเถรขวาดที่ไม่ฟังที่ตนห้าม  เถรขวาดก็ว่า ถ้าตนไม่เมาแล้วก็จะไม่เสียทีพลายชุมพล

  เถรขวาดหนี
พอตกดึกเถรขวาดก็อ่านคาถามหาสะกด ให้ผู้คนหลับหมด แล้วสะเดาะกลอนโซ่ตรวน ขื่อคากุญแจ หลุดออกหมดทั้งคู่ แล้วเสกปูนพลู เป็นรูปทั้งสองคนนอนแทนอยู่ แล้วล่องหนดั้นประตูออกไป  แล้วค่อยแปลงเป็นจระเข้หนีไปในน้ำ
...จะเป็นคนด้นหนีไปบนบก นึกวิตกกลัวเขาจะจับได้
ลงน้ำเป็นจระเข้ว่ายเร่ไป  เณรนั้นให้เป็นลูกเกาะหลังมา ฯ
พอรุ่งขึ้นผู้คุมเห็นทั้งเถรขวาดและเณรจิ๋วนอนตายอยู่ก็ตกใจ บอกกล่าวกันวุ่นวาย
เมื่อสมเด็จพระพันวษาเสด็จออกว่าราชการ  จมื่นศรีก็กราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบทุกประการ   พระองค์ได้ฟังก็ชอบใจ ตรัสสั่งให้ไปเอาตัวทั้งสองมา  จางวางตำรวจในจึงกราบทูลว่าทั้งสองคนตายแล้ว    พระองค์ตรัสสั่งจมื่นศรีไปนำตัวนางสร้อยฟ้ามา

  สมเด็จพระพันวษาชำระความนางสร้อยฟ้านางศรีมาลา
loading picture
เมื่อนางสร้อยฟ้ามาเข้าเฝ้า สมเด็จพระพันวษาเห็นแล้วให้ชังน้ำหน้า แล้วจึงตรัสถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางสร้อยฟ้าเห็นว่า ทั้งเถรขวาดและเณรจิ๋วตายหมดแล้ว ก็สร้างเรื่องแก้ตัวไปโดยตลอด  สมเด็จพระพันวษาได้ฟัง แล้วก็ตรัสว่า นางสร้อยฟ้าสร้างเรื่องได้ดี เหตุเพราะไม่มีสักขีพยาน  จึงให้เรียกศรีมาลามาถามความ ตามที่นางสร้อยฟ้ากล่าวหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเป็นชู้กับพลายชุมพล  นางศรีมาลากราบทูลว่า เมื่อตอนที่พลายชุมพล ออกตามหาบิดานั้น อายุเพียงเจ็ดขวบ จึงเป็นการใส่ร้ายที่น่าอายมาก สมเด็จพระพันวษาได้ฟังแล้วจึงทรงปรึกษากับ เจ้าพระยาเสนามาตย์ ตกลงว่าจะให้พิสูจน์กันด้วยการลุยไฟ ตามข้อเสนอของนางศรีมาลา


นางสร้อยฟ้าศรีมาลาลุยไฟ
 

loading picture
เมื่อถึงวันพิธี เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว นางสร้อยฟ้าและนางศรีมาลาเริ่มลุยไฟ
...เข้าคนละข้างหัวรางไฟ  ถวายบังคมไปมิได้ช้า
เขาโบกปัดพัดไฟให้ถ่านแดง นางสร้อยฟ้าแสยงเป็นหนักหนา
ศรีมาลาเพราพริ้มยิ้มแย้มมา บังคมแล้วไคลคลาเข้ารางไฟ
ลีลาศดังราชเหมหงส์ เยื้องย่างเหยียบลงหาร้อนไม่
นางมิได้หวาดหวั่นพรั่นฤทัย  ลุยมาลุยไปได้สามที...
  นางสร้อยฟ้าลุยไฟแพ้
สร้อยฟ้ากระดากอยู่ปากราง เปลวไฟร้อนนางยืนจดจ้อง
ให้ครั่นคร้ามกลัวไฟจะไหม้พอง  แข็งใจเยื้องย่องซมซานมา
เหยียบไฟลงได้สองสามก้าว  ตัวสั่นท้าวท้าวไหม้ตีนฉ่า...

loading picture

ทุกคนเมื่อเห็นประจักษ์เช่นนั้น ต่างก็พากันโกรธแค้น นางสร้อยฟ้าด้วยประการต่าง ๆ  สมเด็จพระพันวษา กริ้วนางสร้อยฟ้ายิ่งนัก จึงตรัสสั่งพระยายมราช เอาตัวนางสร้อยฟ้าไปฆ่า ผ่าอกด้วยขวาน ประจานไว้ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง นางสร้อยฟ้าจึงวิงวอนนางศรีมาลา ให้ทูลขอโทษ โดยขอให้เห็นแก่ลูกที่ตนท้องได้เจ็ดเดือน จะพลอยตายไปด้วย นางทองประศรีได้ฟังก็สงสาร จึงขอร้องให้นางศรีมาลาช่วยนางสร้อยฟ้า  นางศรีมาลาได้ฟังก็ใจอ่อน และบอกว่าตนมิได้พยาบาท แล้วจึงกราบทูลขอโทษให้นางสร้อยฟ้า เพื่อช่วยชีวิตลูกพระไวยที่อยู่ในครรภ์นางสร้อยฟ้า
สมเด็จพระพันวษาทรงทราบก็คลายพิโรธ พระราชทานอภัยโทษให้  แล้วให้ขับไปจากเมือง
...ไม่รู้ว่ามันจะมาพาลูกตาย  เสื่อมคลายกริ้วลงด้วยทรงธรรม์
วาสนาสร้อยฟ้าจะไม่ม้วย  กุศลศรีมาลาช่วยค้ำชูนั่น
ทั้งบุญบุตรในท้องนั้นป้องกัน  บันดาลให้ไภยันต์นั้นพ้นไป...
แล้วทรงตรัสขอบใจศรีมาลาที่ไม่จองเวร มีสัตย์ธรรมสูง แล้วพระราชทานรางวัลนางศรีมาลา ที่มีความชอบ ออกไปพาขุนแผนกับพลายชุมพลมาได้
...เงินสองชั่งทั้งผ้าสองสำรับ แหวนก้อยพลอยประดับขันล้างหน้า
หีบหมากลายเทพประนมถมยา  พระราชทานศรีมาลาเป็นรางวัล
อีกทั้งปวะหล่ำกำไรทอง  ประทานลูกในท้องเป็นของขวัญ...
  นางสร้อยฟ้าลาพระไวย
รุ่งขึ้นนางสร้อยฟ้าเข้าไปลาพระไวย คร่ำครวญด้วยประการต่าง ๆ ด้วยความสำนึกผิด  พระไวยก็สงสารยิ่งนัก แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ จึงปลอบใจให้หายเศร้า และขอให้นางสร้อยฟ้า รักษาครรภ์อย่าให้อันตราย ถ้าไม่ตายคงจะได้พบกันใหม่
...อนิจาเวรกรรมจำวิบาก  เมียจะจากพ่อไปอย่างไรได้
ถึงจะต้องตกลำบากยากไร้  ถ้าอยู่ได้แล้วไม่จากพระคุณเลย
พ่อเจ้าดูเมียเสียยังแล้ว  พ่อทูนกระหม่อมแก้วของเมียเอ๋ย
ตั้งแต่นี้มิได้เห็นดังเช่นเคย  จนลับเลยสุดสิ้นชีวาลัย ฯ
แล้วนางก็ไปลานางทองประศรี รำพันถึงความปราณี และบุญคุณที่มีต่อตนให้รอดตาย
...เจ้าประคุณคุณย่าได้ปรานี  ชั่วดีไม่ทิ้งให้หลานตาย 
ให้แม่ศรีมาลามาขอไว้  หลานรักจึงไม่ม้วยฉิบหาย...
...เหมือนตายจากคุณย่าจะลาไป ทางไกลตายเป็นไม่เห็นกัน ฯ 
แล้วเข้าไปลาขุนแผนและพลายชุมพล จากนั้นจึงเข้าไปลานางศรีมาลา
...แม่เจ้ามีคุณขอทูนไว้  หาไม่จะประลัยไปเป็นผี
คุณของแม่หนอในข้อนี้  จะใส่ในเกศีคุ้มวันตาย...
..อภัยโทษโปรดเถิดจะขอลา ผิดพลั้งแต่หลังมาอย่าเป็นเวร
  นางสร้อยฟ้าออกจากเมือง
เมื่อเข้าลาทุกคนแล้ว นางสร้อยฟ้าก็กลับมาเรือนของตน คร่ำครวญที่ต้องจากไป เตรียมข้าวของ ออกเดินทางโดยทางเรือ พระไวยเฝ้าดูอยู่ด้วยความโศกเศร้าอาดูร
...ได้ยินเสียงร้องไห้ไปแจ้วแจ้ว  สนั่นแนวคงคาน่าสงสาร
โอ้ว่ากรรมเราทำแต่ก่อนกาล มาประหารให้กำจัดจึงพลัดพราย...
...เหลียวชะแง้แลตามเจ้าทรามเชย  จนเรือเลยลับแหลมแลไม่เห็น
น้ำตาตกอาบซาบกระเซ็น ตั้งแต่นี้จะไม่เว้นวายคะนึง...
นางสร้อยฟ้าเดินทางไปตามลำดับ จากบ้านป้อมไปหัวสะพาน อ่างทอง บางแก้ว บางแมว ชาวบ้านเล่ากันว่ามีจระเข้อยู่สองตัว ตัวหนึ่งยาวเส้นเศษ  อีกตัวหนึ่งยาวเก้าวา ชอบแสดงตัวลอยขวางอยู่กลางลำน้ำ ถ้าเรือใครผ่านมาลำเดียวตอนพลบค่ำในที่เปลี่ยว ก็จะไล่กัดแจวหัก แต่ไม่เห็นว่ากินคน  นางสร้อยฟ้าได้ฟังก็กลัวจะเป็นอันตราย

  เถรขวาดพานางสร้อยฟ้าไปเชียงใหม่
loading picture
เถรขวาดกับเณรจิ๋ว แปลงตัวเป็นจระเข้ หนีไปอยู่ที่ หัวย่านบ้านบางแมว พอตกค่ำก็ส่งเสียงคำราม แล้วผุดขึ้นลอยอยู่เหนือน้ำ เห็นเรือจอดดูอยู่ท้ายคุ้ง จึงว่ายเข้าไปใกล้ ได้ยินเสียงร้องไห้ก็จำได้ว่าเป็นเสียงนางสร้อยฟ้า จึงว่ายขึ้นฝั่ง แล้วกลับเพศเป็นคนพร้อมกับเณรจิ๋ว เข้าไปพบนางสร้อยฟ้า แล้วเล่าเรื่อง ที่รอดตายมาได้ให้นางสร้อยฟ้าฟังทั้งหมด  นางสร้อยฟ้าก็เล่าเรื่องของตน ให้ฟังตามจริง แล้วก็รับเถรขวาดกับเณรจิ๋วลงเรือ ขึ้นไปเชียงใหม่ด้วยกัน เดินเรือผ่านปากน้ำบางพุดทรา  เดินทางมาได้หนึ่งเดือนก็ถึงเมืองระแหง แล้วขึ้นบกเดินทางกันต่อไป ได้สองเดือนจึงถึงเมืองเชียงใหม่

  กำเนิดพลายเพชรลูกนางศรีมาลา
นางศรีมาลาท้องแก่จะคลอดลูก  นางทองประศรีก็เป็นธุระ ดูแลจัดแจงเตรียมงานต่าง ๆ จนเรียบร้อย คลอดลูกออกมาเป็นชาย รูปร่างหน้าตาน่ารัก พออายุได้สามเดือนก็โกนหัว บรรดาญาติมาทำขวัญให้ แล้วพระไวยกับพระกาญจน์บุรีก็ช่วยกันคิดตั้งชื่อ ให้สมกับตระกูลที่สืบเนื่องมาจากทวด จึงให้ชื่อว่า พลายเพชร

  กำเนิดพลายบัวลูกนางสร้อยฟ้า
นางสร้อยฟ้าเมื่อครรภ์ถึงกำหนด ก็คลอดลูกเป็นชาย รูปร่างหน้าตางามเหมือนพระไวย เป็นที่รักใคร่ของพระเจ้าเชียงใหม่ ผู้เป็นพระเจ้าตายิ่ง แล้วตั้งชื่อตามวงศ์ตระกูลของไทยว่า พลายยงพงศ์นพรัฐ อยู่เย็นเป็นสุขกันต่อมา



| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |