เพราะกองกรรมจำคลาดนิราศนาง | ทุเรศร้างรสรักหนักอุรา |
เมื่อวันลงเรือใหญ่หัวใจหาย | แสนเสียดายมิ่งมิตรขนิษฐา |
ชลนัยน์ไหลหลั่งดังธารา | พี่ก้มหน้าครวญครางมากลางเรือ |
แล้วเหลียวแลดูเมืองเรืองระหง | ของพระองค์แสนสุขสนุกเหลือ |
บริบูรณ์พูนเกิดทั้งข้าวเกลือ | ก็เอื้อเฟื้อยิ่งกว่าทุกธานี |
พร้อมด้วยปรางปราสาทราชฐาน | โอฬาฬารล้ำเลิศประเสริฐศรี |
ดังวิมานเมืองฟ้าสง่าดี | ย่อมเป็นที่ทัศนามหาชน |
วัดพระแก้วมรกตก็สดใส | งามวิไลเลิศฟ้าเวหาหน |
โอ้แต่นี้ที่ไหนจะได้ยล | จะเที่ยวทนทุกข์ไปเสียไกลครัน |
ลาพระแก้วแล้วลามหากษัตริย์ | อันเป็นฉัตรกรุงไกรไอศวรรย์ |
ให้พระองค์อยู่เย็นไม่เว้นวัน | กระหม่อมฉันจะไปภัยอย่ามี |
ให้ได้กลับมารับขวัญที่ฉันรัก | อย่ารู้จักห่างหากกระดากหนี |
ให้น้องน้อยคอยท่าสักห้าปี | ขอเดชะพระบารมีพระภูวนัย |
ครั้นเสร็จคำร่ำฝากออกจากท่า | จนเวลารุ่งรางสว่างไสว |
ได้ฤกษ์งามยามพฤหัสกำจัดภัย | ก็ล่องไปจากท่าหน้าวัดโพธิ์ |
ถึงตลาดท้องน้ำระกำหวน | พี่ซมซานซูบพักตร์ลงอักโข |
ด้วยเป็นห่วงบ่วงใยนั้นใหญ่โต | หัวอกโอ้เจียนจะแยกออกแตกตาย |
ยิ่งคิดไปใจคอให้หดหู่ | ชำเลืองดูแถวตลาดไม่ขาดขาย |
เห็นพวกแพแม่ค้านาวาพาย | ออกเกียกกายเยียดยัดอยู่อัดแอ |
โอ้ทีนี้เช้าเย็นไม่เห็นตลาด | จะนิราศแรมร้างไม่ห่างแห |
เมื่อไรเลยจะได้มาเห็นหน้าแพ | จะเห็นแต่คงคากับปลาวาฬ |
วิตกพลางทางมาถึงสามปลื้ม | มิได้ลืมรสรักสมัครสมาน |
ยังปลื้มปลาบซาบใจอาลัยลาน | ถึงไปนานก็ไม่ลืมแม่ปลื้มใจ |
ถึงสำเพ็งเล็งแลแพตลาด | ไม่เห็นยอดกัลยานิจจาเอ๋ย |
เห็นคนอื่นก็ไม่ชื่นเหมือนคนเคย | พี่เมินเฉยชมเหล่าสำเภาราย |
โอ้สำเภาเหล่านี้ถึงปีเข้า | บรรทุกเอาสินค้าเข้ามาขาย |
พี่เคยซื้อของเล่นไม่เว้นวาย | โอ้เสียดายที่จะไปกับสำเภา |
ถึงคอกควายท้ายบ้านละลานเหลียว | ยิ่งลอยเลี้ยวลับเมืองให้เคืองหมอง |
จนพ้นหลักปักเขตสังเกตปอง | นาวาล่องตามลำแม่น้ำไป |
ถึงสำเหร่นึกหวาดขยายผี | ด้วยเป็นที่ฆ่าคนริมชลไหล |
ล้วนป่าเตยเคยแลดูแต่ไกล | พลางครรไลล่องมาไม่ช้านาน |
กระทั่งถึงดาวคะนองริมคลองน้อย | แม่ค้าลอยขายของร้องประสาน |
บ้างก็หยุดจัดของที่ต้องการ | น่าสงสารสาวสาวที่ชาวบาง |
รู้ค้าขายพายล่องออกคล่องแคล่ว | เสียงเจื้อยแจ้วฝีปากพูดถากถาง |
พี่เมินเฉยเลยตรงถึงน้องนาง | จนเรือห่างเหินมาในสาคร |
ถึงวัดราชบูรณะระยะสวน | เห็นแต่ ล้วนมิ่งไม้ใบสลอน |
บ้างคลี่ดอกออกช่ออรชร | แมลงภู่ฟอนเรณูดูกระจาย |
พี่เพ่งพิศคิดถึงคะนึงน้อง | ไปตามท้องวังวนชลสาย |
เห็นบ้านช่องสองฟากนั้นมากมาย | สังเกตหมายคุ้งคดกำหนดมา |
ถึงบางผึ้งผึ้งลงที่ตรงไหน | พี่แลไปไม่เห็นผึ้งคะนึงหา |
ถ้าเห็นแล้วจะทึ้งหัวน้ำผึ้งมา | ละลายยาแก้โรคที่โศกใจ |
มาถึงด่านด่านเรียกให้เรือหยุด | แล้วรีบรุดมาในลำแม่น้ำไหล |
ต้องเดินอ้อมค้อมคดรันทดใจ | มิได้ไปทางลัดน่าขัดเคือง |
ถึงบางขมิ้นพี่คะนึงถึงขมิ้น | ที่ยุพินขัดสีฉวีเหลือง |
สำอางเอี่ยมเรียมพิศเป็นนิตย์เนือง | งามประเทืองทั้งกายไม่หายงาม |
ถึงบางยอยอใครทีไหนหนอ | ได้ยินยอแล้วก็จิตพี่คิดขาม |
คะนึงถึงน้องหญิงให้กริ่งความ | กลัวจะตามลูกยอเขาปร๋อไป |
มาถึงช่องอินทรีทวีโศก | แสนวิโยคยลป่าพฤกษาไสว |
สิ้นประเทศเขตสวนด่วนครรไล | รันทดใจดังจะดิ้นสิ้นชีวา |
ถึงศาลเจ้าพระประแดงแสยงเกล้า | นึกกลัวเจ้าพระประแดงหนักหนา |
บนศาลศรีมีเศียรของกุมภา | แต่พันตาพันวังหัวฝังดิน |
พระประแดงแข็งกล้าเจ้าข้าเอ๋ย | ขอลาเลยลับไปดังใจถวิล |
ช่วยป้องกันกุมภาในวาริน | อย่าให้กินชาวบ้านชานบุรี |
มาตะบึงลุถึงพระโขนง | น้ำก็ลงเรือก็ล่องยิ่งหมองศรี |
ดูพวกเพื่อนทั้งหลายสบายดี | แต่ตัวพี่โศกศัลย์ถึงขวัญตา |
ถึงสำโรงเห็นโรงเจ้าภาษี | ไม่เห็นมีสำโรงโกงนักหนา |
เห็นแต่นกกาน้ำลงดำปลา | แล้วพาโบกบินไปกินรัง |
อนิจจาปลาว่ายอยู่ในน้ำ | นกยังดำกินได้ดังใจหวัง |
ก็เพราะปลาว่ายไม่ระวัง | จนพลาดพลั้งตัวตายวายชีวา |
ถึงนครเขื่อนขันธ์ตะวันบ่าย | ระกำกายตรึกตรองถึงน้องหญิง |
เป็นปืนใหญ่นึกจะยื่นให้ปืนยิง | ปืนก็นิ่งพี่ก็นั่งประทังตน |
ทัศนาธานีเห็นพิลึก | พวกข้าศึกเสียวแสยงทุกแห่งหน |
ถึงใครประจักหักโหมโจมประจญ | คงจะป่นลงกับปืนไม่คืนมือ |
ป้อมปราการต่อกันเป็นคันขอบ | ช่องปืนรอบเรียบร้อยน้อยไปหรือ |
พระญามอญกินเมืองย่อมเลื่องลือ | ประทานชื่อยศนามตามตระกูล |
พระทรงภพตบแต่งไว้แข่งขัน | คอยป้องกันไพรินไม่สิ้นสูญ |
ทั้งชีพรมหมณ์ไพร่ฟ้าไม่อาดูร | ก็เพิ่มพูนผาสุกสนุกสบาย |
มาถึงบางหัวเสือพี่เหลือพรั่น | ให้หวั่นหวั่นหวาดเสือริบเรือหนี |
ไม่หยุดหย่อนจรมาในวารี | ถึงเจดีย์กลางน้ำพอค่ำเย็น |
พี่นั่งนบอภิวาทพระธาตุบรรจุ | ว่าสาธุช่วยดับระงับเข็ญ |
ให้ฉันว่างวิญญาน้ำตากระเด็น | อย่าให้เป็นทุกข์โศกมีโรคภัย |
รำพันแล้วแคล้วคลาดลีลาศล่อง | มาตามท้องคงคาชลาไหล |
เห็นเมืองสมุทรปราการอันชาญชัย | พระภูวไนยสร้างสรรไว้ มั่นคง |
ดูสง่าหนาแน่นแสนสาหัส | เห็นถนัดหอคอยลอยระหง |
มีเชิงเทินเดินพลรณรงค์ | กำแพงวงป้อมคูดูพิลึก |
มีปืนใหญ่ใส่ประจำไว้ทุกช่อง | จะคอยปองล้างผลาญสังหารศึก |
ถึงเมืองไหนจะราญทำหาญฮึก | มิได้นึกพรั่นจิตสักนิดเดียว |
ถูกแต่ปืนปากน้ำจะคว่ำซุด | คงม้วยมุดเป็นวงลงประเดี๋ยว |
ไม่ต้องรบยืดยาวให้กราวเกรียว | พริบตาเดียวก็สิ้นไพรินราญ |
ถึงอกเต่าอ่าวสมุทรดูสุดเนตร | พระสุริเยศดวงดับลับพฤกษา |
ก็หยุดจอดทอดสมอรอนาวา | กินข้าวปลาสรรเสร็จสำเร็จการ |
พวกเพื่อนฝูงมากหลายชายทั้งนั้น | พัลวันนั่งลุกสนุกสนาน |
บ้างนั่นล้อมตาเฒ่าเล่านิทาน | ต่างสำราญสรวลเสเสียงเฮฮา |