การปฏิบัติการของทหารบกผลัดที่
๔
การเตรียมการจัดกำลังและการเดินทาง
กองพันทหารไทยผลัดที่ ๔ เริ่มจัดตั้งเมื่อ ๒๑ มิถุนายน ๒๔๙๕ ทำการฝึกเบื้องต้น
๔ เดือน
การเดินทางแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือส่วนแรก ออกเดินทางเมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๕
ส่วนหลังออกเดินทางเมื่อ ๒๔ มกราคม ๒๔๙๖
การเดินทางโดยทางเรือแบ่งออกเป็น ๔ ส่วน ส่วนที่ ๑ ออกเดินทางเมื่อ ๑๑ ธันวาคม
๒๔๙๕ โดยเรือสินค้าฮอร์ย ส่วนที่ ๒ ออกเดินทางเมื่อ ๒๘ ธันวาคม ๒๔๙๕
โดยเรือทหารสหรัฐฯ ชื่อ USS General Charles Muir ส่วนที่ ๓ ออกเดินทางเมื่อ
๑๒ มกราคม ๒๔๙๖ โดยเรือฮอร์ย ส่วนที่ ๔ ออกเดินทางเมื่อ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖
โดยเรือของกองกำลังสหประชาชาติ
การเริ่มการรบในแนวเจมส์ทาวน์ด้านเมืองแนชอน
เที่ยงคืนของวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๔๙๕ ทหารข้าศึกประมาณ ๑ กองร้อย พยายามเจาะแนวคอยเหตุทางปีกซ้ายของกองพันทหารไทยเข้าไป
แต่ฝ่ายเราต้านทานไว้ได้โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ข้าศึกจึงถอยกลับไป
และเสียชีวิต ๓๐ คน
คืนวันที่ ๒๐ ธันวาคม ทหารข้าศึก ๑ กองร้อยเพิ่มเติมกำลัง ได้พยายามเข้าตีปีกซ้ายของกองพันทหารไทยอีกครั้งหนึ่ง
ข้าศึกส่วนหนึ่งได้ผ่านเข้ามาถึงหมวดคอยเหตุ กองร้อยที่ ๑ มีการต่อสู้กันในระยะประชิดประมาณ
๑ ชั่วโมง ฝ่ายเราจึงสามารถแย่งยึดที่ตั้งแนวคอยเหตุกลับคืนมาได้ ฝ่ายข้าศึกสูญเสียอย่างหนัก
ทหารไทยเสียชีวิต ๘ คน
๒๙ ธันวาคม ๒๔๙๕ กองพันทหารเอธิโอเปีย ซึ่งขึ้นไปสมทบ กรมทหารราบที่ ๓๒ สหรัฐฯ
ได้สับเปลี่ยนกับกองพันทหารไทย เนื่องจากมีการเปลี่ยนสับเปลี่ยนระดับ กองพลของสหรัฐฯ
กองพันทหารไทยได้ลงไปเป็นกองหนุนโดยไปตั้งอยู่ที่หมู่บ้านฟิชอกโก ทางทิศใต้ของตำบลโปชอน
ห่างออกไปประมาณ ๑๓ กิโลเมตร
การปฏิบัติการบริเวณเขาเดอะฮุค
และเขายิบรอลตาร์
ปลายเดือนมกราคม ๒๔๙๖ กองพลทหารราบที่ ๒ สหรัฐฯ ได้รับคำสั่งให้ขึ้นไปผลัดเปลี่ยนกองพลที่
๑ จักรภพอังกฤษ วางกำลังบนภูเขาเดอะฮุค และลิดเติลยิบรอลตาร์ ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำอินจินในแนวเจมส์ทาวน์
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖ กองพันทหารไทยได้ขึ้นผลัดเปลี่ยนกองพันที่ ๑ ทางด้านซ้ายของกรมทหารราบที่
๙ สหรัฐฯ มีเขตรับผิดชอบทางปีกซ้าย เริ่มจากเขาทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านนาปู
เขา ๑๕๖ หมู่บ้านพุดซัง จนสุดปีกขวาที่เขา
๑๖๖ และได้ตั้งมั่นอยู่ในแนวนี้จนถึง ๘ เมษายน ๒๔๙๖ ลักษณะการรบเป็นการลาดตระเวณ
และดักซุ่มยิงเพื่อจับเชลย จึงได้ให้กองร้อยในแนวหน้าส่งหน่วยลาดตระเวณขนาดย่อม
ออกไปสกัดซุ่มยิงข้าศึกทั้งกลางวันกลางคืน มีการปะทะกับหน่วยลาดตระเวณข้าศึกหลายครั้ง
๑ มีนาคม ๒๔๙๖ ฝ่ายข้าศึกซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหวมานาน ได้เริ่มปฏิบัติการเชิงรุก
โดยเริ่มระดมยิงปืนใหญ่ และเครื่องยิงหนักไปยังกองร้อยที่ ๑ และที่ ๒ ของไทยอย่างรุนแรง
จากนั้นกำลังข้าศึกประมาณ ๒ กองร้อย ได้เข้าโจมตีมีบางส่วนเข้ายึดหมู่คอยเหตุที่
๓ ของกองร้อยที่ ๒ จึงเกิดการต่อสู้ถึงขั้นตะลุมบอน ฝ่ายเราส่งกำลังเข้าตีโต้ตอบยึดคืนกลับมาได้
ข้าศึกหยุดการโจมตี และถอนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พร้อมกับการสูญเสียอย่างหนัก
ฝ่ายเราเสียชีวิต ๗ คน บาดเจ็บ ๒๓ คน
๑๑ มีนาคม ๒๔๙๖ เวลา ๒๓.๐๐ น. หมวดรบพิเศษของกองพันทหารไทย ได้เคลื่อนที่เข้าสู่ที่หมายอย่างเงียบ
ๆ โดยมีหมู่ลาดตระเวณจากกองร้อยที่ ๑ และกองร้อยที่ ๒ เคลื่อนที่ตามออกไปวางกำลังคุ้มครองการถอนตัว
ฝ่ายเราเข้าตีที่ตั้งหมู่คอยเหตุของข้าศึก และถอนตัวกลับมาได้ไม่มีการสูญเสีย
ในคืนวันที่ ๑๗ มีนาคม ข้าศึกประมาณ ๑ กองพัน ได้เข้าตีหน่วยทหารสหรัฐฯ
กองพันทหารไทยได้ใช้อาวุธหนักยิงช่วยอย่างเต็มที่
ฝ่ายข้าศึกเสียกำลังมากกว่า ๔๐๐ คน ฝ่ายเราบาดเจ็บ ๑๐๐ คนเศษ นับเป็นการรบครั้งที่หนักที่สุดของกรมทหารราบที่
๙ สหรัฐฯ ในแนวรบนี้
ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๖ มีนาคม ๒๔๙๖ ข้าศึกส่งหน่วยลาดตระเวณเข้าไปหยั่งกำลังฝ่ายเราตลอดแนวของกรม
ข้าศึกประมาณ ๔ หมวด ได้เคลื่อนที่เข้าไปข้างหน้ากองร้อยที่ ๑ ของไทย ปะทะกับยามพังการณ์
และหมู่คอยเหตุของเรา
ฝ่ายเราถอนตัวได้ทัน และใช้อาวุธหนักทุกชนิดยิงสกัดกั้นข้าศึกอย่างรุนแรง
จนข้าศึกต้องถอนตัวกลับไป
กองพันทหารไทยได้เคลื่อนย้ายลงไปเป็นกองหนุน เมื่อ ๘ เมษายน ๒๔๙๖ โดยไปตั้งอยู่ที่ตำบลพับยอง
ห่างจากเมืองอุยจองบูไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ ๑๐ กิโลเมตร
กองพลทหารราบที่ ๒ สหรัฐฯ ได้ย้ายไปขึ้นกับกองทัพน้อยที่ ๙ สหรัฐฯ เมื่อ ๒๗
เมษายน ๒๔๙๖ กองพันทหารไทยจึงได้รับคำสั่งให้เคลื่อนย้ายไปเข้าที่ตั้งในแนวแคนซัส
ซึ่งเป็นแนวหนุนของกองทัพที่
๘ สหรัฐฯ ที่ตั้งกองพันอยู่ที่บ้านเชิงเขาหลังแคนซัส ต่อมาเมื่อ ๖ พฤษภาคม
๒๔๙๖ ก็ได้รับคำสั่งให้ย้ายจากแนวแคนซัสไปที่หมู่บ้านคิโอ ทางทิศใต้ของเมืองชอร์วอน
๑๑ กิโลเมตร ในที่รวมพลของกองพลที่
๒ สหรัฐฯ
๒๑ มิถุนายน ผู้บังคับกองพันทหารไทยผลัดที่ ๔ ได้ส่งมอบการบังคับบัญชาให้ผู้บังคับกองพันทหารไทยผลัดที่
๕
จากการปฏิบัติการของกองพันทหารไทยผลัดที่ ๔ ในบริเวณเมืองเคซอง มุรซาน อุยจองบู
และชอร์วอน
ประธานาธิบดีชิงมังรีแห่งเกาหลีใต้
ได้มอบแพรแถบเชิดชูเกียรติคุณหน่วย พร้อมทั้งคำประกาศเกียรติคุณหน่วย
เมื่อ ๘ เมษายน ๒๔๘๗ ดังนี้
ซิงมันรี
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
๘ เมษายน
๒๔๙๗
คำประกาศเกียรติคุณหน่วย
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลีขอประกาศเกียรติคุณด้วยความปิติอย่างซาบซึ้ง
แด่
กองพันทหารไทย
ในการที่ได้ประกอบภารกิจดีเด่นเป็นพิเศษ
แก่สาธารณรัฐเกาหลี
ในรอบระยะเวลาตั้งแต่
๒๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ ถึง ๘ เมษายน ๒๔๙๖
กองพันทหารไทยได้ปฏิบัติหน้าที่ภารกิจเป็นผลดีเยี่ยม ในการสู้รบกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ผู้รุกรานประเทศเกาหลี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุทธบริเวณพื้นที่เมืองเคซอง มุนซาน ชุนชอน อุยจองบู และชอร์วอน
เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๔๙๖ ข้าศึกได้ทำการเข้าโจมตีกองร้อยที่ ๑ โดยมีปืนใหญ่ยิงช่วยอย่างหนัก
แต่กองร้อยที่ ๑ ได้ทำการผลักดันข้าศึกด้วยความกล้าหาญ จนฝ่ายข้าศึกต้องสูญเสียกำลังไปเป็นจำนวนมาก
ในระหว่างการรบนี้ ทหารทุกคนในกองร้อยที่ ๑ ได้แสดงให้เห็นความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว
อย่างเด่นชัด
การปฏิบัติของบรรดาทหารไทยในกองพันทหารไทยอันดีเด่นนี้ ได้เป็นผลเสริมส่งเกียรติคุณให้แก่กองพันทหารไทย
ราชการแห่งกองทัพบกไทย และกำลังทหารสหประชาชาติที่ปฏิบัติการอยู่ในประเทศเกาหลี
ด้วยเกียรติประวัติซึ่งกองพันทหารไทยได้ปฏิบัติการไปนี้จะได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐเกาหลี
คำประกาศเกียรติคุณหน่วยนี้แสดงว่า ทหารไทยทุกคนซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ภารกิจในสาธารณรัฐเกาหลีในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวแล้วนั้น
ย่อมมีสิทธิที่จะประดับแพรแถบเชิดชูเกียรติคุณนี้ได้
การปฏิบัติการของทหารบกผลัดที่ ๕
การจัดตั้งและการเดินทาง
การจัดตั้งคงดำเนินการเช่นเดียวกันกับผลัดที่ ๒ - ๔ เป็นส่วนใหญ่ ด้จัดตั้งและเปิดกองบังคับการกองพันตั้งแต่
๑๕ มีนาคม ๒๔๙๖
การเดินทางไปผลัดเปลี่ยน ได้จัดกำลังออกเดินทางเป็นส่วน ๆ รวม ๕ ส่วนด้วยกันดังนี้
ส่วนที่ ๑ มีกำลังพล ๒๙๖ คน เดินทางโดยเรือหลวงหนองสาหร่ายและเรือหลวงปราบ
เมื่อ ๒๐ พฤษภาคม ๒๔๙๖ ไปถ่ายลงเรือสินค้าฮอร์ยุที่ทางการไทยจ้างไว้ที่เกาะสีชัง
ส่วนที่ ๒ เดินทางโดยเครื่องบินของหน่วยบริการขนส่งทางอากาศทางทหารสหรัฐฯ
เมื่อ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๖
ส่วนที่ ๓ มีกำลังพล ๔๐๒ คน เดินทางโดนเรือสินค้าฟูจิกาวา ซึ่งทางการไทยว่าจ้าง
ออกเดินทางจากท่าเรือกรุงเทพ ฯ เมื่อ ๑๓ สิงหาคม ๒๔๙๖
ส่วนที่ ๔ มีกำลังพล ๓๘๐ คน ออกเดินทางเมื่อ ๗ พฤษภาคม ๒๔๙๖ โดยเรือสินค้าฮอร์ยุที่เกาะสีชัง
ส่วนที่ ๕ มีกำลังพล ๒๐๘ คน ออกเดินทางเมื่อ ๗ พฤษภาคม ๒๔๙๖ โดยเรือสินค้าฮอร์ยุที่เกาะสีชัง
การปฏิบัติการรบที่บูเมอแรง
ในต้นเดือนกรกฎาคม ๒๔๙๕ กองพันทหารไทยได้รับทราบจากหน่วยเหนือว่า กองพลที่
๒ สหรัฐฯ จะขึ้นไปสับเปลี่ยนกองพลทหารราบที่ ๓ สหรัฐฯ ในแนวเจมส์ทาวน์ และกรมจะตั้งขึ้นไปสับเปลี่ยนกับกรมทหารราบที่
๒๕ สหรัฐฯ ทางด้านขวาแนวรบ
พื้นที่บริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นเทือกเขาต่อเนื่องกันเป็นรูปครึ่งวงกลม
หันส่วนโค้งไปทางด้านข้าศึก จึงได้ชื่อว่าบูเมอแรง ผู้บังคับกองพันทหารไทยพิจารณาภูมิประเทศ
และเงื่อนไขจากหน่วยเหนือแล้ว จึงตกลงใจอาสาขึ้นประจำแนวต้านทานหลัก โดยเลือกเข้าประจำที่มั่นด้านซ้ายของกรม
๑๓ กรกฎาคม ๒๔๙๖ เริ่มทำการตรวจภูมิประเทศร่วมกับหน่วยเหนือ และหน่วยข้างเคียง
และนำกำลังเข้าที่ตั้งในตอนค่ำของวันรุ่งขึ้น และทำได้สำเร็จเรียบร้อยก่อนสว่าง
การวางกำลังได้วางกำลัง ๓ กองร้อยในแนวต้านทานหลัก กองร้อยอาวุธหนักอยู่หลังกองร้อยที่
๒ หน่วยกำลังยิงสหรัฐฯ ที่สนับสนุนการปฏิบัติของกองพันทหารไทยคือ ๑ หมวดรถถัง
และ๑ หมวดเครื่องยิงหนัก (ค.๔.๒ นิ้ว) หน่วยปืนใหญ่และปืนต่อสู้อากาศยานยิงกระสุนวิถีราบต่อที่หมายทางพื้นดิน
หลังจากสับเปลี่ยนกำลังในแนวที่มั่นแล้ว ก็ได้จัดหมู่คอบเหตุจากกองร้อยต่าง
ๆ ในแนวออกไปประจำ ทำหน้าที่แนวต้านทานหลักรวม ๘ แห่ง และได้ส่งออกไปประจำที่ในตอนค่ำ
นอกจากนั้นก็ได้จัดหมู่ลาดตระเวณออกไปตามช่องทางปลอดภัย
(Saftl Lane)
ระหว่าง ๑๕ - ๑๖ กรกฎาคม ๒๔๙๖ ได้มีการปะทะกันประปรายจากการปฎิบัติการของทั้งสองฝ่าย
และมีสิ่งบอกเหตุว่าฝ่ายข้าศึกจะเข้าตีทางด้านกองร้อยที่ ๒ และกองร้อยที่
๓ ตกกลางคืนวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๔๙๖ ข้าศึกได้ยิงเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด ๘๒
มิลลิเมตร ไปยังที่ตั้งกองร้อยที่ ๓ อย่างหนัก พอใกล้รุ่งข้าศึกประมาณ ๑ กองพัน
เคลื่อที่ตั้งมุ่งเข้าตีกองพันที่ ๒ สหรัฐฯ และระดมยิงด้วยอาวุธทุกชนิดไปยังกองร้อยที่
๓ ของไทย ซึ่งอยู่ทางปีกขวาติดกับกองพันที่ ๒ สหรัฐฯ กองร้อยที่ ๓ ได้ยิงตัดหลังข้าศึกด้วยอาวุธทุกชนิด
จนข้าศึกต้องถอนตัวกลับ การปฎิบัติการครั้งนี้ ได้รับคำขอบคุณและคำชมเชยจากหน่วยเหนือ
วันที่ ๑๗ กรกฎาคม เวลา ๒๑.๓๕ น. ข้าศึกประมาณ ๒ กองพันเคลื่อนที่เข้ามา ๒
ทาง ได้มีการปฏิบัติการทั้งสองฝ่ายอย่างต่อเนื่องไปจนถึง ๒๗ กรกฎาคม ๒๔๙๖
เวลา ๒๑.๔๕ น. ทหารไทยทุกหน่วยหยุดยิงตามคำสั่ง ก่อนเวลาที่กำหนดตามความตกลงสงบศึก
การปฏิบัติการภายหลังการหยุดยิง
เช้าวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๔๙๖ หน่วยเหนือได้สั่งให้ทุกกองพัน ถอนกำลังลงไปยึดที่มั่นในแนว
ซึ่งเดิมเป็นแนวหนุนของกรมทหารราบที่ ๙ สหรัฐฯ
ระหว่าง ๓๑ กรกฎาคม - ๑๘ สิงหาคม ๒๔๙๖ กองพันทหารไทยได้รับมอบหน้าที่ให้ยึดรักษา
พื้นที่ด้านซ้ายของแนวที่มั่นหลักภายหลังการสงบศึก
วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๔๙๖ แม่ทัพน้อยที่ ๙ สหรัฐฯ ได้มีหนังสือชมเชยประสิทธิภาพอันดีเด่น
ในการรบและการให้ความร่วมมือแก่กองบัญชาการสหประชาชาติ ของกองพันทหารไทย
วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๔๙๖ จอมพล ป.พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ได้มีหนังสือขอบคุณ และชมเชยผลการปฏิบัติของกองพันทหารไทย
การปฏิบัติหน้าที่ในกองหนุนของกองพล
ในวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๔๙๖ กรมทหารราบที่ ๙ สหรัฐฯ ได้รับคำสั่งให้เป็นกองหนุนของกองพล
ในพื้นที่หุบเขาบริเวณหมู่บ้าน สะกุมหัก อยู่ห่างจากเขตปลอดทหาร ประมาณ ๗
กิโลเมตร
วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๔๙๖ กำลังส่วนที่ ๓ ของกองพันทหารไทยผลัดที่ ๕ ได้เดินทางมาถึงและผลัดเปลี่ยนกับกำลังพลของผลัดที่
๔
วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๔๙๖ กระทรวงกิจการสังคมเกาหลีใต้ได้มีหนังสือชมเชย และขอบคุณกองพันทหารไทย
ที่ได้บริจาคอาหารให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเกาหลีในกรุงโซล
วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๔๙๖ กรมทหารราบที่ ๙ สหรัฐฯ ได้ขึ้นประจำแนวที่มั่นตั้งรับอีกครั้งหนึ่ง
กองพันทหารไทยได้เคลื่อนย้ายไปที่บ้านชุม ทำหน้าที่เป็นกองหนุนของกรม
วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๔๙๖ กำลังพลส่วนที่ ๔ ของผลัดที่ ๕ ได้เดินทางมาถึงและผลัดเปลี่ยนกำลังกับผลัดที่
๔
การเข้ายึดที่มั่นในแนวที่มั่นหลักภายหลังการสงบศึก
วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๔๙๖ กองพันทหารไทยได้เคลื่อนย้ายไปสับเปลี่ยนกับกองพันที่
๓ สหรัฐฯ
วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๔๙๖ กำลังส่วนที่เหลือของผลัดที่ ๕ ได้เดินทางมาผลัดเปลี่ยน
กำลังพลส่วนที่เหลือของผลัดที่ ๔ เสร็จเรียบร้อย กองพันทหารไทยจึงมีกำลังพลผลัดที่
๕ นับจากนั้นมา
วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๙๗ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้
ได้มอบเกียรติบัตรของประธานาธิบดีเกาหลีใต้
ชมเชยกองพันทหารไทย โดยมีผู้บังคับบัญชาของหน่วยเหนือถึงระดับกองพลเข้าร่วมพิธีด้วย
วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๔๙๗ ประธานาธิบดีซิงมันรี
แห่งเกาหลีใต้ได้มอบแพรแถบเชิดชูเกียรติคุณ
แก่หน่วยกองพันทหารไทย
ผลัดที่ ๕ ในผลการปฏิบัติการรบของกองพันในพื้นที่ด้านเมืองกุมหว่า บริเวณเขาบูเมอแรง
ในห้วงระยะเวลา ตั้งแต่ ๒๑ มิถุนายน ๒๔๙๖ ถึง ๒ พฤษภาคม ๒๔๙๗
การถอนกำลังไปประจำที่อุนชอนและการผลัดเปลี่ยนกำลังพล
กองทัพบกได้จัดตั้ง และทำการฝึกกำลังพล ผลัดที่ ๖ พร้อมที่จะจัดส่งไปผลัดเปลี่ยนคราวเดียวกันทั้งกองพัน
ในเดือนมิถุนายน ๒๔๙๗
กองพลทหารราบที่ ๒ สหรัฐฯ ได้จัดพิธีสวนสนามขึ้นในปลายพฤษภาคม ๒๔๙๗ เพื่อเทิดเกียรติ
และส่งกองพันทหารไทย ผลัดที่ ๕ โดยมีผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของหน่วยทหารสหรัฐฯ
และผู้บังคับบัญชา หรือผู้แทนหน่วยทหารสหประชาชาติ ที่ส่งกำลังไปร่วมในเกาหลีมาร่วมพิธีด้วย
ในต้นเดือน มิถุนายน ๒๔๙๗ กองพันทหารไทย ผลัดที่ ๕ ได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังจากที่มั่นตั้งรับในแนวหน้าลงไปพักในค่ายทหารที่หมู่บ้านพูลกันด๊อก
ตำบลอุนชอน หลังแนวรบ และอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ
๕๖ กิโลเมตร เพื่อทำการผลัดเปลี่ยนกำลังพล