ลงนาวาคลาเคลื่อนออกเลื่อนลำ | พอฆ้องย่ำยามสองกลองประโคม |
น้ำค้างย้อยพร้อยพรมเป็นลมว่าว | อนาถหนาวนึกเคยได้เชยโฉม |
มาสูญเหมือนเดือนดับพยับโพยม | ให้ทุกข์โทมนัสในฤทัยครวญ |
โอ้หน้าหนาวคราวนี้เป็นที่สุด | จะจากนุชแนบข้างไปห่างหวน |
นิราศร้างห่างเหให้เรรวน | มิได้ชวนเจ้าไปชมประธมประโทน... |
ค วัดระฆังตั้งแต่เสร็จสำเร็จศพ | ไม่พานพบภคินีเจ้าพี่เอ๋ย |
โอ้แลเหลียวเปลี่ยวใจกระไรเลย | มาชวดเชยโฉมหอมถนอมนวล |
จนนาวาคลาล่องเข้าคลองขวาง | ตำบลบางกอกน้อยละห้อยหวน |
ตลาดแพแลตลอดเขาทอดพวน | แต่แลล้วนเรือตลอดไม่ขาดคราว |
ทุกเรือนแพแลลับระงับเงียบ | ยิ่งเย็นเยียบยามดึกให้นึกหนาว |
ในอากาศกลาดเกลื่อนด้วยเดือนดาว | เป็นลมว่าวเฉื่อยฉิวหวิวหัวใจ |
ค โอ้บางกอกกอกเลือดให้เหือดโรค | อันความโศกนี้จะกอกออกที่ไห |
แม้นได้แก้วแววตามายาใจ | แล้วก็ไม่พักกอกดอกจริงจริง |
ดูวังหลังยังไม่ลืมที่ปลื้มจิต | เคยมีมิตรมากมายทั้งชายหญิง |
เมื่อยามดึกนึกถึงที่พึ่งพิง | อนาถนิ่งนึกน่าน้ำตานอง |
ค บางว้าน้อยน้อยจิตด้วยพิสมัย | น้อยหรือใจจืดจางให้หมางหมอง |
หมายว่ารักจักได้พึ่งเหมือนหนึ่งน้อง | ให้เจ้าของขายหน้าทั้งตาปี |
ถึงวัดทองหมองเศร้าให้เหงาเงียบ | เย็นยะเยียบหย่อมหญ้าป่าช้าผี... |
ค วัดปะขาวขาวเหลือเชื่อไม่ได้ | ด้วยดวงใจเจ้านั่นคล้ำดำมิดหมี... |
ค บางบำหรุเหมือนบำรุบำรุงรัก | จะพึ่งพักพิศวาสเหมือนมาดหมาย |
ไม่เหมือนนึกตรึกตรองเพราะสองราย | เห็นฝักฝ่ายเฟื่อนหลงด้วยทรงโลม |
พอสิ้นแพแลล้วนสวนสงัด | พยุพัดฮือฮือกระพือโหม |
ยิ่งดึกดาววาววามดังตามโคม | น้ำค้างโซมแสนหนาวให้เปล่าใจ |
ค บางขุนนนท์ต้นลำพูดูหิ่งห้อย | เหมือนเพชรพลอยพรายพร่างสว่างไสว |
จังหรีดร้องซ้องเสียงเรียงเรไร | จะแลไหนเงียบเหงาทั้งเหย้าเรือน |
บางระมาดมาดหมายสายสวาท | ว่าสมมาดเหมือนใจแล้วไม่เหมือน |
แสนสวาทมาดหมายมาหลายเดือน | มิคลาเคลื่อนแคล้วคลาดประหลาดใจ |
ค วัดไก่เตี้ยไม่เห็นไก่เห็นไทรต่ำ | กอระกำแกมสละขึ้นไสว |
หอมระกำก็ยิ่งช้ำระกำใจ | ระกำไม่เหมือนระกำที่ช้ำทรวง |
ถึงสวนหลวงหวงห้ามเหมือนความรัก | เหลือจักหักจับต้องเป็นของหลวง |
แต่รวยรินกลิ่นผกาบุปผาพวง | จะรื่นร่วงเรณูฟูขจร |
โอ้ไม้ต้นคนเฝ้าเสาวรส | ยังปรากฏกลิ่นกล่อมหอมเกสร |
แต่โกสุมภุมรินมาบินวอน | ไม่ดับร้อนร่วงกลิ่นให้ดิ้นโดย |
ดึกกำดัดสัตว์อื่นไม่ตื่นหมด | แต่นกกดร้องเร้ากระเหว่าโหย |
ระรวยรินกลิ่นโศกมาโบกโบย | โอ้โศกโรยแรมร้างมาห่างจร |
ค ถึงบางขวางปางก่อนว่ามอญขวาง | เดี๋ยวนี้นางไทยลาวสาวสลอน |
ทำยศอย่างขวางแขนแสนแสงอน | ถึงนางมอญก็ไม่ขวางเหมือนนางไทย |
วัดพิกุลฉุนกลิ่นระรินรื่น | โอ้หอมชื่นเชยกับรสแป้งสดใส... |
ค บางผักหนามนึกขามแต่หนามเสี้ยน | หนามทุเรียนลักฉีกอีกเจ้าเอ๋ย |
ที่กีดขวางทางความแต่หนามเตย | ไม่น่าเชยน่าชังล้วนรังแตน |
ถึงสวนแดนแสนเสียดายสายสวาท | มาสิ้นชาติปรโลกยิ่งโศกแสน |
ไปสวรรค์ชั้นบนคนละแดน | ไม่รวมแผ่นภพโลกยิ่งโศกใจ |
ค ถึงวัดเกษเจตนาแต่การะเกด | ไม่สมเจตนาน่าน้ำตาไหล... |
ค วัดชลอใครหนอชะลอฉลาด | เอาอาวาสมาไว้ให้อาศัยสงฆ์... |
...เห็นคลองขวางบางกรวยระทวยจิต | ไม่ลืมคิดนิ่มน้อยละห้อยหา |
เคยร่วมสุขทุกข์ร้อนแต่ก่อนมา | โอ้สิ้นอายุเจ้าได้เก้าปี |
แต่ก่อนกรรมนำสัตว์ให้พลัดพราก | จึงจำจากนิ่มน้องให้หมองศรี |
เคยไปมาหาน้องในคลองนี้ | เห็นแต่ที่ท้องคลองนองน้ำตา |
สงสารบุตรสุดเศร้าทุกเช้าค่ำ | ด้วยเป็นกำพร้าแม่ชะแง้หา |
เขม้นมองคลองบ้านดูมารดา | เช็ดน้ำตาโซมซาบลงกราบกราน... |
ค บางศรีทองคลองบ้านน้ำตาลสด | อร่อยรสซาบซ่านหวานคอหอย |
เหมือนปากพี่ศรีทองของน้องน้อย | เป็นคู่บอกดอกสร้อยสักวา... |
ค บางอ้อยช้างโอ้ช้างที่ร้างโขลง | มาอยู่โรงรักป่าน้ำตาไหล |
พี่คลาดแคล้วแก้วตาให้อาลัย | เหมือนอกไอยราร้างฝูงนางพัง |
พอจวนรุ่งฝูงนกวิหคร้อง | ประสานซ้องเซ็งแซ่ดังแตรสังข์ |
กระเหว่าหวานขานเสียงสำเนียงดัง | เหมือนชาววังหวีดเสียงสำเนียงนวล |
อโณทัยไตรตรัสจำรัสแสง | กระจ่างแจ้งแจ่มฟ้าพฤกษาสวน |
หอมดอกไม้หลายพรรณให้รัญจวน | เหมือนกลิ่นนวลน้ำกุหลาบที่อาบทรวง... |
ค ถึงวัดสักเหมือนหนึ่งรักที่ศักดิ์สูง | ยิ่งกว่าฝูงเขาเหินเห็นเกินสอย |
แม้นดอกฟ้าคลาเคลื่อนหล่นเลื่อนลอย | จะได้คอยเคียงรับประคับประคอง |
บางขนุนขุนกองมีคลองกว้าง | ว่าเดิมบางชื่อสนนเขาขนของ |
เป็นเรื่องหลังครั้งคราวท้าวอู่ทอง | แต่คนร้องเรียกเฟือนไม่เหมือนเดิม... |
ค บางนายไกรไกรทองอยู่คลองนี้ | ชื่อจึงมีมาทุกวันเหมือนมั่นหมาย |
ไปเข่นฆ่าชาละวันให้พลันตาย | เป็นเลิศชายเชี่ยวชาญผ่านวิชา... |
ค ถึงคลองขวางบางระนกโอ้อกพี่ | แม้นปีกมีเหมือนหนึ่งนกจะผกผัน |
ไปอุ้มแก้วแววตาพาจรัล | มาด้วยกันนั้นทั้งคู่ที่อยู่ริม... |
...บางคูเวียงเสียงเงียบเชียบสงัด | เป็นจังหวัดแถวสวนล้วนพฤกษา |
ดูรูปนางบางคูเวียงเหมือนเหนี่ยงนา | ไม่เหมือนหน้านางนั่งในวังเวียง |
เห็นโรงหีบหีบอ้อยเขาคอยป้อน | มีคนต้อนควายตวาดไม่ขาดเสียง |
เห็นน้ำอ้อยย้อยรางที่วางเรียง | โอ้พิศเพียงชลนาที่จาบัลย์ |
อันลำอ้อยย่อยยับเหมือนทับอก | น้ำอ้อยตกเหมือนน้ำตาตวงกว่าขัน |
เขาโหมไฟในโรงโขมงควัน | ให้อัดอั้นอกกลุ้มรุมระกำ... |
ค ถึงบางม่วงง่วงจิตคิดถึงม่วง | แต่จากทรวงเสียใจอาลัยเหลือ |
มะม่วงงอมหอมหวนเหมือนนวลเนื้อ | มิรู้เบื่อบางม่วงเหมือนดวงใจ |
เห็นต้นรักหักโค่นต้นสนัด | เป็นรอยตัดรักขาดให้หวาดไหว |
เหมือนตัดรักตัดสวาทขาดอาลัย | ด้วยเห็นใจเจ้าเสียแล้วนะแก้วตา |