อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ข้อมูลทั่วไป
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า  ตั้งครอบคลุมพื้นที่รอยต่อของสองจังหวัด คือ  อำเภอด่านซ้าย  จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก  ภูหินร่องกล้าอันเป็นพื้นที่เป็นแหล่งเกิดของประวัติศาสตร์การสู้รบอันยาวนาน  เป็นวีรกรรมของนักรบไทยที่เกิดขึ้น ณ ที่นี้ ตลอดจนสภาพสิ่งก่อสร้างในอดีตจะถูกบันทึกเก็บรักษาไว้
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า  มีเนื้อที่ประมาณ 307 ตารางกิโลเมตร หรือ 102,000 ไร่  ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ  เมื่อปี พ.ศ. 2527  นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 14 ของภาคเหนือ และแห่งที่ 48 ของประเทศ


สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ
สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไป   เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน  ประกอบด้วยยอดภูเขาที่สำคัญคือ  ภูแผงม้า  ภูขี้เถ้า  ภูลมโล  ภูหินร่องกล้า  โดยมีภูลมโลเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด สูงประมาณ 1,664 เมตร  จากระดับน้ำทะเล รองลงมาคือ  ภูหินร่องกล้า  ซึ่งมีความสูงประมาณ 1,614 เมตร  เทือกเขาเหล่านี้จะมีความสูงลดหลั่นลงไปจากด้านทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก และเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำลำธารหลายสาย เช่นลำน้ำไซ ห้วยน้ำขมึน ห้อยออมสิงห์ ห้วยเหมือดโดน และห้วยหลวงใหม่
สภาพภูมิอากาศ  ภูหินร่องกล้ามีสภาพภูมิอากาศคล้ายภูกระดึงและภูหลวง เนื่องจากมีความสูงในระดับไล่เลี่ยกัน อากาศจะหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดนเฉพาะในฤดูหนาวอุณหภูมิจะต่ำมากประมาณ 0-4 องศาเซลเซียส มีหมอกคลุมทั่วบริเวณ ส่วนฤดูร้อนอากาศจะเย็นสบาย ฝนตกชุกในฤดูฝน อุณหภูมเฉลี่ยทั้งปี ประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส


พรรณไม้
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า  ปกคลุมด้วยป่าไม้ 3 ชนิด คือ  ป่าเต็งรัง  ป่าดิบเขา และป่าสนเขา ป่าเต็งรังเป็นป่าที่ขึ้นในพื้นที่ระดับต่ำบริเวณเชิงเขา พื้นดินเป็นดินที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างแห้งแล้ง พันธุ์ไม้ที่พบ ได้แก่  เต็ง  รัง  พยอม  ตะคร้อ  พลวง ฯลฯ  ส่วนป่าดิบเขาจะขึ้นในบริเวณเขาสูง ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก อากาศชื้น เป็นป่ารกทึบ พันธุ์ไม้ที่พบเห็นทั่วไป ได้แก่  ก่อเดือย  ก่อหัวหมู  อบเชย  ทะโล้  ส่วนไม้พื้นล่าง ได้แก่  หวาย  ปาล์มชนิดต่าง ๆ สำหรับป่าสนเขาเป็นป่าบนที่ราบหลังภู  มีสนสองใบและสามใบขึ้นปะปนกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นสนสองใบ บางแห่งอยู่ร่วมกันเป็นป่าสนกว้างขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังพบพันธุ์กล้วยไม้ป่า ดอกไม้ป่าหลายชนิดขึ้นอยู่ตามลานหิน เช่น  ม้าวิ่ง  เอื้องตาเหิน  เอื้องคำหิน  เอื้องสายสามสี  ช้องนางคลี่  เหง้าน้ำทิพย์  กุหลาบขาว  กุหลาบแดง  ฟองหิน  รวมทั้งมอส  เฟริ์น  ไลเคน  และตะไคร่ชนิดต่าง ๆ  ซึ่งในช่วงปลายฤดูฝนต่อฤดูหนาวดอกไม้ป่าเหล่านี้จะออกดอกบานสะพรั่ง มีสีสันงดงามมาก


สัตว์ป่า
ในอดีตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น  เสือ  กวาง  เก้ง  กระจง  นกชนิดต่าง ๆ  ครั้นต่อมาเมื่อกลายเป็นแหล่งอาศัยของคนจำนวนมาก สัตว์ป่าต่าง ๆ  จึงถูกล่าเป็นอาหารเสียมาก  ในปัจจุบันไม่พบสัตว์ป่าขนาดใหญ่อาศัยอยู่เลย  คงพบแต่นกบางชนิดเท่านั้น


สถานที่ท่องเที่ยว
เนื่องจากอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า  เป็นอุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีสภาพธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา ผิดจากอุทยานแห่งชาติโดยทั่วไป ดังนั้นจุดเด่นที่น่าสนใจต่าง ๆ จึงแบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือ
1.  ด้านประวัติศาสตร์   ได้แก่  สถานที่ต่าง ๆ ที่อดีตผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เคยใช้เป็นที่อยู่อาศัย เป็นที่ประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งสถานที่เหล่านี้จะได้รับการรักษาดูแลให้คงอยู่ในสภาพเดิม เช่น
โรงเรียนการเมืองการทหาร   มีสภาพเป็นป่ารกคลึ้มหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ จะประกอบไปด้วยบ้านฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร และสถานพยาบาล ส่วนเหล่านี้มีทั้งหมด 31 หลัง เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ  กระจายอยู่อย่างเป็นระเบียบ
สำนักอำนาจรัฐ   เป็นสถานที่ดำเนินการปกครอง มีการพิจารณาและลงโทษผู้กระทำผิดหรือละเมิดต่อกฎลัทธิ มีคุกสำหรับขังผู้กระทำความผิด มีสถานที่ทอผ้าและโรงซ่อมเครื่องจักรกลหลงเหลืออยู่
หมู่บ้านมวลชน   เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มมวลชน มีอยู่หลายหมู่บ้าน เช่น หมู่บ้านดาวแดง หมู่บ้านดาวชัย แต่ละหมู่บ้านมีบ้านประมาณ 40-50 หลัง เรียงรายอยู่ในป่ารกริมทางที่ตัดมาจากอำเภอหล่มสัก ลักษณะบ้านเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ไม่ยกพื้น หลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้ บ้านแต่ละหลังจะมีหลุมหลบภัยทางอากาศอยู่ด้วย
โรงพยาบาล   อยู่ห่างจากสำนักอำนาจรัฐ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นโรงพยาบาลกลางป่า ที่มีอุปกรณ์ในการรักษาคนป่วยเกือบครบถ้วน  มีห้องปรุงยา  ห้องพักฟื้น และยาชนิดต่าง ๆ  เป็นอันมาก
2.   ด้านธรรมชาติที่สวยงาม   ได้แก่
ลานหินแตก   อยู่ห่างจากฐานพัชรินทร์ ประมาณ 300 เมตร ลักษณะเป็นลานหินที่มีรอยแตกเป็นแนว เป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบ บางรอยก็กว้างพอคนก้าวข้ามได้ และบางรอยก็กว้างจนไม่สามารถจะกระโดดข้ามถึง สำหรับความลึกของร่องหินแตกนั้นไม่สามารถจะคะเนได้ ลักษณะเช่นนี้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลก จึงทำให้พื้นหินนั้นแตกออกเป็นแนว นอกจากนี้บริเวณหินแตกยังปกคลุมไปด้วยมอสส์ ไลเคน ตะไคร่ เฟริส์ และกล้วยไม้ชนิดต่าง ๆ
ลานหินปุ่ม   อยู่ริมหน้าผา ลักษณะเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เลี่ยกัน คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิซิกส์ ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้ในโรงพยาบาล เนื่องจากอยู่บนหน้าผา จึงมีลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน
ผาชูธง   อยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร เป็นหน้าผาสูงชัน สามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะภาพวิวพระอาทิตย์ตกดินจะสวยงามไม่แพ้จุดชมวิวอื่น ๆ บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ซึ่ง ผกค. จะขึ้นไปชูธงแดง (ฆ้อนเคียว) ทุกครั้งเมื่อรบชนะทหารของรัฐบาล
น้ำตกหมันแดง   เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 32 ชั้น ปัจจุบันยังไม่มีทางรถเข้าถึง และยังไม่พร้อมสำหรับการท่องเที่ยว
น้ำตกร่มเกล้าภาราดร   เป็นน้ำตกฝาแฝด 2 แห่ง ที่อยู่ติด ๆ กัน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน ฯ บนถนนภูหินร่องกล้า ประมาณ 4 กิโลเมตร ก่อนถึงโรงเรียนการเมืองการทหาร ประมาณ 1 กิโลเมตร จากถนนสายใหญ่จะต้องเดินตัดลงไป บนทางเท้าที่เพิ่งทำขึ้นใหม่เป็นระยะทางประมาณ 800 เมตร ตัวน้ำตกไม่สูงใหญ่นัก แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบมีลักษณะเป็นป่าบริสุทธิ์อันงดงามมาก
น้ำตกศรีพัชรินทร์   ตั้งอยู่ก่อนที่ทำการอุทยาน ฯ  บริเวณเชิงเขาประมาณ 4-5 กิโลเมตร  ปัจจุบันยังไม่มีทางรถเข้าถึงและยังไม่พร้อมสำหรับการท่องเที่ยว
น้ำตกแก่งลาด และ น้ำตกตาดฟ้า   ตั้งอยู่บริเวณเชิงภูหินร่องกล้า  โดยแยกซ้ายจากหมู่บ้านห้วยน้ำไซต่อไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการพลังงานไฟฟ้าห้วยขะมึน อันเป็นที่ตั้งของน้ำตกแก่งลาด ขึ้นเขาต่อไปประมาณ  3-4 กิโลเมตร  มีทางเดินแยกซ้ายลงไปน้ำตกตาดฟ้าหรือน้ำตกด่านกอซอง  เป็นน้ำตกชั้นเดียวขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก


| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |