ค ถึงหย่อมย่านบ้านบางมังกงนั้น | ดูเรียงรันเรือนเรียบชลาสินธุ์ |
แต่ล้วนบ้านตากปลาริมวาริน | เหม็นแต่กลิ่นเน่าอบตระหลบไป |
เห็นศาลเจ้าเหล่าเจ๊กอยู่เซ็งแซ่ | ปูนทะก๋งองค์แก่ข้างเพศไสย |
เกเลเอ๋ยเคยข้ามคงคาลัย | ช่วยคุ้มภัยปากอ่าวเถิดเจ้านาย |
พอพ้นบ้านลานแลดูปากช่อง | เห็นทิวท้องสมุทรไทน่าใจหาย |
แลทะเลเลี่ยนลาดล้วนหาดทราย | ทั้งสามนายจัดแจงโจงกระเบน |
ไปตามช่องล่องออกไปนอกรั้ว | เห็นเมฆมัวลมแดงดังแสงเสน |
สักประเดี๋ยวเหลียวดูลำพูเอน | ยอดระเนนนาบน้ำอยู่รำไร |
ป่าแสมแลเห็นอยู่ริ้วริ้ว | ให้หวิวหวิววาบวับฤทัยไหว |
จะหลบหลีกเข้าฝั่งก็ยังไกล | คลื่นก็ใหญ่โยนเรือเหลือกำลัง... |
...เห็นเกินรอยบางปลาสร้อยอยู่ท้ายเรือ | คลื่นก็เฝือฟูมฟองคะนองพราย |
เห็นจวนจนบนเจ้าเขาสำมุก | จงช่วยทุกข์ถึงที่จะทำถวาย |
พอขาดคำน้ำขึ้นทั้งคลื่นคลาย | ทั้งสามนายหน้าชื่นค่อยเฉื่อยมา |
หยุดตะพานย่านกลางบางปลาสร้อย | พุ่มกับน้อยสรวลสันต์ต่างหรรษา... |
...จนอุทัยไตรตรัสจำรัสตา | เห็นเคหาเรียงรายริมชายทะเล |
ดูเรือแพแต่ละลำล้วนโปะโหละ | พวกเจ๊กจีนกินโต๊ะเสียงโหลเหล |
บ้างลุยเลนล้วงปูดูโซเซ | สมคะเนใส่ข้องเที่ยวมองคอย |
อันนารีที่ยังสาวพวกชาวบ้าน | ถีบกระดานถือตะกร้าเที่ยวหาหอย |
ดูแคล่วคล่องล่องเล่นแฉลบลอย | เอาขาห้อยทำเป็นหางไปกลางเลน |
อันพวกเขาชาวประมงไม่โหย่งหยิบ | ล้วนตีนถีบปากกัดขัดเขมน |
จะได้กินข้าวเช้าก็ราวเพล | ดูจัดเจนโลดโผนในโคลนตม |
จึงมั่งคั่งตั้งบ้านในการบาป | แต่ต้องสาปเคหาให้สาสม |
จะปลูกเรือนก็มิได้ใส่ปั้นลม | ใครขืนทำก็ระทมด้วยเพลิงลาม... |
...ซังตายชื่นฝืนฤทัยให้ประเทือง | เที่ยวชำเลืองแลชมตลาดเรียง |
เป็นสองแถวแนวถนนคนสะพรั่ง | บ้างยืนบ้างนั่งร้านประสานเสียง |
ดูรูปร่างนางบรรดาแม่ค้าเคียง | เห็นเกลี้ยงเกลี้ยงกล้องแกล้งเป็นอย่างกลาง |
ขายหอยแคลงแมงภู่กับปูม้า | หมึกแมงดาหอยดองรองกระถาง |
พวกเจ๊กจีนสินค้าเอามาวาง | มะเขือคางแพะเผือกผักกาดดอง |
ที่ขายผ้าหน้าถังก็เปิดโถง | ล้วนเบี้ยโป่งหญิงชายมาจ่ายของ |
สักยี่สิบหยิบออกเป็นกอบกอง | พี่เที่ยวท่องทัศนาจนสายัณห์... |
...พอฟ้าขาวดาวเดือนลงเลื่อนลด | อร่ามรถสุริยาเคหาเหลือง... |
...พอพ้นบ้านลานแลล้วนเห็นทุ่งเลี่ยน | หนทางเตียนตัดเข้าภูเขาขวาง |
ดูกรวดทรายพรายงามเหมือนเงินราง | หยาดน้ำค้างขังหลุมที่ขุมควาย |
ดูสีขาวราวกับน้ำตาลโตนด | ที่หว่างโขดขอบผาศิลาฉลาย |
ริมทางเถื่อนเรือนเหย้ามีรายราย | เห็นฝูงควายปล่อยเกลื่อนอยู่กลางแปลง |
ถึงหนองมนมีตำบลชื่อบ้านไร่ | เขาถากไม้ทุกประเทศทุกเขตแขวง |
ต้องเดินเฉียงเลี่ยงลัดตัดทะแยง | ตามนายแสงนำทางเข้ากลางไพร |
กำดัดแดดแผดร้อนทุกขุมขน | ไม่มีต้นพฤกษาจะอาศัย |
ล้วนละแวกแฝกคาป่ารำไร | จนสุดไร่เลียบริมทะเลมา |
ตะวันคล้อยหน่อยหนึ่งถึงบางพระ | ดูระยะบ้านนั้นก็แน่นหนา... |
...กลั้นน้ำตามาจนสุดที่หาดทราย | เห็นเรือนรายโรงเรียงเคียงเคียงกัน |
อันชื่อนี้ศรีมหาราชาชาติ | ขึ้นจากหาดเข้าป่าพนาสัณฑ์ |
ค่อยเลียบเดินเนินโขดสิงขรคัน | เสียงจักจั่นแซ่เซ็งวังเวงใจ |
สองข้างทางนางไม้ไพรสงัด | ไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว |
เย็นระรื่นชื่นชุ่มชอุ่มใบ | หนาวฤทัยโทมนัสระมัดกาย |
เสียงนกร้องก้องกู่กันกลางป่า | ฟังภาษาสัตว์ไพรก็ใจหาย |
จนออกดงลงเดินเนินสบาย | ค่อยเคลื่อนคลายรอเรียงมาเคียงกัน |
ถึงเขาขวางว่างเวิ้งชะวากวุ้ง | เขาเรียกทุ่งสงขลาพณาสัณฑ์ |
เป็นป่ารอบขอบเขินเนินอรัญ | นกเขาขันคูเรียกกันเพรียกไพร |
บ้างถาบถาพาคู่มาฟุบฝุ่น | เห็นคนผลุนโผผินบินไถล |
บ้างก่งคอคูคูกุกกูไป | ฝูงเขาไฟฟุบแฝงที่แฝกฟาง... |
...แล้วรีบรุดไปจนสุดที่ทิวทุ่ง | ถึงบางละมุงพบน้ำลำละหาน |
เป็นประเทศเขตนิคมกรมการ | มีเรือนบ้านแออัดทั้งวัดวา... |
...ออกพ้นย่านบ้านบางละมุงไป | ค่อยคลายใจจรเลียบชลามา |
ในกระแสแลล้วนแต่โป๊ะล้อม | ลงอวนอ้อมโอบสกัดเอามัจฉา... |
...รำจวญจิตคิดมาในวารี | จนถึงที่ศาลาบ้านนาเกลือ |
หยุดประทับดับดวงพระสุริย์แสง | ยิ่งโรยแรงร้อนรนนั้นล้นเหลือ... |
...ทั้งล้าเลื่อยเหนื่อยอ่อนนอนสนิท | จนอาทิตย์แย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล |
ถอนสะอื้นตื่นตายังอาลัย | รำจวญใจจรจากศาลามา |
เข้าเดินดงพงชัฏสงัดเงียบ | เย็นยะเยียบน้ำค้างพร่างพฤกษา |
ออกชะวากปากทุ่งพัทยา | นายแสงพาเลี้ยวหลงที่วงเวียน |
บุกละแวกแฝกแขมแอร่มรก | กับกอกกสูงสูงเสมอเศียร |
ด้วยน้ำฝนล้นลงหนทางเกวียน | ขึ้นโขดเตียนตอกรอกยอกระยำ |
กลัวปลิงเกาะเลาะลัดขัดเขมน | ลงลุยเลนพรวดพราดพลาดถลำ |
ถึงแนวน่องย่องก้าวเอาเท้าคลำ | แต่ท่องน้ำอยู่จนเที่ยงจึงพบทาง |
พอยกเท้าก้าวเดินบนเนินแห้ง | ทั้งขาแข็งเข่าข้อให้ขัดขวาง |
เจ็บระบมคมหญ้าคาระคาง | ค่อยย่องย่างเหยียบฝุ่นให้งุนโงง |
เห็นพฤกษาไม้มะค่ามะขามข่อย | ทั้งไทรย้อยยอดโยนโดนตะโขง |
เหมือนไม้ดัดจัดวางข้างพระโรง | เป็นพุ่มโพรงสาขาน่าเสียดาย... |
...ถึงท้องธารศาลเจ้าริมเขาขวาง | พอได้ทางลงมหาชลาไหล |
เข้าถามเจ๊กลูกจ้างตามทางไป | เป็นจีนใหม่อ้อแอ้ไม่แน่นอน |
ร้องไล้ขื่อมือชี้ไปที่เขา | ก็ดื้อเดาเลียบเดินเนินสิงขร |
ศิลาแลเป็นชะแง่ชะงักงอน | บ้างพรุนพรอนแตกกาบเป็นคราบไคล |
ต้องเลี่ยงเลียบเหยียบยอกเอาปลาบแปลบ | ถึงที่แคบเป็นเขินเนินไศล |
ค่อยตะกายป่ายปีนเปะปะไป | จะขาดใจเสียด้วยเหนื่อยทั้งเมื่อยกาย |
ถึงที่โขดต้องกระโดดขึ้นบนแง่ | ก่นเอาแม่จีนใหม่นั้นใจหาย |
บอกว่าใกล้ไกลมาบรรดาตาย | ทั้งแค้นนายแสงนำไม่จำทาง... |
...แล้วปลอบน้องสองราปรีชาชาย | มาถึงท้ายทิวป่านาจอมเทียน |
เห็นบ่อน้ำร่ำดื่มเอาโดยอยาก | พออ้าปากเหม็นหืนให้คลื่นเหียน |
ค่อยมีแรงแข็งใจไปทางเกวียน | ไม่แวะเวียนเดาเดินดำเนินไป |
ถึงห้วยขวางตัดทางเข้าไต่ถาม | พบขุมรามเรียกหาเข้าอาศัย... |
...เมฆแอร่มแย้มแยกแหวกตะวัน | ก็ชวนกันอำลาเขาคลาไคล |
เขม้นเมินเดินตรงเข้าดงดึก | ดูซึ้งซึกมิได้เห็นพระสุริย์ใส |
เสียงฟ้าร้องก้องลั่นสนั่นไพร | ไม้ไหวไหวเหลียวหลังระวังคอย |
สงัดเงียบเยียบเย็นยะเยือกอก | น้ำค้างตกหยดเหยาะลงเผาะผอย |
พฤกษาสูงยูงยางสล้างลอย |