จะมีคู่มิได้อยู่ประคองเชย | ต้องละเลยดวงใจไว้ไกลตา |
ถึงทุกข์ใครในโลกที่โศกเศร้า | ไม่เหมือนเราภุมรินถวิลหา |
จะพลัดพรากจากกันไม่ทันลา | ใช้เต่ตาต่างถ้อยสุนทรวอน |
โอ้จำใจไกลนุชสุดสวาท | จึงนิราศเรื่องรักเป็นอักษร... |
...ถึงยามสองล่องลำนาวาเลื่อน | พอดวงเดือนดั้นเมฆขึ้นเหลืองเหลือง |
ถึงวัดแจ้งแสงจันทร์จำรัสเรือง | แลชำเลืองเหลียวหลังหลั่งน้ำตา... |
...ถึงสามปลื้มพี่นี้ร่ำปล้ำแต่ทุกข์ | สุดจะปลุกใจปลื้มให้ลืมหลัง... |
...ถึงสำเพ็งเก๋งตั้งบนฝั่งน้ำ | แพประจำจอดเรียงเคียงขนาน |
มีซุ้มซอกตรอกนางเจ้าประจาน | ยังสำราญร้องขับไม่หลับลง |
โอ้ธานีศรีอยุธยาเอ๋ย | นึกจะเชยก็ได้ชมสมประสงค์ |
จะลำบากอยากแค้นไปแดนดง | เอาพุ่มพงเพิงเขาเป็นเหย้าเรือน |
ค ถึงย่านยาวดาวคะนองคะนึกนิ่ง | ยิ่งดึกยิ่งเสียใจใครจะเหมือน |
พระพายพานซ่านเสียวทรวงสะเทือน | จนเดือนเคลื่อนคล้อยดงลงไรไร... |
...ถึงอารามนามชื่อวัดดอกไม้ | คิดถึงไปแนบทรวงดวงสมร... |
...ถึงบางผึ้งผึ้งรังก็รั้งร้าง | พี่ร้างนางรักสมัครหมาย... |
...ถึงปากลัดแลท่าชลาตื้น | ดูเลื่อมลื่นเลนลากลำละหาน |
เขาแจวจ้องล่องแล่นแสนสำราญ | มาพบบ้านบางระจ้าวยิ่งเศร้าใจ |
อนาถนิ่งอิงเขนยคะนึงหวน | จนจวบจวนแจ่มแจ้งปัจจุสมัย |
ศศิธรอ่อนอับพยับไพร | ถึงเซิงไทรศาลพระประแดงแรง... |
...พอแจ่มแจ้งแสงเงินเงาระยับ | ดาวเดือนดับเด่นดวงพระสุริย์ใส |
ถึงปากช่องคลองสำโรงสำราญใจ | พอน้ำไหลขึ้นเช้าก็เข้าคลอง... |
...ถึงด่านทางกลางคลองข้างฝั่งซ้าย | ตะวันสายแสงส่องต้องพฤกษา |
ออกสุดบ้านถึงทวารอรัญวา | เป็นทุ่งคาแฝกแขมขึ้นแกมกัน |
ลมระริ้วปลิวหญ้าคาระยาบ | ระเนนนาบพลิ้วพลิกกระดิกหัน |
ดูโล่งลิ่วทิวรุกขะเรียงรัน | เป็นเขตคันขอบป่าพนาลัย |
ค ถึงทับนางวางเวงฤทัยวับ | เห็นแต่ทับชาวนาอยู่อาศัย |
นางชาวนาก็ไม่น่าจะชื่นใจ | คราบขี้ไคลคร่ำคร่าดังทาคราม... |
...ถึงบางพลีมีเรือนอารามพระ | ดูระกะดาษทางไปกลางทุ่ง |
เป็นเลนลุ่มลึกเหลวเพียงเอวพุง | ต้องลากจุงจ้างควายอยู่รายเรียง |
ดูเรือแพแออัดอยู่ยัดเยียด | เข้าเบียดเสียดแทรกกันสนั่นเสียง |
แจวตะกูดเกะกะปะกะเชียง | บ้างทุ่มเถียงโดนดุนกันวุ่นวาย... |
...จนตกลึกล่วงทางถึงบางโฉลง | เป็นทุ่งโล่งลานตาล้วนป่าแขม |
เหงือกปลาหมอกอกกกับกุ่มแกม | คงคาแจ่มเค็มจัดดังกัดเกลือ |
ถึงหัวป่าเห็นป่าพฤกษาโกร๋น | ดูเกรียนโกรนกรองกรอยเป็นฝอยเฝือ |
ที่กิ่งก้านกรานกรีดประทุนเรือ | ลำบากเหลือที่จะร่ำในลำคลอง |
ถึงหย่อมย่านบ้านไร่อาลัยเหลียว | สันโดดเดียวมิได้พบเพื่อนสนอง |
เขารีบแจวมาในนทีทอง | อันบ้านช่องมิได้แจ้งแห่งตำบล |
ถึงคลองขวางบางกระเทียมสะท้านอก | โอ้มาตกอ้างว้างอยู่กลางหน... |
...จะเหลียวซ้ายแลขวาก็ป่าแสม | ตะลึงแลปูเปี้ยวเที่ยวไสว |
ระหริ่งเรื่อยเฉื่อยเสียงเรไรไพร | ฤทัยไหวแว่วว่าพะงางาม |
ถึงชะแวกแยกคลองสองชะวาก | ข้างฝั่งฟากหัวตะเข้มีมะขาม |
เขาสร้างศาลเทพาพยายาม | กระดานสามแผ่นพิงไว้บูชา |
ตะลึงแลแต่ล้วนลูกจระเข้ | โดยคะเนมากมายทั้งซ้ายขวา |
สักสองร้อยลอยไล่กินลูกปลา | เห็นแต่ตากับจมูกเหมือนตุ๊กแก |
โอ้คลองขวางทางแดนแสนโสทก | ดูบนบกก็แต่ล้วนลิงแสม |
เลียบตลิ่งวิ่งตามชาวเรือแพ | ทำลอบแลหลอนหลอกตะคอกคน |
คำโบราณท่านผูกถูกทุกสิ่ง | เขาว่าลิงจองหองมันพองขน |
ทำหลุกหลิกเหลือกลานพาลลุกลน | เขาด่าคนจึงว่าลิงโลนลำพอง |
ถึงชะวากปากคลองเป็นสองแพร่ง | น้ำก็แห้งสุริยนก็หม่นหมอง |
ข้างซ้ายมือนั้นแลคือปากตะครอง | ข้างขวาคลองบางเหี้ยทะเลวน |
ประทับทอดนาวาอยู่ท่าน้ำ | ดูเรียงลำเรือรายริมไพรสณฑ์ |
เขาหุงหาอาหารให้ตามจน | โอ้ยามยลโภชนาน้ำตาคลอ... |
...พอฟ้าคล้ำค่ำพลบลงหรุบรู่ | ยุงออกฉู่ชิงพลบตบไม่ไหว |
ได้รับรองป้องกันเพียงควันไฟ | แต่หายใจมิใคร่ออกด้วยอบอาย... |
...พอน้ำตึงถึงเรือก็รีบล่อง | เข้าในคลองคึกคักกันนักหนา |
ด้วยมืดมัวกลัวตอต้องรอรา | นาวามาเรียงตามกันหลามทาง |
ถึงบางบ่อพอจันทร์กระจ่างแจ้ง | ทุกประเทศเขตแขวงนั้นกว้างขวาง |
ดูดาวดาษกลาดฟ้านภาภางค์ | วิเวกทางท้องทุ่งสะท้านใจ |
ดูริ้วริ้วลมปลิวที่ปลายแฝก | ทุกละแวกหวาดหวั่นอยู่ไหวไหว... |
...เห็นทิวทุ่งวุ้งเวิ้งให้หวั่นหวาด | กัมปนาทเสียงนกวิหคโหย |
ไหนจะต้องละอองน้ำค้างโปรย | เมื่อลมโชยชื่นนวลชะชวนเชย... |
ค ถึงหย่อมย่านบ้านระกาดต้องลงถ่อ | ค่อยลอยรอเรียงลำตามน้ำไหล |
จนล่วงเข้าหัวป่าพนาลัย | ล้วนเงาไม้มืดคล้ำในลำคลอง |
ระวังตัวกลัวตอตะเคียนขวาง | เป็นเยี่ยงอย่างผู้เฒ่าเล่าสนอง |
ว่าผีสางสิงนางตะเคียนคะนอง | ใครถูกต้องแตกตายลงหลายลำ |
พอบอกกันยังไม่ทันจะขาดปาก | เห็นเรือจากแจวตรงหลงถลำ |
กระทบผางคอนางตะเคียนตำ | ก็โคลงคว่ำล่มลงในคงคา... |
...จนล่วงล่องมาถึงคลองที่คับแคบ | ไม่อาจแอบชิดฝั่งระวังเสือ |
ด้วยครื้มครึกพฤกษาลัดดาเครือ | ค่อยรอเรือลอยล่องมานองเนือง |
ลำพูรายพรายพร้อยหิ่งห้อยจับ | สว่างวับแวววามอร่ามเหลือง |
เสมอเม็ดเพชรรัตน์จำรัสเรือง | ค่อยประเทืองทุกข์ทัศนาชม |
ถึงบางสมัครเหมือนพี่รักสมัครมาด | มาแคล้วคลาดมิได้อยู่กับคู่สม... |
...ประจวบจนถึงตำบลบ้านมะพร้าว | พอฟ้าขาวขอบไพรเสียงไก่ขัน |
เป็นที่กุมภาพาลชาญฉกรรจ์ | ให้หวาดหวั่นรีบมาในสาชล |
ถึงบางวัวเห็นแต่ศาลตระหง่านง้ำ | ละอองน้ำค้างย้อยเป็นฝอยฝน |
ดาวเดือนดับลับเมฆเป็นหมอกมน | สุริยนเยี่ยมฟ้าพนาลัย |
พอเรือออกนอกชะวากปากตะครอง | ค่อยลอยล่องตามลำแม่น้ำไหล |
ดูกว้างขวางว้างเวิ้งวิเวกใจ | เป็นพงไพรฝูงนกวิหคบิน |