อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ข้อมูลทั่วไป
    อุทยานแห่งชาติภูกระดึง  จังหวัดเลย ประกอบด้วย ภูเขาสูงที่มีธรรมชาติอันสวยสดงดงามมาก  ที่ราบบนยอดภูกระดึงมีพืชเมืองหนาว ได้แก่ ป่าสนสองใบ ป่าสนสามใบ  ป่าต้นเมเปิล (ไฟเดือนห้า) และพันธุ์ไม้ดอกที่สวยงาม เช่น กุหลาบป่า ม้าวิ่ง เอื้องหินคำ ดอกม่วนดักหงาย เป็นต้น ตลอดจนมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติบรรยากาศและทิวทัศน์ที่สวยงามหลายแห่ง ภูกระดึงมีเนื้อที่ประมาณ 348 ตารางกิโลเมตร
    ตามตำนานกล่าวว่า มีพรานผู้หนึ่งตามล่ากระทิงโทนขึ้นไปจนถึงบนยอดเขาลูกหนึ่ง ในเขตตำบลศรีฐาน ได้พบพื้นที่บนยอดเขาราบเรียบและกว้างใหญ่มากเป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าสน มีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างเรียงรายเป็นระเบียบ และยังเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ช้างป่า ฝูงกระทิง เก้ง กวาง ซึ่งหากินอยู่เป็นฝูง ๆ ไม่ตระหนกตื่นกลัวนายพราน เนื่องจากไม่เคยเห็นคนมาก่อน ภูกระดึงซึ่งธรรมชาติได้ปิดบังซ่อนเร้นมานานก็ถูกเปิดเผยให้มนุษย์รู้จักแต่นั้นมา
    จากการเล่าลือกันมาแต่โบราณว่า มีผู้ได้ยินเสียงระฆังของพระอินทร์ที่อยู่บนเขานี้ ดังนั้นจึงให้ชื่อว่า ภูกระดึง หรือภูกะดึง เพราะคำว่า "ภู" หมายถึง ภูเขา และ "กระดึง" มาจาก "กระดิ่ง" ภาษาพื้นเมืองจังหวัดเลยแปลว่า "ระฆังใหญ่" นอกจากนี้เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาบางส่วน หากเดินหนัก ๆ หรือใช้ไม้กระทุ้งก็จะมีเสียงก้องคล้ายระฆัง ซึ่งเกิดจากโพรงข้างใต้ จึงได้รับขนานนามว่า "ภูกระดึง"
    ภูกระดึงเป็นที่รู้จักกันมานาน ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 สมุหเทศาภิบาล (พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม) ได้ทำรายงานสภาพภูมิศาสตร์เสนอต่อกระทรวงมหาดไทย และต่อมาในปี พ.ศ. 2463 นายอำเภอวังสะพุง ซึ่งปกครองท้องที่เขตภูกระดึงในขณะนั้นได้ขึ้นไปสร้างพระพุทธรูปไว้บนยอดภูกระดึงองค์หนึ่ง ในปี พ.ศ. 2486 ทางราชการได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดป่าภูกระดึงให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ และกรมป่าไม้เริ่มดำเนินการ สำรวจเพื่อจัดตั้งอุทยานแห่งชาติขึ้นที่ภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นแห่งแรก แต่เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณและเจ้าหน้าที่ จึงได้ดำเนินการไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    ภูกระดึงได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2505 นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 2 ของไทย และนับเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีประวัติความเป็นมาแบบวิถีชีวิตไทยที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง


สภาพภูมิประเทศ
    เป็นภูเขาหินทรายที่มีพื้นที่ราบบนยอดเขากว้างใหญ่สลับกับเนินเตี้ย ๆ ยอดสูงสุดคือ  ภูกุ่มข้าว  สูงราวระดับน้ำทะเล  ประมาณ 1,350 เมตร เป็นแหล่งกำเนิดของลำน้ำพอง ซึ่งหล่อเลี้ยงเขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนหนองหวาย ยอดภูกระดึงประกอบไปด้วยป่าสนสลับป่าก่อและทุ่งหญ้า มีพันธุ์ไม้ดอก ไม้ใบ ขึ้นอยู่ทั่วไปตามบริเวณน้ำตก ลำธารและลานหิน ซึ่งธรรมชาติได้สร้างสรรค์ไว้อย่างสวยงามยิ่ง


พรรณไม้
     มีป่าไม้หลายชนิด เช่น  ป่าเต็งรัง  ป่าเบญจพรรณ  ป่าดงดิบเขา และป่าสนเขา  มีพรรณไม้ต่าง ๆ ได้แก่  เต็ง  รัง  พลวง  แดง  มะค่า  ยมหอม  มะเกลือ  ตะแบก  สมอ  รกฟ้า  พญาไม้  สนสามพันปี  จำปีป่า  ทะโล้  เมเปิ้ล  สนสองใบ   และสนสามใบ  ในทุ่งหญ้ามีพันธุ์ไม้ดอกที่สวยงาม ออกดอกบานสะพรั่งสลับกันไปในแต่ฤดูกาล เช่น  กุหลาบป่า  เทียนน้ำ  มณเทียนทอง  แววมยุรา  กระดุมเงิน  เทียบภู  ส้มแปะ  เง่าน้ำทิพย์  ดาวเรืองภู  หยาดน้ำค้าง และกล้วยไม้  ซึ่งบางชนิดชอบขึ้นตามลานหิน ได้แก่  ม้าวิ่ง  เอื้องคำหิน ส่วนไม้พื้นล่างมี  เฟิร์น  หญ้ามอส  โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวตอกฤาษี ซึ่งเป็นหญ้ามอสขนาดใหญ่และสวยงามมีอยู่มาก


สัตว์ป่า
    เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้าและลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีสัตว์ป่าอาศัยอย่างชุกชุม เช่น  ช้าง  เสือโคร่ง  หมีควาย  เลียงผา  เก้ง  กวาง  หมูป่า  ชะนี  บ่าง  พญากระรอก  หมาไม้  หมาไน  ส่วนนกชนิดต่าง ๆ ที่พบเห็น ได้แก่  นกกางเขนดง  นกกระทาทุ่ง  นกพญาไฟใหญ่  นกขมิ้นดง และมีเต่าชนิดหนึ่งซึ่งหาได้ยากคือ  เต่าปูรู หรือเต่าหาง  เป็นเต่าที่หางยาวอยู่ตามลำธารในป่าเขาระดับสูงของประเทศไทย


สถานที่ท่องเที่ยว
    ผานกแอ่น  ผาหล่มสัก  สระอโนดาด  สระแก้ว  น้ำตกเพ็ญ  น้ำตกตาดร้อง  น้ำตกถ้ำสอ  น้ำตกน้ำผ่า  ถ้ำใหญ่  น้ำตกขุนทอง  ผาหมากดูก  ผาแดง  ผาเหยียบเมฆ  สวนสีดา  ซึ่งส่วนใหญ่มีทางเดินชมธรรมชาติติดต่อถึงกันหมด ฉะนั้นผู้ที่จะไปเที่ยวบนภูกระดึงควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน เพื่อที่จะได้เที่ยวชมธรรมชาติที่สวยสดงดงามเหล่านั้นได้ทั่วถึง


| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |