พวกมนุษย์สุดสุขสนุกครัน | ได้ดูกันพิศวงเมื่อสงกรานต์ |
ทั้งผู้ดีเข็ญใจใส่อังคาส | อภิวาทพุทธรูปในวิหาร |
ล้วนแต่งตัวทั่วกันวันสงกรานต์ | ดูสคราญเพริดพริ้งทั้งหญิงชาย |
ทีเฒ่าแก่แม่ม่ายไม่ใคร่เที่ยว | สู้อดเปรี้ยวกินหวานลูกหลานหลาย |
ทีกำดัดซัดสีสวยทั้งกาย | เที่ยวถวายน้ำหอมน้อมศรัทธา |
บ้างก็มีที่สวาดิ์มาดพระสงฆ์ | ต่างจำนงนึกกำดัดขัดสิกขา |
ไดแต่เพียงพูดกันจำนรรจา | นานนานมากลับไปแล้วใจตรอม |
ล้วนแต่งตัวเต็มงามทรามสวาดิ์ | ใส่สีฉาดฟุ้งเฟื่องด้วยเครื่องหอม |
สงกรานต์ทีตรุษทีไม่มีมอม | ประดับพร้อมแหวนเพชรเม็ดมุกดา |
มีเท่าไรใส่เท่านั้นฉันผู้หญิง | ดูเพริดพริ้งเพราเอกเหมือนเมฆขลา |
รามสูรเดินดินสิ้นศักดา | เที่ยวไล่คว้าบางทีก็มีเชิง |
บ้างเล่นเบี้ยเสียถั่วจนมัวมืด | ใครขี้ติดถากถางวางกันเหลิง |
บ้างฉุดมือยื้อผ้าพากันเปิง | ที่รู้เชิงทำแปดเก้าเป็นเจ้ามือ |
เขาตัดไพ่ตายแพ้เหลือแต่ผ้า | สิ้นปัญญาบุ่นพลางครางหือหือ |
นั่งเสียใจเต็มทีต้องหนีมือ | ไม่สัตย์ซื่อทำไพ่ตายเขาเอง |
ดูเขาเล่นเป็นฤดูไม่รู้ขาด | นุชนาฏขึ้นกระเตาะขึ้นเหมาะเหม็ง |
บ้างก็หลงเลยเล่นเป็นนักเลง | ฉันนี้เกรงกลัวนักไม่รักเลย |
ทั้งหนุ่มสาวฉาวฉานในการเล่น | บ้างซุ่มเป็นผัวเมียกันเสียเลย |
แต่ตัวเราเปล่าไปมิได้เชย | โอ้อกเอ๋ยคิดไปแล้วใจตรอม |
ร่ำคนึงถึงนุชสุดวิตก | ถึงเดือนหกเข้าแล้วหนาเจ้าข้าเอ๋ย |
เขาแต่งงานปลูกหอขอกันเชย | เราจะเชยอยู่ก็เห็นไม่เป็นการ |
เขาแรกนาแล้วมานักขัตฤกษ์ | เอิกเริกโกนจุกทุกสถาน |
ทีกำดัดจัดแจงกันแต่งงาน | มงคลการตามเล่ห์ประเวณี |
โอ้โอ๋อกอาตมานี้อาภัพ | ทั้งไร้ทรัพย์สารพัดจะบัดสี |
ดูเพื่อนบ้านเขาทั้งหลายสบายดี | เขาคิดมีลูกเมียเสียทุกคน |
ที่ลางคนบ่นบ้าว่าน่าแค้น | พ่อแม่แค่นขืนให้ไม่ชอบใจ |
เที่ยวหลบลี้หนีสถานทิ้งบ้านช่อง | มีพวกพ้องน้าป้าไปอาศัย |
บ้างชอบใจรูปงามตามเขาไป | ไม่อาลัยพ่อแม่ไปแต่ตัว |
ที่โกนจุกได้ปีครึ่งพึ่งผลิ | อุตริหนักหนาอยากหาผัว |
ที่ลางคนนึกละห้อยน้อยใจตัว | ว่ารูปชั่วชายชั่วไม่หวังเลย |
ที่ตกพุ่มกลุ้มกลัดขัดในอก | ถึงมุ่นหมกอยู่ในใจก็ใช้เฉย |
แสนสงสารหญิงชายไม่วายเลย | โอ้อกเอ๋ยเราก็เป็นเหมือนเช่นกัน |
กระทั้งถึงเดือนเจ็ดไม่เสร็จโศก | บังเกิดโรคแรงนักด้วยรักสมร |
สลากภัตร์จัดแจงแต่งหาบคอน | อย่างแต่ก่อนหาบกระทายมีลายทอง |
ใส่คานรูปนาคาวายุภักษ์ | ครั้นเดินหนักดูเต้นเผ่นผยอง |
แสรกน้อยร้อยพวงมาลัยกรอง | ใส่ข้าวของหาบหามตามกันมา |
ทุกวันนี้มีแต่จะทำแปลก | ใส่โต๊ะแบกเดินด่วนมาถ้วนหน้า |
สารพันเอมโอชโภชนา | ตามศรัทธาสัปบุรุษนุชอนงค์ |
ทั้งผู้ดีเข็ญใจก็ไปมาก | จับสลากหนังสือชื่อพระสงฆ์ |
รู้จักนามตามพบประสบองค์ | ต่างจำนงน้อมถวายรายกันไป |
พระลางองค์งงงกตกประหม่า | ให้ยถาเสียงสั่นอยู่หวั่นไหว |
สัปบุรุษตรวจน้ำร่ำในใจ | ทีผู้ใหญ่หมายประโยชน์โพธิญาณ |
ทีหนุ่มหนุ่มสาวสาวคราวกับฉัน | นึกรำพันในจิตอธิษฐาน |
ให้มีเมียรูปงามทรามสะคราญ | ที่เรือนบ้านคับคั่งเขามั่งมี |
อนงค์นาฎปราถนาจะหาผัว | ไม่เล่นถั่วสูบฝิ่นกินอาหนี |
ให้รูปงามทรามชมอุดมดี | ลางสตรีปราถนาหาขุนนาง |
มีเงินทองบ่าวไพร่เครื่องใช้สอย | จะนั่งลอยนวลเป็นนายนุ่งลายอย่าง |
ขี่แต่เรือเก๋งพั้งลงนั่งกลาง | ไปตามทางแถงชลมีคนพาย |
ทีติดพันกันอยู่ก็ชูชื่น | ไม่นึกอื่นนึกจะมี แต่ที่หมาย |
ทีมีแล้วฉำเฉื่อยเรื่อยสบาย | ค่อยเว้นวายโศกเศร้าเบาหัวใจ |
กระทำมาหากินภิญโญยิ่ง | มีลูกหญิงลูกชายหมายอาศัย |
ทีไม่มี ฝั่งฝาให้อาลัย | เหมือนกับใจของฉันที่พรรณนา |
คิดถึงนุชสุดรักให้หนักอก | น้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา |
สักเมื่อไรจะได้แนบแอบอุรา | ละห้อยหาโศกศัลย์รำพันคราง |
ถึงเดือนแปดแดดอับพยับฝน | ฤดูดลพระวษาเข้ามาขวาง |
จวนจะบวชเป็นพระสละนาง | อยู่เหินห่างก็เห็นกันเมื่อวันบุญ |
ประดับพุ่มบุปผาพฤกษากระถาง | รูปแรดช้างโคควายขายกันวุ่น |
ตุ๊กตาหน้าพราหมณ์งามละมุน | ต้นพิกุลลิ้นจี่ดูดีจริง |
ต้นไม้ทองเสาธงหงส์ขี้ผึ้ง | คู่สลึงเขาขายพวกชายหญิง |
อุณรุทยุดกินนรชะอ้อนพริ้ง | มีทุกสิ่งซื้อมาบูชาพระ |
ขึ้นกุฎีที่รักรู้จักสนิท | ดัดจริตพูดจาวิสาสะ |
พระหนุ่มหนุ่มกลุ้มใจทำไมละ | เสียงจ๋าจ๊ะเจราจาพาสบาย |
ถ้าญาติโยมจริงจริงแล้วนิ่งเฉย | มิใคร่เงยหน้าปัญญาหาย |
ไม่พูดมากพาดพิงให้พริ้งพราย | ดูเราะรายเรียบร้อยกระช้อยชด |
พรรษาหนึ่งสองพรรษาไม่ผาสุก | เข้าบ้านกรุกเลยลาสิกขาบท |
เหมือนน้ำอ้อยย่อยถูกจมูกมด | ใครจะอดได้เล่าพวกชาวเรา |
นึกคะนึงถึงนางกลางพรรษา | แต่คอยหาเช้าเย็นไม่เห็นเขา |
เที่ยวฟังเทศน์มิได้ขาดดูลาดเลา | เห็นแต่เขาคนอื่นไม่ชื่นตา |
นั่งพับเพียบเรียบร้อยน้อยไปหรือ | ประนมมือฟังธรรมเทศนา |
ที่ฟังจริงนิ่งตรับจนหลับตา | บ้างก้มหน้าฟังไปมิได้เงย |
ทีฟังเล่นเห็นกันเป็นขวัญเนตร | ไม่ฟังเทศน์เอาบุญแม่คุณเอ๋ย |
มานั่งเล่นตากันฉันไม่เคย | ไม่สิ้นเลยเหล่าตะกรามกามคุณ |
ทีท่านแก่แก่ตัวยังชั่วดอก | หมายจะออกห่างเหจากเมถุน |
ท่านอยากบวชสวดมนต์ขนเอาบุญ | ทีแรกรุ่นนี่แหละร่านรำคาญใจ |
ด้วยความรักหนักเหลือดังเรือเพียบ | จนน้ำเลียบแคมแล้วแจวไม่ไหว |
ถ้าผ่อนของขึ้นเสียบ้างยังชั่งใจ | แจวไปไหนไปได้ไม่หนักแรง |
โอ้โอ๋อกชาวเราเหล่าหนุ่มหนุ่ม | อยากใคร่สุ่มปลาหนองส่องแสวง |
ตัวฉันเล่าเฝ้าคลั่งด้วยยังแคลง | จะพลิกแพลงไปอย่างไรก็ไม่รู้ |
โอ้ไฉนจะได้สมอารมณ์รัก | ใครช่วยชักฉันจะไหว้ให้หัวหมู |
ยิ่งร้อนใจใจคอให้หมอดู | ว่าขัดคู่หนักหนายิ่งอาดูร |
ถึงเดือนเก้าเศร้าสร้อยละห้อยหา | พระจันทราวันดับก็อับสูญ |
แต่โศรกเศร้าเราเสริมขึ้นเพิ่มพูน | ไม่อับสูญไปบ้างเหมือนอย่างเดือน |
ไม่ได้ชมโฉมศรีไม่มีสุข | จะเปรียบทุกข์กับอะไรก็ไม่เหมือน |
ถึงจะมีข้าวของสักห้องเรือน | ไม่ชื่นเหมือนมีรักสักราตรี |
ถึงเดือนสิบเห็นกันเมื่อวันสารท | ใส่อังคาสโภชนากระยาหาร |
กระยาสารทกล้วยไข่ใส่โตกพาน | พวกชาวบ้านถ้วนหน้ามาธารณะ |
ถ้างามคมห่มสีชุลีนบ | แล้วจับจบทัพพีน้อมศีรษะ |
หยิบข้าวของกระยาสารทใส่บาตรพระ | ธารณะเสร็จสรรพกลับมาเรือน |
พอลับเนตรเชษฐาอุราร้อน | แสนอาวรณ์โหยให้ใครจะเหมือน |
ไม่รู้ที่จะวานใครไปตักเตือน | ให้มาเยือนเยี่ยมพี่ถึงที่นอน |